test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

7 พ.ย. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.13 ปลดโซ่ตรวน


         
  “ใครจะคิดเล่า ว่าศิษย์เอกทั้งห้าของเจ้าจะอ่อนหัดถึงเพียงนี้ แค่นิกายเล็ก ๆ เช่นนิกายเร้นเมฆาก็ไม่อาจที่จะทำลายได้”เซวี่ยซินเยวี่ยผู้นำนิกายจันทราโลหิต ตอบกลับไปอย่างไม่สนใจใยดีนัก
         
  “หากเจ้าคิดก่อสงครามกับพวกมนุษย์เหตุใดจึงไม่ให้ศิษย์ของเจ้าเป็นผู้กระทำ” ปรมาจารย์ต้าเหลย พูดออกไปด้วยความไม่พอใจ
         
 “ศิษย์เอกทั้งห้าของพวกเจ้ามาหารือกับข้า ข้าก็แค่แนะนำไปก็เท่านั้น” เซวี่ยซินเยวี่ย ตอบกลับไป และพูดต่ออีกว่า
         
“ข้าได้ข่าวมาว่า เจ้านั้นได้เดินทางไปล้างแค้นให้กับศิษย์เอกของเจ้า แล้วเหตุใดจึงต้องมาแค้นเคืองกันอีก?
         

  “หากข้าได้นำเลือดของพวกมันมาเซ่นสังเวยแก่วิญาณศิษย์ข้า ข้าก็คงจะคลายความโกรธแค้นได้บ้าง แต่เจ้าคนที่สังหารศิษย์ข้า มันใช้ชื่อว่าเทพกระบี่ แต่งกายปกปิดใบหน้า ข้าได้ทดสอบฝีมือกับมันมาแล้ว” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
         
“เทพกระบี่ ช่างกล้ายิ่งนักที่ขนานนามตนเองเช่นนั้นต่อหน้า เทพกระบี่สายฟ้าเช่นเจ้า” เซวี่ยซินเยวี่ยพูดพร้อมกับหัวเราะ
         

  “มันใช้ลมปราณกระบี่ที่ชื่อว่าเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน สามารถทำลายกระบี่สายฟ้าของข้าได้ และทำให้ข้าบาดเจ็บพักฟื้นมาร่วมหนึ่งเดือน จนบัดนี้แผลยังไม่สนิท” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดอย่างจริงจัง
         

   “ดูเหมือนว่า พวกเราจะดูถูกพวกมนุษย์มากเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าอาจจะต้องหารือร่วมกันระหว่างนิกายอสูรทั้งสามแล้ว” เซวี่ยซินเยวี่ยเห็นท่าทีจริงจังของปรมาจารย์ต้าเหลย จึงรับรู้ได้ว่าฝีมือของเทพกระบี่ผู้นั้นต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่!
         

    “นิกายเทพอสูรเป็นนิกายใหญ่ พวกเขาอาจจะไม่สนใจนิกายของพวกเราทั้งสอง แต่เพื่อความอยู่รอดของนิกายอสูร ข้าจะลองไปขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เทพทั้งสี่ดู” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดออกไป
         
    “เรื่องศิษย์เอกทั้งห้าของเจ้า ข้าเองก็มีส่วนผิด ดังนั้นเรื่องนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เซวี่ยซินเยวี่ยลุกขึ้นและออกเดินทางไปพร้อมกับปรมาจารย์ต้าเหลย
         

     หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่มีการแจกจ่ายศิลาเร้นเมฆาแก่ศิษย์ทุกคนแล้ว โดยเนี่ยลี่ให้ศิษย์ทุกคนปิดกั้นลมปราณลงมาหนึ่งระดับ แต่ก็ยังคงห้ามมิให้ศิษย์ของนิกายเดินทางออกไปที่ใด เป็นการเปิดประตูนิกายเพื่อให้ นิกายภายนอกคลายความกังวลเท่านั้น และไม่ให้ประกาศเกี่ยวกับเรื่องผู้นำนิกายคนใหม่ออกไป
         

  หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ได้เดินทางไปยัง เมืองชายแดนของพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดอีกครั้ง เพื่อไปหาประธานหลิน ที่สมาคมการค้าหลงซี
         
“ข้าคิดว่านายน้อยจะไม่เดินทางมาเสียแล้ว” ประธานหลินประสานมือคารวะทักทายเนี่ยลี่
         

    “ข้าจะไม่เดินทางมาได้เช่นใดกัน อย่าลืมสิว่าข้านั้นได้ให้เงินมัดจำแก่ท่านไม่น้อย ไม่ทราบว่าธุระที่ข้าขอให้ท่านจัดการ เป็นเช่นใดบ้าง” เนี่ยลี่ยิ้มและถามกลับไป
         

     “หลายปีมานี้ สมาคมการค้าหลงซีได้ขายชนเผ่าเมฆาสวรรค์ไปทั้งหมด หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้าคน น่าเสียดายที่ข้าสามารถซื้อคืนมาได้เพียงหนึ่งพันหนึ่งร้อยคนเท่านั้น คนที่เหลือนั้นได้เสียชีวิตไปทั้งหมดแล้ว” ประธานหลินตอบกลับไปด้วยความเสียดาย หากซื้อกลับมาได้ทั้งหมด เขาคงจะได้กำไรมากกว่านี้
         
“มีคนที่ได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่?” เนี่ยลี่ถามไปอีกครั้ง
         
    “มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่บาดเจ็บหลายร้อยคน แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าได้ให้หมอมารักษาจนหายดีแล้ว และจัดหาที่พักให้แก่พวกเขาพร้อมอาหาร ตามที่นายน้อยได้แจ้งไว้” ประธานหลินตอบกลับไปด้วยความสุภาพ
         

      “จงรับค่าดำเนินการของเจ้าไป ข้าคิดว่าศิลาจิตวิญญาณจำนวนยี่สิบล้านก้อนนี้คงจะเพียงพอ” เนี่ยลี่ส่งแหวนห้วงมิติให้แก่ประธานหลิน
         

     ประธานหลินรับมาด้วยความยินดี จริง ๆ แล้ว เงินห้าสิบล้านศิลาจิตวิญญาณที่ได้มาตอนแรก หลังจากที่เขาไปขอซื้อชนเผ่าเมฆาสวรรค์กลับมาคืน ก็มีเงินเหลือนับสิบล้านศิลาจิตวิญญาณ การได้รับเงินเพิ่มเขาจึงดีใจยิ่งนัก
         

      “นี่คือหนังสือพันธสัญญาทั้งหมดของพวกเขา ขอให้นายน้อยรับไปด้วยขอรับ” ประธานหลินรับส่งหนังสือพันธสัญญาของชนเผ่าเมฆาสวรรค์จำนวนหนึ่งพันหนึ่งร้อยฉบับให้แก่เนี่ยลี่ พร้อมกับพาไปหาชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่สมาคมการค้าหลงซีได้ซื่อคืนมาทั้งหมด
         

   “พวกเจ้าทั้งหมดจงตามข้ามา!” เนี่ยลี่บอกแก่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์และบินไปยังหมู่บ้านของพวกเขา  ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมดทะยานตามเนี่ยลี่ด้วยความสงสัย
         

    เมื่อมาถึงหมู่บ้าน ทั้งชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ตามมาและ ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ในหมู่บ้านต่างก็รู้สึกแปลกใจ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
         

    “พวกเจ้าก็ได้เห็นแล้วว่า ข้านั้นตั้งใจช่วยเหลือพวกท่านอย่างแท้จริง ข้าได้ซื้อชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ได้ถูกขายเป็นแรงงานออกไปกลับมาทั้งหมดแล้ว น่าเสียดายที่อีกร้อยกว่าคนที่ไม่ได้กลับมา ข้าได้ข่าวมาว่า เสียชีวิตไปแล้ว จากนี้ไปพวกเจ้ายินดีที่จะติดตามข้ากลับไปนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์หรือไม่” เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

     ดูเหมือนว่าในตอนนี้ ชนเผ่าเมฆาสวรรค์จะไม่มีคนที่รู้สึกคลางแคลงใจในตัวเนี่ยลี่อีกแล้ว ทุกคนยินดีที่จะติดตามเนี่ยลี่ไป รวมถึงครอบครัวของคนที่เขาแจ้งว่าเสียชีวิตไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องรอคอยโดยไร้ค่าอีกต่อไป
         

    เนี่ยลี่ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยกับการทำพันธสัญญาณกับชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมด จากนั้นก็นำพวกเขาเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ แม้ว่าจะยังไม่มากพอ แต่เขาก็ได้ชำระหนี้ที่ติดค้างบางส่วนแก่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์แล้ว
         

นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
         

      หลังจากที่เนี่ยลี่กลับมาจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด เขาก็ได้ให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์จัดแบ่งพื้นที่ และให้ผู้ที่เป็นนักรบ เข้าไปฝึกฝนในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นช่วงเวลา หลักจากการฝึกซ้อมก็สามารถกลับมาหาครอบครัวได้ ส่วนชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ไม่อาจจะสู้รบได้ ก็อนุญาตให้ทำการค้าภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
         

 สำหรับการเตรียมการ ของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ก็นับว่า เป็นไปได้ด้วยดี ทันใดนั้นเสวียนอวี่ ก็วิ่งมาหาเนี่ยลี่
         
   “นายท่านขอรับ ข้ามีเรื่องที่เป็นกังวล ภรรยาของข้าใกล้คลอดแล้ว ข้าเกรงเกี่ยวกับคำสาปของจักรพรรดิปราชญ์”  เสวียนอวี่พูดด้วยความร้อนใจ
         

 “ปกติแล้วหนังสือพันธสัญญาของชนเผ่าเมฆาสวรรค์จะมาจากที่ใดกัน?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย เขาเองนั้นไม่ได้รู้เกี่ยวกับคำสาปนี้มากนัก
         

“หลังจากที่คลอดมาแล้ว แผ่นหนังตรงส่วนท้องจะแยกออกมาเป็นหนังสือพันธสัญญาขอรับนายท่าน” เสวียนอวี่อธิบาย
         

 เนี่ยลี่พยายามครุ่นคิด ดูเหมือนว่าคำสาปจะเริ่มปรากฏหลังจากที่เด็กคลอดออกมา ถ้าหากให้คลอดในพื้นที่ต่างมิติ เช่นภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำจะเป็นเช่นใดกัน
         

 “เสวียนอวี่ อาจจะมีวิธีล้างคำสาปให้กับลูกของเจ้าได้ เจ้าต้องการที่จะให้ข้าลองดูหรือไม่?” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจัง แม้ว่าจะยืนยันผลสำเร็จไม่ได้ เขาก็ต้องการที่จะลองดู
         

 “ชีวิตของข้าและลูกเป็นของนายท่าน นายท่านจะทำสิ่งใดข้าก็ยินดี” เสวียนอวี่คุกเข่าและพูดกับเนี่ยลี่ หากมีความหวังแม้เพียงน้อยนิดหากลูกของเขาพ้นจากคำสาปได้ ก็นับว่าเป็นพรจากพระเจ้าแล้ว
         

 เนี่ยลี่ได้นำเสวียนอวี่ และภรรยา รวมถึงหญิงชราของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ทำหน้าที่ทำคลอด เข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ และพาไปนอนพักที่ตำหนักซีอิงเสิ่น
         

  หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยามต่อมา  ภรรยาของเสวียนอวี่ก็ได้คลอดบุตรชายออกมา และดูเหมือนว่า ผิวหนังของเขาจะไม่กลายเป็นหนังสือพันธสัญญา เสวียนอวี่รีบอุ้มบุตรชายมาหาเนี่ยลี่และพูดพร้อมน้ำตาเต็มใบหน้าว่า
         

  “นายท่านลูกชายของข้า ไม่มีหนังสือพันธสัญญา หมายความว่าเขามิได้ถูกผูกมัดด้วยคำสาปของจักรพรรดปราชญ์”
         

 “ไม่คิดเลยว่าจะสามารถล้างคำสาปได้ง่ายเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้กับเด็กที่คลอดใหม่เท่านั้น” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้ม



เป็นคำสาปที่มีความขัดแย้งยิ่งนัก ดูเหมือนว่าแก้ได้ง่ายแต่ไม่อาจที่จะแก้ได้ วิธีการแก้คำสาปจะต้องให้เด็กจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์คลอดออกมาภายนอกพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด แต่เดิมทีชนเผ่าเมฆาสวรรค์จะไม่ยอมให้สตรีถูกขายออกไปจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด จึงไม่เคยมีผู้ใดที่ทราบเรื่องนี้มาก่อน [จริง ๆ แล้วไม่ต้องเข้าไปคลอดในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำก็ได้ เนี่ยลี่ก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่ต้องการที่จะเสี่ยง]

“นายท่านโปรดตั้งชื่อให้กับลูกชายของข้าด้วย” เสวียนอวี่พูดขึ้นมา

“ลูกชายของเจ้าเป็นบุตรแห่งเมฆาที่ล่อยลอยได้อย่างอิสระ ข้าขอตั้งชื่อให้เขาว่า ฝูอวิ๋น” [浮云:เมฆาล่องลอย] เนี่ยลี่ตอบกลับไป


“แม้ว่า ฝูอวิ๋น จะมิได้มีพันธสัญญาใด ๆ กับนายท่าน แต่ลูกชายข้าจะติดตามนายท่านเช่นเดียวกับข้า” เสวียนอวี่ชูลูกชายขึ้นเหนือหัวพร้อมกับเตรียมกล่าวคำสาบานให้ ลูกชายของเขาไร้ซึ่งคำสาปที่เป็นดั่งโซ่ตรวนที่ผูกมัดชนเผ่าของเขาเอาไว้


“อย่าเลยเสวียนอวี่ ชื่อของเขาคือเมฆาที่ล่องลอย จงอย่าได้ขีดเส้นทางกำหนดใด ๆ ให้แก่เขา ข้านั้นรับรู้ถึงความซื่อสัตย์ของเจ้าแล้ว” เนี่ยลี่โบกมือพร้อมกับปฏิเสธ ถ้าหากทำเช่นนั้น การที่ล้างคำสาปได้จะมีความหมายอันใด


หลักจากที่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์คนอื่น ๆ รู้ว่า ลูกของพวกเขาที่เกิดในดินแดนภายนอก จะไม่ถูกผูกมัดด้วยคำสาปของจักรพรรดิปราชญ์ ทำให้พวกเขาดีใจจนน้ำตารินไหลออกมา ในภายภาคหน้าลูกหลานของพวกเขาก็จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง


เนี่ยลี่มองไปบนฟ้า และพูดขึ้นมาว่า “สิ่งที่ข้าได้ทำลงไป คงจะทำให้ท่านจักรพรรดิเมฆาสวรรค์พอใจได้บ้าง”


หนึ่งเดือนต่อมา การค้าของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็มีความคึกคักยิ่งนัก


แต่ที่เมืองชายแดนของพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดกลับเงียบเหงา ไม่มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์ออกมาจาก หมู่บ้านเพื่อขายแรงงานแม้แต่คนเดียว เมื่อไร้ซึ่งสินค้าสมาคมการค้าหลงซีก็ไม่อาจที่จะทำการค้าได้ ประธานหลินทำได้เพียงแค่รอคอยให้มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์ออกมาจากหมู่บ้านสักคน ในเวลานี้มีผู้ติดต่อขอซื้อยอดฝีมือชนเผ่าเมฆาสวรรค์ในราคาที่สูงยิ่งนัก แม้ว่าจะมีคนเสนอราคาที่หนึ่งแสนศิลาจิตวิญยาณต่อคน แต่พวกเขาก็ไม่อาจหาซื้อได้แม้แต่คนเดียว


ส่วนนิกายเร้นเมฆาปัจจุบัน ถูกยกฐานะให้เป็นนิกายย่อยของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ เนี่ยลี่ได้ส่งคนไปช่วยคุ้มครอง ทำให้พวกนิกายอสูรไม่กล้าบุกเข้าโจมตี จนในตอนนี้มีความรุ่งเรืองขึ้นมา ไม่น้อยหน้านิกายอื่น ๆ


ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จะมีการชุมนุมของหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ ตู่ซื่อ เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อ จางหมิง เว่ยหนาน และซูเซียงจิ้ง ต่างก็ส่งจดหมายกลับมาและแจ้งว่าจะได้ติดตามอาจารย์ของพวกเขาเดินทางมาอย่างแน่นอน


ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาล้วนอยู่ในระดับวิถีแห่งมังกร ด้วยความสามารถในระดับนี้ แม้จะได้เป็นโอรสและธิดาศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละนิกายก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด


เขาจะต้องดำเนินการตามแผนขั้นต่อไปก่อนที่พวกนิกายอสูรจะทำการเคลื่อนไหว


ในขณะเดียวกัน ที่นิกายจันทราโลหิต


“เจ้าพวกนิกายเทพอสูรถือว่าเป็นนิกายใหญ่ แค่ขอเข้าพบก็ยากเย็นยิ่งนัก เมื่อได้เข้าพบกลับสั่งให้พวกเรายุบนิกายและเข้าร่วมกับนิกายเทพอสูร การทำเช่นนี้เป็นการไม่ไว้หน้าพวกเราอย่างเห็นได้ชัด” เซวี่ยซินเยวี่ยพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ


“เซวี่ยซินเยวี่ย นับจากนี้ไปข้าจะปิดประตูฝึกตน อีกไม่นานข้าก็จะบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่สามแล้ว เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไปล้างแค้นให้แก่ศิษย์เอกของข้าด้วยกำลังของข้า ข้าขอให้เจ้าช่วยสืบข่าวหาตัวจริงของเจ้าเทพกระบี่ผู้นั้นด้วย”  ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดออกไป เขารู้แล้วว่านิกายเทพอสูรหาได้สนใจนิกายของพวกเขาทั้งสองไม่ การหยิบยืมกำลังของนิกายเทพอสูรก็ไม่ต่างจากการ ไปก้มหัวขอเป็นลูกน้อง


“ข้ารับปากเจ้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าก็จะเดินทางไปกับเจ้าด้วย เพื่อแสดงให้พวกนิกายเทพอสูรได้เห็นว่านิกายของเราทั้งสอง มิได้อ่อนแอดั่งที่พวกมันคิด” เซวี่ยซินเยวี่ยตอบกลับไป


นิกายอสูรทั้งสามเองก็แตกแยกไม่ต่างจากนิกายของเหล่ามนุษย์ ความขัดแย้งนี้อาจจะเป็นผลดีแก่เนี่ยลี่ก็เป็นได้........จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง