ดอกบัวในขั้นที่สี่มีชื่อว่าแก่นแท้แห่งดอกบัว
เป็นดอกบัวสีเขียวที่มีถึงสิบสองกลีบ
จุดพลังนี้อยู่ตรงกลางของร่างกายอยู่ระดับเดียวกับหัวใจ เป็นจุดพลังที่เรียกได้ว่า
เป็นศูนย์กลางของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัวเลยทีเดียว จูล่งเองก็ยังไม่เคยใช้จุดพลังที่เหนือกว่าขั้นนี้
“ใบมีดกลีบดอกบัว!” กลีบดอกบัวสีเขียวทั้งสิบสองกลีบแยกเป็นชิ้น ๆ
พุ่งเข้าหาหมิงเฟยอย่างรวดเร็ว หมิงเฟยนั้นทำได้เพียงแค่หลบหลีกและปัดป้องเท่านั้น
ทันทีที่หมิงเฟยสัมผัสกลีบดอกบัว ก็ได้รับบาดแผลราวกับเป็นกระบี่ที่คมกริบ เนื่องจากว่ากลีบดอกบัวเหล่านี้ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังสัจธรรมแห่งน้ำแข็งที่คมกริบราวกับใบมีด
“ฝ่ามือสี่มังกรคำราม!” หมิงเฝยปล่อยฝ่ามือมังกรออกจากทั้งสองมือ
แต่มังกรทั้งสี่ก็สามารถทำลายกลีบดอกบัวได้เพียงแค่สี่กลีบท่านั้น
ยังเหลืออีกแปดกลีบที่พุ่งเข้ามาจู่โจมหมิงเฟยอย่างต่อเนื่อง
หมิงเฟยรวมรวมลมปราณที่ฝ่ามืออีกครั้ง
ในการใช้วรยุทธมังกรคำรามเป็นการสิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมาก
ในครั้งนี้เขาต้องใช้กระบวนท่าที่รุนแรกมากกว่าเดิม
“แปดมังกรพิโรธ!” คลืนลมปราณของหมิงเฟย ปรากฏเป็นรูปร่างมังกรแปดตัวออกจากฝ่ามือของเขา
และพุ่งเข้าปะทะกลีบดอกบัวอีกแปดกลีบที่เหลือและสลายไปทั้งสองฝ่าย
“แฮ่ก
แฮ่ก แฮ่ก!” หมิงเฟยยืนหอบอยู่
เขาใช้พลังไปกับกระบวนท่าแปดมังกรพิโรธไปอย่างมาก ทำให้เขาหายใจแทบจะไม่ทัน
“ดูเหมือนว่า
ฝีมือของพวกเรายังคงทัดเทียมกันไม่ต่างจากเมื่อก่อน”
หมิงเฟยพูดออกไปขณะที่กำลังหอบอยู่
“คงเป็นเช่นนั้น
หากข้ามิได้เพิ่งจะบรรลุวิชาเจ็ดดอกบัวในขั้นที่ห้า” จูล่งตะโกนขึ้นมา
พร้อมกับระเบิดพลังดอกบัวขั้นที่ห้าออกมา
“ดอกบัวแห่งการรู้แจ้ง!” ลมปราณของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรูปดอกบัวสีฟ้าที่มีถึงสิบหกกลีบ
จุดพลังนี้อยู่ตรงแนวตัดของไหล่กับกระดูกสันหลัง
เป็นขั้นสูงของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัว เป็นจุดแห่งปัญญา
ระดับพลังของจู่งลงเมื่อเปิดจุดพลังจุดนี้
เขาก็มีพลังเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์
“นี่มันอะไรกัน!” หมิงเฟยตะโกนออกไปด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าจูล่งจะบรรลุถึงขั้นที่ห้าของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัวแล้ว
“นี่เป็นการโจมตีครั้งสุดท้าย
หวังว่าเจ้าคงจะไม่ถึงกับตายนะ สิบหกดอกบัวปลิดวิญญาณ!” จูล่งปล่อยลมปราณออกไปเป็นดอกบัวสิบหกกลีบ ถึงสิบหกดอก
พุ่งเข้าโจมตีหมิงเฟยจากรอบทิศทาง
“อย่าคิดว่าเจ้านั้นสามารถก้าวข้ามระดับเคล็ดวิชาขั้นสูงได้เพียงผู้เดียว”
หมิงเฟยรีบคลายจุดเจียนจิ่งและจุดฟ่งเหม็น ที่เนี่ยลี่ได้ฝังเข็มเอาไว้ให้
ทำให้ระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นในชั่วพริบตา
“สิบหกมังกรสวรรค์คำราม”
หมิงเฟยปลดปล่อยสิบหกมังกรออกมาจากร่างกายและพุ่งออกไปปะทะกับดอกบัวทั้งสิบหก
ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม!
เสียงระเบิดจากการปะทะกันของพลังทั้งสองดังกึกก้องไปทั่ว
ทำให้เนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานได้สติในทันที
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสลบไปเป็นเวลาพอสมควร
“ท่านหมิงเฟยกำลังต่อสู้กับ
คนที่ชื่อว่าจูล่ง” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาหลังจากที่จ้องมองขึ้นไปข้างบน
“เจ้าคิดว่าผู้ใดจะชนะ!” เทพธิดายู่หยานเอ่ยถามขณะที่จ้องมองไปที่การต่อสู้
“จากระดับพลังที่ข้าสัมผัสได้
ในตอนนี้ท่านหมิงเฟยยังเหนือกว่าหนึ่งขั้น แต่การต่อสู้รุนแรงถึงเพียงนี้
จะต้องทำให้เหล่าเทพอสูรจิตวิญญาณทั้งหลายมาเป็นแน่” เนี่ยลี่กวาดสายตาไปโดยรอบ
หุบเขาและพื้นดินถึงกับถูกพังไปบางส่วน
ทำให้พอคาดเดาความรุนแรงของการต่อสู้ระหว่างทั้งสองได้
ผลของการปะทะกันของพลังจากทั้งสองฝ่าย
ดูเหมือนว่าดอกบัวสิบหกกลีบและสิบหกมังกรต่างก็สลายไปด้วยกันทั้งครู่
ในตอนนี้พลังของทั้งสองฝ่ายแทบไม่มีเหลืออีกต่อไป ทั้งคู่ร่วงลงมาบนพื้น
นอนอยู่ไม่ไกลกันนัก
“ดูเหมือนว่าศึกคราวนี้จะไม่มีผู้ชนะ”
หมิงเฟยพูดขึ้นมา ขณะที่กำลังนอนแผ่อยู่กับพื้น
“ผิดแล้วหมิงเฟย
ข้านั้นพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า
ระดับพลังของข้าสูงขึ้นเนื่องจากการใช้เคล็ดวิชาเจ็ดดดอกบัว แต่ระดับพลังของเจ้านั้นมาจากห้วงขอบเขตวิญญาณของเจ้าเอง”
จู่ล่งพูดขณะที่พยายามจะลุกขึ้นยืน
“เจ้าคือมิตรและศัตรูที่สำคัญของข้า
แม้ข้าจะไม่รู้ว่าที่เจ้าพูดมาเกี่ยวกับจักรพรรดิปราชญ์นั้นจะเป็นจริงหรือไม่
แต่ข้าขอมอบกายาเทพและพลังสัจธรรมของข้าให้แก่เจ้า หากชาติหน้าข้าได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
ข้าจะมาท้าประลองกับเจ้าอีก” จูล่งพูดขึ้นมา ในขณะที่กายาเทพของเขาค่อย ๆ
เปลี่ยนไปเป็นกระดูกมนตรา
“ข้าจะนับวันรอที่จะได้ประลองกับเจ้าอีก”
หมิงเฟยลุกขึ้นยืนและมองดูจูล่งที่กำลังค่อย ๆ สลายไป
หลังจากนั้นหมิงเฟยก็เอือมมือไปหยิบแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมและกระดูกมนตราของจูล่ง
ทันใดนั้น
กระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งก็ราวกับถูกพัดขึ้นไปในมือของอสูรตนหนึ่ง
“ช่างน่าซาบซึ้งยิ่งนัก
แค่พ่ายแพ้ก็น่าอับอายมากพอแล้ว แต่นี่ถึงกับยอมสละกายาเทพให้แก่พวกมนุษย์
มันเป็นการหักหลังเผ่าอสูรอย่างแท้จริง” เสียงอสูรตนหนึ่งพูดขึ้นมา
อสูรตนนี้มีร่างกายเป็นนก แต่มีแขนขาดั่งมนุษย์ ที่ด้านหลังมีปีกสีเขียวอยู่
ชื่อของมันก็คือ ฟงเหยา [风妖:ปิศาจแห่งสายลม]
เป็นผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งวายุ เขาสามารถควบคุมสายลมได้ดั่งใจ
“นี่เจ้า
จงคืนกระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งมาให้กับข้า” หมิงเฟยตะโกนออกไป
เขากับจูล่งต่อสู้กันอย่างยุติธรรม เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาฉกฉวยไปเป็นแน่
“เหตุใดข้าจะต้องคืนให้แก่เจ้าด้วย
จูล่งเองก็เป็นสหายของข้า การที่ข้ามาเก็บกระดูกมนตราของเขาไว้
ก็ไม่เห็นว่าจะแปลกอันใด” ฟงเหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“อย่าได้มาเห่าเยี่ยงสุนัขเช่นนี้
อสูรเช่นพวกเจ้าไม่เคยมีพวกพ้อง ไหนเลยจะเป็นสหายกับจูล่งได้”
หมิงเฟยชี้ไปที่ฟงเหยาและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
พรึ่บ!
ทันใดนั้นที่มือของฟงเหยาก็มีไฟลุกขึ้น
ด้วยความตกใจจึงปล่อยให้กระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งหล่นลงไป
หมิงเฟยรีบไปความมาไว้ในทันที
“เนี่ยลี่
เทพธิดายู่หยาน” หมิงเฟยพูดขึ้นมาด้วยความยินดีเมื่อได้เห็นทั้งสองคน
“ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้ท่านลำบากไม่น้อย”
เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป
ฟงเหยารีบใช้ลมพัดให้ไฟที่ลุกอยู่ดับไป
เปลวไฟของเทพธิดายู่หยานนี้ร้อนแรงไม่น้อย
“เทพธิดาแห่งอัคคียู่หยานเช่นนั้นหรือ? ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน”
ฟงเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับพยายามบินหนีไป
“คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปเช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่บินไปด้วยความรวดเร็วและขวางฟงเหยาเอาไว้
“แม้ว่าข้าจะเอาชนะเจ้าสองคนไม่ได้
แต่เจ้าหมิงเฟยที่บาดเจ็บอยู่นั้น มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ฟงเหยาบินไปทางหมิงเฟยที่กำลังได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้
“กรงเล็บวายุ!”
ฟงเหยารวบรวมลมปราณและควบคุมสายลมทำให้กรงเล็บของมันคมกริบและพุ่งเข้าโมตีหมิงเฟยทันที
หมับ!
“ความสามารถเพียงเท่านี้คิดที่จะมาสังหารข้า
ข้าจะลงโทษที่เจ้าลบหลู่จูล่ง” หมิงเฟยใช้มือของเขารับกรงเล็บของฟงเหยา
แม้ว่าจะทำให้มือของเขาบาดเจ็บ แต่ความโกรธแค้นของเขานั้นยังคงครุกรุ่นอยู่
“ฝ่ามือมังกรคำราม!” หมิงเฟยใช้พลังทั้งหมดปล่อยออกไปขณะที่จับกรงเล็บของฟงเหยาเอาไว้
ความรุนแรงของฝ่ามือมังกรคำรามทำให้ฟงเหยาขาดใจตายในทันที
เนื่องจากระดับพลังของเขาอยู่แค่เพียงระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่เก้าเท่านั้น
แก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของฟงเหยาร่วงหล่นอยู่บนพื้น
หมิงเฟยหยิบมันขึ้นมาและบินขึ้นไปหาเนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยาน
และส่งมันให้กับเนี่ยลี่
“ต้องลำบากท่านหมิงเฟยแล้ว”
เนี่ยลี่รับกระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัธรรมทั้งสองมา และพูดออกไป
“ข้ากับจูล่งต่อสู้กันมาหลายพันปี
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ข้ากับจูล่งต่อสู้กันโดยที่ไร้ซึ่งความโกรธแค้น
เป็นการทุ่มพลังต่อสู้กันด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตนเองมี”
หมิงเฟยพูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังสถานที่พวกเขาทั้งสองต่อสู้กัน
“หากท่านรู้สึกเช่นนั้น
ข้าคิดว่าจูล่งเองก็คงไม่ต่างกัน” เนี่ยลี่มองไปที่กระดูกมนตราและพูดออกไป
“ข้าคิดว่าเราควรจะหาที่หลบซ่อนกันก่อน
หากเรายังอยู่ที่นี่ พวกอสูรเทพอาจจะมาพบได้” เทพธิดายู่หยาน
พูดออกไปขณะที่มองหาที่หลบซ่อนตัว
“ตกลง
พวกเราจะต้องเตรียมการรับมือกับ อสูรเทพซานจี้และอสูรเทพเซิงอิน”
หมิงเฟยพยักหน้าตอบกลับไป
“หากเป็นเจ้าอสูรทั้งสองนั่น
ข้าได้คิดหาทางรับมือเอาไว้แล้ว” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม
ก่อนที่จะบินไปหาที่พักรักษาอาการบาดเจ็บของหมิงเฟย
ในตอนนี้เนี่ยลี่นั้นมีกระดูกมนตราจำนวนห้าชิ้น
และพลังสัจธรรมอีกสิบสามชนิด
ต้องรวบรวมพลังสัจธรรมให้ได้เกินครึ่งหนึ่งจึงจะได้รับพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้
ที่จะสามารถใช้รับมือกับจักรพรรดิปราชญ์ได้ และหากเป็นไปได้จะต้องหากระดูกมนตราให้ได้อีกหนึ่งชิ้น
อีกฟากหนึ่ง
ทางด้านอสูรเทพห้าตนได้มารวมตัวกัน
“ในตอนนี้พวกเราเหลือผู้ครอบครองพลังสัจธรรมอยู่เพียงสิบเก้าคนเท่านั้น
หากรวมกับท่านจักรพรรดิปราชญ์พวกเราเผ่าอสูรก็ครอบครองพลังสัจธรรมอยู่ถึงยี่สิบชนิด”
อสูรเทพซานจี้ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งขุนเขาพูดขึ้นมา
“หากพวกเราคิดที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรง
พวกเราคงพ่ายแพ้เป็นแน่ ระดับพลังของพวกมันนั้นสูงส่งกว่าพวกเรามากนัก” อสูรเทพเซิงอินผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งเสียงพูดเสริมขึ้นมา
“ข้ารู้จุดอ่อนของพวกมัน
พวกมันไม่ทำร้ายมนุษย์” เทพอสูรค่งเจี้ยนผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งการควบคุม
พูดพร้อมกับหัวเราะขึ้นมา
“หากพวกเราใช้มนุษย์เป็นโล่ห์
และใช้พลังแห่งสัจธรรมของพวกเราประสานกัน พวกเราก็สามารถเอาชนะพวกมันได้” เทพอสูรชั่วเจวี๋ย
[错觉:มายา]
ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งมายา พูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว
ร่างกายของเขาเป็นเหมือนก้อนผลึกแก้วสีฟ้ามารวมตัวกัน
เมื่อถูกแสงสาดส่องที่ร่างกายของมันก็จะเปร่งแสงสะท้อนออกมาเป็นสีทั้งเจ็ด
“พวกเราจะต้องล่อให้มันมาติดกับในพื้นที่
ที่พวกเราได้กำหนดเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะต้องหาคนมาร่วมมือให้มากกว่านี้”
เทพอสูรหยิ่นลี่ [引力:แรงโน้มถ่วง]พูดแทรกขึ้นมา เขาคือผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งแรงดึงดูด
พลังของเขานั้นสามารถควบคุมแรงดึงดูดในระยะร้อยเมตรได้ ร่างกายของเขานั้นเป็นเหมือนตัวด้วงขนาดใหญ่
แต่ก็ยืนได้ด้วยสองขา แขนซ้ายของเขามีเคียวที่คล้ายมือของตั๊กแตน
ที่สามารถตัดได้ทุกสิ่ง ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเปลือกที่หน่าและแข็ง
“แค่พวกเราทั้งห้าก็เพียงพอแล้ว
ข้าได้วางแผนเอาไว้แล้ว” เทพอสูรค่งเจี้ยนผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งการควบคุมพูดขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย......จบตอน