“ยังมีเรื่องอันใดอีก?” เนี่ยลี่หยุดและเอ่ยถามจักรพรรรดิปราชญ์
“เจ้าเห็นหรือไม่ว่าร่างของข้ากำลังจะสลายไป”
จักรพรรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาเพื่อให้เนี่ยลี่หันมองไปที่ร่างของเขาอีกครั้ง
“หากเจ้าต้องการป้ายหลุมศพ
ข้ายังไม่มีเวลาทำให้ในตอนนี้”
เนี่ยลี่ชำเลืองมองดูครู่หนึ่งก่อนที่จะหันกลับมาอย่างไม่สนใจใยดีนัก
“เจ้าเด็กบ้า
ข้ากำลังจะบอกว่าตำราจิตอสูรท่องเวลาอยู่ในตัวของข้า”
จักรพรรรดิปราชญ์ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
เขาเริ่มเชื่อแล้วว่าเนี่ยลี่นั้นเป็นคนละคนกับคงหมิง
“อ๊ะ
ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน” เนี่ยลี่รีบบินลงไปที่ร่างของจักรพรรรดิปราชญ์อีกครั้ง
และล้วงเอาตำราจิตอสูรท่องเวลาออกมา
และเก็บไว้ที่หน้าอกของเขาดั่งที่เขาเคยทำเมื่อชาติภพที่แล้ว
ทันใดนั้นตำราจิตอสูรท่องเวลาก็เปร่งแสงออกมา
และดึงเศษหน้าตำราในห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่ มารวมไว้เป็นเล่มเดียวกัน
บัดนี้ตำราจิตอสูรท่องเวลานั้น ได้กลับมารวมตัวกันทั้งหมดแล้ว
ด้านนอกค่ายกลศิลาหมื่นปีนั้น
ร่างของเด็กที่แยกออกไปจากร่างของจักรพรรดิปราชญ์นั้นเริ่มโตขึ้น
ตอนนี้รูปร่างของเขาดูราวกับเด็กอายุประมาณสิบขวบ เขาได้เอื้อมมือไปหยิบกระบี่เทพขึ้นมา
“ข้านั้นเป็นทั้งเทพและอสูร
จึงสามารถใช้กระบี่ทั้งสองได้”
ร่างของเด็กผู้นั้นพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี
จากนั้นเขาก็ทะยานออกไปที่ด้านนอก
จินตานยังคงอยู่ที่หน้าประตู
และเปิดประตูค้างเอาไว้เพื่อรอให้เนี่ยลี่กลับมา แต่คนที่ผ่านประตูออกมากลับเป็นคนแปลกหน้าที่มันไม่รู้จัก
มันจึงร้องออกไปเสียงดัง
“คูล คูล”
“หนวกหู
จากนี้ไปข้าจะขังเจ้าเนี่ยลี่ไว้ข้างในนั้นตลอดกาล”
เด็กผู้นั้นใช้กระบี่เทพฟันไปที่จินตาน
ร่างของจินตานเกิดบาดแผลขนาดใหญ่และเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
แต่มันก็ยังคงพยายามเปิดประตูค้างเอาไว้
“ไม่เลว
ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นห่วงเจ้านายของเจ้ามากเสียจริง”
เด็กผู้นั้นเดินเข้าไปเตะจินตานที่ได้รับบาดเจ็บจนกระเด็นออกไป
จากนั้นประตูที่จินตานใช้พลังเปิดเอาไว้ก็ค่อย ๆ ปิดลงไป
เหลือเพียงช่องว่างเท่ากับรูเข็มเท่านั้น ที่จินตานพยายามเปิดเอาไว้โดยที่ไม่ให้เด็กผู้นั้นรู้ตัว
เมื่อเห็นว่าประตูหายไปแล้ว
เด็กผู้นั้นจึงมุ่งหน้าไปยังเส้นทางแห่งแสง แต่ก็พบว่ามันได้หายไปแล้ว
หากไม่มีกระจกข้ามภพ ก็ไม่อาจสร้างเส้นทางแห่งแสงได้
เขาประหลาดใจยิ่งนักที่กระจกแห่งแสงถูกเก็บไป ทั้ง ๆ ที่เนี่ยลี่ยังคงอยู่ข้างบนนี้
“ด้วยบัญญัติแห่งเต๋าฉาง
ศิษย์แห่งเต๋าฉางทั้งหมด จงแย่งชิงกระจกข้ามภพมา และสร้างเส้นทางแห่งแสงให้แก่ข้า”
เด็กผู้นั้นตะโกนลงไปยังโลกเบื้องล่าง เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน
“เขาประกาศใช้บัญญัติแห่งเต๋าฉาง
หมายความว่าเขานั้นเป็นผู้สืบทอดแห่งเต๋าฉาง จอมมาร?
แต่ความแข็งแกร่งที่สัมผัสได้นี้เหนือกว่าจอมมารเมื่อก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด”
เซี่ยวหยู่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
ผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหกนั้นได้สละชีวิตต่อหน้าของนาง
เหตุใดจอมมารจึงยังมีชีวิตอยู่ได้
หลังคำประกาศ
เหล่าศิษย์แห่งเต๋าฉางเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาเข้ามาล้อมพวกเซี่ยวหยู่เอาไว้
แม้ว่าระดับพลังของพวกเขาจะไม่สูงนัก
แต่ด้วยจำนวนที่มากมายการที่จะรับมือก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะพวกเซี่ยวหยู่นั้นไม่ต้องการที่จะเอาชีวิตมนุษย์ด้วยกัน
“ค่ายกลลูกคิดทองคำ!” เว่ยหนานรีบสร้างค่ายกลป้องกันไม่ให้พวกศิษย์แห่งเต๋าฉางเข้ามาใกล้
แต่ด้วยพลังของเขาในตอนนี้คงไม่อาจต้านไว้ได้นานนัก
“จะให้ข้าสังหารพวกเขาหรือไม่”
เสวียนอวี่พูดขึ้นมา
ด้วยกำลังของชนเผ่าเมฆาสวรรค์การจะสังหารคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
“เนี่ยลี่คงไม่ต้องการให้เจ้าทำเช่นนั้นแน่”
กู้เบ่ยรีบเอ่ยปากห้ามทันที
“แม้ว่าจะเป็นศัตรู
แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์ และที่พวกเขาทำเช่นนี้
ก็เพราะถูกควบคุมด้วยบัญญัติแห่งเต๋าฉาง” หลงยู่อินพูดขึ้นมา
นางนั้นได้ใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์จึงทำให้นางรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้
ทางด้านเนี่ยลี่
ที่ได้ตำราจิตอสูรท่องเวลามานั้น เขาใช้มือซ้ายเพื่อเปิดผนึกค่ายกลศิลาหมื่นปี จากนั้นก็เก็บค่ายกลศิลาหมื่นปีเอาไว้ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำดังเดิม
เมื่อออกมาด้านนอกเนี่ยลี่จึงมุ่งไปยังประตูทางเข้าทันที
เขารู้สึกเป็นห่วงเหล่าสหายของเขายิ่งนัก
“เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่า
เด็กที่ออกมาจากร่างของเข้านั้นเป็นใครกัน?” เนี่ยลี่ถามออกไประหว่างที่มุ่งหน้าไปยังประตู
“ข้าไม่รู้แม้แต่น้อย จู่ ๆ
มันก็ปรากฏขึ้นมาในร่างของข้า” จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไป
เขาเองก็สงสัยเช่นกันว่าเด็กผู้นั้นเป็นใคร
“เจ้าคงทำให้ผู้คนเจ็บแค้นไปทั่ว
จึงจดจำคนที่เคียดแค้นเจ้าได้ไม่หมด” เนี่ยลี่พูดต่อว่าจักรพรรดิปราชญ์
“มนุษย์ทุกคนล้วนชิงชังเคียดแค้นข้า
เจ้าจะให้ข้าจดจำมนุษย์ทุกคนบนโลกเช่นนั้นหรือ?”
จักรพรรดิปราชญ์แย้งกลับไปด้วยความไม่พอใจที่เนี่ยลี่พูดเช่นนั้น
“แต่การที่เจ้าเด็กนั่นออกมาจากร่างของเจ้า
มันก็ควรที่จะมีอะไรเชื่อมโยงกับเจ้าเป็นแน่” เนี่ยลี่พูดออกไปตามที่คิดขึ้นมาได้
“ระหว่างที่ต่อสู้กับเจ้า
ข้าสัมผัสได้ว่าร่างแยกทั้งหกของข้านั้นกลับมาหาข้า
แต่เป็นกลิ่นอายที่ไม่ชัดเจนนัก” จักรพรรดิปราชญ์คิดขึ้นมาได้
แต่เนื่องจากนั่นคือร่างแยกของเขา ย่อมไม่มีอันตรายต่อเขา เขาจึงไม่ได้สนใจมากนัก
“เป็นไปไม่ได้
ร่างแยกทั้งหกของเจ้าได้ถูกกระดูกมนตราผนึกเอาไว้
พร้อมกับการสละชีพของผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหก” เนี่ยลี่แย้งกลับไป
“ผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหก
หรือว่าจะเป็นหนึ่งในพวกนั้น ทะ...เทพมายา”
จักรพรรดิปราชญ์พูดชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมา
“เทพมายา
เจ้าหมายถึงจอมมารเช่นนั้นหรือ ข้าเห็นด้วยตาของข้าเองว่าเขาใช้กระดูกมนตราแทงเข้าที่หน้าอกตนเองเป็นคนสุดท้าย”
เนี่ยลี่นั้นก็รู้สึกว่า จอมมารอาจจะมีแผนร้ายบางอย่าง แต่หากจอมมารยังมีชีวิตอยู่
การผนึกร่างแยกทั้งหกก็จะต้องไม่สำเร็จ
“เจ้าเด็กผู้นั้นพูดว่า
มันเกิดจากร่างข้า และยังพูดว่ามันเป็นลูกของข้า หรือว่าเทพมายาจะใช้สิ่งนั้นนั้น?” จักรพรรรดิปราชญ์คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“มันคือสิ่งใดกัน?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย
“เจ้ารู้จักศิลาวิญญาณอสูรหรือไม่?”จักรพรรดิปราชญ์ถามกลับไป
ทันทีที่ได้ยินชื่อศิลาวิญญาณอสูร
เนี่ยลี่นั้นรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก นั่นคือสิ่งที่จอมมารแย่งชิงไปพร้อมกับชีวิตของเอียเซิ่ง
บิดาของเอียจื่ออวิ๋นเมื่อครั้งยังอยู่ที่โลกใบเล็ก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าศิลาวิญญาณอสูรนั้นสามารถใช้ทำสิ่งใดได้
“สิ่งนั้นสามารถทำอะไรได้?” เนี่ยลี่ถามกลับไปโดยที่ไม่ได้ตอบ
“มันสามารถผนึกวิญญาณหรือเจตจำนงของตนเองเข้าไปได้
และเพื่อนำไปยึดเกาะกับร่างของสิ่งมีชีวิต
มันก็จะกลายเป็นกาฝากและถือกำเนิดจากสิ่งนั้นขึ้นมา
แต่มันสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น” จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไป
เนี่ยลี่นิ่งเงียบไป
เขาคิดได้ทันทีว่า จอมมารคิดแผนนี้เอาไว้ตั้งแต่ที่อยู่บนโลกใบเล็ก เมื่อฝังวิญญาณส่วนหนึ่งและเจตจำนงของเขาไว้ในศิลาวิญญาณอสูร
จากนั้นก็ยอมสละชีวิตเพื่อผนึกร่างแยกของจักรพรรดิปราชญ์
จากนั้นก็ใช้เจตจำนงที่เหลืออยู่พยายามมายึดเกาะที่ร่างของจักรพรรดิปราชญ์เพื่อกลายเป็นกาฝาก
และเกิดออกมาจากร่างของจักรพรรรดิปราชญ์ นี่คือเรื่องราวที่เนี่ยนลี่สามารถสรุปได้ในตอนนี้
“จอมมารมันคิดไว้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” เนี่ยลี่กำหมัดด้วยความเจ็บแค้น
“การที่ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของร่างแยกของข้า
หมายความว่า เทพมายาได้ผสานกระดูกมนตราทั้งหกและศิลาวิญญาณอสูรเข้าไว้ด้วยกัน
นั่นอาจจะรวมถึงวิญญาณของคนที่กลับชาติมาเกิดคนอื่น ๆ ด้วย และทั้งหมดนั้นกลายเป็นพลังให้แก่เทพมายา”
จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาด้วยความโกรธที่ต้องพลาดท่าให้กับเทพมายา
“คงเป็นเพราะการกลับชาติมาเกิดหลายครั้ง
ทำให้เขาคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ เช่นนั้นมันก็เป็นความผิดของเจ้า”
เนี่ยลี่ต่อว่าจักรพรรดิปราชญ์อีกครั้ง
“เจ้าก็กล่าวโทษเพียงแต่ข้า
เหตุใดจึงไม่คิดเล่าว่าเป็นเพราะเจ้าคิดวิธีการผนึกวิญญาณอสูรไว้ในร่างมนุษย์
จึงทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น” จักรพรรดิปราชญ์แย้งกลับไปด้วยความไม่พอใจ
“นั่นเป็นเรื่องชาติภพก่อนหน้าของคงหมิง
ไม่เกี่ยวกับข้า” เนี่ยลี่ตอบกลับไปอย่างไม่ใยดีนัก
เมื่อมาถึงหน้าประตู เนี่ยลี่ก็พบว่าทางเข้านั้นได้หายไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาหนทางอื่นในการออกไป
“ดูเหมือนว่าเหล่าสหายของเจ้าจะทอดทิ้งให้เจ้าถูกขังอยู่ในนี้”
จักรพรรดิปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่เคยเชื่อใจพวกมนุษย์
เนี่ยลี่สังเหตุเห็นแสงเล็ก ๆ
ที่ลอดผ่านมาจากช่องที่มีขนาดเพียงรูเข็มที่จินตานได้สร้างเอาไว้
เขาจึงยิ้มและพูดออกไปทันที
“เจ้าเห็นหรือไม่
เหล่าสหายไม่เคยทอดทิ้งข้า” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับส่งผ่านพลังออกไป
จินตานและเนี่ยลี่นั้นมีจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกันร่วมกัน เมื่อเนี่ยลี่ส่งพลังออกไป
ทางออกจึงขยายใหญ่ขึ้น ทำให้เขาสามารถผ่านออกไปได้
เนี่ยลี่มองออกไปพบว่าจินตานกำลังนอนจมกองเลือดอยู่
และลมหายใจอ่อนลงมาก
เขาจึงรีบใช้ลมปราณรักษาและเตรียมนำจินตานเข้าไปไว้ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“คูล คูล”
จินตานรวบรวบพลังส่งเสียงออกไป
เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ให้เนี่ยลี่ฟัง
เนี่ยลี่พยักหน้าตอบรับจากนั้นร่างกายของจินตานก็หายเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“พวกเขาหาได้ทอดทิ้งข้าไปไม่
เหล่าสหายของข้ารับรู้ถึงการกำเนิดใหม่ของจอมมาร จึงหลบหนีลงไปเบื้องล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้จอมมารลงไปยังโลกเบื้องล่างได้”
เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยความยินดี เพราะอย่างน้อยเหล่าสหายของเขาก็ปลอดภัย
ในตอนนี้จอมมารที่กลับมาเกิดในร่างใหม่
ได้เติบใหญ่ขึ้นจนดูราวกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบปี ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายของเขาจะสำแดงพลังออกมาได้สูงสุด
หากไม่มีเขาบนศีรษะและปีกสีดำที่ด้านหลังเขาก็คงจะไม่ต่างไปจากมนุษย์ทั่ว ๆ ไป
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้แผ่ลมปราณออกมา
ซึ่งลมปราณของจอมมารนั้นมีความประหลาดยิ่งนัก เพราะมีทั้งลมปราณของมนุษย์ ของเทพ
และของอสูรอยู่ในร่างของเขา
เมื่อเห็นเนี่ยลี่
จอมมารก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เดิมทีเขาคิดว่าทางออกนั้นถูกปิดไปแล้ว นั่นย่อมหมายความว่า
อสูรวิญญาณนั้นยังมีชีวิตและแกล้งทำเป็นหมดสติไป
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถกลับออกมาได้
ดูเหมือนว่าข้านั้นจะดูถูกฝีมือของเจ้ามากเกิดไป”
จอมมารพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“จอมมาร!” เนี่ยลี่จับจ้องไปที่ร่างของเขาด้วยความเจ็บแค้น
“การเรียกข้าว่าจอมมารนั้น
อาจจะไม่ถูกต้องนัก แม้ข้านั้นจะเกิดจากเจตจำนงอันแรงกล้าของจอมมาร แต่ข้าคือบุตรแห่งเทพทั้งหก
และยังเป็นบุตรแห่งจักรพรรรดิปราชญ์อีกด้วย ดังนั้นข้าคือสิ่งที่กำเนิดจาก มนุษย์
เทพ และอสูร จงเรียกข้าว่าอสูรเทพ” อสูรเทพเอ่ยนามของตนพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความยินดี
“อสูรเทพเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่
จึงได้ทำเช่นนี้?” เนี่ยลี่ใช้มือซ้ายที่เหลืออยู่ชี้ไปที่อสูรเทพ
และถามออกไป
“ทุกสิ่ง!” อสูรเทพตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“หมายความว่าอันใดกัน
ทุกสิ่งที่เจ้าว่า?” เนี่ยลี่ไม่เข้าใจกับคำตอบที่อสูรเทพพูดมา
“ข้าต้องการทุกสิ่งที่อย่าง
ไม่ว่าจะเป็นโลกใบนี้ หรือโลกใด ๆ ก็ตาม ข้าจะเป็นผู้ปกครองมนุษย์ อสูร
และเหล่าทวยเทพ ไม่ใช่แค่สิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ข้าต้องการปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง” อสูรเทพพูดพร้อมกับหัวเราะ
เขาบอกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของตนเองออกไป และด้วยกำลังของเขาในตอนนี้
ก็หาใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้..................จบตอน