วันต่อมาหลังจากที่ทุกคนได้พักผ่อนกันแล้ว
ทุกคนได้มาพร้อมหน้ากันอีกครั้งที่ในตำหนักชมจันทร์ ซึ่งเนี่ยลี่ปิดกั้นเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดสามารถเข้ามาได้
“วันนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกกับทุกคน
อีกไม่นานพวกเราจะเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็ก” เนี่ยลี่พูดขึ้นมา
“ได้เช่นนั้นก็นับว่าดีนัก
ข้าเองก็เป็นห่วงว่าเมืองกลอรี่เป็นเช่นใด หลังจากที่ข้าจากมาเป็นเวลาสองปี”
เอียเซิ่งตอบกลับไป
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นใกล้ที่จะบรรลุระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์แล้ว
“การเดินทางกลับไปในคราวนี้อาจจะต้องเวลาเวลาหลายเดือน
ข้าต้องการให้ทุกคนสะสางปัญหาที่นิกายของตนให้หมด โดยเฉพาะต้วนเจี้ยน
เจ้าจะต้องฝากให้ท่านอดีตประมุขเฉียงอวิ๋นเป็นผู้ดูแลนิกายของเจ้า” เนี่ยลี่หันไปพูดกับต้วนเจี้ยน
“ข้าทราบแล้ว”
ต้วนเจี้ยนตอบกลับไป
“แล้วนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้เล่า
เจ้าจะให้ผู้ใดดูแล หลี่ชิงอวิ๋น กู้เบ่ย หรือว่าหลงยู่อิน?” ลู่เพียวถามขึ้นมา
“ทั้งสามคนต้องดูแลตระกูลของตน
คงไม่อาจแบกรับหน้าที่นี้ได้ ข้าตั้งใจที่จะให้กู้หลานเป็นผู้ดูแลนิกายแห่งนี้
ในยามที่พวกเราไม่อยู่” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
กู้หลานในเวลานี้ก็ใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามแล้ว
หากขอให้เหล่าปรมาจารย์ทั้งห้าช่วยให้คำปรึกษา นางต้องสามารถดูแลนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นแน่
“เราจะเดินทางกลับในอีกราวหนึ่งเดือนข้างหน้า
เพื่อรอให้เหล่าผู้นำนิกายของพวกเจ้า
ได้บ่มเพาะพลังในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไปก่อน
เพราะบุคคลที่มิได้กำเนิดในโลกใบเล็ก จะไม่สามารถผ่านข้ามประตูกลับไปได้”
“มิน่าเล่า
โลกใบเล็กของพวกเราจึงไม่เคยพบเจอกับคนหรืออสูรจากฟากนี้มาก่อน”
เอียเซิ่งพูดพร้อมกับพยักหน้า
“ท่านพ่อตา
เมื่อท่านกลับไปด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้
ข้าคิดว่าคงไม่มีอสูรตนใดบนโลกใบเล็กที่ท่านไม่อาจจะกำจัดได้ ข้าคิดว่าจากนี้ไปเมืองกลอรี่คงจะสงบสุขเสียที”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้ม
“แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงไม่กลับไปอยู่ยังโลกใบเล็ก
หรือว่ายังมีสิ่งอื่นที่ติดค้างอยู่ที่อาณาจักรซากมังกรแห่งนี้”
เอียเซิ่งอดที่จะสงสัยไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเอียเซิ่งเนี่ยลี่ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“ในตอนนี้มีเรื่องติดข้างอยู่อยู่สองเรื่อง
เรื่องที่หนึ่ง บัดนี้นิกายอสูรเหลือเพียงนิกายเทพอสูร
และสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูรใกล้ที่จะอุบัติขึ้น
แต่หากผู้นำนิกายคนอื่น ๆ สามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ ปัญหานี้ก็หาใช่เรื่องใหญ่ไม่”
“แล้วปํญหาอีกเรื่องคือ?” ตู่ซื่อที่นั่งเงียบอยู่ถามออกไป
“ที่โลกแห่งนี้
มีจักรพรรดิที่ชั่วร้าย ชื่อว่าจักรพรรดิปราชญ์
มันผู้นั้นมีความสามารถในการควบคุมห้วงเวลาได้
ในตอนนี้มันกำลังฟื้นฟูความแข็งแกร่ง ในอีกราวสองร้อยปีข้างหน้าเมื่อมันรักษาตัวเองเสร็จ
ข้าเชื่อว่ามันจะทำการย้อนเวลาเพื่อทำลายล้างโลกใบนี้ให้สูญสิ้น”
“นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน
ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?” ซูเซียงจิ้ง เว่ยหนาน จางหมิง
พูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ข้านั้นมีเรื่องที่ติดค้างผู้คนในอาณาจักรนี้มากมาย
ข้าต้องสังหารจักรพรรดิปราชญ์
ให้ได้ก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่โลกใบเล็กได้
นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องให้ทุกคน มาฝึกฝนยังอาณาจักรซากมังกรแห่งนี้”
เนี่ยลี่อธิบายอย่างช้า ๆ เมื่อคิดถึงตอนที่อิงเยว่ลู่ต้องสละชีวิตแทนเขา
เนี่ยลี่ก็กำหมัดแน่น
หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่เนี่ยลี่พูด
ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ
“ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิปราชญ์นั้นอยู่ในระดับใดกัน?” ฮวาหั่วอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นสูงสุด
แต่สิ่งที่รับมือได้ลำบากที่สุดคือความสามารถในการควบคุมห้วงเวลาของมัน”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป พร้อมกับถอนหายใจออกมา
“ไม่มีวิธีที่จะเอาชนะได้เลยเช่นนั้นหรือ?” เอียจื่ออวิ๋นที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นานแล้วถามออกไป
“สองปีที่ผ่านมาข้าก็ได้พบอยู่หลายหนทาง
แต่ก็ยังไม่อาจที่จะทำวิธีเหล่านั้นได้” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
หนทางแรกคือการใช้ตำราจิตอสูรท่องเวลา ที่มีความสามารถในการควบคุมเวลาเช่นเดียวกันเข้าต่อสู้
แต่เขาก็หายังไม่พบ อีกวิธีคือการรวบรวมผู้ที่กลับชาติมาเกิดใหม่
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจอมมาร คนที่เขาไม่อาจที่จะอภัยได้
หลังจากที่มองหน้าเอียเซิ่ง
เนี่ยลี่ก็นึกขึ้นมาได้ ความแค้นของเขากับจอมมารคือการที่เขาสังหารเอียเซิ่ง บัดนี้เอียเซิ่งก็ได้ฟื้นคืนกลับมาแล้ว
แม้จะยังโกรธแค้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายดั่งเช่นในตอนแรกแล้ว เนี่ยลี่จึงพูดออกไปว่า
“แต่ข้าก็พอจะมีหนทางหนึ่ง
ปรมาจารย์เต๋าฉางเคยบอกเอาไว้ว่า
หากสามารถค้นหาผู้ที่เคยต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์และกลับชาติมาเกิดทั้งหกได้
ก็จะมีโอกาสที่จะเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ได้”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทั้งหกคนเป็นใครกัน?” เซี่ยวหนิงเอ๋อถามออกไป
“ข้ารู้เพียงแค่หนึ่งในหกคนนั้นคือจอมมาร”
เนี่ยลี่พูดออกไป
“ข้าไม่มีวันที่จะร่วมมือกับคนเช่นนั้น”
เอียจื่ออวิ๋นที่ปกติจะนิ่งเงียบ เมื่อได้ยินชื่อของจอมมารนางก็
ไม่อาจที่จะทนรับฟังได้ นางต้องสูญเสียบิดาไปนานถึงสองปี
นางจะไม่มีทางอภัยให้จอมมารเป็นแน่
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่ต่างจากเจ้า
แต่บัดนี้ท่านพ่อตาก็ได้คืนชีวิตกลับมาแล้ว ความแค้นในใจข้าเองก็มิได้สลายไปจนหมด
เมื่อใดที่เอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ได้ หลังจากนั้นเราค่อยมาชำระความแค้นกันในภายหลัง”
เนี่ยลี่พูดออกไป ก่อนหน้านี้ความรู้สึกของเขาก็มิได้ต่างไปจากเอียจื่ออวิ๋น
ตอนที่ได้ฟังเรื่องนี้จากปรมาจารย์เต๋าฉาง
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่
เอียจื่ออวิ๋นก็หันไปมองบิดาของนาง เอียเซิ่งพยักหน้าโดยที่ไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกมา
“แต่การที่จะค้นหาอีกห้าคนก็มิใช่เรื่องง่าย
เพราะไม่มีข้อมูลอื่นใดเลย
นอกจากว่าพวกเขาเหล่านั้นจะสืบสายเลือดอันแข็งแกร่งมาเท่านั้น
ดังนั้นหนทางนี้อาจจะเป็นเพียงแค่หนึ่งในทางเลือกเท่านั้น เจ้าอย่าได้กังวลไป” เนี่ยลี่หันไปบอกกับเอียจื่ออวิ๋น
“ข้ารู้ว่าเรื่องที่พูดในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก
หากพวกเจ้าจะถอนตัวข้าก็ไม่ว่าอันใด” เนี่ยลี่พูดออกไป
“เจ้าพูดเรื่องบ้าอันใดกัน
ข้าไม่มีวันปล่อยให้พี่น้องไปต่อสู้เพียงลำพังแน่” ตู่ซื่อพูดออกไปอย่างจริงจัง และฮวาหั่วก็พยักหน้าอยู่ข้าง
ๆ
“เจ้าพูดราวกับมิใช่พี่น้องกัน
มีเวลาอีกสองร้อยปีข้ากับเซี่ยวซุ่ยคงมีลูกนับสิบคน มันยาวนานเพียงพอแล้ว”
ลู่เพียวลุกขึ้นยืนพูดออกไป แต่ก็ถูกเซี่ยวซุ่ยบิดหูให้มานั่งตามเดิม
และนางก็ยกมือเห็นด้วย
“ก็ดั่งที่ลู่เพียวพูด
ใช้ชีวิตสองร้อยปีก็มากเกินพอแล้ว” ซูเซียงจิ้ง เว่ยหนาน จางหมิง
พูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ
“ข้าจะต่อสู้ร่วมกับเจ้า”
เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ชีวิตของข้าเป็นของนายท่าน”
ต้วนเจี้ยนพูดขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย
“ข้าสามารถต่อสู้ร่วมกับพวกเจ้าได้หรือไม่”
เอียเซิ่งพูดขึ้นมา
“ท่านพ่อตาแก่แล้ว
ไปพักผ่อนที่โลกใบเล็กเถิด” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหัวเราะ
ทำให้เอียเซิ่งไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้พูดออกไป เนี่ยลี่ก็พูดขึ้นอีกว่า
“หากต้องสูญเสียท่านไปอีกครั้ง
ข้าคงจะไม่ยอมให้อภัยตนเองเป็นแน่ และจื่ออวิ๋นก็คงจะไม่ให้อภัยข้าเช่นกัน”
“พูดได้ดีเจ้าลูกเขย
ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะรอตามประสาคนแก่ที่โลกใบเล็ก แต่จงรับปากข้าว่า
พวกเจ้าทุกคนจะต้องกลับมาพร้อมหน้ากันและกลับไปหาข้าที่เมืองกลอรี่”
เอียเซิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ข้าสัญญา”
ทุกคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
หลังจากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
ดูเหมือนว่าเอียจื่ออวิ๋น จะเรียกเซี่ยวหนิงเอ๋อไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว หลังจากคุยกันเสร็จหนิงเอ๋อก็กอดจื่ออวิ๋นทั้งน้ำตา
แต่เนี่ยลี่ก็ไม่รู้ว่าพวกนางพูดคุยอะไรกัน
วันต่อมา
ผู้นำนิกายทั้งหกคนก็ได้มาพบกับเนี่ยลี่ที่ตำหนักผู้นำนิกาย
หลังจากที่พวกเขาแจ้งแก่เหล่าศิษย์และให้พวกเขาเดินทางกลับไปก่อน
มีเพียงไป๋ฮัวที่ต้องกลับไปด้วยความเศร้าใจเนื่องจาก
ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่ได้ปลดเขาออกจากการเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์
“ขอให้พวกท่านจงหลับตา
ข้าจะพาพวกท่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง” เนี่ยลี่พูดออกไป
ผู้นำนิกายทั้งหกก็หลับตาลงพร้อมกัน
เมื่อลืมตาขึ้นมา
พวกเขาก็มาอยู่ในภาพจิตรกรรมหมื่ขุนเขาและสายน้ำ
มีปรมาจารย์ทั้งห้าของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์รอให้การต้อนรับ
และพาพวกเขาทั้งหมดไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น
“หนึ่งเดือนนี้ขอให้พวกท่านฝึกฝนอยู่ข้างในนี้
ข้าได้เตรียมยาทิพย์เอาไว้ให้พวกท่านอย่างเพียงพอ
ที่เหลือท่านปรมาจารย์เทียนอู่จะเป็นผู้บอกแก่พวกท่านเอง” เนี่ยลี่พูดขึ้นมา
ผู้นำนิกายทั้งหกคนรู้จึงตื่นเต้นกับ
ที่แห่งนี้ยิ่งนัก เนื่องจากสัมผัสได้ถึงพลังสวรรค์ที่หนาแน่น
หากบ่มเพาะพลังอยู่ที่มีเป็นเวลาหนึ่งเดือนแม้จะไม่ได้ทานยาทิพย์
พวกเขาก็เชื่อว่าจะต้องสามารถเลื่อนระดับพลังได้เป็นแน่
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ฝากให้ปรมาจารย์เทียนอู่ดูแลผู้นำนิกายทั้งหกคน
และเขาก็บินไปหาเซี่ยวหยู่และเทพธิดายู่หยาน
“พี่สาวยู่หยาน เซี่ยวหยู่
อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
พวกเราจะเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็ก”เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าจะกลับไปด้วยวิธีใดกัน
กว่าที่ท่านพ่อของข้าจะเปิดประตูกลับสู่โลกใบเล็กต้องรออีกสามปี”
เซี่ยวหยู่ถามด้วยความสงสัย แม้ว่านางจะมีกุญแจไปสู่โลกใบเล็ก แต่จ้าวนครใต้พิภพได้สั่งห้ามมิให้นางใช้กุญแจเปิดกลับไป
“บัดนี้ข้าได้ผสานเข้ากับดวงจิตแห่งเทพของเทพธิดาเสิ่นช่วง นางเป็นผู้ที่สร้างโลกใบเล็กขึ้นมา
ดังนั้นตัวข้าเมื่อผสานเข้ากับดวงจิตของนางจึงเป็นดั่งกุญแจที่จะเดินผ่านประตูระหว่างโลกทั้งสองได้”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“ท่านพี่ยู่หยานเองก็โตขึ้นไม่น้อยเลย
บัดนี้คงไม่อาจอยู่ในแขนเสื้อข้าได้อีก” เนี่ยลี่พูดจาหยอกเย้ากับเทพธิดายู่หยาน
“เมื่อใดที่กายาเทพของข้าเติบใหญ่เท่าคนปกติ
ข้าจะลงโทษเจ้าที่กล้ามาล้อข้าเช่นนี้” เทพธิดายู่หยานตอบกลับไป
ในตอนนี้ความสูงของนางอยู่ราว ๆ หน้าอกของเนี่ยลี่ ระดับพลังของนางบัดนี้อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่แปดแล้ว
“เหตุใดข้าจึงไม่เห็นจินตานเลย?” เนี่ยลี่พูดด้วยความสงสัย
ปกติแล้วจินตานจะนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นหลังจากที่ได้ทานจนเต็มอิ่ม
“เจ้าคงไม่รู้
ดูเหมือนว่าจินตานจะเบื่อศิลาจิตวิญญาณแล้ว
วันก่อนจินตานแอบไปทานผลไม้แห่งพระเจ้าลงไป
ตอนนี้คงนอนหลับอยู่บนกิ่งของต้นไม้แห่งพระเจ้า” เทพธิดายู่หยานตอบกลับไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยลี่ก็อดแปลกใจไม่ได้
ขนาดตัวของจินตานนั้นใหญ่กว่าต้นไม้แห่งพระเจ้าเสียอีก
“คูลล คูลล”
มีเสียงดังมาจากต้นไม้แห่งพระเจ้า แม้จะมองไม่เห็นตัว
แต่พลังที่แผ่ออกมานั้นมากมายยิ่งนัก
"นี่มันพลังในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า" เนี่ยลี่พูดด้วยความตกใจ.......จบตอน