“ต้วนเจี้ยนเจ้าจงรีบเดินทางไปเมือกลอรี่ และแจ้งแก่ท่านเอียมัวว่า
อีกไม่นานพวกข้าจะตามกลับไป ฝากเจ้าดูแลตรงประตูเมือง
จงอย่าให้ผู้ใดที่คิดร้ายแก่เมืองกลอรี่เข้าไปในเมืองได้” เนี่ยลี่หันไปบอกกับต้วนเจี้ยน ในตอนนี้ต้วนเจี้ยนเป็นผู้ที่มีพลังสูงสุดและ
บินได้รวดเร็วที่สุด
“ขอรับ
นายท่าน” ต้วนเจี้ยนกางปีกออก และบินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาจะต้องปกป้องเมืองกลอรี่ตามคำสั่งของเนี่ยลี่เอาไว้ให้ได้
“พวกเราควรจะรีบเดินทางไปยังเมืองกลอรี่ก่อน
จากนั้นค่อยคุยกันอีกที” เอียเซิ่งเสนอออกไป เขาก็เป็นห่วงเมืองกลอรี่เช่นกัน
“ข้าเองก็เห็นด้วยกับท่านพ่อตา เรารีบออกเดินทางกันได้แล้ว”
เนี่ยลี่พูดสนับสนุน
“หากเจ้าพูดเช่นนั้น
ข้าก็ตกลง” จ้าวนครใต้พิภพลุกขึ้น เขาเองก็บ่มเพาะพลังเพื่อฟื้นฟูชะตาวิญญาณ
แม้ว่าจะยังไม่บรรลุระดับเดิมได้ แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด
เมืองกลอรี่
ต้วนเจี้ยนเข้าไปรายงานต่อท่านเอียมัวในทันที
“เจ้าพูดเช่นใดนะ
หลานข้าจะเดินทางกลับมาพร้อมกับลูกข้าเช่นนั้นหรือ?”
เอียมัวพูดด้วยความยินดี เกือบสองปีที่ผ่านมาเขารู้สึกคิดถึงเอียเซิ่ง
และจื่ออวิ๋นยิ่งนัก
“ถูกต้องขอรับ
นายท่านเนี่ยลี่ให้ข้ามาช่วยคุ้มครองเมืองกลอรี่ก่อน
เนื่องจากอาจจะมีผู้ที่คิดร้าย
คนผู้นั้นได้ทำการสังหารจ้าวนครใต้พิภพผู้เป็นอาจารย์ของนายท่านไป
นายท่านเนี่ยลี่เกรงว่าเมืองกลอรี่จะเป็นเป้าหมายต่อไปของคนผู้นั้น”
ต้วนเจี้ยนอธิบายเหตุผลในการรีบเดินทางมาของเขา
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน
จึงได้คิดร้ายต่อนครใต้พิภพและเมืองกลอรี่เช่นนี้ แต่เจ้ารู้ไหมว่า
บัดนี้เมืองกลอรี่นั้นแข็งกล้าเพียงใด มีร่างทรงอสูรและนักสู้ระดับตำนานอยู่นับสิบคน
ด้วยฝีมือเจ้าหลานเขยของข้า” เอียมัวพูดขึ้นด้วยความภูมิใจ
ในเวลานี้เมืองกลอรี่หาได้อ่อนแอเช่นในอดีตอีกแล้ว
“ท่านคงไม่ทราบว่าศัตรูผู้นี้มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างทรงอสูรระดับตำนานนับร้อยเท่า
พันเท่า” ต้วนเจี้ยนส่ายหน้าและตอบกลับไป
“มิน่าเล่าหลานเขยจึงได้ร้อนใจรีบส่งเจ้ามา
ระดับพลังของเจ้านั้นเกินกว่าที่ข้าจะรู้จัก” เอียมัวพูดพร้อมกับพยักหน้า
“เช่นนี้ คงต้องลำบากเจ้าแล้ว” เอียมัวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกไป
“นี่เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว
เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ต้วนเจี้ยนเอ่ยลาและกางปีกอีกครั้ง ก่อนที่จะไปบินอยู่เหนือเมือง
เพื่อคอยจับตามองโดยรอบ
“นี่ข้าคงจะแก่เกินไปแล้วสินะ”เอียมัวพูดพร้อมกับมองขึ้นไปที่ต้วนเจี้ยนที่กำลังบินอยู่
วันต่อมาเนี่ยลี่และพรรคพวกได้เดินทางมาถึงเมืองกลอรี่
เมื่อเดินทางมาถึงพวกเขาก็รู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก ที่เห็นกำแพงเมืองอันแข็งแกร่ง
ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ภัยจากสัตว์อสูรคงใกล้ที่จะหมดไปจากเมืองกลอรี่แล้ว
ตำหนักเจ้าเมือง
เอียเซิ่ง
เนี่ยลี่และพวกของเขาเดินทางมาเพื่อเข้าพบกับเอียมัว โดยที่เนี่ยลี่ให้จินตานนั้นไปบินอยู่ด้านบนตัวเมืองกับต้วนเจี้ยน
โดยที่เนี่ยลี่ได้ทำสร้อยศิลาเร้นเมฆาผูกไว้ที่คอของจินตานเพื่อปกปิดระดับพลังที่แท้จริง
เอียเซิ่งนั้นคุกเข่าและคำนับท่านเอียมัวพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล
ท่านเอียมัวก็ไม่ต่างกัน เขานั้นได้เห็นจุดจบของบุตรชายต่อหน้าต่อตา
ในตอนนี้เขาได้พบกับเอียเซิ่งอีกครั้งเขาจึงอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
ท่านเอียมัวได้แจ้งว่า
ในเวลานี้ตระกูลวายุเหมันต์ ตระกูลบันทึกสวรรค์ ตระกูลปีกมังกร ตระกูลตู่
ตระกูลลู่ รวมไปถึงตระกูลจาง ตระกูลซู ตระกูลเว่ย และตระกูลเซี่ยว ที่มีทายาทบรรลุถึงระดับตำนานทั้งเก้าตระกูล
ได้กลายเป็นตระกูลหลักของเมืองกลอรี่
และตระกูลของพวกเขาต่างก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ทำให้เหล่าสหายของเนี่ยลี่นั้นยินดียิ่งนัก และได้ขอตัวกลับไปยังตระกูลก่อน
ส่วนฮวาหั่วนั้นตู่ซื่อได้พานางไปแนะนำให้แก่คนในตระกูล
เซี่ยวหยู่และจ้าวนครใต้พิภพ
พร้อมกับผู้ติดตามท่านเอียมัวได้ให้คนพาไปพักที่ห้องรับรอง
ในตอนแรกทุกคนต่างตกใจเมื่อได้เห็นจ้าวนครใต้พิภพ เนื่องจากมิได้เป็นมนุษย์ธรรมดา
เดิมทีนั้นจ้าวนครใต้พิภพนั้นเป็นถึงเทพวิญญาณที่ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งใต้พิภพ
เหมือนกับเทพธิดายู่หยาน เขาจึงมีอายุยาวนานนับหมื่นปี
มีเพียงเนี่ยลี่ที่ยังต้องการหารือกับท่านเอียมัวอยู่
และดูเหมือนว่า เสี่ยวเฟยเฟย จะไม่ได้อยู่ที่นี่ [ชื่อของนกที่มีวิญญาณของท่านบรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยานสถิตอยู่]
“เนี่ยลี่
ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะก้าวหน้าได้ถึงเพียงนี้ ระดับพลังของพวกเจ้าที่ข้าสัมผัสได้นั้น
ข้าไม่เคยรู้จักมาก่อน” เอียมัวมองไปที่เนี่ยลี่ จากนนั้นก็พูดด้วยความชื่นชม
“ท่านเอียมัวคงไม่ทราบ
ระดับพลังที่ท่านสัมผัสได้หาใช่พลังที่แท้จริงของพวกข้าไม่
พวกข้านั้นพกศิลาเร้นเมฆาเพื่อปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้ม
“หากท่านพ่อต้องการฝึก
ข้าจะเป็นผู้ถ่ายทอดแก่ท่านเอง” เอียเซิ่งพูดด้วยความลำพองใจ
นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขานั้นเหนือกว่าบิดาได้
“เจ้าลูกทรพี
ข้าจะให้หลานเขยเป็นผู้ถ่ายทอดให้ เจ้านั้นหาได้มีความจำเป็นเลยไม่”
เอียมัวแกล้งพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก พร้อมกับโบกมือปฏิเสธ
“ท่านพ่ออย่าได้พูดเช่นนั้น
เนี่ยลี่ก็เป็นลูกเขยของข้าเช่นกัน หากท่านจะรบกวนเขา ควรที่จะขออนุญาตข้าด้วย”
เอียเซิ่งพูดพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาหลังจากที่เห็นท่าทีของบิดา
“หากข้าไม่ให้กำเนิดเจ้า
เจ้าจะเติบใหญ่จนมีลูกเขยได้เช่นใดกัน” เอียมัวแย้งกลับไป แม้จะฟังดูเหมือนกับว่าทะเลาะกัน แต่ในใจของทั้งสองคนรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
นานแล้วที่พ่อลูกคู่นี้ไม่ได้โต้เถียงกันด้วยรอยยิ้มเช่นนี้
นานแล้วที่พ่อลูกคู่นี้ไม่ได้โต้เถียงกันด้วยรอยยิ้มเช่นนี้
“ท่านเอียมัวข้าจะมอบยาทิพย์และศิลาจิตวิญญาณเอาไว้ให้ท่าน
บ่มเพาะพลังสวรรค์ คงต้องรบกวนให้ท่านพ่อตาช่วยชี้แนะท่านเอียมัวด้วยแล้ว”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับนำยาทิพย์และศิลาจิตวิญญาณออกมา
“แต่หากท่านพ่อตาไม่ยอมชี้แนะแก่ท่าน
ท่านก็สามารถให้จื่ออวิ๋นชี้แนะแทนได้ขอรับ” เนี่ยลี่แกล้งพูดขึ้นมาหลังจากที่มอบยาทิพย์และศิลาจิตวิญญาณให้กับอ่านเอียมัว
“เช่นนั้นข้าจะให้หลานข้าเป็นผู้ชี้แนะ”
เอียมัวพูดอย่างอารมณ์ดี
“แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านี้ใช่หรือไม่?” เอียมัวหันมาพูดกับเนี่ยลี่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ข้าเกรงว่าผู้ที่สังหารเจ้านครใต้พิภพ
จะเป็นคนที่พวกเรารู้จักดี!”
เนี่ยลี่หลับตาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดเช่นกัน
“มันคือผู้ใดกัน?” เอียเซิ่งหันไปถามเนี่ยลี่
“เอียฮั่น!” เนี่ยลี่ตอบกลับไปด้วยท่าทีที่จริงจัง
“เจ้าเคยบอกว่า
เจ้ากับจื่ออวิ๋นได้สังหารเอียฮั่นตอนที่เดินทางไปคัดเลือกเพื่อเป็นศิษย์จ้าวนครใต้พิภพแล้วมิใช่หรือ?” เอียเซิ่งถามด้วยความสงสัย
เนี่ยลี่เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังหลังจากที่คืนชีพกลับมา
“ข้าแค่ทำให้เอียฮั่นตกลงเหวไปเท่านั้น
หาได้พบศพเขาด้วยตาไม่!” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับถอนหายใจ
ตอนที่เขาได้ยินจากสือหนิงว่า
จ้าวนครใต้พิภพ ได้สัมผัสถึงพลังในระดับชะตาสวรรค์ที่หุบเหวลึกในถ้ำของนครใต้พิภพ
เขาก็ไม่คิดถึงผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย
“แล้วเอียฮั่นสามารถบรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์ได้เช่นใดกัน?” เอียเซิ่งอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ความลับคงอยู่ที่ใต้หุบเหวนั่น
หากมีเวลาข้าคงจะลองไปตรวจสอบดู” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับถอนหายใจ
“สำหรับการบ่มเพาะพลังในระดับชะตาสวรรค์นั้น
ข้าต้องการให้มีเพียงท่านเอียมัวและท่านเอียเซิ่งเท่านั้น
ระดับพลังในขั้นนี้ไม่เหมาะสมนักสำหรับโลกใบนี้” เนี่ยลี่ได้พูดกำชับขึ้นมา
ระดับพลังที่แข็งแกร่ง ควรที่จะอยู่ในมือของผู้มีคุณธรรมและมีอำนาจในการปกครองผู้อื่นได้
“ข้าเข้าใจในเรื่องนี้ดี”
ท่านเอียมัวพยักหน้าตอบกลับไป
“ถ้าเช่นนั้น
ข้าขอตัวกลับไปยังตระกูลของข้าก่อน ข้าคงต้องขอลา”
เนี่ยลี่ประสานมือคารวะเอียมัวและเอียเซิ่ง
“ตกลง”
ท่านเอียมัวและเอียเซิ่งตอบขึ้นมาพร้อมกัน
เนี่ยลี่บินขึ้นไปหาต้วนเจี้ยน
เขายิ้มและพูดขึ้นว่า
“ขอบใจเจ้ามาก
เจ้าจะไปพักผ่อนที่บ้านของข้าหรือไม่ การตรวจตราในวันนี้เพียงพอแล้ว
หากเอียฮั่นบุกมาจริง พวกเราก็สามารถออกมารับมือได้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณนายท่าน” ต้วนเจี้ยนพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไป
“จินตานเจ้าจงไปหาต้นไม้เพื่อนอนพักไปก่อน” เนี่ยลี่หันไปบอกกับจินตาน
ระหว่างที่เดินทางไปยังตระกูลของเนี่ยลี่นั้น
เขาก็ได้เอ่ยถามต้วนเจี้ยนว่า
“ข้ายังมีเรื่องที่สงสัย
ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์เต๋าฉางบอกให้ข้าตามหาผู้ที่กลับชาติมาเกิดทั้งหก
เพื่อให้ร่วมต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์
แต่เจ้าบอกว่าเคยต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์เคียงข้างข้า หมายความว่าข้าคือหนึ่งในหกคนเช่นนั้นหรือ?”
“หาใช่เช่นนั้นไม่
หกคนที่ท่านตามหาคือเหล่าปรมาจารย์ที่บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าทั้งหกในอดีต
ส่วนการที่ข้านั้นเคยต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์เคียงข้างท่านนั้น คือในชาติภพหลังจากนั้น”
ต้วนเจี้ยนครุ่นคิดก่อนที่จะตอบกลับไป
“แล้วเจ้าจดจำสิ่งใดได้บ้าง?” เนี่ยลี่ถามต่อ
“ความทรงจำของข้าในหลายชาติภพทับซ้อนกัน
จึงทำให้ข้าตอบได้ไม่ชัดเจนนัก ที่ข้าจำได้อย่างชัดเจนคือพันธสัญญาของทั้งหกคน
ที่สาบานเอาไว้ว่าจะกลับมาร่วมมือกันต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์”
ต้วนเจี้ยนตอบกลับไป เขานั้นเวียนว่ายตายเกิดมาหลายชาติภพ
จึงมีความจำมากมายที่ทับซ้อนกันอยู่
“หากเมื่อใดที่เจ้าจดจำสิ่งใดที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็จงบอกแก่ข้า”
เนี่ยลี่พูดหลังจากที่นิ่งเงียบไป
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ต้วนเจี้ยนพยักหน้าตอบกลับไป
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็พาต้วนเจี้ยนกลับไปที่บ้านของเขา
และไปพบกับบิดามารดาของเขา และได้จัดเตรียมที่พักให้แก่ต้วนเจี้ยน เนี่ยหยู่ได้วิ่งมากอดเนี่ยลี่และพูดขึ้นว่า
“ท่านพี่เนี่ยลี่
ท่านกลับมาแล้วข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก”
“เสี่ยวหยู่ของข้าโตขึ้นมาก
ถ้าเช่นนั้นข้าคงเรียกว่าเสี่ยวหยู่ไม่ได้แล้วใช่หรือไม่?” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลูบหัวเนี่ยหยู่ด้วยความเอ็นดู
“ไม่ว่าจะเมื่อไหร่
ข้าก็เป็นเสี่ยวหยู่ของท่านพี่เนี่ยลี่เสมอ” เนี่ยหยู่พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“มีดสั้นสามเล่มที่ข้าได้มอบให้แก่เสี่ยวหยู่
เจ้าใช้งานได้คล่องหรือยัง” เนี่ยลี่ได้มอบมีดสั้นทั้งสามเล่มให้แก่เนี่ยหยู่ก่อนที่จะเดินทางไปยังอาณาจักรซากมังกร
เพื่อให้นางใช้ปกป้องตนเอง
“สำหรับมีดเพลิงสีชาด
และมีดน้ำแข็งนั้นข้านั้นสามารถใช้ได้คล่องแคล่ว ส่วนมีดไร้ลักษณ์นั้นข้ายังไม่อาจที่จะเข้าใจมันได้มากนัก”
เนี่ยหยู่ตอบกลับไป นางฝึกฝนใช้มีดทั้งสามเล่มตั้งแต่วันที่เนี่ยลี่เดินทาง
ด้วยมีดสองเล่มแรก ก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถรับมือนางได้แล้ว
“มีดไร้ลักษณ์นั้นยากที่จะเข้าใจได้
ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดลับของมันให้
เมื่อเติบใหญ่ขึ้นเจ้าจะสามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น ไร้ลักษณ์คือไร้รูป
เมื่อไร้รูปจึงไร้ทิศทาง เมื่อไร้ทิศทางจึงไม่อาจหลบเลี่ยง เมื่อไม่อาจหลบเลี่ยง
จึงไม่อาจที่จะเอาชนะ” เนี่ยลี่ค่อย ๆ พูดเพื่อให้เนี่ยหยู่จดจำ
เนี่ยหยู่สามารถจดจำได้อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้นางนั้นบรรลุระดับตำนานขั้นสูงสุดแล้ว เนี่ยลี่คิดว่าคงได้เวลาที่จะถ่ายทอดพลังในขั้นต่อไปให้แก่นาง
เมื่อนางเติบใหญ่นางจะได้ช่วยเหลือท่านเอียมัวและเอียเซิ่งปกป้องเมืองในยามที่เขาไม่อยู่
“เสี่ยวหยู่
คืนนี้เจ้าจงดูดซับพลังสวรรค์จากศิลาจิตวิญญาณก้อนนี้
พรุ่งนี้ข้าจะถ่ายทอดระดับพลังขั้นต่อไปให้แก่เจ้า”
เนี่ยลี่มอบศิลาจิตวิญญาณให้แก่เนี่ยหยู่
“ข้าเข้าใจแล้ว
พรุ่งนี้ท่านพี่เนี่ยลี่ต้องถ่ายทอดวิชาให้แก่ข้า ท่านสัญญาแล้วนะ”
เนี่ยหยู่อ้อนเนี่ยลี่อีกครั้ง
“ข้าสัญญา”
เนี่ยลี่ลูบหัวเนี่ยหยู่อีกครั้งก่อนที่เนี่ยหยู่จะรีบกลับไปดูดซับพลังสวรรค์จากศิลาจิตวิญญาณ
เมื่อคุ้นเคยกับพลังสวรรค์แล้วเนี่ยลี่จึงจะให้เนี่ยหยู่ดื่มยาทิพย์
“เติบโตขึ้นมากเลยนะเสี่ยวลี่”
เนี่ยหมิงพูดขึ้นมาด้วยความยินดี
“เจ้าทานอะไรมาหรือยัง?” เนี่ยเสี่ยวหยุนเอ่ยถาม
“ข้าไม่หิวขอรับท่านแม่”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป เขามีความสุขยิ่งนักที่ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว
“เจ้าจะกลับมาพักอยู่นานหรือไม่?” เนี่ยไค่ถามขึ้นมาบ้าง
“ข้าจะอยู่จนน้าเหมียวหลิงมีน้องให้ข้าอีกคน”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหัวเราะ
“เจ้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ
อย่าได้พูดจาล้อเล่นเช่นนี้” น้าเหมียวหลิงพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูที่ดุเล็กน้อย
“ข้าเองก็ไม่ทราบ
แต่คาดว่าจะกลับมาพักที่นี่ราวหนึ่งปี” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
“กลับมาคราวนี้
เจ้าจะเข้าพิธีแต่งงานกับธิดาของท่านเจ้าเมืองเลยหรือไม่
ข้าเองก็ต้องการที่จะอุ้มหลานแล้วเช่นกัน”
เนี่ยหมิงพูดด้วยน้ำเสียที่จริงจัง...........จบตอน