“นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้?”
ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดขึ้นมา
“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ
เห็นว่ามียอดฝีมือระดับเทพสงครามออกมาต่อสู้กับ ปรมาจารย์ต้าเหลย และ ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย เป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวและพวกเขาก็เอาชนะไปได้”
ศิษย์ของนิกายเทพอสูรตอบกลับไป
“ข้าจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กับปรมาจารย์เทพอีกสามคน”
ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดพร้อมกับโบกมือให้ศิษย์ของนิกายเทพอสูรออกไป
“หลงเทียนหมิงที่เป็นสายให้แก่เราก็เงียบหายไป
นี่มันเกิดอะไรขึ้นภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์กันแน่!” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดด้วยความสับสน
ตำหนักชมจันทร์
นิกายขนนกศักดิศิทธิ์
เนี่ยลี่พูดกับเหล่าผู้นำนิกาย
“ก่อนที่จะเริ่มทำการบ่มเพาะพลัง ข้าต้องการให้พวกท่านแจ้งแก่ศิษย์ที่ติดตามมา
ให้กลับไปรับผิดชอบงานของแต่ละนิกาย ให้พวกท่านบอกแก่ศิษย์ทั้งหลายว่า
ท่านจะปิดประตูฝึกตนอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลาหลายเดือน
ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของท่านผู้นำนิกายทั้งหลาย
จะต้องบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้เป็นแน่”
“เหตุใดจึงต้องบ่มเพาะพลังอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ด้วย”
ปรมาจารย์เทียนหั่วแห่งนิกายเทพอัคคีถามด้วยความสงสัย
“ข้าจะให้พวกท่านไปบ่มเพาะพลังในที่แห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นดินแดนที่มีพลังสวรรค์อยู่อย่างหนาแน่น
ส่วนศิษย์ของพวกท่านที่อยู่ในตำหนักนี้
ข้าคงจะต้องขอเวลาหารือกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวด้วย” เนี่ยลี่พูดออกไป
“พวกข้าเข้าใจแล้ว
ถ้าเช่นนั้นเหล่าศิษย์ที่ติดตามของพวกข้าอยู่ที่ใดกัน” ปรมาจารย์อินเยวี่ย
พูดขึ้นมา
“ประตูเข้าสู่ตำหนักชมจันทร์ของปลอมอยู่ทางด้านหลัง
ข้าจะให้ท่านปรมาจารย์เทียนอู่นำทางให้”
เนี่ยลี่ตอบกลับไปและหันไปมองปรมาจารย์เทียนอู่ และพูดออกไป
“คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
ปรมาจารย์เทียนอู่ประสานมือทำความเคารพและตอบกลับไปไว้
“ท่านประมุขเนี่ย ข้าจะนำทางให้พวกเขาเอง”
หลังจากที่ผู้นำนิกายต่าง
ๆ ออกไป เนี่ยลี่หันไปมองเหยียนหยางและเขายิ้มพูดออกไปว่า “ศิษย์พี่เหยียนหยาง
คนเหล่านี้ล้วนเป็นสหายของข้าที่เดินทางมาจากโลกใบเล็ก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่
เหยียนหยางก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก เหล่าสหายของเนี่ยลี่ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์
และมีตำแหน่งเป็นถึงโอรสและธิดาศักดิ์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์เกือบทั้งหมด
เนี่ยลี่ผู้นี้ไม่อาจที่จะประเมินค่าได้อย่างแท้จริง
“อีกสักพักข้าและสหายมีบางแห่งที่จะต้องไป
ข้ามอบยาทิพย์เหล่านี้ให้แก่ศิษย์พี่เหยียนหยาง เพื่อตอบแทนน้ำใจของท่าน
ท่านสามารถนำไปแบ่งปันให้กับคนที่ท่านเชื่อใจได้
ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ข้าใช้เวลาไม่น้อย ในการกำจัดสายจากนิกายอสูรต่าง ๆ ออกไป
ขอให้ท่านระวังในเรื่องนี้ด้วย” เนี่ยลี่ยื่นแหวนห้วงมิติที่มียาทิพย์อยู่กว่าร้อยขวดให้แก่เหยียนหยาง
“ข้าเข้าใจดี
เจ้าอย่าได้กังวลในเรื่องนี้ ถ้าเช่นนั้น
พวกเราก็ควรที่จะออกจากตำหนักชมจันทรืแห่งนี้ได้แล้ว”
เหยียนหยางรับแหวนพร้อมกับพูดออกไป
ตำหนักผู้นำนิกาย
“ในที่สุดพวกเราก็ได้พูดคุยกันเสียที”
เนี่ยลี่พาทุกคนมาที่ตำหนักของเขา เพื่อพักผ่อนและพูดคุยกัน
“เจ้าคงจะไม่พาพวกเรามาพักผ่อนกันเท่านั้นใช่หรือไม่?” ตู่ซื่อถามด้วยความสงสัย
“พี่ชายข้า
อย่าได้ใจร้อนนัก คนผู้นี้คงเป็นพี่สะใภ้ฮวาหั่ว ยินดีที่ได้รู้จัก”
เนี่ยลี่ประสานมือคารวะฮวาหั่วพร้อมกับพูดจาหยอกเย้า
“ประมุขเนี่ยพูดเกินไปแล้ว”
ฮวาหั่วตอบกลับไป
“อย่าได้เรียกข้าเช่นนั้น
พี่สะใภ้โปรดเรียกข้าว่าเนี่ยลี่เถิด” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
เนี่ยลี่เป็นคนที่ไม่ถือตัวแม้แต่น้อย
ไม่แปลกเลยที่ตู่ซื่อจะชื่นชม และยินดีมอบชีวิตให้
สายตาของว่าที่สามีของนางเฉียบแหลมยิ่งนัก
“ข้ามีคนผู้หนึ่งที่ต้องการให้พวกเจ้าพบ”
เนี่ยลี่มองไปที่เอียจื่ออวิ๋นและพูดออกไป
ในตอนนี้เอียจื่ออวิ๋นนั้นเติบใหญ่และงดงามดั่งที่เขาเคยพบเห็นเมื่อชีวิตที่แล้ว
เขาต้องการให้นางได้พบกับคนผู้นั้น
“ขอเชิญ ท่านพ่อตา”
เนี่ยลี่เดินเข้าไปด้านในและพาเอียเซิ่งเข้ามา
“ท่านเอียเซิ่ง” ตู่ซื่อ
เซี่ยวหนิงเอ๋อ เซี่ยวซุ่ย ซูเซียงจิ้ง เว่ยหนาน และจางหมิง พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
มีเพียงฮวาหั่วที่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร
เอียจื่ออวิ๋นเมื่อได้เห็นหน้าบิดาของนาง
นางก็พูดไม่ออก น้ำตาของนางเอ่อไหลเต็มใบหน้า นางวิ่งเข้าไปกอดเอียเซิ่งอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ
ท่านพ่อฟื้นขึ้นมาแล้ว” นางพูดทั้งน้ำตา
การที่นางตั้งใจฝึกฝนเพราะเนี่ยลี่เคยบอกว่า
สามารถที่จะคืนชีวิตให้แก่บิดาของนางได้
และนางต้องการที่จะแก้แค้นให้แก่บิดาของนาง
“เนี่ยลี่ ขอบใจเจ้ามาก”
เอียจื่ออวิ๋นหันมาพูดกับเนี่ยลี่
ในขณะที่แขนทั้งสองข้างของนางยังคงโอบกอดบิดาอยู่
“เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องพูดเช่นนั้น
ท่านพ่อตาก็เป็นดั่งพ่อของข้าเช่นกัน ท่านพ่อตาพวกท่านคงต้องการเวลาส่วนตัว
เชิญท่านพาจื่ออวิ๋นไปพูดคุยกันที่ห้องพักของท่านเถิด” เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป
“ข้าขอบใจเจ้ามาก
เจ้าลูกเขย” เอียเซิ่งพูดกับเนี่ยลี่ และพาเอียจื่ออวิ๋นไปพูดคุยตามประสาพ่อลูก
“มีใครที่ต้องการเวลาส่วนตัวอีกบ้าง?” เนี่ยลี่หันไปมองลู่เพียวกับเซี่ยวซุ่ย
“แน่นอนข้าต้องการเวลาส่วนตัวกับเจ้าคู่หมั้นบ้าของข้า
เนี่ยลี่พอจะมีห้องเงียบ ๆ ให้ข้ากับลู่เพียวพูดคุยกันหรือไม่”
เซี่ยวซุ่ยตอบกลับไป
“เรื่องนั้นคงไม่จำเป็น
ลู่เพียวเองก็มีห้องพักส่วนตัวอยู่แล้ว เชิญพวกเจ้าทั้งสอง”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นลู่เพียวก็ถูกเซี่ยวซุ่ยบิดหูและสั่งให้นำทางไป
“ตู่ซื่อกับพี่สะใภ้ต้องการพักผ่อนหรือไม่
ข้าได้ให้คนจัดเตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว” เนี่ยลี่หันไปบอกกับตู่ซื่อและฮวาหั่ว
“ข้าเองก็ต้องการอาบน้ำ
ไม่ทราบว่าในห้องพักมีอ่างอาบน้ำด้วยหรือไม่?”
ฮวาหั่วตอบกลับไป
“พี่สะใภ้อย่าได้กังวล
ข้าได้จัดเตรียมห้องรับรองที่ดีที่สุดให้พวกท่าน อย่างแน่นอน” เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับยิ้ม
“ซูเซียงจิ้ง เว่ยหนาน
จางหมิง พวกเจ้าคงมีเรื่องที่จะพูดคุยกันไม่น้อย
ข้าได้เตรียมห้องพักขนาดใหญ่ไว้ให้พวกเจ้า” เนี่ยลี่หันไปบอกกับทั้งสามคน
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีไม่น้อย”
ทั้งสามคนหัวเราะและตอบกลับไป จากนั้นเนี่ยลี่ก็ให้คนพาพวกเขาทั้งสามไปที่ห้องรับรองขนาดใหญ่
ในตอนนี้เหลือเพียงเนี่ยลี่
เซี่ยวหนิงเอ๋อ และต้วนเจี้ยนเท่านั้น
“ต้วนเจี้ยนเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว”
เนี่ยลี่หันไปมองต้วนเจี้ยน
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ต้วนเจี้ยนตอบกลับและเดินไปที่ห้องพักที่เนี่ยลี่ได้เตรียมไว้ให้เขา
“เจ้าสบายดีหรือไม่
หนิงเอ๋อ” เนี่ยลี่พูดออกไป
เมื่อเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋ออยู่ต่อหน้ากัน พวกนางจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับเนี่ยลี่
เนื่องจากพวกนางไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเสียใจ
เซี่ยวหนิงเอ๋อโผเข้ามากอดเนี่ยลี่เอาไว้
“แม้กายข้าจะสบายดี แต่ใจข้าโหยหาเจ้าอยู่ในทุกเวลา” หนิงเอ๋อพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
“เจ้าก็รู้ว่า
ข้านั้นเป็นคู่หมั้นกับเอียจื่ออวิ๋น และข้ารักนางมากเพียงไหน”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“เรื่องนั้นข้ารู้ดี
แม้ว่าเจ้าจะต้องแต่งงานกับนาง ข้าก็ยินดีที่จะอยู่กับเจ้า” หนิงเอ๋อตอบกลับไป
“สำหรับเรื่องนี้ ข้าไม่อาจที่จะตัดสินใจเพียงลำพังได้
เจ้าจงไปพักผ่อนก่อน” เนี่ยลี่พูดและพานางไปยังห้องพักที่เขาได้เตรียมไว้
ณ
ห้องพักรับรองของตู่ซื่อ
ฮวาหั่วที่อาบน้ำแล้ว
ได้เรียกตู่ซื่อเข้ามาด้านในห้องพัก [ตอนอาบน้ำตู่ซื่อไปยืนอยู่นอกห้อง] นางเดินมาจับมือของตู่ซื่อพูดขึ้นว่า
“ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่า
เหตุใดเจ้าจึงยกย่องเนี่ยลี่ยิ่งนัก”
“ข้าขอบใจเจ้ามากที่เชื่อใจข้า”
ตู่ซื่อตอบกลับไป
‘แต่ข้าเกลียดเจ้าคนผู้นั้น’
กิเลนฟ้าพูดขึ้น ทำให้ตู่ซื่อตกใจเล็กน้อย
‘สหายข้าก็แค่เคยกลั่นแกล้งเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เขาหาได้เป็นคนเลวไม่’ ตู่ซื่อตอบกลับไป
‘ข้าฟังเจ้าพูดเช่นนี้มาสองปีจนเบื่อแล้ว’
กิเลนฟ้าตอบกลับไป
‘เจ้าก็เอาแต่เจ้าคิดเจ้าแค้น
มิน่าเล่าถึงได้ไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เสียที’ เสียงของกิเลนเพลิงพูดขึ้นมา
‘ข้าไม่คุยกับพวกเจ้าแล้ว
ข้าจะนอนอย่าได้รบกวนข้าอีก’ กิเลนฟ้าพูดตัดบทและเงียบไป
[ตรงส่วนนี้อาจจะ
สงสัยกันเล็กน้อย กิเลนเพลิงคือ คู่หมั้นของ กิเลนฟ้า และอยู่ในตัวของฮวาหั่ว ซึ่งฮวาหั่วและตู่ซื่อจะทำพันธสัญญากัน
ทำให้ห้วงขอบเขตวิญญาณของทั้งสองคนเชื่อมต่อกัน รายละเอียดจะอยู่ในภาค The
Road of Du Ze]
“ถ้าเช่นนั้นเราก็พักผ่อนกันได้แล้ว
สหายของเจ้าเตรียมที่พักเอาไว้เพียงห้องเดียว เจ้าจะนอนด้วยกันกับข้าหรือไม่?” ฮวาหั่วพูดกับตู่ซื่อพร้อมกับยิ้ม
“ข้านอนพักที่พื้นได้”
ตู่ซื่อตอบกลับไป
“ขออภัยที่มารบกวนขอรับ
ประมุขเนี่ยได้สั่งให้ข้านำฟูกมาให้พวกท่าน” ศิษย์คนหนึ่งของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
ได้นำฟูกมาให้ที่ห้องของตู่ซื่อ จากนั้นเขาก็กลับไป
“ข้าเชื่อแล้วว่า
สหายของเจ้านั้น รู้ใจเจ้ายิ่งนัก” ฮวาหั่วพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม
ณ ห้องพักของลู่เพียว
“นี่เจ้าเป็นบ้าอันใดกัน
ไม่เคยส่งจดหมายให้ข้าแม้แต่ฉบับเดียว
ตกลงว่าข้ายังเป็นคู่หมั้นของเจ้าอยู่ใช่หรือไม่” เซี่ยวซุ่ยใช้มือบิดหูลู่เพียว
พร้อมกับดุเสียงดัง
“นี่ข้าคือนักรบสวรรค์ลู่เพียวนะ
เหตุใดต้องทำเช่นนี้กับข้าด้วย” ลู่เพียวดิ้นรนเพราะความเจ็บปวด
“นั่นมันชื่อบ้าอะไรของเจ้า
สำหรับข้าเจ้าก็เป็นเพียงแค่เจ้าบ้าลู่เพียวเท่านั้น”
เซี่ยวซุ่ยปล่อยมือจากหูของลู่เพียว พร้อมกับถอนหายใจ
ก่อนที่จะยกมือขวาขึ้นเตรียมที่จะตบลู่เพียว ลู่เพียวเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่หลับตา
“แล้วสำหรับเจ้า
ข้านั้นเป็นสิ่งใดกัน” เซี่ยวซุ่ยเอามือแตะตรงใบหน้าของลู่เพียวอย่างอ่อนโยน
ลู่เพียวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา นางไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เขาควรจะตอบกลับไปเช่นใดกัน
“จะ...เจ้าคือคู่หมั้นคนเดียวของข้า
และเป็นหญิงที่ข้ารักที่สุด” ลู่เพียวกลั้นใจพูดออกไป
เขาต้องการพูดเช่นนี้มานานแล้ว แต่กลัวว่าจะถูกเซี่ยวซุ่ยตบกลับมา
“ข้าเชื่อเจ้า”
เซี่ยวซุ่ยตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกไปพร้อมกัยยิ้ม
“แต่คืนนี้เจ้าต้องไปนอนที่พื้น ข้ารู้ว่าเจ้าได้เตรียมฟูกเอาไว้แล้ว”
“ขะ..ข้าเข้าใจแล้ว”
ลู่เพียวพูดด้วยน้ำเสียงอันหมองเศร้า
“นำฟูกมาปูใกล้ ๆ
กับที่นอนของข้า คืนนี้เจ้าต้องกุมมือข้าเอาไว้ทั้งคืน”
เซี่ยวซุ่ยพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
ณ ห้องพักรับรองของซูเซียงจิ้ง
เว่ยหนาน จางหมิง
“ถ้าหากไม่ได้มาที่นี่
ข้าคงไม่ได้เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่” จางหมิงพูดขึ้นมา
“ส่วนข้าคงไม่มีวาสนา
ฟ้าไม่ยุติธรรมเลยสักนิด” เว่ยหนานพูดขึ้นมา
“ก็เจ้าไม่ตั้งใจฝึกฝน
ระดับพลังจึงอ่อนด้อยกว่าข้า แต่ตำแหน่งเช่นนั้นหาได้สำคัญเกินไปกว่าความเป็นพี่น้องของเรา”
ซูเซียงจิ้งตอบกลับไป
จากนั้นพวกเขาทั้งสามก็พูดคุยกันในเรื่องต่าง
ๆ และนอนหลับไป
ณ
ห้องพักรับรองของเอียเซิ่ง
“ข้าไม่คิดเลยว่าลูกสาวของข้าจะเติบใหญ่และงดงามถึงเพียงนี้
เจ้างดงามดั่งแม่ของเจ้า” เอียเซิ่งพูดขึ้นมาขณะที่ลูบผมของเอียจื่ออวิ๋นที่นั่งอยู่ใกล้
ๆ
“ข้าคิดถึงท่านพ่อยิ่งนัก
ท่านคงไม่ทราบว่าข้านั้นฝันถึงวันที่ต้องสูญเสียท่านไปทุกคืน”
เอียจื่ออวิ๋นพูดพร้อมกับหยดน้ำตาที่รินไหล
“นับจากนี้ไป
เจ้าไม่จำเป็นต้องร้องไห้อีกแล้ว พ่อก็ฟื้นคืนชีวิตกลับมา คู่หมั้นของเจ้าก็เป็นชายผู้ยิ่งใหญ่”
เอียเซิ่งพูดด้วยความภูมิใจ
“ข้าไม่ต้องการให้หนิงเอ๋อเสียใจ”
เอียจื่ออวิ๋นพูดพร้อมกับก้มหน้า
“เจ้านั้นรักเนี่ยลี่หรือไม่?” เอียเซิ่งถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ข้ามีเขาอยู่เต็มหัวใจ
แต่ข้าก็ไม่อาจที่จะทำให้สหายของข้าเสียใจเช่นกัน” เอียจื่ออวิ๋นตอบกลับไป
“หากเจ้าคิดเช่นนั้น
พ่อก็ขอบอกเอาไว้ ผู้ชายอาจจะมีภรรยาหลายคนได้
แต่ตราบใดที่เขายังคงให้ความรักแก่เจ้า ยกย่องเจ้า และทำให้เจ้ามีความสุขได้
นั่นก็เพียงพอแล้ว เจ้าลูกเขยเอง ก็ยังคงยกย่องข้าเป็นพ่อตา นั่นแสดงให้เห็นว่าเขารักเจ้าเพียงใด
แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้า ว่าเจ้ายินดีที่จะให้หนิงเอ๋อ
มาเป็นภรรยาของเจ้าลูกเขยอีกคนหรือไม่”
เอียเซิ่งตอบกลับไป เขาต้องการให้ลูกสาวของเขาอยู่กับคนที่นางรักอย่างมีความสุข
“ข้าไม่ขัดข้อง”
เอียจื่ออวิ๋นตอบกลับไป
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงไปบอกแก่หนิงเอ๋อ
แต่อย่าได้บอกกับเจ้าลูกเขยเป็นอันขาด จนกว่าพวกเจ้าจะได้แต่งงานกัน”
เอียเซิ่งพูดกำชับเอาไว้
‘เจ้าลูกเขยตัวแสบยังมิได้แต่งงานกับลูกสาวของข้าแท้ ๆ แต่กลับมีเมียน้อยรอเอาไว้แล้ว’ เอียเซิ่งคิด.......................จบตอน
‘เจ้าลูกเขยตัวแสบยังมิได้แต่งงานกับลูกสาวของข้าแท้ ๆ แต่กลับมีเมียน้อยรอเอาไว้แล้ว’ เอียเซิ่งคิด.......................จบตอน