“ข้าได้ยินเสียงของเจ้าแล้ว”
ฮวาหั่วพูดด้วยความตื่นเต้น
“ในชั้นที่หนึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดอยู่
พวกเจ้าจะขึ้นไปยังชั้นที่สองหรือไม่?” กิเลนฟ้าถามขึ้นมา
“อาจารย์เอี่ยนเก๋อบอกว่าหากสามารถทำพันธสัญญาเสร็จก็สามารถที่จะขึ้นไปทดสอบได้
หากไม่ไหวให้รีบกลับลงไป เนื่องจากยังมิได้ฝากชะตาวิญญาณเอาไว้” ตู่ซื่อคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราลองขึ้นไปที่ชั้นที่สองกันดูก่อน
ตอนนี้พวกเราบรรลุระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สามกันแล้ว
ในชั้นที่สองคงจะไม่ลำบากมากนัก” ฮวาหั่วพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินขึ้นไปยังชั้นที่สอง
มีจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากห้องชั้นที่สองอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ด้านในจะมีความแข็งแกร่งระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สาม
ผู้ที่สามารถผ่านไปได้ คือผู้ที่มีระดับพลังเกินกว่าขั้นที่สามขึ้นไป
“เจ้าจงระวังตัวด้วย”
ตู่ซื่อพูดพร้อมกับใช้กิเลนคลุมสวรรค์ห่อหุ้มร่างกายของทั้งสองคนเอาไว้
แม้ว่าจะสิ้นเปลืองพลังสวรรค์ไม่น้อย แต่ตู่ซื่อก็ไม่ประมาท
เมื่อเข้าไปในห้อง
ตู่ซื่อและฮวาหั่วมองเห็นหนูสีขาวขนาดใหญ่พอ ๆ กับเสืออยู่ตัวหนึ่ง
ที่เท้าของมันมีเล็บอันแหลมคม
“หนูเช่นนั้นหรือ เหตุใดข้าจึงรู้สึกแปลก
ๆ ?”
กิเลนฟ้าพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น
หนูยักษ์ก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับกรงเล็บของมันอย่างรวดเร็ว ตู่ซื่อหลบไปทางด้านข้าง
ส่วนฮวาหั่วกระโดดขึ้นไปด้านบน เมื่อเห็นดังนั้น
หนูยักษ์ตัวนี้จึงหันไปทางตู่ซื่อทันที
แก๊งง!
กรงเล็บจองมันถูกขวางเอาไว้ด้วยกิเลนคลุมสวรรค์ จึงไม่อาจสร้างบาดแผลให้กับตู่ซื่อได้ ส่วนฮวาหั่วที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ม้วนตัวลงมาเหยียบเจ้าหนูยักษ์ทันที
กรงเล็บจองมันถูกขวางเอาไว้ด้วยกิเลนคลุมสวรรค์ จึงไม่อาจสร้างบาดแผลให้กับตู่ซื่อได้ ส่วนฮวาหั่วที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ม้วนตัวลงมาเหยียบเจ้าหนูยักษ์ทันที
ตูม!
ด้วยแรงเหยียบของฮวาหั่ว หนูยักษ์ก็สลายไปในทันทีและกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังสวรรค์ให้ตู่ซื่อและฮวาหั่วดูดซับ
ด้วยแรงเหยียบของฮวาหั่ว หนูยักษ์ก็สลายไปในทันทีและกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังสวรรค์ให้ตู่ซื่อและฮวาหั่วดูดซับ
“มิน่าเล่า
มันเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังสวรรค์ที่ถูกก่อรูปขึ้นมา
หากสามารถสังหารมันได้ก็จะกลายเป็นพลังสวรรค์ให้ดูดซับได้” กิเลนฟ้าพูดขึ้นมา
“เป็นพลังสวรรค์ที่หนาแน่นพอ ๆ
กับศิลาจิตวิญญาณหนึ่งก้อนเลยทีเดียว” ตู่ซื่อพูดขณะที่ดูดซับพลังสวรรค์เข้าไป
“ลองขึ้นไปอีกชั้นได้หรือไม่?”
ฮวาหั่วหันไปถามตู่ซื่อ ตอนนี้นางรู้สึกสนุกไม่น้อย
“ตกลง”
ตู่ซื่อพยักหน้าพร้อมกับเดินขึ้นไปยังชั้นที่สาม
ภายในชั้นที่สาม
ปรากฏว่ามีวัวตัวสีขาวขนาดใหญ่อยู่ แม้ว่าจะไร้เขี้ยวเล็บ แต่เขาบนหัวของมันช่างดูแหลมคมยิ่งนัก
“จากหนู ก็เป็นวัว นี่มันหอคอยสิบสองนักษัตรหรืออย่างไร?”
กิเลนฟ้าพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเยาะ
“ฮวาหั่วหยุดมันไว้ให้ข้าที”
ตู่ซื่อพูดหลังจากที่เห็นวัวสีขาวก้มหัวพุ่งเข้ามา
ได้ยินเช่นนั้นฮวาหั่วที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วย
วรยุทธกิเลนคลุมสวรรค์ ก็ยืนตั้งรับเอาไว้
โดยใช้มือทั้งสองข้างจับเขาของวัวยักษ์เอาไว้
“หลบไป!”
ตู่ซื่อตะโกนบอกพร้อมกับต่อยหมัดที่ห่อหุ้มไปด้วยพลังสวรรค์
“กิเลนทะลวงสวรรค์”
เมื่อได้ยินเสียงของตู่ซื่อฮวาหั่วก็กระโดดขึ้นไปด้านบนทันที
หมัดของตู่ซื่อต่อยเข้าที่หัวของวัวยักษ์ จากนั้นมันก็แตกสลายกลายเป็นพลังสวรรค์ให้ทั้งสองคนดูดซับ
ด้วยพลังที่ดูดซับมา
ทำให้ตู่ซื่อและฮวาหั่วใกล้ที่จะบรรลุระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สี่แล้ว
“เราจะหยุดแค่ตรงชั้นที่สามนี้
จนกว่าจะออกเดินทางไปหากิเลนเพลิง” ตู่ซื่อพูดขึ้นมา
หากฮวาหั่วได้ผสานเข้ากับกิเลนเพลิง การผ่านตำหนักขั้นสูงกว่านี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก
“แต่ว่า...” ฮวาหั่วยังต้องการที่จะขึ้นไปอีกชั้น
แต่ก็หยุดคำพูดไว้ นางรู้ว่าตู่ซื่อนั้นเป็นห่วงนาง จึงตัดสินใจเช่นนี้
นางจึงยอมที่จะเชื่อฟัง
“หลังจากจบชั้นเรียนในวันนี้
พวกเราจะไปซื้ออาหารและออกเดินทางในทันที” ตู่ซื่อพูดขึ้นมา
“ตกลง!” ฮวาหั่วตอบรับด้วยความยินดี
“ข้านั้นตรวจสอบแผนที่แล้ว
ข้าพอที่จะหาเส้นทางที่หลีกเลี่ยงเหล่าอสูรได้
ในตอนนี้พวกเจ้าสามารถรับมือกับอสูรระดับชะตาสวรรค์ได้
แต่หากเจอกับพวกระดับดาราสวรรค์ก็คงต้องพยายามหลบหนีไปเพียงเท่านั้น” กิเลนฟ้าพูดขึ้นมา
หลังจากที่ออกมาจากตำหนักชะตาสวรรค์
ตู่ซื่อและฮวาหั่วพบว่าคนอื่น ๆ ก็ยืนรออยู่แล้ว
พวกเขานั้นไม่มีใครที่กล้าขึ้นไปยังชั้นที่สอง
“เมื่อพวกเจ้าออกมากันครบแล้ว
จากนี้ไปคนที่บรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สอง สามารถนำชะตาวิญาณของพวกเจ้าไปฝากไว้ที่ห้องโถงวิญญาณได้
และจะได้รับอนุญาติให้ออกไปยังโลกภายนอกได้
แต่จงจำไว้โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยอสูรที่แข็งแกร่งมากมาย
จงจัดสินใจให้ดีก่อนที่จะก้าวเท้าออกไป”
อาจารย์เอี่ยนเก๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“พวกข้าเข้าใจแล้ว” เหล่าศิษย์ที่ผ่านการทำพันธสัญญาแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน
หลังจากนั้นอู่หมิงและมี่เฟิ่นหงก็เดินมาหาตู่ซื่อและฮวาหั่ว
เขาถามขึ้นมาว่า
“หลังจากที่ฝากชะตาวิญญาณแล้ว
พวกเจ้าจะออกเดินทางเลยใช่หรือไม่?”
“ถูกต้องแล้ว
เจ้ามีสิ่งใดที่จะแนะนำข้าเช่นนั้นหรือ?” ตู่ซื่อถามด้วยความสงสัย
“เจ้าจงอย่าลืมว่า เมื่อถูกสังหารที่โลกภายนอก
สมบัติที่ติดตัวพวกเจ้าจะสูญหายไปด้วย
ก่อนออกเดินทางอย่าได้ลืมนำศิลาจิตวิญญาณและสมบัติอื่นใดที่เจ้ามี
ไปฝากไว้ที่ร้านแลกเงิน แม้จะเสียค่าฝากบ้าง
แต่ก็ปลอดภัยกว่าการนำติดตัวออกไปทั้งหมด” อู่หมิงอธิบาย
“ข้าเข้าแล้วแล้ว ขอบใจเจ้ามาก” ตู่ซื่อตอบกลับไป
หลังจากที่นำชะตาวิญญาณไปฝากไว้ที่ห้องโถงวิญญาณและซื้ออาหารเตรียมเอาไว้
ตู่ซื่อและฮวาหั่วก็นำศิลาจิตวิญญาณไปฝากไว้ที่ร้านแลกเงิน
จากนั้นก็ออกเดินทางไปยังหุบเขาแห่งเทพทันที
เส้นทางที่ต้องเดินทางไปนั้น แม้ว่าจะไม่ไกลนัก
แต่ก็ต้องผ่านป่าทึบที่เต็มไปด้วยอสูรมากมาย
กิเลนฟ้าพยายามหลบเลี่ยงให้พบกับพวกอสูรน้อยที่สุด ในคืนนั้นพวกเขาก็แวะพักกลางป่า
ตู่ซื่อให้ฮวาหั่วนอนพักที่บนต้นไม้ ส่วนเขาคอยเฝ้าระวังให้
ในคืนนั้นมีเพียงสัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ ที่ผ่านมา เมื่อตู่ซื่อใช้ลมปราณข่มขู่พวกมันก็หลบหนีไป
เช้าวันต่อมา ทั้งสองคนก็รีบออกเดินทางไปจนถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง
“พวกเจ้าระวังตัวให้ดี
นางไม่เป็นมิตรกับมนุษย์อย่างแน่นอน” กิเลนฟ้าเตือนทั้งสองคน
“ไม่มีหนทางที่เจ้าจะคุยกับนางได้เช่นนั้นหรือ?”
ตู่ซื่อถามออกไป
“หนทางนั้นก็มีอยู่
แต่ว่านางจะยอมทนฟังหรือไม่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” กิเลนฟ้าพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“เจ้าพวกมนุษย์ พวกเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด?”
มีเสียงดังออกมาจากด้านบนถ้ำ
เป็นกิเลนที่ตัวสีเหลืองทองร่างกายปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดง
“ช้าก่อน!” ตู่ซื่อรีบพูดออกไป แต่ก็ช้าเกินไป
กิเลนเพลิงพุ่งเข้าโจมตีทันที ตู่ซื่อและฮวาหั่วกระโดดหลบไปคนละทาง
กรงเล็บของกิเลินเพลิงพุ่งไปยังก้อนหินแทน
ก้อนหินนั้นลุกไหม้และแตกสลายเป็นเศษหินก้อนเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว
“นี่มันกลิ่นอายของกิเลนฟ้า
นี่เจ้าสังหารเขาและผสานเข้ากับจิตอสูรของเขาใช่หรือไม่”
กิเลินเพลิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ฮวาหั่วรีบตะโกนออกไป
กิเลนเพลิงไม่ยอมฟังผู้ใดดั่งที่กิเลนฟ้าบอกจริง ๆ
“ผสานดวงจิตกิเลนฟ้า!”
ตู่ซื่อรีบผสานร่างเข้ากับกิเลนฟ้าทันที และให้กิเลนฟ้าเป็นผู้ควบคุมร่างกายของเขา
“หึ นี่หรือที่เจ้าบอกว่าข้าเข้าใจผิด”
กิเลนเพลิงเห็นร่างของตู่ซื่อที่ผสานเข้ากับกิเลนฟ้าก็ยิ่งโกรธแค้นยิ่งขึ้น
ร่างกายของนางลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความแค้น ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ
ลุกไหม้โดยที่นางมิได้สัมผัสโดนเลยแม้แต่น้อย นางกำลังคิดที่จะพ่นเพลิงกิเลนนรกออกมา
เป็นเปลวไฟจากนรกที่แผดเผาได้ทุกสิ่ง
กิเลนฟ้าเห็นเช่นนั้น
จึงรีบพุ่งไปด้านข้างของกิเลนเพลิงและชนกิเลนเพลิงให้เสียหลักล้มลง
ก่อนที่จะพูดออกไป
“กิเลนเพลิงนี่ข้าเอง ข้ายังมิได้ถูกสังหาร”
“กิเลนฟ้า! หากเจ้ายังไม่ถูกสังหารแต่เหตุใดเจ้าคนผู้นั้นจึงผสานกับเจ้าได้เช่นนี้”
กิเลนเพลิงถามออกไป เปลวไฟของนางเริ่มมอดลงเล็กน้อย
“เจ้าใจเย็นก่อน ข้านั้นถูกพวกมนุษย์จับไป
แต่เจ้าคนผู้นี้ช่วยเหลือข้าออกมา โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่า
ข้าจะต้องอาศัยอยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขาเป็นเวลาห้าสิบปี” กิเลนฟ้าค่อย ๆ
อธิบาย
เมื่อได้ยินคำพูดของกิเลนฟ้า กิเลนเพลิงก็ค่อย ๆ
สงบลง
“ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกจับไป
ข้าก็มารอเจ้าที่ถ้ำแห่งนี้ทุกวัน” กิเลนเพลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
“ครอบครัวของเจ้าเล่า อยู่ที่ใดกัน?”
กิเลนฟ้าถามออกไป กิเลนเพลิงนั้นมีพี่น้องอีกสองตน
“พวกนิกายเทพอสูร บุกมาและขอให้พวกข้า เข้าร่วมกับพวกมัน
เมื่อพวกข้าปฏิเสธมันจึงสังหารพี่น้องของข้าจนหมด มีเพียงข้าที่หลบหนีมาได้”
กิเลนเพลิงพูดพร้อมกับร้องไห้และพูดต่ออีกว่า
“หากข้าต้องรอเจ้าห้าสิบปี
วันนี้เผ่าพันธ์กิเลนคงสูญสิ้นไปแล้ว
บัดนี้เผ่าพันธ์กิเลนเหลือเพียงแค่เจ้ากับข้าเท่านั้น ในดินแดนแห่งนี้”
“การที่พวกข้าดั้นด้นมาหาเจ้า
เนื่องจากข้านั้นฝึกวรยุทธกิเลนสวรรค์ แต่ข้าไม่มีกิเลนสถิตอยู่ในร่าง
หากเจ้ายอมที่จะอาศัยอยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของข้า
เมื่อถึงเวลาที่กิเลนฟ้าจะถูกปลดปล่อย ข้าก็จะปล่อยเจ้าออกไปอยู่ร่วมกัน” ฮวาหั่วพูดความตั้งใจออกไป
“ข้าจะได้ประโยชน์อันใด
หากอาศัยอยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของเจ้า” กิเลนเพลิงพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“กิเลนเพลิงจงฟังข้า
เมื่อเจ้าสถิตอยู่ในร่างของนาง เจ้ากับข้าก็จะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง
เนื่องจากห้วงขอบเขตวิญญาณของทั้งสองคนเชื่อมต่อกัน และหากเจ้ากับข้าช่วยเหลือมนุษย์สองคนนี้
ก็จะช่วยล้างแค้นพวกนิกายเทพอสูรให้แก่ครอบครัวของเจ้า” กิเลนฟ้าพูดออกไป
“ข้าขอสาบานต่อฟ้าดิน ข้าจะช่วยเหลือเจ้าในการล้างแค้นพวกนิกายเทพอสูร
และจะปลดปล่อยเจ้าออกไปยามที่เจ้าต้องการ
หากไม่เป็นเช่นนั้นขอให้ฟ้าดินลงโทษให้ถูกเผาไหม้ด้วยเพลิงแห่งสวรรค์”
ฮวาหั่วยกมือสาบานเอ่ยคำมั่น
“ข้านั้นอาศัยอยู่กับพวกเขามาระยะเวลาหนึ่ง
พวกเขานั้นเชื่อใจได้ หากเราได้อยู่ร่วมกันในห้วงขอบเขตวิญญาณของพวกเขา
เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกผู้ใดสังหาร และหากทั้งสองคนมีพลังรุดหน้าขึ้น
พวกเราก็จะเติบใหญ่ขึ้นเช่นกัน” กิเลนฟ้าพูดขึ้นมา
“ถ้าหากเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็จะเชื่อเจ้า”
กิเลนเพลิงพูดขึ้นมา
“เจ้าจงนำเลือดของเจ้ามาให้ข้า
ข้าจะเป็นผู้ผนึกเจ้าไว้ในตัวของเขาเอง” กิเลนฟ้าพูดขึ้นมา
เดิมทีแล้วการผนึกอสูรไว้ในร่างมนุษย์เป็นองค์ความรู้ของอสูรชั้นสูง
กิเลนฟ้าเองก็ไม่รู้ว่าเนี่ยลี่รู้ถึงเทคนิคนี้ได้อย่างไร
กิเลนฟ้านำเลือดของกิเลนเพลิงมาเขียนจารึก
และนำไปเขียนบนหน้าผากของฮวาหั่ว
ปรากฏเส้นแสงสายใยขึ้นระหว่างกิเลนเพลิงและฮวาหั่ว จากนั้นกิเลนเพลิงก็ค่อย ๆ
จางหายเข้าไปในร่างของฮวาหั่วทันที
จากนั้นกิเลนฟ้าก็คลายการผสานร่างกับตู่ซื่อ และเข้าไปหากิเลนเพลิงในห้วงขอบเขตวิญยาณ
ทั้งสองคลอเคลียกันด้วยความคิดถึงอยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณ
ทันใดนั้น
ก็มีเผ่าอสูรจากนิกายเทพอสูรโผล่มาสองตน พวกมันนั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สี่และขั้นที่ห้า..............จบตอน