“ใครจะคิดเล่า
ว่าศิษย์เอกทั้งห้าของเจ้าจะอ่อนหัดถึงเพียงนี้ แค่นิกายเล็ก ๆ
เช่นนิกายเร้นเมฆาก็ไม่อาจที่จะทำลายได้”เซวี่ยซินเยวี่ยผู้นำนิกายจันทราโลหิต
ตอบกลับไปอย่างไม่สนใจใยดีนัก
“หากเจ้าคิดก่อสงครามกับพวกมนุษย์เหตุใดจึงไม่ให้ศิษย์ของเจ้าเป็นผู้กระทำ”
ปรมาจารย์ต้าเหลย
พูดออกไปด้วยความไม่พอใจ
“ศิษย์เอกทั้งห้าของพวกเจ้ามาหารือกับข้า
ข้าก็แค่แนะนำไปก็เท่านั้น” เซวี่ยซินเยวี่ย ตอบกลับไป
และพูดต่ออีกว่า
“ข้าได้ข่าวมาว่า
เจ้านั้นได้เดินทางไปล้างแค้นให้กับศิษย์เอกของเจ้า
แล้วเหตุใดจึงต้องมาแค้นเคืองกันอีก?”
“หากข้าได้นำเลือดของพวกมันมาเซ่นสังเวยแก่วิญญาณศิษย์ข้า
ข้าก็คงจะคลายความโกรธแค้นได้บ้าง แต่เจ้าคนที่สังหารศิษย์ข้า
มันใช้ชื่อว่าเทพกระบี่ แต่งกายปกปิดใบหน้า ข้าได้ทดสอบฝีมือกับมันมาแล้ว” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
“เทพกระบี่
ช่างกล้ายิ่งนักที่ขนานนามตนเองเช่นนั้นต่อหน้า เทพกระบี่สายฟ้าเช่นเจ้า” เซวี่ยซินเยวี่ยพูดพร้อมกับหัวเราะ
“มันใช้ลมปราณกระบี่ที่ชื่อว่าเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน
สามารถทำลายกระบี่สายฟ้าของข้าได้ และทำให้ข้าบาดเจ็บพักฟื้นมาร่วมหนึ่งเดือน
จนบัดนี้แผลยังไม่สนิท” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดอย่างจริงจัง
“ดูเหมือนว่า
พวกเราจะดูถูกพวกมนุษย์มากเกินไปแล้ว
ข้าคิดว่าอาจจะต้องหารือร่วมกันระหว่างนิกายอสูรทั้งสามแล้ว” เซวี่ยซินเยวี่ยเห็นท่าทีจริงจังของปรมาจารย์ต้าเหลย
จึงรับรู้ได้ว่าฝีมือของเทพกระบี่ผู้นั้นต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่!
“นิกายเทพอสูรเป็นนิกายใหญ่ พวกเขาอาจจะไม่สนใจนิกายของพวกเราทั้งสอง
แต่เพื่อความอยู่รอดของนิกายอสูร
ข้าจะลองไปขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เทพทั้งสี่ดู” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดออกไป
“เรื่องศิษย์เอกทั้งห้าของเจ้า
ข้าเองก็มีส่วนผิด ดังนั้นเรื่องนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เซวี่ยซินเยวี่ยลุกขึ้นและออกเดินทางไปพร้อมกับปรมาจารย์ต้าเหลย
หนึ่งเดือนต่อมา
หลังจากที่มีการแจกจ่ายศิลาเร้นเมฆาแก่ศิษย์ทุกคนแล้ว
โดยเนี่ยลี่ให้ศิษย์ทุกคนปิดกั้นลมปราณลงมาหนึ่งระดับ แต่ก็ยังคงห้ามมิให้ศิษย์ของนิกายเดินทางออกไปที่ใด
เป็นการเปิดประตูนิกายเพื่อให้ นิกายภายนอกคลายความกังวลเท่านั้น
และไม่ให้ประกาศเกี่ยวกับเรื่องผู้นำนิกายคนใหม่ออกไป
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ได้เดินทางไปยัง เมืองชายแดนของพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดอีกครั้ง
เพื่อไปหาประธานหลิน ที่สมาคมการค้าหลงซี
“ข้าคิดว่านายน้อยจะไม่เดินทางมาเสียแล้ว”
ประธานหลินประสานมือคารวะทักทายเนี่ยลี่
“ข้าจะไม่เดินทางมาได้เช่นใดกัน
อย่าลืมสิว่าข้านั้นได้ให้เงินมัดจำแก่ท่านไม่น้อย
ไม่ทราบว่าธุระที่ข้าขอให้ท่านจัดการ เป็นเช่นใดบ้าง” เนี่ยลี่ยิ้มและถามกลับไป
“หลายปีมานี้ สมาคมการค้าหลงซีได้ขายชนเผ่าเมฆาสวรรค์ไปทั้งหมด
หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้าคน
น่าเสียดายที่ข้าสามารถซื้อคืนมาได้เพียงหนึ่งพันหนึ่งร้อยคนเท่านั้น คนที่เหลือนั้นได้เสียชีวิตไปทั้งหมดแล้ว” ประธานหลินตอบกลับไปด้วยความเสียดาย
หากซื้อกลับมาได้ทั้งหมด เขาคงจะได้กำไรมากกว่านี้
“มีคนที่ได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่?” เนี่ยลี่ถามไปอีกครั้ง
“มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่บาดเจ็บหลายร้อยคน
แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าได้ให้หมอมารักษาจนหายดีแล้ว
และจัดหาที่พักให้แก่พวกเขาพร้อมอาหาร ตามที่นายน้อยได้แจ้งไว้” ประธานหลินตอบกลับไปด้วยความสุภาพ
“จงรับค่าดำเนินการของเจ้าไป ข้าคิดว่าศิลาจิตวิญญาณจำนวนยี่สิบล้านก้อนนี้คงจะเพียงพอ”
เนี่ยลี่ส่งแหวนห้วงมิติให้แก่ประธานหลิน
ประธานหลินรับมาด้วยความยินดี
จริง ๆ แล้ว เงินห้าสิบล้านศิลาจิตวิญญาณที่ได้มาตอนแรก หลังจากที่เขาไปขอซื้อชนเผ่าเมฆาสวรรค์กลับมาคืน
ก็มีเงินเหลือนับสิบล้านศิลาจิตวิญญาณ การได้รับเงินเพิ่มเขาจึงดีใจยิ่งนัก
“นี่คือหนังสือพันธสัญญาทั้งหมดของพวกเขา
ขอให้นายน้อยรับไปด้วยขอรับ” ประธานหลินรับส่งหนังสือพันธสัญญาของชนเผ่าเมฆาสวรรค์จำนวนหนึ่งพันหนึ่งร้อยฉบับให้แก่เนี่ยลี่
พร้อมกับพาไปหาชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่สมาคมการค้าหลงซีได้ซื่อคืนมาทั้งหมด
“พวกเจ้าทั้งหมดจงตามข้ามา!”
เนี่ยลี่บอกแก่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์และบินไปยังหมู่บ้านของพวกเขา ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมดทะยานตามเนี่ยลี่ด้วยความสงสัย
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน
ทั้งชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ตามมาและ ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ในหมู่บ้านต่างก็รู้สึกแปลกใจ
และรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าก็ได้เห็นแล้วว่า
ข้านั้นตั้งใจช่วยเหลือพวกท่านอย่างแท้จริง ข้าได้ซื้อชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ได้ถูกขายเป็นแรงงานออกไปกลับมาทั้งหมดแล้ว
น่าเสียดายที่อีกร้อยกว่าคนที่ไม่ได้กลับมา ข้าได้ข่าวมาว่า เสียชีวิตไปแล้ว
จากนี้ไปพวกเจ้ายินดีที่จะติดตามข้ากลับไปนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ดูเหมือนว่าในตอนนี้
ชนเผ่าเมฆาสวรรค์จะไม่มีคนที่รู้สึกคลางแคลงใจในตัวเนี่ยลี่อีกแล้ว
ทุกคนยินดีที่จะติดตามเนี่ยลี่ไป รวมถึงครอบครัวของคนที่เขาแจ้งว่าเสียชีวิตไปแล้ว
อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องรอคอยโดยไร้ค่าอีกต่อไป
เนี่ยลี่ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยกับการทำพันธสัญญาณกับชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมด
จากนั้นก็นำพวกเขาเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ แม้ว่าจะยังไม่มากพอ
แต่เขาก็ได้ชำระหนี้ที่ติดค้างบางส่วนแก่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์แล้ว
นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
หลังจากที่เนี่ยลี่กลับมาจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด เขาก็ได้ให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์จัดแบ่งพื้นที่
และให้ผู้ที่เป็นนักรบ เข้าไปฝึกฝนในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นช่วงเวลา
หลักจากการฝึกซ้อมก็สามารถกลับมาหาครอบครัวได้
ส่วนชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ไม่อาจจะสู้รบได้
ก็อนุญาตให้ทำการค้าภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
สำหรับการเตรียมการ
ของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ก็นับว่า เป็นไปได้ด้วยดี ทันใดนั้นเสวียนอวี่
ก็วิ่งมาหาเนี่ยลี่
“นายท่านขอรับ ข้ามีเรื่องที่เป็นกังวล
ภรรยาของข้าใกล้คลอดแล้ว ข้าเกรงเกี่ยวกับคำสาปของจักรพรรดิปราชญ์” เสวียนอวี่พูดด้วยความร้อนใจ
“ปกติแล้วหนังสือพันธสัญญาของชนเผ่าเมฆาสวรรค์จะมาจากที่ใดกัน?”
เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย เขาเองนั้นไม่ได้รู้เกี่ยวกับคำสาปนี้มากนัก
“หลังจากที่คลอดมาแล้ว
แผ่นหนังตรงส่วนท้องจะแยกออกมาเป็นหนังสือพันธสัญญาขอรับนายท่าน” เสวียนอวี่อธิบาย
เนี่ยลี่พยายามครุ่นคิด
ดูเหมือนว่าคำสาปจะเริ่มปรากฏหลังจากที่เด็กคลอดออกมา
ถ้าหากให้คลอดในพื้นที่ต่างมิติ
เช่นภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำจะเป็นเช่นใดกัน
“เสวียนอวี่
อาจจะมีวิธีล้างคำสาปให้กับลูกของเจ้าได้ เจ้าต้องการที่จะให้ข้าลองดูหรือไม่?”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจัง แม้ว่าจะยืนยันผลสำเร็จไม่ได้
เขาก็ต้องการที่จะลองดู
“ชีวิตของข้าและลูกเป็นของนายท่าน
นายท่านจะทำสิ่งใดข้าก็ยินดี” เสวียนอวี่คุกเข่าและพูดกับเนี่ยลี่
หากมีความหวังแม้เพียงน้อยนิดหากลูกของเขาพ้นจากคำสาปได้
ก็นับว่าเป็นพรจากพระเจ้าแล้ว
เนี่ยลี่ได้นำเสวียนอวี่ และภรรยา
รวมถึงหญิงชราของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ทำหน้าที่ทำคลอด
เข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ และพาไปนอนพักที่ตำหนักซีอิงเสิ่น
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยามต่อมา ภรรยาของเสวียนอวี่ก็ได้คลอดบุตรชายออกมา
และดูเหมือนว่า ผิวหนังของเขาจะไม่กลายเป็นหนังสือพันธสัญญา
เสวียนอวี่รีบอุ้มบุตรชายมาหาเนี่ยลี่และพูดพร้อมน้ำตาเต็มใบหน้าว่า
“นายท่านลูกชายของข้า
ไม่มีหนังสือพันธสัญญา หมายความว่าเขามิได้ถูกผูกมัดด้วยคำสาปของจักรพรรดปราชญ์”
“ไม่คิดเลยว่าจะสามารถล้างคำสาปได้ง่ายเช่นนี้
แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้กับเด็กที่คลอดใหม่เท่านั้น” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้ม
เป็นคำสาปที่มีความขัดแย้งยิ่งนัก
ดูเหมือนว่าแก้ได้ง่ายแต่ไม่อาจที่จะแก้ได้
วิธีการแก้คำสาปจะต้องให้เด็กจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์คลอดออกมาภายนอกพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
แต่เดิมทีชนเผ่าเมฆาสวรรค์จะไม่ยอมให้สตรีถูกขายออกไปจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
จึงไม่เคยมีผู้ใดที่ทราบเรื่องนี้มาก่อน [จริง ๆ
แล้วไม่ต้องเข้าไปคลอดในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำก็ได้ เนี่ยลี่ก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่ต้องการที่จะเสี่ยง]
“นายท่านโปรดตั้งชื่อให้กับลูกชายของข้าด้วย”
เสวียนอวี่พูดขึ้นมา
“ลูกชายของเจ้าเป็นบุตรแห่งเมฆาที่ล่อยลอยได้อย่างอิสระ
ข้าขอตั้งชื่อให้เขาว่า ฝูอวิ๋น” [浮云:เมฆาล่องลอย] เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“แม้ว่า ฝูอวิ๋น จะมิได้มีพันธสัญญาใด ๆ
กับนายท่าน แต่ลูกชายข้าจะติดตามนายท่านเช่นเดียวกับข้า”
เสวียนอวี่ชูลูกชายขึ้นเหนือหัวพร้อมกับเตรียมกล่าวคำสาบานให้ ลูกชายของเขาไร้ซึ่งคำสาปที่เป็นดั่งโซ่ตรวนที่ผูกมัดชนเผ่าของเขาเอาไว้
“อย่าเลยเสวียนอวี่ ชื่อของเขาคือเมฆาที่ล่องลอย
จงอย่าได้ขีดเส้นทางกำหนดใด ๆ ให้แก่เขา ข้านั้นรับรู้ถึงความซื่อสัตย์ของเจ้าแล้ว”
เนี่ยลี่โบกมือพร้อมกับปฏิเสธ ถ้าหากทำเช่นนั้น
การที่ล้างคำสาปได้จะมีความหมายอันใด
หลักจากที่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์คนอื่น ๆ รู้ว่า
ลูกของพวกเขาที่เกิดในดินแดนภายนอก จะไม่ถูกผูกมัดด้วยคำสาปของจักรพรรดิปราชญ์
ทำให้พวกเขาดีใจจนน้ำตารินไหลออกมา
ในภายภาคหน้าลูกหลานของพวกเขาก็จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง
เนี่ยลี่มองไปบนฟ้า และพูดขึ้นมาว่า “สิ่งที่ข้าได้ทำลงไป
คงจะทำให้ท่านจักรพรรดิเมฆาสวรรค์พอใจได้บ้าง”
หนึ่งเดือนต่อมา
การค้าของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็มีความคึกคักยิ่งนัก
แต่ที่เมืองชายแดนของพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดกลับเงียบเหงา
ไม่มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์ออกมาจาก หมู่บ้านเพื่อขายแรงงานแม้แต่คนเดียว
เมื่อไร้ซึ่งสินค้าสมาคมการค้าหลงซีก็ไม่อาจที่จะทำการค้าได้
ประธานหลินทำได้เพียงแค่รอคอยให้มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์ออกมาจากหมู่บ้านสักคน
ในเวลานี้มีผู้ติดต่อขอซื้อยอดฝีมือชนเผ่าเมฆาสวรรค์ในราคาที่สูงยิ่งนัก
แม้ว่าจะมีคนเสนอราคาที่หนึ่งแสนศิลาจิตวิญยาณต่อคน
แต่พวกเขาก็ไม่อาจหาซื้อได้แม้แต่คนเดียว
ส่วนนิกายเร้นเมฆาปัจจุบัน
ถูกยกฐานะให้เป็นนิกายย่อยของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
เนี่ยลี่ได้ส่งคนไปช่วยคุ้มครอง ทำให้พวกนิกายอสูรไม่กล้าบุกเข้าโจมตี
จนในตอนนี้มีความรุ่งเรืองขึ้นมา ไม่น้อยหน้านิกายอื่น ๆ
ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
จะมีการชุมนุมของหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ ตู่ซื่อ เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อ
จางหมิง เว่ยหนาน และซูเซียงจิ้ง
ต่างก็ส่งจดหมายกลับมาและแจ้งว่าจะได้ติดตามอาจารย์ของพวกเขาเดินทางมาอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาล้วนอยู่ในระดับวิถีแห่งมังกร
ด้วยความสามารถในระดับนี้
แม้จะได้เป็นโอรสและธิดาศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละนิกายก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด
เขาจะต้องดำเนินการตามแผนขั้นต่อไปก่อนที่พวกนิกายอสูรจะทำการเคลื่อนไหว
ในขณะเดียวกัน ที่นิกายจันทราโลหิต
“เจ้าพวกนิกายเทพอสูรถือว่าเป็นนิกายใหญ่
แค่ขอเข้าพบก็ยากเย็นยิ่งนัก
เมื่อได้เข้าพบกลับสั่งให้พวกเรายุบนิกายและเข้าร่วมกับนิกายเทพอสูร
การทำเช่นนี้เป็นการไม่ไว้หน้าพวกเราอย่างเห็นได้ชัด” เซวี่ยซินเยวี่ยพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“เซวี่ยซินเยวี่ย นับจากนี้ไปข้าจะปิดประตูฝึกตน
อีกไม่นานข้าก็จะบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่สามแล้ว เมื่อเวลานั้นมาถึง
ข้าจะไปล้างแค้นให้แก่ศิษย์เอกของข้าด้วยกำลังของข้า ข้าขอให้เจ้าช่วยสืบข่าวหาตัวจริงของเจ้าเทพกระบี่ผู้นั้นด้วย” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดออกไป เขารู้แล้วว่านิกายเทพอสูรหาได้สนใจนิกายของพวกเขาทั้งสองไม่
การหยิบยืมกำลังของนิกายเทพอสูรก็ไม่ต่างจากการ ไปก้มหัวขอเป็นลูกน้อง
“ข้ารับปากเจ้าในเรื่องนี้
เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าก็จะเดินทางไปกับเจ้าด้วย
เพื่อแสดงให้พวกนิกายเทพอสูรได้เห็นว่านิกายของเราทั้งสอง มิได้อ่อนแอดั่งที่พวกมันคิด”
เซวี่ยซินเยวี่ยตอบกลับไป
นิกายอสูรทั้งสามเองก็แตกแยกไม่ต่างจากนิกายของเหล่ามนุษย์
ความขัดแย้งนี้อาจจะเป็นผลดีแก่เนี่ยลี่ก็เป็นได้........จบตอน