“อย่าได้คิดว่าพวกเจ้าชนะได้แล้ว พยัคฆ์เกล็ดมังกร!” หัวหน้าของชายในชุดดำเรียกจิตอสูรของเขาออกมา
เป็นเสือที่มีเกล็ดมังกรอยู่โดยรอบ
เป็นจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตอยู่ในระดับมหัศจรรย์
หลังจากที่ผสานเข้ากับจิตอสูรพยัคฆ์เกล็ดมังกร
ร่างกายของหัวหน้าชายชุดดำก็ขยายใหญ่ขึ้นราวสิบเมตร
“ตู่ซื่อระวังนะ ระดับพลังของเขาสูงกว่าพวกเราหลายขั้น”
ฮวาหั่วพูดพร้อมกับยิงธนูออกไป ลูกธนูปักเข้าที่อกของพยัคฆ์เกล็ดมังกร
แต่หลังจากที่ปักแล้วไฟก็ดับลง ดูเหมือนว่าเกล็ดมังกรนี้จะมีความสามารถในการต้านไฟได้เป็นอย่างดี
“ตายซะ!” พยัคฆ์เกล็ดมังกรคำรามลั่นก่อนที่จะพุ่งเข้ามาขย้ำตู่ซื่อ
ตู่ซื่อได้ใช้มือขวาที่สวมถุงมืออยู่ต้านรับเอาไว้
ดูเหมือนว่าฟันของพยัคฆ์เกล็ดมังกรจะไม่อาจแทงทะลุ ถุงมือเพลิงอัสนีได้
“กิเลนทะลวงสวรรค์!” ตู่ซื่อต่อยหมัดซ้ายออกไปโดยใช้วรยุทธกิเลนทะลวงสวรรค์
ต่อเข้าที่ปากของพยัคฆ์เกล็ดมังกร
เพียงแค่หมัดเดียวก็ทำให้พยัคฆ์เกล็ดมังกรต้องอ้าปากด้วยความเจ็บปวดและกระเด็นออกไปหลายเมตร
“ดูเหมือนว่าในปากของเจ้าจะไม่มีเกล็ดมังกรอยู่นะ”
ตู่ซื่อพูดขณะที่เดินไปใกล้ ๆ พยัคฆ์เกล็ดมังกร
หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็กลับคือสู่สภาพมนุษย์
“เจ้าจะบอกได้หรือยังว่า ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามา”
ฮวาหั่วง้างธนูเพลิงสวรรค์เอาไว้และถามออกไป
“อย่าได้ยิงข้า ข้านั้นเป็นลูกน้องของท่านอู่ฟง
เขาต้องการให้พวกข้ามาแก้แค้นให้คุณชายอู่จิน” ชายในชุดดำรีบตอบกลับไป
หลังจากเห็นฮวาหั่วง้างธนูอยู่
“เป็นคนของตระกูลเทพนักรบอย่างที่เจ้าบอกจริง ๆ”
ตู่ซื่อพูดกับกิเลนฟ้าที่อยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณ
“แล้วเจ้าจะทำเช่นใดกับพวกมัน?” กิเลนฟ้าถามกลับมา
“พวกท่านจงกลับไปซะ แล้วอย่าได้มาคิดทำร้ายข้าอีก
หากเจอกันคราวหน้า ข้าจะไม่ละเว้นท่านเช่นนี้”
ตู่ซื่อพูดพร้อมกับโบกมือไล่ให้พวกเขาทั้งสามกลับไป
“ขอบคุณที่ไว้ชีวิต” ชายชุดดำสามคนที่เหลือรอดอยู่
ต่างรีบพูดขอบคุณและพากันทะยานหนีไป
“เหตุใดเจ้าจึงไม่สังหารมันเสียเล่า?”
ฮวาหั่วอดไม่ได้ที่จะถามออกไป ขณะที่นางกำลังเก็บธนูเพลิงสวรรค์เอาไว้ในแหวนห้วงมิติ
“หากสังหารพวกเขาไป พวกเขาก็จะกลับมาล้างแค้นในภายหลังอยู่ดี
ในตอนนี้บิดาของอู่จินกำลังโกรธแค้นพวกเรา
การที่เราปล่อยยอดฝีมือระดับดาราสวรรค์ทั้งสามคนกลับไป
พวกเขาจะต้องปฏิเสธหากบิดาของอู่จินสั่งให้มาจัดการกับพวกเราอีกครั้ง”
ตู่ซื่อตอบกลับไปพร้อมกับยิ้ม
“นับว่ามีความคิดไม่เลว” กิเลนเพลิงพูดแทรกขึ้นมา
“ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้
การที่จะลุยผ่านตำหนักชะตาสวรรค์คงจะไม่ใช่เรื่องที่ลำบากอีกต่อไปแล้ว”
ฮวาหั่วพูดขึ้นมาด้วยความยินดี ตอนนี้นางมีทั้งอาวุธและชุดเกราะวิเศษ
ในตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่สี่ชั้น ก็จะสามารถผ่านตำหนักชะตาสวรรคืไปได้
และจะได้รับของรางวัลมาอีกด้วย
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินทางกลับนิกายกำเนิดสวรรค์
ระหว่างทางตู่ซื่อได้พบเจอกับทะเลสาบแห่งหนึ่งที่มีพลังสวรรค์เอ่อล้นออกมา แต่รอบ
ๆ ทะเลสาบน้ำก็มียอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ยืนเฝ้าอยู่หลายสิบคน
ตู่ซื่อจึงเดินหลบเลี่ยงไป
“ทะเลสาบแห่งนั้นคืออะไรกัน?”
ตู่ซื่อถามกิเลนฟ้าและกิเลนเพลิงที่อยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณ
“ที่แห่งนั้นเรียกว่าทะเลสาบแห่งเทพ
มันสามารถผลิตศิลาจิตวิญญาณได้ จึงมีมนุษย์และอสูรพยายามที่จะครอบครองเอาไว้
ด้วยกำละงของพวกเจ้าในตอนนี้ คงจะยากหากคิดที่จะแย่งชิงมา” กิเลนเพลิงตอบกลับไป
“แม้ว่าพวกเราจะเลื่อนระดับพลังจนสูงขึ้นจนระดับเทียบเท่ากับพวกเขา
แต่ด้วยกำลังคนเพียงสองคนก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากอยู่ดี”
ฮวาหั่วพูดออกไปด้วยความเสียดาย
ตู่ซื่อพยักหน้าตอบรับ และเดินทางมุ่งหน้ากลับนิกายกำเนิดสวรรค์
บ้านพักของตู่ซื่อ
“ในตอนนี้พวกเราก็มีศิลาจิตวิญญาณพอที่จะใช้ได้หลายเดือนแล้ว
จากนี้ไปพวกเราจะพยายามผ่านตำหนักชะตาสวรรค์ให้ได้” ตู่ซื่อพูดกับฮวาหั่ว
ขณะที่กำลังดูดซับพลังสวรรค์อยู่
“หากพวกเรามีกำลังคนมากพอ และยึดครองทะเลสาบแห่งเทพสักแห่งคงจะหมดปัญหาเรื่องการหาศิลาจิตวิญญาณ”
ฮวาหั่วพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ
“รอจนกว่าพวกเราจะบรรลุระดับที่สูงกว่านี้
เราค่อยเริ่มหาคนมาร่วมทีม อาจจะเป็นพวกนักเรียนในชั้นเรียนของพวกเราก็ได้”
ตู่ซื่อตอบกลับไป ในตอนนี้ด้วยระดับพลังของพวกเขาทั้งสองสามารถรับมือได้เพียงแค่
ยอดฝีมือระดับดาราสวรรค์ในขั้นแรก ๆ เท่านั้น
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งดูดซับพลังสวรรค์จนหมด
ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ระดับพลังของทั้งสองคนในเวลานี้อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่หกแล้ว
แต่ด้วยอาวุธและชุดเกราะวิเศษทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้ด้อยกว่าระดับดาราสวรรค์เลย
เช้าวันต่อมา
อู่หมิงได้เดินทางมาหาตู่ซื่อและฮวาหั่ว
“ข้าได้ข่าวมาว่าพวกเจ้าถูกลูกน้องบิดาของอู่จินลอบทำร้ายเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
อู่หมิงถามออกไปอย่างร้อนใจ
“ถูกต้องแล้ว แต่พวกข้าจัดการคนพวกนั้นไปทั้งหมดแล้ว”
ตู่ซื่อตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“เจ้าจงอย่าได้วางใจให้มากนัก
แม้ว่าบิดาของอู่จินจะมีหน้าที่ในการทำการค้าของตระกูล
แต่กองกำลังของเขาก็มียอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์อยู่ไม่น้อย”
อู่หมิงพูดเตือนหลังจากที่ได้เห็นท่าทีที่ไม่กังวลของตู่ซื่อ
“กองกำลัง คือสิ่งใดกัน
เจ้าหมายถึงกำลังทหารเช่นนั้นหรือ?” ฮวาหั่วอดไม่ได้ที่จะถามแทรกขึ้นมา
“นิกายของเราอนุญาตให้ก่อตั้งกองกำลังได้
โดยปกติจะมีการตั้งกองกำลังเพื่อให้ช่วยหนุนหลังในการขึ้นเป็นผู้นำตระกูล
หรือผู้นำนิกาย บางส่วนก็ตั้งกองกำลังเพื่อที่จะยึดครองและปกป้องทะเลสาบแห่งเทพ”
อู่หมิงค่อย ๆ อธิบาย
“การสร้างกองกำลังคงจะต้องใช้เงินมิใช่น้อยสินะ”
ตู่ซื่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกไป
“โดยปกติ
ผู้นำกองกำลังจะต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้เข้าร่วมในกองกำลัง โดยส่วนใหญ่ก็อยู่ที่คนละสามสิบถึงห้าสิบก้อนต่อเดือน
สำหรับยอดฝีมือในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ห้าถึงเก้า
หากเป็นยอดฝีมือในระดับดาราสวรรค์ก็ต้องจ่ายไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งร้อยศิลาจิตวิญญาณ”
อู่หมิงตอบกลับไป
โดยปกติกองกำลังหนึ่งจะมีกำลังคนราวหนึ่งร้อยคน หากมีเพียงยอดฝีมือระดับชะตาสวรรค์
ก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่เดือนละสามถึงห้าพันศิลาจิตวิญญาณ
ซึ่งนับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่เลยทีเดียว
“อู่หมิง หากข้าได้รับของวิเศษหรือจิตอสูรมา
เจ้าสามารถนำไปขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินให้ข้าได้หรือไม่?”
ตู่ซื่อเริ่มคิดหาหนทางในการหาศิลาจิตวิญญาณ
เขาได้เรียนรู้เรื่องการค้าจากเนี่ยลี่มาไม่น้อย เมื่อครั้งที่ยังอยู่ที่โลกใบเล็ก
“แน่นอน! ข้านั้นติดหนี้บุญคุณเจ้าอยู่
เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านั้นข้าสามารถดำเนินการให้เจ้าได้”
อู่หมิงรับปากด้วยความยินดี
“หากเจ้าไม่มีธุระอื่นใด ข้ากับฮวาหั่วคิดจะเดินทางไปยังตำหนักชะตาสวรรค์
เพื่อที่จะผ่านทั้งเก้าชั้นก่อน ตอนนี้พวกข้านั้นผ่านชั้นที่ห้าแล้ว”
ตู่ซื่อพูดพร้อมกับลุกยืนขึ้น
“พวกเจ้าจะมีพรสวรรค์มากเกินไปแล้ว ข้ากับเฝิ่นหงนั้น
เพิ่งจะผ่านชั้นที่สองได้เมื่อไม่นานมานี้เองเท่านั้น” อู่หมิงพูดด้วยความตกใจ
“เจ้านั้นเป็นคนจากตระกูลใหญ่ หากต้องการผ่านตำหนักชะตาสวรรค์
ก็แค่หาซื้อของอาวุธและเกราะวิเศษมาสวมใส่ ก็คงจะสามารถผ่านไปได้”
ฮวาหั่วพูดขณะที่ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
“ข้าก็ลืมคิดไป หากสวมใส่ของวิเศษระดับสองหรือระดับสาม
ก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ได้หลายขั้น ถ้าเช่นนั้นข้าจะลองไปหาพวกของวิเศษในคลังของตระกูลของข้า
ข้าขอตัวก่อนนะ” อู่หมิงพูดขึ้นและเดินออกจากบ้านพักไป
ตู่ซื่อและฮวาหั่วจึงเดินทางไปยังตำนหักชะตาสวรรค์
ตำหนักชะตาสวรรค์ชั้นที่หก
“ในชั้นนี้จะพบเจอกับสิ่งใดกันนะ”
ฮวาหั่วอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
กรร!
ทันทีที่ประตูเปิดออกก็มีเสียงคำรามดังลั่นออกมา
ด้านหน้าของพวกเขามีมังกรดินตัวหนึ่งอยู่
ร่างกายของมันยาวเหมือนงูมีเกล็ดเป็นสีน้ำตาลเข้มราวกับพื้นดิน
ดวงตาของมันเป็นประกายราวกับโลหะ
ทันใดนั้น
มันก็พ่นก้อนหินขนาดใหญ่มาทางตู่ซื่อและฮวาหั่วทันที ขนาดของก้อนหินนี้มีขนาดใหญ่ยิ่งนัก
“กิเลนทะลวงสวรรค์!”
ตู่ซื่อต่อยหมัดออกไปที่ก้อนหินที่ถูกพ่นออกมา ก้อนหินแตกละเอียดเป็นผุยผงในทันที
“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งมากดั่งที่คิดเอาไว้”
ตู่ซื่อพูดออกไป แต่ดูเหมือนว่ามังกรดินจะไม่พอใจที่ตู่ซื่อสามารถทำลายก้อนหินที่มันพ่นออกไปได้
มันจึงพ่นก้อนหินออกมาเป็นจำนวนมาก
“กิเลนคลุมสวรรค์!”
ตู่ซื่อสร้างม่านพลังป้องกันเอาไว้ได้ทั้งหมด
ส่วนฮวาหั่วรีบหยิบเอาธนูเพลิงสวรรค์ออกมาและง้างยิงใส่มังกรดินทันที
ลูกธนูเพลิงพุ่งปักเข้าตรงหน้าผากของมังกรดินด้วยความแม่นยำ
เพียงแค่พริบตามังกรดินก็ลุกไหม้จนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
กลายเป็นกลุ่มก้อนพลังสวรรค์มห้ทั้งสองคนได้ดูดซับ
ในชั้นที่เจ็ดทั้งสองคนได้พบกับงูสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์
ที่มีขนาดใหญ่กว่ามังกรดินในชั้นที่หกเสียอีก มันมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก
และสายฟ้าของมันก็รุนแรงยิ่งนักแต่ก็ไม่อาจสร้างความเสียหายอ่านเสื้อเกราะวิเศษของทั้งสองคนได้
ฮวาหั่วใช้กรงเล็บอัคคีเฉือนตั้งแต่หัวไปจนถึงหางของมัน
ทำให้มันตายไปอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ทั้งสองคนดูดซับพลังสวรรค์จากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์
ตู่ซื่อและฮวาหั่วก็เลื่อนระดับพลังขึ้นไปเป็นระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่เจ็ด
ในชั้นที่แปดทั้งสองคนต้องเผชิญหน้ากับ
อาชาวายุ แม้ว่ารูปลักษณ์ของมันจะเป็นแค่ม้าธรรมดา
แต่ร่างกายของมันแข็งแกร่งยิ่งนัก และมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก
มันสามารถเคลื่อนไหวมาทางด้านหลังของทั้งสองคนอย่างรวดเร็วและใช้เท้าหลังทั้งสองถีบให้ทั้งสองคนกระเด็นออกไปหลายเมตร
หากมิได้สวมเกราะวิเศษระดับสี่ ทั้งสองคนจะต้องบาดเจ็บหนักเป็นแน่
ตู่ซื่อจึงพยายามกระโดดขี่หลังอาชาวายุเอาไว้ และโจมตีจากด้านบนหลังม้า
จึงสามารถจัดการมันได้
เมื่อเปิดประตุชั้นที่เก้า
บรรยากาศโดยรอบกลับมืดสนิท ภายในห้องมีแพะอยู่ราวสิบตัว กระจายอยู่ทั่วทั้งห้อง และดูภายนอกจะเป็นเพียงแค่แพะภูเขาธรรมดาเท่านั้น
แท้จริงแล้วมันคือแพะมายา หากโจมตีไม่ถูกตัวจริงของมัน มันจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย
ๆ แม้จะเป็นศัตรูที่อ่อนแอแต่ก็จัดการได้ไม่ง่ายนัก
ฮวาหั่วลองแตะตัวแพะตัวหนึ่ง
ทันทีที่สัมผัสโดนตัวมัน มันก็แยกออกกลายเป็นสองตัวและเดินปะปนไปกับตัวที่เหลือในห้อง
ตู่ซื่อคิดจะใช้วรยุทธกิเลนฟ้าทะลวงสวรรค์แต่ฮวาหั่วก็ได้ห้ามเอาไว้
การโจมตีจะต้องโจมตีพร้อมกันทั้งสิบเอ็ดตัว หากพลาดไปแม้แต่ตัวเดียว
ก็อาจจะหาแพะมายาตัวจริงได้ยากขึ้น
ฮวาหั่วหยิบธนูเพลิงสวรรค์ออกมา และไปนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องที่สามารถมองเห็นแพะมายาทั้งทั้งสิบเอ็ดตัว
ลูกธนูเพลิงแยกออกเป็นสิบเอ็ดสายและพุ่งเข้าหาแพะมายาทั้งสิบเอ็ดตัวพร้อมกัน
ทำให้แพะมายาตัวจริงสลายไปในทันที
ทั้งสองคนดูดซับพลังสวรรค์จากกลุ่มก้อนพลังสวรรค์ที่มาจากตัวแพะมายา
ทำให้ระดับพลังของทั้งสองคนเพิ่มขึ้นเป็นระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่แปด
และได้รับรางวัลในการผ่านตำหนักชะตาสวรรค์ได้
ทั้งสองคนได้รับศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อน
และจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับปานกลางสองตน
และของวิเศษระดับสามอีกสองชิ้น แม้ว่าทั้งสองคนจะมีของที่ดียิ่งกว่านี้แล้ว
แต่ของเหล่านี้ก็ยังสามารถนำไปขายได้
หลังจากผ่านตำหนักชะตาสวรรค์ทั้งสองคนจะต้องหยุดพักเป็นเวลาหนึ่งเดือน
และต้องฝึกฝนให้บรรลุระดับดาราสวรรค์ก่อน
จึงจะสามารถเข้าไปยังตำหนักดาราสวรรค์ได้.....จบตอน