test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

29 พ.ย. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.35 อสูรเทพทั้งห้า


          
         ดอกบัวในขั้นที่สี่มีชื่อว่าแก่นแท้แห่งดอกบัว เป็นดอกบัวสีเขียวที่มีถึงสิบสองกลีบ จุดพลังนี้อยู่ตรงกลางของร่างกายอยู่ระดับเดียวกับหัวใจ เป็นจุดพลังที่เรียกได้ว่า เป็นศูนย์กลางของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัวเลยทีเดียว จูล่งเองก็ยังไม่เคยใช้จุดพลังที่เหนือกว่าขั้นนี้
          

        “ใบมีดกลีบดอกบัว!” กลีบดอกบัวสีเขียวทั้งสิบสองกลีบแยกเป็นชิ้น ๆ พุ่งเข้าหาหมิงเฟยอย่างรวดเร็ว หมิงเฟยนั้นทำได้เพียงแค่หลบหลีกและปัดป้องเท่านั้น ทันทีที่หมิงเฟยสัมผัสกลีบดอกบัว ก็ได้รับบาดแผลราวกับเป็นกระบี่ที่คมกริบ เนื่องจากว่ากลีบดอกบัวเหล่านี้ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังสัจธรรมแห่งน้ำแข็งที่คมกริบราวกับใบมีด
          

         “ฝ่ามือสี่มังกรคำราม!” หมิงเฝยปล่อยฝ่ามือมังกรออกจากทั้งสองมือ แต่มังกรทั้งสี่ก็สามารถทำลายกลีบดอกบัวได้เพียงแค่สี่กลีบท่านั้น ยังเหลืออีกแปดกลีบที่พุ่งเข้ามาจู่โจมหมิงเฟยอย่างต่อเนื่อง
          
        หมิงเฟยรวมรวมลมปราณที่ฝ่ามืออีกครั้ง ในการใช้วรยุทธมังกรคำรามเป็นการสิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมาก ในครั้งนี้เขาต้องใช้กระบวนท่าที่รุนแรกมากกว่าเดิม
          

       “แปดมังกรพิโรธ!” คลืนลมปราณของหมิงเฟย ปรากฏเป็นรูปร่างมังกรแปดตัวออกจากฝ่ามือของเขา และพุ่งเข้าปะทะกลีบดอกบัวอีกแปดกลีบที่เหลือและสลายไปทั้งสองฝ่าย
          

       “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก!” หมิงเฟยยืนหอบอยู่ เขาใช้พลังไปกับกระบวนท่าแปดมังกรพิโรธไปอย่างมาก ทำให้เขาหายใจแทบจะไม่ทัน
          

      “ดูเหมือนว่า ฝีมือของพวกเรายังคงทัดเทียมกันไม่ต่างจากเมื่อก่อน” หมิงเฟยพูดออกไปขณะที่กำลังหอบอยู่
          

      “คงเป็นเช่นนั้น หากข้ามิได้เพิ่งจะบรรลุวิชาเจ็ดดอกบัวในขั้นที่ห้า” จูล่งตะโกนขึ้นมา พร้อมกับระเบิดพลังดอกบัวขั้นที่ห้าออกมา
          

     “ดอกบัวแห่งการรู้แจ้ง!” ลมปราณของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรูปดอกบัวสีฟ้าที่มีถึงสิบหกกลีบ จุดพลังนี้อยู่ตรงแนวตัดของไหล่กับกระดูกสันหลัง เป็นขั้นสูงของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัว เป็นจุดแห่งปัญญา ระดับพลังของจู่งลงเมื่อเปิดจุดพลังจุดนี้ เขาก็มีพลังเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์
          

     “นี่มันอะไรกัน!” หมิงเฟยตะโกนออกไปด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าจูล่งจะบรรลุถึงขั้นที่ห้าของเคล็ดวิชาเจ็ดดอกบัวแล้ว
          

      “นี่เป็นการโจมตีครั้งสุดท้าย หวังว่าเจ้าคงจะไม่ถึงกับตายนะ สิบหกดอกบัวปลิดวิญญาณ!” จูล่งปล่อยลมปราณออกไปเป็นดอกบัวสิบหกกลีบ ถึงสิบหกดอก พุ่งเข้าโจมตีหมิงเฟยจากรอบทิศทาง
          

     “อย่าคิดว่าเจ้านั้นสามารถก้าวข้ามระดับเคล็ดวิชาขั้นสูงได้เพียงผู้เดียว” หมิงเฟยรีบคลายจุดเจียนจิ่งและจุดฟ่งเหม็น ที่เนี่ยลี่ได้ฝังเข็มเอาไว้ให้ ทำให้ระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นในชั่วพริบตา
          

       “สิบหกมังกรสวรรค์คำราม” หมิงเฟยปลดปล่อยสิบหกมังกรออกมาจากร่างกายและพุ่งออกไปปะทะกับดอกบัวทั้งสิบหก
          
ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม!
          

      เสียงระเบิดจากการปะทะกันของพลังทั้งสองดังกึกก้องไปทั่ว ทำให้เนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานได้สติในทันที ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสลบไปเป็นเวลาพอสมควร
          

    “ท่านหมิงเฟยกำลังต่อสู้กับ คนที่ชื่อว่าจูล่ง” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาหลังจากที่จ้องมองขึ้นไปข้างบน
          

    “เจ้าคิดว่าผู้ใดจะชนะ!” เทพธิดายู่หยานเอ่ยถามขณะที่จ้องมองไปที่การต่อสู้
          

      “จากระดับพลังที่ข้าสัมผัสได้ ในตอนนี้ท่านหมิงเฟยยังเหนือกว่าหนึ่งขั้น แต่การต่อสู้รุนแรงถึงเพียงนี้ จะต้องทำให้เหล่าเทพอสูรจิตวิญญาณทั้งหลายมาเป็นแน่” เนี่ยลี่กวาดสายตาไปโดยรอบ หุบเขาและพื้นดินถึงกับถูกพังไปบางส่วน ทำให้พอคาดเดาความรุนแรงของการต่อสู้ระหว่างทั้งสองได้
          

       ผลของการปะทะกันของพลังจากทั้งสองฝ่าย ดูเหมือนว่าดอกบัวสิบหกกลีบและสิบหกมังกรต่างก็สลายไปด้วยกันทั้งครู่ ในตอนนี้พลังของทั้งสองฝ่ายแทบไม่มีเหลืออีกต่อไป ทั้งคู่ร่วงลงมาบนพื้น นอนอยู่ไม่ไกลกันนัก
          

    “ดูเหมือนว่าศึกคราวนี้จะไม่มีผู้ชนะ” หมงเฟยพูดขึ้นมา ขณะที่กำลังนอนแผ่อยู่กับพื้น
          

     “ผิดแล้วหมิงเฟย ข้านั้นพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า ระดับพลังของข้าสูงขึ้นเนื่องจากการใช้เคล็ดวิชาเจ็ดดดอกบัว แต่ระดับพลังของเจ้านั้นมาจากห้วงขอบเขตวิญาณของเจ้าเอง” จู่ล่งพูดขณะที่พยายามจะลุกขึ้นยืน
          

     “เจ้าคือมิตรและศัตรูที่สำคัญของข้า แม้ข้าจะไม่รู้ว่าที่เจ้าพูดมาเกี่ยวกับจักรพรรดิปราชญ์นั้นจะเปนจริงหรือไม่ แต่ข้าขอมอบกายาเทพและพลังสัจธรรมของข้าให้แก่เจ้า หากชาติหน้าข้าได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ข้าจะมาท้าประลองกับเจ้าอีก” จูล่งพูดขึ้นมา ในขณะที่กายาเทพของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นกระดูกมนตรา
          

“ข้าจะนับวันรอที่จะได้ประลองกับเจ้าอีก” หมิงเฟยลุกขึ้นยืนและมองดูจูล่งที่กำลังค่อย ๆ สลายไป
          

     หลังจากนั้นหมิงเฟยก็เอือมมือไปหยิบแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมและกระดูกมนตราของจูล่ง ทันใดนั้น กระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งก็ราวกับถูกพัดขึ้นไปในมือของอสูรตนหนึ่ง
          

      “ช่างน่าซาบซึ้งยิ่งนัก แค่พ่ายแพ้ก็น่าอับอายมากพอแล้ว แต่นี่ถึงกับยอมสละกายาเทพให้แก่พวกมนุษย์ มันเป็นการหักหลังเผ่าอสูรอย่างแท้จริง” เสียงอสูรตนหนึ่งพูดขึ้นมา อสูรตนนี้มีร่างกายเป็นนก แต่มีแขนขาดั่งมนุษย์ ที่ด้านหลังมีปีกสีเขียวอยู่ ชื่อของมันก็คือ ฟงเหยา [风妖:ปิศาจแห่งสายลม] เป็นผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งวายุ เขาสามารถควบคุมสายลมได้ดั่งใจ
          
     “นี่เจ้า จงคืนกระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งมาให้กับข้า” หมิงเฟยตะโกนออกไป เขากับจูล่งต่อสู้กันอย่างยุติธรรม เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาฉกฉวยไปเป็นแน่
          

     “เหตุใดข้าจะต้องคืนให้แก่เจ้าด้วย จูล่งเองก็เป็นสหายของข้า การที่ข้ามาเก็บกระดูกมนตราของเขาไว้ ก็ไม่เห็นว่าจะแปลกอันใด” ฟงเหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
          

     “อย่าได้มาเห่าเยี่ยงสุนัขเช่นนี้ อสูรเช่นพวกเจ้าไม่เคยมีพวกพ้ง ไหนเลยจะเป็นสหายกับจูล่งได้” หมิงเฟยชี้ไปที่ฟงเหยาและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
          
พรึ่บ!
          

     ทันใดนั้นที่มือของฟงเหยาก็มีไฟลุกขึ้น ด้วยความตกใจจึงปล่อยให้กระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของจูล่งหล่นลงไป หมิงเฟยรีบไปความมาไว้ในทันที
          

“เนี่ยลี่ เทพธิดายู่หยาน” หมิงเฟยพูดขึ้นมาด้วยความยินดีเมื่อได้เห็นทั้งสองคน
          

“ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้ท่านลำบากไม่น้อย” เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป
          

ฟงเหยารีบใช้ลมพัดให้ไฟที่ลุกอยู่ดับไป เปลวไฟของเทพธิดายู่หยานนี้ร้อนแรงไม่น้อย
          

    “เทพธิดาแห่งอัคคียู่หยานเช่นนั้นหรือ? ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน” ฟงเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับพยายามบินหนีไป
          

    “คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปเช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่บินไปด้วยความรวดเร็วและขวางฟงเหยาเอาไว้
          

   “แม้ว่าข้าจะเอาชนะเจ้าสองคนไม่ได้ แต่เจ้าหมิงเฟยที่บาดเจ็บอยู่นั้น มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ฟงเหยาบินไปทางหมิงเฟยที่กำลังได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้
          

       “กรงเล็บวายุ!” ฟงเหยารวบรวมลมปราณและควบคุมสายลมทำให้กรงเล็บของมันคมกริบและพุ่งเข้าโมตีหมิงเฟยทันที
          
หมับ!        


“ความสามารถเพียงเท่านี้คิดที่จะมาสังหารข้า ข้าจะลงโทษที่เจ้าลบหลู่จูล่ง” หมิงเฟยใช้มือของเขารับกรงเล็บของฟงเหยา แม้ว่าจะทำให้มือของเขาบาดเจ็บ แต่ความโกรธแค้นของเขานั้นยังคงครุกรุ่นอยู่


“ฝ่ามือมังกรคำราม!” หมิงเฟยใช้พลังทั้งหมดปล่อยออกไปขณะที่จับกรงเล็บของฟงเหยาเอาไว้ ความรุนแรงของฝ่ามือมังกรคำรามทำให้ฟงเหยาขาดใจตายในทันที เนื่องจากระดับพลังของเขาอยู่แค่เพียงระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่เก้าเท่านั้น


แก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมของฟงเหยาร่วงหล่นอยู่บนพื้น หมิงเฟยหยิบมันขึ้นมาและบินขึ้นไปหาเนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยาน และส่งมันให้กับเนี่ยลี่


“ต้องลำบากท่านหมิงเฟยแล้ว” เนี่ยลี่รับกระดูกมนตราและแก่นแท้แห่งพลังสัธรรมทั้งสองมา และพูดออกไป


“ข้ากับจูล่งต่อสู้กันมาหลายพันปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ข้ากับจูล่งต่อสู้กันโดยที่ไร้ซึ่งความโกรธแค้น เป็นการทุ่มพลังต่อสู้กันด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตนเองมี” หมิงเฟยพูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังสถานที่พวกเขาทั้งสองต่อสู้กัน


“หากท่านรู้สึกเช่นนั้น ข้าคิดว่าจูล่งเองก็คงไม่ต่างกัน” เนี่ยลี่มองไปที่กระดูกมนตราและพูดออกไป

“ข้าคิดว่าเราควรจะหาที่หลบซ่อนกันก่อน หากเรายังอยู่ที่นี่ พวกอสูรเทพอาจจะมาพบได้” เทพธิดายู่หยาน พูดออกไปขณะที่มองหาที่หลบซ่อนตัว


“ตกลง พวกเราจะต้องเตรียมการรับมือกับ อสูรเทพซานจี้และอสูรเทพเซิงอิน” หมิงเฟยพยักหน้าตอบกลับไป


“หากเป็นเจ้าอสูรทั้งสองนั่น ข้าได้คิดหาทางรับมือเอาไว้แล้ว” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม ก่อนที่จะบินไปหาที่พักรักษาอาการบาดเจ็บของหมิงเฟย


ในตอนนี้เนี่ยลี่นั้นมีกระดูกมนตราจำนวนห้าชิ้น และพลังสัจธรรมอีกสิบสามชนิด ต้องรวบรวมพลังสัจธรรมให้ได้เกินครึ่งหนึ่งจึงจะได้รับพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้ ที่จะสามารถใช้รับมือกับจักรพรรดิปราชญ์ได้ และหากเป็นไปได้จะต้องหากระดูกมนตราให้ได้อีกหนึ่งชิ้น

อีกฟากหนึ่ง ทางด้านอสูรเทพห้าตนได้มารวมตัวกัน


“ในตอนนี้พวกเราเหลือผู้ครอบครองพลังสัจธรรมอยู่เพียงสิบเก้าคนเท่านั้น หากรวมกับท่านจักรพรรดิปราชญ์พวกเราเผ่าอสูรก็ครอบครองพลังสัจธรรมอยู่ถึงยี่สิบชนิด” อสูรเทพซานจี้ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งขุนเขาพูดขึ้นมา


“หากพวกเราคิดที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรง พวกเราคงพ่ายแพ้เป็นแน่ ระดับพลังของพวกมันนั้นสูงส่งกว่าพวกเรามากนัก” อสูรเทพเซิงอินผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งเสียงพูดเสริมขึ้นมา

“ข้ารู้จุดอ่อนของพวกมัน พวกมันไม่ทำร้ายมนุษย์” เทพอสูรค่งเจี้ยนผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งการควบคุม พูดพร้อมกับหัวเราะขึ้นมา


“หากพวกเราใช้มนุษย์เป็นโล่ห์ และใช้พลังแห่งสัจธรรมของพวกเราประสานกัน พวกเราก็สามารถเอาชนะพวกมันได้” เทพอสูรชั่วเจวี๋ย [错觉:มายา] ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งมายา พูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว ร่างกายของเขาเป็นเหมือนก้อนผลึกแก้วสีฟ้ามารวมตัวกัน เมื่อถูกแสงสาดส่องที่ร่างกายของมันก็จะเปร่งแสงสะท้อนออกมาเป็นสีทั้งเจ็ด


“พวกเราจะต้องล่อให้มันมาติดกับในพื้นที่ ที่พวกเราได้กำหนดเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะต้องหาคนมาร่วมมือให้มากกว่านี้” เทพอสูรหยิ่นลี่ [引力:แรงโน้มถ่วง]พูดแทรกขึ้นมา เขาคือผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งแรงดึงดูด พลังของเขานั้นสามารถควบคุมแรงดึงดูดในระยะร้อยเมตรได้ ร่างกายของเขานั้นเป็นเหมือนตัวด้วงขนาดใหญ่ แต่ก็ยืนได้ด้วยสองขา แขนซ้ายของเขามีเคียวที่คล้ายมือของตั๊กแตน ที่สามารถตัดได้ทุกสิ่ง ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเปลือกที่หน่าและแข็ง


“แค่พวกเราทั้งห้าก็เพียงพอแล้ว ข้าได้วางแผนเอาไว้แล้ว” เทพอสูรค่งเจี้ยนผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งการควบคุมพูดขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย......จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง