test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

6 พ.ย. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.12 จันทราโลหิต



“อู่เหยี่ยนนี่ท่านหักหลังข้าเช่นนั้นหรือ?” หลงเทียนหมิงตะโกนออกไป


“แม้ว่าข้ากับประมุขเนี่ยจะเคยขัดแย้งกัน แต่ข้าไม่มีทางที่จะทรยศต่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธ์เป็นอันขาด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะชั่วช้าถึงเพียงนี้ หลงเทียนหมิง” อู่เหยี่ยนตอบกลับไป


“เรื่องนี้ข้าจะถือว่าเป็นเรื่องภายในของตระกูลผนึกมังกร ท่านป้าหลงซูอวิ๋น ท่านจะลงโทษหลงเทียนหมิงเช่นใดกัน?” เนี่ยลี่หันไปคุยกับหลงซูอวิ๋น แม้ว่าหลงยู่อินจะได้เป็นผู้นำตระกูลแล้ว แต่หลงซูอวิ๋นก็เป็นมารดาของนาง


“ข้าจะฉีกหลงเทียนหมิงออกมาเป็นชิ้น ๆ เพื่อเอาเลือดของมันไปขอโทษต่อบรรพชน” หลงซูอวิ๋นพูดขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เนี่ยลี่เองก็รู้ว่านางนั้นเป็นคนเช่นใด


“ท่านแม่ ตระกูลผนึกมังห้ามมิให้สังหารคนในครอบครัว แม้ว่าข้าจะโกรธแค้นหลงเทียนหมิงเพียงใด แต่ด้วยฐานะผู้นำตระกูล ท่านแม่โปรดเข้าใจด้วย” หลงยู่อินพูดขึ้นมา หากนางไม่พูดเช่นนี้ แม่ของนางจะต้องเข้าไปสังหารหลงเทียนหมิงทันทีเป็นแน่


“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะลงโทษเจ้าคนเนรคุณนี้เช่นใด?” หลงซูอวิ๋นพูดขึ้นมา นางยังรู้สึกโมโหอยู่เต็มหัวใจ


“ในนามผู้นำตระกูล ข้าขอลงโทษโดยการทำลายวรยุทธของเจ้า และคุมขังเขาเอาไว้จนกว่าจะสำนึกผิด” ภายในห้องขังของตระกูลผนึกมังกร หลงเทียนหมิงไม่อาจที่จะใช้พลังอันใด เนื่องจากห้องคุมขังถูกผนึกด้วยผนึกค่ายกลลับของตระกูลผนึกมังกร


“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะลงโทษข้า” หลงเทียนหมิงตะโกนออกมาราวกับคลุ้มคลั่ง หลงยู่อินยื่นมือไปที่หน้าประตูห้องคุมขัง และปลดปล่อยลมปราณเข้าไป กลไกลของห้องขังจึงทำงานทันที โซ่ตรวนที่ถูกมัดไว้ที่แขนและขา ดึงหลงเทียนหมิงให้ลอยค้างอยู่กลางอากาศ จากนั้นลมปราณก็แผ่เข้าไปตรงข้อมือและข้อเท้าของหลงเทียนหมิง ตัดเส้นชีพจร ทำให้เขาไม่อาจที่จะขับเคลื่อนลมปราณได้อีก

“ศิษย์พี่อู๋เหยี่ยน ขอบคุณท่านมากที่ให้ความร่วมมือ” เนี่ยลี่หันไปคุยกับอู่เหยี่ยน


“ประมุขเนี่ยอย่าได้พูดเช่นนี้ ในครั้งนี้ขอให้ถือว่าข้าได้ทำคุณไถ่โทษที่เคยเสียมารยาทต่อประมุขเนี่ย” อู่เหยี่ยนประสานมือคารวะ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะมีเรื่องขัดแย้งกับเนี่ยลี่ แต่เนี่ยลี่ก็ยังมอบยาทิพย์ให้แก่เขา เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเนี่ยลี่ยิ่งนัก


ในตอนนี้สายที่นิกายอสูรส่งมาถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น เนี่ยลี่จงใจที่จะปล่อยหลงเทียนหมิงเอาไว้ เพราะต้องการทราบว่าหลงเทียนหมิงนั้นทำงานให้กับผู้ใด เขาไม่นึกเลยว่า หลงเทียนหมิงจะเป็นถึงศิษย์ของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงแห่งนิกายเทพอสูร โชคดีที่สามารถรู้ความจริงได้ก่อนที่จะครบกำหนดการปล่อยตัวของหลงเทียนหมิง


หลังจากนั้นหลงยู่อินก็ปล่อยหลงเทียนหมิงลงไปอยู่กับพื้นเช่นเดิม หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินออกไปจากห้องคุมคังของตระกูลผนึกมังกร


สามวันต่อมา ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ


ร่างของเอียเซิ่งถูกสร้างขึ้นมาจนสมบูรณ์แล้ว ในตอนนี้กำลังผสานเข้ากับดวงวิญญาณ ร่างกายของเอียเซิ่งเปร่งแสงขึ้นมา และแสงนั้นค่อย ๆ หายไป เมื่อผสานจนเสร็จสมบูรณ์ร่างของเอียเซิ่งก็ลอยออกมาจากกระจกวิญญาณ หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของเอียเซิ่งก็เปิดขึ้น


เอียเซิ่งลืมตาและลุกขึ้นมา และจับดูแขนของตนเอง ดูเหมือนว่าเขาจะยังรู้สึกสับสน ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือกำลังต่อสู้อยู่กับจอมมารและถูกดึงแขนทั้งสองข้างออกไป หลังจากนั้นก็ถูกสังหาร

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น และที่นี่คือที่ใดกัน?” เอียเซิ่งเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเนี่ยลี่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ที่นี่คือนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรซากมังกร สหายข้าได้คืนชีวิตให้แก่ท่าน” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมา

“ข้าจะพาท่านออกไปด้านนอก” เนี่ยลี่พาเอียเซิ่งออกไปจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ไปยังตำหนักของผู้นำนิกาย


“ในตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจ แต่ในยามนี้ข้าก็นับว่าเป็นแขกของนิกาย เนี่ยลี่เจ้าพาข้าไปคารวะท่านผู้นำนิกายได้หรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าคงจะเสียมารยาทยิ่งนัก” เอียเซิ่งยังคงเป็นคนมีมารยาทและจริงจังเช่นเดิม ทำให้เนี่ยลี่ที่จะหัวเราะไม่ได้


“ผู้นำนิกายแห่งนี้ก็คือข้าเอง หากท่านไม่รังเกียจก็คารวะข้าได้” เนี่ยลี่พูดออกไปพร้อมกับยิ้ม


“เจ้าเด็กบ้า ยังพูดจาอวดดีไม่ต่างตอนที่อยู่ที่ตำหนักของข้า เด็กเช่นเจ้าจะเป็นผู้นำนิกายใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้วนับจากที่ข้าตายไป แล้วจื้ออวิ๋น ลูกข้าอยู่ที่ใดกัน” เอียเซิ่งดุเนี่ยลี่เสียงดัง พร้อมกับถามออกไป


“เชิญท่านพ่อตานั่ง ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ท่านฟัง เรื่องแรกนับจากที่ท่านถูกจอมมารสังหาร ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว ส่วนจื่ออวิ๋นนั้น นางฝึกฝนอยู่ที่นิกายเสียงสวรรค์ เรื่องสุดท้าย ข้าคือผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างแท้จริง” เนี่ยลี่ค่อย ๆ พูด เพราะดูเหมือนว่า เอียเซิ่งคงต้องปรับตัวไม่น้อย


“ข้าสามารถไปพบกับลูกของข้าได้หรือไม่?” เอียเซิ่งรู้สึกร้อนใจต้องการที่จะเจอหน้าลูกสาว


“นิกายเสียงสวรรค์ห้ามมิให้ผู้ชายเข้าไปโดยเด็ดขาด และต้องใช้เวลาในการเดินทางไม่น้อย ตลอดเส้นทางเต้มไปด้วยอสูรมากมาย” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับส่ายหน้า


“เจ้าลืมไปแล้วเช่นนั้นหรือ ข้านั้นก็บรรลุระดับตำนานแล้ว มีอสูรตนใดที่ข้าต้องกลัวอีก?” เอียเซิ่งถามด้วยความสงสัย


“ท่านพ่อตาคงไม่ทราบ ระดับพลังของท่านเมื่อในอาณาจักรแห่งนี้ มิได้ต่างไปจากผู้ไร้วรยุทธ” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับแผ่ลมปราณของตนออกมาให้เอียเซิ่งได้เห็น


“นี่มันพลังระดับอะไรกัน?” เอียเซิ่งอดที่จะแปลกใจไม่ได้ พลังในระดับนี้เหนือยิ่งกว่าเอียมัวบิดาของเขาเสียอีก


“ระดับพลังของข้าเรียกว่า ระดับวิถีแห่งมังกร เป็นระดับที่สี่ของอาณาจักรแห่งนี้ ระดับพลังของอาณาจักรแห่งนี้เริ่มจาก ระดับชะตาสวรรค์ ดาราสวรรค์ แก่นแท้แห่งสวรรค์ วิถีแห่งมังกร และเทพสงคราม และผู้ที่คืนชีวิตให้แก่ท่านนั้นอยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า” เนี่ยลี่อธิบายอย่างช้า ๆ


“ข้าคงจะเป็นดั่งเด็กทารกในอาณาจักรแห่งนี้” เอียเซิ่งพูดพร้อมกับถอนหายใจ กว่าที่เขาจะบรรลุระดับตำนานต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต แต่ในอาณาจักรแห่งนี้กลับไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง


“อีกไม่นานข้าจะเชิญนิกายศักดิ์สิทธ์ทั้งหกมาชุมนุมกัน ข้าเชื่อว่าเอียจื่ออวิ๋นคงจะเดินทางมาด้วย กว่าจะถึงวันนั้นหากท่านพ่อตาต้องการ ข้าจะหาอาจารย์สอนให้ท่านดูดซับพลังสวรรค์” อาจารย์ชิหลิงเองก็ว่างอยู่เนื่องจากสองปีมานี้ไม่มีการรับศิษย์ใหม่เข้านิกาย เขาคิดจะให้อาจารย์ชิหลิงฝึกฝนให้เอียเซิ่ง

“ถ้าหากได้เช่นนั้นข้าก็ยินดี ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โกหกที่บอกว่าเป็นผู้นำนิกายสินะ” เอียเซิ่งพูดพร้อมกับพยักหน้า


“ข้าจะโกหกท่านไปด้วยเหตุใดกัน ตำหนักที่ท่านกับข้าอยู่นี่ก็เป็นตำหนักของผู้นำนิกาย ข้าสามารถเรียกผู้ใดมาพบก็ได้ หากท่านต้องการ” เนี่ยลี่ยืดอก เขารู้สึกดีใจยิ่งนักที่ได้พูดล้อเล่นกับเอียเซิ่งเช่นนี้


“เจ้าเด็กอวดดี ไม่ว่าเจ้าจะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน แต่จงจำไว้เจ้าต้องให้ความเคารพข้าในฐานะพ่อตา” เอียเซิ่งตอบกลับไป เขาเองก็มีความสุขไม่น้อยกว่าเนี่ยลี่


หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกัน เนี่ยลี่ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาราวสองปีที่ผ่านมา ในคืนนั้นเป็นคืนแรกที่เนี่ยลี่นอนหลับไปอย่างมีความสุข


เช้าวันต่อมา


“ท่านพ่อตา นี่คืออาจารย์ชิหลิง เขาจะสอนท่านเกี่ยวกับการดูดซับพลังสวรรค์และสร้างชะตาวิญญาณ” เนี่ยลี่เรียกอาจารย์ชิหลิงมา และมอบหมายให้เป็นอาจารย์สอนเอียเซิ่ง


“ประมุขเนี่ยไม่ต้องกังวล ข้าจะฝึกฝนให้พ่อตาของท่านเป็นอย่างดี” อาจารย์ชิหลิงประสานมือคารวะเนี่ยลี่ และพาเอียเซิ่งไปฝึกฝนเป็นการส่วนตัว ด้วยยาทิพย์ของเนี่ยลี่แม้จะเป็นคนธรรมดา หากได้รับการฝึกฝนพร้อมกับดื่มยาทิพย์ ก็สามารถบรรลุระดับชะตาสวรรค์ได้ในเวลาไม่กี่วัน


หนึ่งเดือนต่อมา


เอียเซิ่งนั้นสามารถบรรลุระดับดาราสวรรค์ได้ และดูเหมือนเขาจะยินดีไม่น้อยที่ได้รู้ว่า หากนำชะตาวิญญาณฝากไว้ในห้องโถงวิญญาณเขาจะสามารถคืนชีพได้


หลี่ชิงอวิ๋นเองก็นำศิลาเร้นเมฆาแจกจ่ายให้แก่ศิษย์ทั่วทั้งนิกาย รวมไปถึงชนเผ่าเมฆาสวรรค์ด้วย ดูเหมือนว่าศิลาเร้นเมฆาก้อนแรกที่กู้เบ่ยไปขอมานั้นจะไม่เพียงพอ กู้เบ่ยจึงเดินทางไปขอจากต้วนเจี้ยนที่นิกายเร้นเมฆามาอีกครั้ง


เนี่ยลี่เตรียมที่จะดำเนินแผนการขั้นต่อไป จึงเข้าไปข้างในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำอีกครั้ง

ดูเหมือนว่า เซี่ยวหยู่จะทำการคืนชีพให้กับป้าเซี่ยแล้ว เนี่ยลี่จึงบินไปหาป้าเซี่ยและส่งป้าเซี่ยออกไปจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ส่วนเขานั้นบินไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นเพื่อไปพบกันปรมาจารย์ทั้งห้า

“ไม่ทราบว่าท่านปรมาจารย์ทั้งห้ามีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะพลังเป็นเช่นใดบ้าง” เนี่ยลี่ถามออกไป


“ประมุขเนี่ย มีเพียงข้าที่บรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว” ปรมาจารย์เทียนอู่ตอบกลับไป เดิมทีนั้นระดับพลังของปรมาจารย์เทียนอู่ก็สูงกว่าปรมาจารย์ทั้งสี่อยู่แล้ว จึงไม่แปลกนักที่เขาจะบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ก่อน


“ถ้าเช่นนั้นข้ามีเรื่องที่ต้องรบกวนท่านปรมาจารย์เทียนอู่แล้ว” เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป


“ประมุขเนี่ยต้องการให้ข้าทำสิ่งใดกัน?” ปรมาจารย์เทียนอู่ถามด้วยความสงสัย


“ข้าต้องการให้ท่านส่งจดหมายเชิญไปยังหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ และเชิญให้เหล่าผู้นำและศิษย์เอกของพวกเขามายังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โดยให้แจ้งไปว่าเชิญมาจิบน้ำชาและสนทนากันเท่านั้น” เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป เขาเชื่อว่าเหล่าสหายของเขาจะต้องได้ติดตามมาด้วยเป็นแน่


“ท่านจะให้ข้าเชิญพวกเขามาเมื่อใดกัน?” ปรมาจารย์เทียนอู่หยิบพู่กันและมานั่งเขียนจดหมายตามคำสั่งของเนี่ยลี่


“ในอีกสามเดือนข้างหน้า!” เนี่ยลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกไป


“ถ้าเช่นนั้นประมุขเนี่ยโปรดรอข้าสักครู่” 

ปรมาจารย์เทียนอู่เริ่มจรดพู่กันเขียนจดหมายห้าฉบับและส่งมันให้กับเนี่ยลี่


“ขอบคุณท่านปรมาจารย์เทียนอู่ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ขอรบกวนแล้ว” จากนั้นเนี่ยลี่ก็ออกไปจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ และได้ส่งให้คนนำจดหมายไปส่งให้กับนิกายทั้งห้า และเนี่ยลี่ก็ได้เขียนจดหมายถึงคนอื่น ๆ เป็นการส่วนตัวฝากไปด้วย โดยให้พวกเขาพยายามขอติดตามผู้นำนิกายทั้งห้าเดินทางมาด้วยในวันที่ระบุไว้


“สำหรับนิกายเร้นเมฆาของต้วนเจี้ยนนั้น คงต้องวานเจ้าแล้วนะกู้เบ่ย” เนี่ยลี่หันไปบอกกับกู้เบ่ย


“เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” กู้เบ่ยพูด

ในอีกสามเดือนข้างหน้า การชุมนุมของหกสำนักใหญ่จะมาถึง ไม่รู้ว่าเขาจะทำในสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ได้หรือไม่ เขาได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในระหว่างนี้


ณ นิกายจันทราโลหิต



เซวี่ยซินเยวี่ย เจ้าพูดเช่นนี้หมายความเช่นใดกัน คิดจะปฏิเสธความรับผิดชอบ ชีวิตของศิษย์เอกทั้งห้าของข้าเช่นนั้นหรือ?ปรมาจารย์ต้าเหลย ทุบโต๊ะอย่างรุนแรง และพูดออกไป.................จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง