test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

17 พ.ย. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.23 งานมงคล


         

        เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา เนี่ยลี่ก็ได้แต่เพียงหัวเราะเท่านั้น
         

      “นี่มิใช่เรื่องน่าขัน เจ้ากับธิดาของท่านเจ้าเมืองก็หมั้นหมายกันมาเกือบสองปีแล้ว เมื่อมีโอกาสได้กลับมา ก็ควรจะเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเสียมารยาทต่อท่านเจ้าเมืองได้” เนี่ยหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พร้อมกับยกชาขึ้นมาดื่ม
         

“ท่านพ่อ ข้านั้นเข้าใจดี ข้าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านเจ้าเมืองดู” เนี่ยลี่รีบพูดตัดบท พร้อมกับเกาหัว ดูเหมือนว่าบิดาเขาจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เป็นแน่
         

      “นีก็ดึกมากแล้ว เสี่ยวลี่ เจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว แม่ได้เก็บกวาดห้องของเจ้าไว้เป็นอย่างดี” เนี่ยเสี่ยวหยุน ที่กำลังจัดข้าวของอยู่ พูดขึ้นมา
         
“ขอรับท่านแม่ พรุ่งนี้ข้าจะรอทานอาหารฝีมือท่าน” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป และเดินไปที่ห้องของเขา
         

      ที่ห้องของเขาได้รับการดูไม่ต่างจากก่อนที่เขาออกเดินทางไป เนี่ยลี่จับดูสิ่งของต่าง ๆที่เขาได้เหลือทิ้งเอาไว้ ยังคงวางอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีฝุ่นจับเลยแม้แต่น้อย หมายความว่ามารดาของเขาได้เข้ามาทำความสะอาดอยู่เสมอ
         

เนี่ยลี่ได้แต่ยิ้มและคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
        

     “การที่ได้พักผ่อนที่บ้านหลังนี้ ทำให้ข้าสบายใจยิ่งนัก” เนี่ยลี่พูดกับตัวเองก่อนที่จะนอนหลับไป
         

เช้าวันต่อมา
       

  เนี่ยลี่ตื่นมาสูดอากาศอันสดชื่น นี่เป็นเช้าวันแรกหลังที่ได้กลับมานอนพักอย่างเต็มอิ่มที่บ้านของเขา ตอนนี้ บิดาและลุงของเขาไม่ต้องลงมือ ปลูกสมุนไพรด้วยตัวเองแล้ว


ด้วยตำแหน่งผู้ดูแลคลัง และผู้ดูแลคลังสมุนไพร ทำให้พวกเขาไม่ต้องลำบากอย่างในอดีต ไม่รวมถึงเงินที่เนี่ยลี่ทิ้งไว้ให้ และสมาคมปรุงยาก็ได้นำเงินมามอบให้ทุกเดือน เนี่ยลี่ได้กำชับเอาไว้ว่าให้นำเงินครึ่งหนึ่งที่ได้รับมา ส่งมอบให้ตระกูล ซึ่งก็เป็นจำนวนนับร้อยล้านเหรียญจิตมาร และอีกครึ่งหนึ่งให้ใช้จ่ายในครอบครัวของเขา ทำให้ครอบครัวของเขาไม่มีความขัดสนแม้แต่น้อย


หลังจากที่ทานอาหารแล้ว เนี่ยลี่กับเนี่ยหยู่ก็พากันออกไปเดินเล่น ที่ลานฝึกของตระกูลบันทึกสวรรค์ มีเด็กรุ่นใหม่ของตระกูลบันทึกสวรรค์ฝึกซ้อมอยู่ราวร้อยคน เนี่ยไห่ และ เนี่ยเอิน ลงมาควบคุมการฝึกด้วยตนเอง เมื่อเห็นเนี่ยลี่และเนี่ยหยู่เดินมา เนี่ยไห่ก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจว่าว่า


“เสี่ยวลี่ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?


“ข้ากลับมาเมื่อวานนี้ ขออภัยที่ไม่ได้ไปทักทายท่านผู้นำตระกูล” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป ในเวลาเขาคงจะต้องไว้หน้าเนี่ยไห่ ต่อหน้าเด็กรุ่นใหม่


“เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องมาทักทายข้า เพียงเจ้าให้คนมาแจ้งว่าเจ้ากลับมาแล้ว ข้าก็จะเดินทางไปหาเจ้าด้วยตนเอง” เนี่ยไห่พูดพร้อมกับหัวเราะ สำหรับเขาแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเนี่ยลี่ตำแหน่งผู้นำตระกูลมิได้มีความหมายอันใด


“ท่านเนี่ยเอิน เด็กรุ่นใหม่ของตระกูลเราเป็นเช่นใดบ้าง?” เนี่ยลี่มองไปที่เนี่ยเอินแล้วถามขึ้นมา


“ด้วยยาทิพย์และเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่เจ้าได้มอบไว้ เด็กรุ่นใหม่ของตระกูลเราล้วนได้รับการฝึกฝนให้เป็นร่างทรงอสูร” เนี่ยเอินพูดด้วยความภูมิใจ ตระกูลบันทึกสวรรค์กลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ต่างจากในอดีตอย่างเห็นได้ชัด


เดิมทีเนี่ยเอินเป็นเพียงนักสู้ แต่หลังจากที่ฝึกฝนตามคำแนะนำของเนี่ยลี่ บัดนี้เขาก็กลายเป็นร่างทรงอสูรระดับโกลด์แล้ว ส่วนเนี่ยไห่ในตอนนี้ก็เป็นร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์


“ข้าเพียงแค่มาเดินเล่นเท่านั้น ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน” เนี่ยลี่พูดขึ้นมา หลังจากที่ยืนคุยกับเนี่ยไห่และเนี่ยเอินมาระยะเวลาหนึ่ง


ตระกูลบันทึกสวรรค์คือบ้านของเจ้า หากมีเวลาเจ้าสามารถมาเยี่ยมได้เสมอ” เนี่ยไห่ตอบกลับไป พร้อมกับหัวเราะขึ้นมา


หลังจากนั้นเนี่ยลี่และเนี่ยหยู่ก็พากันเดินกลับไปบ้าน
         

       “เสี่ยวหยู่ คืนที่ผ่านมาเจ้าได้ดูดซับพลังสวรรค์แล้วใช่หรือไม่?” เนี่ยลี่ถามออกไปพร้อมกับลูบหัวเนี่ยหยู่
         

      “ข้าได้ดูดซับมันเข้าไปแล้ว ดูเหมือนว่าในห้วงขอบเขตวิญญาณของข้าจะมีลูกไฟบางอย่างปรากฏอยู่ด้วย หลังจากนั้นดูเหมือนว่าลมปราณของข้าจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า” เนี่ยหยู่ตอบกลับไป แม้จะยังสงสัยอยู่บ้าง แต่นางก็พยายามที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
         

       เมื่อได้ยินคำตอบจากเนี่ยหยู่ เนี่ยลี่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เนี่ยหยู่เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แม้ว่าจะยังไม่มีผู้ใดสอนก็สามารถก่อรูปชะตาวิญญาณขึ้นมาได้เอง
         

       “สิ่งนั้นเรียกว่าชะตาวิญญาณ ตอนนี้เจ้านั้นได้บรรลุระดับที่เหนือกว่าระดับตำนานแล้ว นั่นคือระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่หนึ่ง เมื่อเจ้าบรรลุถึงขั้นที่สองได้ หากนำชะตาวิญญาณไปเก็บรักษาไว้ยังที่ ที่ปลอดภัย เสี่ยวหยู่ก็จะสามารถคืนชีพได้” เนี่ยลี่ค่อย ๆ อธิบาย เนื่องจากเนี่ยหยู่ยังเด็กนัก
         

        “มหัศจรรย์ยิ่งนัก” เนี่ยหยู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
         

        “จากนี้ไปเจ้าต้องทำการดื่มยาทิพย์นี้ และดูดซับพลังจากศิลาจิตวิญญาณ จะทำให้เจ้าก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับนำยาทิพย์ขวดหนึ่งและศิลาจิตวิญญาณออกมาอีกจำนวนหนึ่ง มอบให้กับเนี่ยหยู่
         

       “เสี่ยวหยู่จะรีบดื่มและไปบ่มเพาะพลัง แต่ท่านพี่เนี่ยลี่จะต้องมาสอนข้าอีกนะ” เนี่ยหยู่เก็บยาทิพย์และศิลาจิตวิญญาณเอาไว้ในแหวนห้วงมิติของนางและวิ่งเข้ามากอดเนี่ยลี่พร้อมกับออดอ้อน
         

       “พี่ชายเนี่ยลี่จะฝึกฝนให้เจ้าเมื่อสามารถบรรลุขั้นต่อไป จากนี้ข้าต้องไปที่ตำหนักเจ้าเมือง เพื่อทำธุระ แล้วข้าจะรีบกลับมา” เนี่ยลี่ลูบหัวเนี่ยหยู่ด้วยความเอ็นดูและตอบกลับไป
         

       หลังจากที่เนี่ยหยู่กลับไปดื่มยาทิพย์ที่ห้องของนางแล้ว เนี่ยลี่จึกชักชวนต้วนเจี้ยนให้เดินทางไปยังตำหนักเจ้าเมืองเพื่อพูดคุยกับ ท่านเอียมัว และเอียเซิ่ง


ตำหนักเจ้าเมือง
         

      ดูเหมือนว่าเหล่าสหายของเขาก็เดินทางมายังตำหนักเจ้าเมืองด้วยเช่นกัน


เมื่อมานั่งพร้อมหน้ากันลู่เพียวยกมือขึ้น และพูดขึ้นมาว่า
         

       “เนี่ยลี่เจ้าบอกว่า เราจะอยู่กันที่โลกใบเล็กราวหนึ่งปี บิดาข้าและบิดาของเซี่ยวซุ่ยได้ปรึกษากันเรื่องการแต่งงานของข้ากับเซี่ยวซุ่ย เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่”
         

        “งานมงคลเหตุใดจึงจะไม่เหมาะสมกันเล่า” เนี่ยลี่ตบไปที่ไหล่ของลู่เพียวและพูดขึ้นมาด้วยความยินดี
         

      “ฤกษ์ยามงานมงคลของข้าคือในอีกสามวันข้างหน้า หวังว่าพี่น้องของข้าทุกคนจะอยู่พร้อมหน้ากันใช่หรือไม่?” ลู่เพียวพูดพร้อมกับเอามือลูบที่ไหล่ เนื่องจากเนี่ยลี่แกล้งตบลงมาแรงไม่น้อย
         

        “แน่นอน! งานมงคลของเจ้า พวกข้าจะต้องอยู่ฉลองอย่างแน่นอน” เนี่ยลี่และคนอื่น ๆตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะและเอามือขยี้ไปที่หัวลู่เพียว ในที่สุดลู่เพียวก็จะได้มีความสุขเสียที
         

“ฮวาหั่ว การเดินทางไปยังบ้านของเจ้า ขอให้หลังจากงานมงคลของลู่เพียวได้หรือไม่?” ตู่ซื่อหันไปถามฮวาหั่ว
         

“ข้าจะปฏิเสธไปด้วยเหตุใดกัน แต่เจ้ารับปากข้าแล้วนะว่า เมื่อกลับไปยังครอบครัวของข้า เจ้าจะไปพูดเรื่องงานหมั้นหมายของเรา” ฮวาหั่วจับแขนตู่ซื่อ และก้มหน้าด้วยความเขินอาย
         

       “แน่นอน แต่น่าเสียดายที่บิดาข้าหาใช่ผู้ฝึกวรยุทธ การที่ต้องเดินทางไปยังนครใต้พิภพคงเป็นเรื่องที่ลำบาก ข้าเกรงว่าครอบครัวของเจ้าไม่เห็นว่ามีผู้ใหญ่ไปสู่ขอ จะกล่าวว่าข้านั้นเสียมารยาท” ตู่ซื่อพูดด้วยความกังวล เขานั้นก็ต้องการที่จะทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม แต่การที่จะพาบิดาของเขาเดินทางไปนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย
         
“แน่นอนว่าเสียมารยาทยิ่งนัก!” เอียเซิ่งตบมือลงบนโต๊ะและพูดแทรกขึ้นมา
         
“ท่านเจ้าเมือง” ตู่ซื่อรู้สึกตกใจกับคำพูดของเอียเซิ่ง ทำให้เขาหน้าเสียไม่น้อย
         

       “การสู่ขอบุตรสาว จำต้องมีผู้ใหญ่เดินทางไปด้วย หาไม่แล้วจะเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างยิ่ง เจ้าเองก็เป็นสหายของหลานเขยของข้า ก็นับว่าเป็นหลายชายคนหนึ่งของข้า ข้าจะเดินทางไปเป็นเถ้าแก่ให้เจ้าเอง ฮ่าฮ่าฮ่า ” เอียเซิ่งพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี การที่มีงานมงคลต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เห็นว่าเมืองกลอรี่นี้มีความสงบสุขยิ้งนัก
         

“ขอบคุณท่านเจ้าเมือง!” ตู่ซื่อรีบประสานมือขอบคุณเอียเซิ่งในทันที
         

“เจ้าชื่อว่าฮวาหั่วสินะ ข้าขอเสียมารยาทเล็กน้อย ดินแดนที่ครอบครัวเจ้าอาศัยอยู่เป็นเช่นใดบ้าง?” เอียเซิ่งถามออกไปด้วยความสงสัย
         

    “เป็นดินแดนเล็ก ๆ ใกล้กับนครใต้พิภพ อากาศเต็มไปด้วยเถ้าถ่านและฝุ่นละออง และหาได้สงบสุขเช่นเมืองกลอรี่” ฮวาหั่วตอบไปตามความเป็นจริง เมื่อเทียบกับที่ที่นางอาศัยอยู่ เมืองกลอรี่เป็นดั่งสวรรค์เลยทีเดียว
         

    “ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงไม่ให้ครอบครัวของเจ้ามาอยู่ยังเมืองกลอรี่แห่งนี้ บัดนี้เมืองกลอรี่นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก ตระกูลตู่เองก็เป็นตระกูลหลักของเมือง มีพื้นที่ทำกินหลายร้อยไร่ ถ้าหากเจ้าไม่รังเกียจ ตอนที่เดินทางไปสู่ขอเจ้า ข้าจะเชิญให้ครอบครัวของเจ้าให้โยกย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองกลอรี่แห่งนี้” เอียเซิ่งเสนอออกไป
         

    “หากเป็นเช่นนั้นฮวาหั่ว ต้องขอขอบคุณท่านเจ้าเมืองยิ่งนัก” ฮวาหั่วรีบคุกเข่าขอบคุณเอียเซิ่ง หากครอบครัวของนางมาอาศัยอยู่ที่นี่ นางคงจะสบายใจ ในยามที่ต้องกลับไปยังอาณาจักรซากมังกร
         

    “อย่าได้มากพิธี อีกไม่นานข้าจะสั่งการให้มีการย้ายประตูเมืองด้านหน้าออกไปราวสองลี้  เมืองกลอรี่ก็จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย และเมื่อสร้างกำแพงเมืองใหม่เสร็จ เราก็จะค่อย ๆ ขยายเมืองออกไปอีก” เอียเซิ่งพูดถึงความตั้งใจของเขาออกไป ในเวลานี้สัตว์อสูรไม่อาจที่จะนับได้ว่าเป็นภัยสำหรับเมืองกลอรี่ได้อีกต่อไปแล้ว
         

   “ถ้าเช่นนั้น ลู่เพียวเจ้าจงใช้เวลาในช่วงนี้จัดเตรียมงานมงคล ตู่ซื่อเจ้าก็คงจะต้องวุ่นวายกับการเตรียมสินสอดทองหมั้น คนอื่น ๆก็ขอให้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวไปก่อน ข้าจะขอไปตรวจสอบนครใต้พิภพ เพื่อหาข้อมูลของคนร้ายสักเล็กน้อย” เนี่ยลี่ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกไป
         

  “นายท่าน ให้ข้าเดินทางไปด้วยได้หรือไม่?” ต้วนเจี้ยนลุกยืนขึ้นพร้อมกับพูดออกมา
         

      “ข้าจะเดินทางไปกับ พี่ยู่หยานและจินตาน เจ้านั้นจงคอยปกป้องที่นี่เอาไว้ยามที่ข้าไม่อยู่” เนี่ยลี่ส่ายหน้า และตอบกลับไป
         

     “ที่นั่นคือนครของข้า ข้าจะเดินทางไปด้วย” จ้าวนครใต้พิภพพูดขึ้นมา พร้อมกับกำหมัดแน่น เขาจะต้องแก้แค้นในเรื่องทีเกิดขึ้น เซี่ยวหยู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเองก็รู้สึกไม่ต่างจากบิดาบุญธรรมของนาง
         

    “ท่านอาจารย์ ท่านพักผ่อนอยู่กับเซี่ยวหยู่ที่นี่ไปก่อน แม้ว่าท่านจะมีฐานะเป็นอาจารย์ของข้า แต่ข้าขอสั่งท่านในฐานะผู้นำนิกาย หวังว่าท่านคงจะเข้าใจข้า เนื่องจากข้าเดินทางเองจะสะดวกกว่า” เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธ
         

    “ข้าเข้าใจแล้ว” จ้าวนครใต้พิภพพูดพร้อมกับถอนหายใจ
         

    หลังจากนั้นเนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานจึงรีบออกเดินทางไป พร้อมกับจินตาน


ณ นครใต้พิภพ
         

   เนี่ยลี่ให้จินตาน บินสำรวจอยู่ด้านนอก หากมีใครปรากฏตัวให้จินตานส่งเสียงร้องเรียก จากนั้นเนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานเดินทางเข้าไปจนถึงเหวลึกที่อยู่ในถ้ำ
         

     “ตรงจุดนี้ ที่ข้าได้ใช้ระเบิดหยินหยางสิบเท่า ทำให้เอียฮั่นตกลงไป” เนี่ยลี่ชี้ไปยังตำแหน่งที่เขาจดจำได้และพูดขึ้นมา
         

     “ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ลงไปสำรวจกันเถิด” เทพธิดายู่หยานพูดพร้อมกับบินลงไป
         

      เหวนี้มีความลึกมาก หากมิใช่ยอดฝีมือที่เหนือกว่าระดับตำนานคงไม่อาจที่จะปีนขึ้นมาได้ เนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานลงไปจนถึงด้านล่างสุดของเหวลึกนี้
         

     “นี่มันอะไรกัน?” เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นด้วยความสงสัย ที่ใต้เหวลึกนี้มีอักษรจารึกอยู่เต็มไปหมด และมีโครงกระดูกของคนผู้หนึ่งอยู่ ดูเหมือนว่าเขานั้นจะถูกสังหารนานมาแล้ว ลักษณะของกระดูกพิงอยู่ตรงมุมหนึ่ง ราวกับว่าเขาเคยนั่งอยู่ตรงนั้น
         

“นี่มันอักษรของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์” เนี่ยลี่พูดขึ้นมา หลังจากมองดูโดยรอบ ทันใดนั้นสายตาของเขาได้ไปเห็นตัวอักษรสิบตัวที่อยู่ตรงมุมด้านหนึ่ง

“หวู จี เติ่ง หวู ฉี่ หวู ฉี่ ฟาง หวู จิน” [无极本无始 无始方无尽 :ไม่มี, ปลายทาง, เมื่อ, ไม่มี, จุดเริ่มต้น , ไม่มี, จุดเริ่มต้น, ก็, ไม่มี, จุดสิ้นสุด] เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
         

     “มันคือถ้อยคำอันใดกัน” เทพธิดายู่หยานถามด้วยความสงสัย นางนั้นไม่เข้าใจถ้อยคำพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
         

      “อักษรเหล่านี้คือมรดกที่จักรพรรดิคงหมิงได้เหลือทิ้งไว้ มีเพียงผู้ที่มีชะตาต้องกับมันเท่านั้นจึงจะเข้าใจได้” เนี่ยลี่พยายามอธิบายให้เทพธิดายู่หยานฟัง
         

      “ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีชะตาต้องกันกับมัน  จากที่ข้าตรวจสอบ เขานั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่หนึ่งและขาของเขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจที่จะรักษาได้” เนี่ยลี่พูดขณะที่ตรวจสอบกระดูกของคนผู้นั้น
         

“ตรงด้านนี้มีซากของศิลาจิตวิญญาณอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย” เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นมาหลังจากที่บินไปสำรวจพื้นที่โดยรอบ
         

       “แม้ว่าข้าจะไม่อาจเข้าใจเรื่องทั้งหมด แต่ก็พอที่จะคาดเดาได้ว่า ชายผู้นี้คงเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของจักรพรรดิคงหมิง และเขาได้ถูกคนผู้หนึ่งสังหารและได้กลายเป็นผู้สืบทอดแทน คนผู้นั้นได้ศึกษาตัวอักษรจนรู้ซึ้งและได้ดูดซับพลังสวรรค์จากศิลาจิตวิญญาณเหล่านี้ จนบรรลุระดับชะตาสวรรค์ได้ แต่ข้าก็ยังไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นผู้ใด” เนี่ยลี่พูดขึ้นมา แม้ว่าเขาจะคิดว่ามีโอกาสไปได้ที่จะเป็นเอียฮั่น แต่เขาก็ต้องการหลักฐานที่มากกว่านี้
         

 “พวกเรากลับกันเถิด พี่ยู่หยาน” เนี่ยลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมาและบินออกไป หาจินตาน จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกลับไปที่เมืองกลอรี่


เมืองกลอรี่
         

      สามวันต่อมา มีงานมงคลใหญ่ของเมือง เนื่องจากทายาทของตระกูลลู่ และตระกูลเซี่ยวที่เป็นสองในเก้าตระกูลหลัก ได้มีงานมงคลสมรส
         

      ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงที่ทำจากผ้าไหม ที่ดูงดงามยิ่งนัก ที่มีผ้าคลุมสีแดงคลุมหัวของเซี่ยวซุ่ย ส่วนลู่เพียวสวมหมวกที่มีปีกเช่นเดียวกับหมวกของขุนนาง
         

      ในวันนี้ลู่เพียวมีท่าทีที่จริงจัง ต่างจากปกติ แม้ว่ามองภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่ในใจของลู่เพียวเต้นโครมครามจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก
         

     หลังจากที่เข้าพิธีไหว้ฟ้าดินแล้ว เซี่ยวซุ่ยก็จัดเตรียมน้ำชาเพื่อยกไปให้แก่บิดามารดาของลู่เพียว
         

      เนี่ยลี่และคนอื่น ๆ ต่างก็เข้าร่วมฉลองกับงานมงคลของลู่เพียวอย่างพร้อมหน้า ทำให้ลู่เพียวรู้สึกดีเป็นอย่างมาก
         

      “การที่ได้เห็นพี่น้องของข้ามีความสุขเช่นนี้ ข้ามีความสุขยิ่งนัก ข้ารองานของเจ้าอยู่นะตู่ซื่อ” เนี่ยลี่ตบไปที่ไหล่ของตู่ซื่อ พร้อมกับยิ้มและพูดขึ้นมา
         

     “หลังจากที่เดินทางกลับมา ข้าจะหารือเรื่องนี้กับฮาหั่ว” ตู่ซื่อพูดขึ้นมาพร้อมกับจับมือของฮาหั่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางก้มหน้าด้วยความเขินอาย
         

     “ข้าต้องการที่จะได้เห็น  งานแต่งของเจ้าเสียยิ่งกว่าของลู่เพียวเสียอีก เนื่องจากข้านั้นไม่เคยเห็นมาก่อน” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหัวเราะ ในชีวิตที่แล้วตู่ซื่อมิได้แต่งงานและเสียชีวิตก่อนที่จะได้คบหากับหญิงสาวผู้ใด
         

     เมื่อถึงเวลาเข้าห้องหอลู่เพียวก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ทั่วทั้งห้องประดับไปด้วยสีแดง มีตะเกียงตั้งอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับถ้วยน้ำชา แต่ในเวลานี้ลู่เพียวหาได้สนใจที่จะดื่มชาไม่


เขาค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าของเซี่ยวซุ่ยที่นั่งอยู่บนที่นอนออก ในตอนนี้เซี่ยวซุ่ยดูงดงามยิ่งนัก ทำให้ลู่เพียวถึงกับตกตะลึง
         

      “จากวันนี้ไป ข้าจะเป็นผู้ชายที่เจ้าสามารถพึ่งพิงได้ไปตลอดชีวิต” ลู่เพียวพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะที่ถอดผ้าคลุมหน้าของเซี่ยวซุ่ยออกจนหมด
         

      “ถ้าเช่นนั้นข้าคงจะเป็นหญิงสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้” เซี่ยวซุ่ยตอบกลับไปพร้อมกับก้มหน้า ด้วยความเอียงอาย
         

       ลู่เพียวเข้าไปโอบกอดเซี่ยวซุ่ยเอาไว้ด้วยมือขวา หลังจากนั้นลู่เพียวก็สบัดมือซ้ายของเขา ใช้ลมปราณพัดให้ตะเกียงในห้องดับมืดลงไป.....................จบตอน
        

แต่งโดย นายมะพร้าว




<< Back                  Next >>

เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง