กู้เบ่ยระเบิดลมปราณระดับเทพสงครามขั้นที่สองออกมา
ปรมาจารย์ต้าเหลยรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เหตุใดคนผู้นี้จึงเลื่อนระดับพลังได้รวดเร็วยิ่งนัก!
ปรมาจารย์ต้าเหลยใช้ลมปราณสร้างกระบี่สายฟ้าขึ้นมา
และเตรียมที่จะต่อสู้
หลังจากที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
เหล่าศิษย์ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับพลังตั้งแต่วิถีแห่งมังกรขึ้นไป
รวมถึงชนเผ่าเมฆาสวรรค์ ต่างก็พุ่งเข้าไปจู่โจมกองกำลังของนิกายอสูรทั้งสอง
แม้ว่าปรมาจารย์ต้าเหลย ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย คิดที่จะเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ
เนื่องจากหลี่ชิงอวิ๋นและ กู้เบ่ยคุมเชิงเอาไว้
เมื่อเห็นว่ากองกำลังของนิกายอสูรทั้งสองเริ่มถูกสังหาร
ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยเรียกอาวุธออกมา คือดาบผ่าจันทรา
เป็นดาบขนาดใหญ่เป็นรูปร่างราวกับจันทร์เสี้ยว เขาฟันใส่หลี่ชิงอวิ๋นอย่างรุนแรง
หลี่ชิงอวิ๋นใช้ดาบเมฆาสวรรค์ในการตั้งรับ
แต่ด้วยความรุนแรงของมันแทบจะทำให้หลี่ชิงอวิ๋นทรุดลงไป
“กำลังกายของมนุษย์ไม่มีทางที่จะรับการโจมตีจากข้าได้หรอกนะ!” ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยพูดด้วยความดูถูก
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงดูให้ดี
หมอกม่านเมฆา!” หลี่ชิงอวิ๋นใช้ลมปราณสร้างเมฆหมอกขึ้นมากำบังกาย
“คิดจะเล่นซ่อนแอบเช่นนั้นหรือ
เจ้ามนุษย์!” ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยใช้ดาบผ่าจันทราฟันลงไปเพียงทีเดียว
เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ก็หายไปโดยสิ้นเชิง รวมทั้งหลี่ชิงอวิ๋นด้วยเช่นกัน
“เพลงดาบคลื่นเมฆา”
หลี่ชิงอวิ๋นปรากฏกายอยู่ทางด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยใช้เพลงดาบสร้างคลื่นขนาดใหญ่ที่ทำจากเมฆ
แต่ด้านบนคลื่นนั้นเป็นคมมีดจำนวนนับไม่ถ้วน
“อ๊ากกกก” ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินมนุษย์ผู้นี้ต่ำเกินไป
“เจ้าแมลงโสโครก
จงรับเพลงดาบของข้าไป เพลงดาบจันทร์เสี้ยว!” ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยฟันดาบผ่าจันทร์ออกไป
คลื่นลมปราณจากดาบพุ่งออกไปหาหลี่ชิงอวิ๋นอว่างรวดเร็ว เขารีบใช้ดาบในการต้านรับ แม้ว่าจะต้านเอาไว้ได้
แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บจนกระอักเลือดออกมา
“พลังของมันรุนแรงยิ่งนัก!” หลี่ชิงอวิ๋นพูดพร้อมกับเหนื่อยหอบ
“เจ้าศิษย์โง่
เมฆาที่ล่องลอย คือการเคลื่อนไหว หาใช่ในการตั้งรับประดุจไม้ใหญ่ดั่งที่เจ้าทำ”
เสียงของปรมาจารย์เทียนอวิ๋นดังเข้ามาในหัวของหลี่ชิงอวิ๋น
ก่อนหน้านั้นเขาไม่เข้าใจคำพูดนี้เลยแม้แต่น้อย
แต่บัดนี้เขานั้นได้รับรู้แล้ว เขาจับดาบอย่างมั่นคงอีกครั้ง
“ยังลุกขึ้นได้อีกเช่นนั้นหรือ
ถ้าเช่นนั้นจงรับไปอีกครั้ง เพลงดาบจันทร์เสี้ยว!” ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย
ฟันดาบลงมาอีกครั้ง คลื่นพลังลมปราณจากดาบในคราวนี้ใหญ่เสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
แต่หลี่ชิงอวิ๋นก็มิได้ขยับหลบเลยแม้แต่น้อย
ฟุ่บบ!
เสียงคลื่นลมปราณจากดาบของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยทะลุผ่านร่างกายของหลี่ชิงอวิ๋นไป
ในตอนนี้เขานั้นหาได้ยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ หลี่ชิงอวิ๋นได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเกิดภาพติดตาอยู่ตรงนั้น
ส่วนตัวจริงของเขาอยู่ที่ ด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย
ฉับบ!
หลี่ชิงอวิ๋นฟันดาบเข้าที่หลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย บาดแผลลึกจนเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก
การเคลื่อนไหวของหลี่ชิงอวิ๋นเรียกว่ากระบวนท่า เมฆาล่องลอย
“เจ้ามนุษย์บ้า!” ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยหันหลังกลับมาฟันหลี่ชิงอวิ๋นอีกครั้งด้วยความเกรี้ยวกราด
ฟุ่บบ!
ร่างของหลี่ชิงอวิ๋นถูกฟันและหายไปอีกครั้ง
หลี่ชิงอวิ๋นปรากฏกายอยู่ด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยอีกครั้ง
และใช้ดาบฟันจนเกิดแผลที่สองที่ด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย
“เจ้ามดปลวกกล้าใช้วิธีเดิม
ๆ เล่นงานข้าถึงสองครั้ง ถ้าเช่นนั้นจงรับกระบวนท่านี้ไป เพลงดาบจันทรา” ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย ดูราวกับเป็นเป็นกระบวนท่าฟันดาบทั่ว ๆ ไป
แต่เมื่อดาบฟันถูกร่างของ หลี่ชิงอวิ๋นและหายไป
แต่กระบวนท่าเพลงดาบจันทราหาได้หยุดเพียงเท่านั้น ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยตวัดดาบต่อเนื่องหมุนวนมาทางด้านหลังได้
คลื่นลมปราณที่แผ่ออกมาตามการฟาดฟันจันทร์ มีลักษณะเป็นวงกลมราวกับดวงจันทร์เต็มดวง
แต่ในคราวนี้หลี่ชิงอวิ๋นหาได้ปรากฏกายที่ด้านหลังไม่
เขากลับปรากฏตัวอยู่ที่ด้านล่างของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย
“เพลงดาบผ่าเมฆาแหวกสวรรค์!” หลี่ชิงอวิ๋นฟันดาบอย่างรุนแรงที่เบื้องล่างของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย คลื่นลมปราณจากดาบของหลี่ชิงหวิ่นผ่าร่างของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยเป็นสองซีก
คลื่นลมปราณนั้นยังพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ราวกับผ่าสวรรค์ออกเป็นสองส่วน ความแตกต่างของระดับพลังหนึ่งถึงสองขั้นนั้น ถูกหักล้างไปด้วยเพลงดาบที่แข็งแกร่งกว่า [วรยุทธของมนุษย์จะเหนือชั้นกว่าเนื่องจากอ่อนแอกว่า จึงมีการคิดค้นและหาจุดเด่นจุดด้อยเพื่อต่อสู้กับอสูรที่เก่งกว่าได้]
หลี่ชิงอวิ๋นสามารถสังหารปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยได้สำเร็จ
ส่วนกองกำลังของนิกายอสูรทั้งสองก็ถูกหลงยู่อินและเหล่าศิษย์ของนิกายขนนกศักดสิทธิ์
รวมไปถึงชนเผ่าเมฆาสวรรค์สังหารไปจนหมดสิ้น
ในเวลานี้เหลือเพียงการต่อสู้ของกู้เบ่ยและปรมาจารย์ต้าเหลยต้าเหลยเท่านั้น
ทางด้านกู้เบ่ยและปรมาจารย์ต้าเหลย
ทั้งสองต่อสู้กันด้วยกระบี่ แม้ว่าระดับพลังของปรมาจารย์ต้าเหลยต้าเหลยจะเหนือกว่าแต่กู้เบ่ยก็มิได้เพลี่ยงพล้ำเลยแม้แต่น้อย
แต่กู้เบ่ยก็ไม่อาจที่จะต้านรับกระบี่สายฟ้าได้โดยตรง
เนื่องจากสายฟ้าจากกระบี่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ เขาจึงใช้ลมปราณควบคุม
เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน เข้าต่อสู้เท่านั้น โดยการวาดนิ้วไปมาเพื่อบังคับกระบี่
เมื่อปรมาจารย์ต้าเหลยเห็นว่า
กองกำลังจากนิกายอสูรทั้งสองถูกสังหารจนหมด แม้แต่ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยเองก็ถูกสังหาร เขาจึงรู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก
เขาถือกระบี่เอาไว้ในมือขวาและรวมรวมสายฟ้าเอาไว้ที่มือซ้าย
จากนั้นก็ปล่อยสายฟ้าในมือซ้ายโจมตีไปที่กู้เบ่ย
“ระเบิดอสนีบาต!” กลุ่มก้อนสายฟ้าพุ่งเข้าหากู้เบ่ยอย่างรวดเร็ว กู้เบ่ยจึงรีบบังคับให้
เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนหมุนควงเป็นวงกลมเป็นดั่งกำแพงป้องกันที่ด้านหน้าของเขา
“เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน
กำแพงสวรรค์!”
พลังจากระเบิดอสนีบาตเข้าปะทะกับ
กำแพงสวรรค์ของกู้เบ่ยอย่างรุนแรง แม้จะต้านเอาไว้ได้
แต่ก็ทำให้กู้เบ่ยคลาดสายตาไปจากปรมาจารย์ต้าเหลย
ปรมาจารย์ต้าเหลยบินขึ้นไปจนสูงเสียดฟ้า
เขารวบรวมลมปราณทั้งหมดของเขา สร้างกระบี่สายฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นมา
“พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายด้วยกระบี่สายฟ้าเล่มนี้ของข้า!”
ปรมาจารย์ต้าเหลยใช้ลมปราณขับเคลื่อนกระบี่สายฟ้าพุ่งลงยังเบื้องล่าง
“หากกระบี่นั้นพุ่งลงบนพื้น
นิกายขนนกศักดิ์สิทธ์จะต้องถูกทำลายเป็นแน่!”
หลี่ชิงอวิ๋นพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ
“ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่
เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน!” กู้เบ่ยพูดออกไป เขารวบรวมลมปราณเพื่อ
ห่อหุ้มเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน
แม้กระบี่จะมีขนาดเท่าเดิมแต่ลมปราณที่ห่อหุ้มทำให้ปรากฏรูปเงาของกระบี่ขนาดใหญ่ที่ทับซ้อนกันอีกชั้น
“เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน
ทะลวงสวรรค์!”
กู้เบ่ยพุ่งเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนออกไปปะทะกับกระบี่สายฟ้าของปรมาจารย์ต้าเหลย
แต่มิได้พุ่งออกไปตรง ๆ ดั่งที่เขาเคยทำในการต่อสู้ครั้งก่อน เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนที่พุ่งออกไปคราวนี้มีการหมุนวนและพัดเอาเศษสายฟ้ากระจายออกไปทางด้านข้าง
ทำให้ประกายสายฟ้ามิได้พุ่งเข้าหาตัวกู้เบ่ยเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนทะลวงกระบี่สายฟ้าของปรมาจารย์ต้าเหลยจนกระจายออกไป
สุดท้ายเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนก็ปักเข้าที่หน้าอกของปรมาจารย์ต้าเหลย
“ถึงเจ้าจะเอาชนะข้าได้
แต่บัดนี้เจ้านั้นได้ก่อสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรขึ้นแล้ว
จากนี้ไปพวกนิกายเทพอสูรจะต้องมากวาดล้างพวกเจ้าจนหมดสิ้น!” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดออกมาพร้อมกับกระอักเลือดและตายไป
แม้ว่าจะได้รับชัยชนะ
แต่สงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูร ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
ภายในตำหนักชมจันทร์
“พวกท่านคงได้เห็นแล้วว่า
นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเพียงไหน” เนี่ยลี่พูดออกไป
เหล่าผู้นำนิกายคนอื่น ๆ ต่างก็ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
แม้ว่าจะเป็นเพียงนิกายห้าอสูรสายฟ้า และ
นิกายจันทราโลหิต
ความสามาถของนิกายอสูรทั้งสองมิได้ด้อยกว่านิกายศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย
แต่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์สามารถที่จะเอาชนะได้โดยที่ไร้การสูญเสีย
นี่คือนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่เคยอ่อนด้อยที่สุดในนิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกจริงหรือ?
“จงบอกสิ่งที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ต้องการมา”
ปรมาจารย์เทียนหั่ว แห่งนิกายเทพอัคคี พูดออกไป
คำพูดของเนี่ยลี่มิได้เป็นการอวดอ้างตน
ดูเหมือนว่าที่เข้าต่อสู้กับนิกายอสูรทั้งสองมิใช่ขุมกำลังทั้งหมดของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
“ท่านคงเห็นแล้วว่า
อีกไม่นานคงต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูรเป็นแน่
ข้าไม่ต้องการให้มีการสูญเสียมากเกินไป
ดังนั้นข้าจึงต้องการรวมหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นหนึ่ง!” เนี่ยลี่พูดอย่างจริงจัง
“นี่เจ้าคิดจะให้พวกเรา
ยุบนิกายและเป็นส่วนหนึ่งของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นหรือ? ฝันไปเสียเถอะ!” ปรมาจารย์อู๋เม่า แห่งนิกายเทพไร้ลักษณ์ทุบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ
นิกายของพวกเขานั้นสืบทอดมานับพันปี แม้จะต้องตายเขาไม่มีทางยอมรับเป็นแน่
“ข้ารู้ดี
ว่าพวกท่านจะต้องขุ่นเคืองใจ
ข้าจะให้ท่านปรมาจารย์เทียนอู่แสดงพลังของเขาให้พวกท่านดู”
เนี่ยลี่หันไปมองปรมาจารย์เทียนอู่พร้อมกับพยักหน้า
ปรมาจารย์เทียนอู่นำศิลาเร้นเมฆาฝากไว้กับเนี่ยลี่
จากนั้นก็ปลดปล่อยลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมา
ผู้นำนิกายคนอื่น
ๆ เมื่อสัมผัสถึงพลังของ ปรมาจารย์เทียนอู่ ต่างก็นิ่งเงียบ
พลังลมปราณที่สัมผัสได้นั้นเหนือกว่าพลังระดับเทพสงครามนับสิบเท่า
“หากพวกท่านตอบรับในข้อเสนอของข้า
ข้าจะถ่ายทอดวิธีการบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าให้ แน่นอนว่า
นิกายของพวกท่านจะยังคงอยู่เช่นเดิม รวมนิกายศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นหนึ่ง
เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น
เพื่อที่ทางนิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกจะได้ให้ความร่วมมือกัน ในการต่อสู้กับนิกายเทพอสูร
แน่นอนว่า หลังจากที่รวมตัวกันจะมีนิกายเร้นเมฆาเข้าร่วมด้วย”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหันไปมองที่ต้วนเจี้ยน
“ขอบคุณประมุขเนี่ยยิ่งนัก!” ต้วนเจี้ยนตอบกลับตามที่เนี่ยลี่ได้แจ้งเอาไว้ล่วงหน้า
“พวกเราเองก็อายุมากกันแล้ว
ควรที่จะให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนพวกเราก็เป็นที่ปรึกษาให้แก่พวกเขา
ข้าเสนอเช่นนี้หวังว่าพวกท่านคงจะเข้าใจ” ปรมาจารย์เทียนอู่เสนอขึ้นมา
ด้วยความที่เป็นชาวยุทธ
การที่ได้เห็นพลังของปรมาจารย์เทียนอู่ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉา
แต่การที่จะฝึกฝนถึงขึ้นนั้นได้ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นแน่
“ก่อนที่พวกท่านจะตัดสินใจ
ข้าขอบมอบยาทิพย์เหล่านี้แก่ผู้นำนิกายทุกท่าน ข้าต้องการให้พวกท่านลองดื่มดู”
เนี่ยลี่นำยาทิพย์ที่กลั่นจากผลไม้แห่งพระเจ้าออกมาและส่งมอบให้กับผู้นำนิกายทั้งหกคน
[นิกายกำเนิดสวรรค์มีผู้นำสองคน ยังไม่ลืมใช่ไหม]
“หวังว่าคงจะมิใช่ยาพิษหรอกนะ!” เหล่าผู้นำนิกายหยิบยาทิพย์มาดื่ม ร่างกายของพวกเขานั้นร้อนรุ่มดั่งไฟ
พวกเขารีบทำการดูดซับพลังจากยาทิพย์ทันที แค่เพียงไม่นาน
ระดับพลังของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้น จนเกินกว่าระดับเดิม มีเพียงปรมาจารย์เทียนหั่วที่อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่าเดิม
แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าพลังของเขานั้นเพิ่มสูงขึ้น
“หากพวกท่านฝึกฝนตามคำแนะนำของข้า
และดื่มยาทิพย์เหล่านี้ พวกท่านก็สามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้ม
ผู้นำนิกายทั้งหกคนต่างก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
เดิมทีระดับพลังของพวกเขาแทบจะไม่เพิ่มสูงขึ้นจากการบ่มเพาะพลัง
หลังจากที่ดื่มยาทิพย์นี้เพียงขวดเดียวก็สามารถเพิ่มระดับพลังได้
แม้ว่านิกายจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับชาวยุทธการที่แข็งแกร่งขึ้นได้
คือสิ่งที่ล้ำค่าเสียยิ่งกว่า
ปรมาจารย์ฟู่ชิน
และ ปรมาจารย์หมู่ชิน แห่งนิกายกำเนิดสวรรค์ พูดขึ้นมาพร้อมกันว่า
“สำหรับนิกายกำเนิดสวรรค์ ข้าให้โอรสและธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้าเป็นผู้ตัดสินใจ
ถึงอย่างไรในภายภาคหน้า นิกายกำเนิดสวรรค์พวกเขาก็ต้องเป็นผู้ดูแล”
“พวกข้ายินดียอมรับข้อเสนอของประมุขเนี่ย!” ตู่ซื่อและฮวาหั่วพูดออกไปพร้อมกัน
ฮว่าหั่วรู้ดีว่าตู่ซื่อเชื่อมันในสหายผู้นี้ยิ่งนัก
ในฐานะที่เป็นคู่หมั้นนางก็ไม่คิดที่จะขัดใจว่าที่สามี
“เอียจื่ออวิ๋น
เซี่ยวหนิงเอ๋อ เซี่ยวซุ่ยพวกเจ้าทั้งสามจงตัดสินใจ”
แม้ว่าตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นของเอียจื่ออวิ๋น แต่เซี่ยวหนิงเอ๋อ และเซี่ยวซุ่ยก็เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่น้อย
ดังนั้นจะต้องให้พวกนางยอมรับในเรื่องนี้ด้วย
ปรมาจารย์อินเยวี่ยแห่งนิกายเสียงสวรรค์พูดขึ้นมาบ้าง
“พวกข้าก็ยินดีที่จะรับข้อเสนอของประมุขเนี่ยเช่นกัน”
เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และเซี่ยวซุ่ยตอบพร้อมกัน
“ซูเซียงจิ้ง
เว่ยหนาน ข้าให้พวกเจ้าตัดสินใจ”ปรมาจารย์อู๋เม่าแห่งนิกายเทพไร้ลักษณ์
ถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นมา
“พวกข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของประมุขเนี่ย!” ซูเซียงจิ้งและเว่ยหนาน
พูดขึ้นด้วยความยินดี
“แม้ว่าข้าจะมิได้เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์
แต่ข้าก็เห็นด้วยกับประมุขเนี่ย” จางหมิงพูดขึ้นมาเพื่อให้ ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่แห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์ได้ยิน
“ตามใจเจ้า
จากนี้ไปเจ้าคือโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์” ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่
ก็ต้องยอมให้เป็นเช่นนี้ เนื่องจากสามนิกายต่างก็เห็นด้วยไปแล้ว
“เหยียนหยาง
เจ้าคิดเห็นว่าเช่นใด?”
ปรมาจารย์เทียนหั่วแห่งนิกายเทพอัคคีหันไปถามเหยียนหยาง
“หากนิกายอื่น
ๆ เห็นชอบข้าเองก็ไม่ขัดข้อง
ข้าเชื่อว่าเนี่ยลี่จะต้องเป็นประมุขที่ยิ่งใหญ่ได้เป็นแน่!” เหยียนหยางพูดด้วยความมั่นใจ
เขาไม่คิดเลยว่าเนี่ยลี่จะเติบใหญ่ได้ถึงเพียงนี้
“ถ้าเช่นนั้น
นับจากนี้ไป นิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกและนิกายเร้นเมฆา จะกลายเป็นนิกายศักดิ์สิทธิ์
เพียงแต่ว่าเรื่องนี้จะรู้กันเพียงผู้ที่อยู่ในตำหนักนี้เท่านั้น นิกายของพวกท่านยังคงเป็นเช่นเดิม
ข้าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายการปกครองศิษย์ของแต่ละนิกาย และผู้นำนิกายแต่ละท่านจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายศักดิ์สิทธิ์
ความเห็นของพวกท่านจะต้องเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นใหม่เช่นข้าเป็นแน่!” เนี่ยลี่ลุกขึ้นยืนและประสานมือทำความเคารพเหล่าผู้นำนิกาย
นิกายเทพอสูร
“เจ้าพูดอันใดกัน! นิกายห้าอสูรสายฟ้า และ นิกายจันทราโลหิต
ถูกนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์สังหารจนหมดสิ้นเช่นนั้นหรือ?” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดขึ้นด้วยความตกใจหลังจากที่มีศิษย์มารายงาน..................จบตอน