test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

16 ก.พ. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.116 ความปรารถนาที่ชั่วร้าย



          “ยังมีเรื่องอันใดอีก?” เนี่ยลี่หยุดและเอ่ยถามจักรพรรรดิปราชญ์

          “เจ้าเห็นหรือไม่ว่าร่างของข้ากำลังจะสลายไป” จักรพรรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาเพื่อให้เนี่ยลี่หันมองไปที่ร่างของเขาอีกครั้ง

          “หากเจ้าต้องการป้ายหลุมศพ ข้ายังไม่มีเวลาทำให้ในตอนนี้” เนี่ยลี่ชำเลืองมองดูครู่หนึ่งก่อนที่จะหันกลับมาอย่างไม่สนใจใยดีนัก

          “เจ้าเด็กบ้า ข้ากำลังจะบอกว่าตำราจิตอสูรท่องเวลาอยู่ในตัวของข้า” จักรพรรรดิปราชญ์ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ เขาเริ่มเชื่อแล้วว่าเนี่ยลี่นั้นเป็นคนละคนกับคงหมิง

          “อ๊ะ ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน” เนี่ยลี่รีบบินลงไปที่ร่างของจักรพรรรดิปราชญ์อีกครั้ง และล้วงเอาตำราจิตอสูรท่องเวลาออกมา และเก็บไว้ที่หน้าอกของเขาดั่งที่เขาเคยทำเมื่อชาติภพที่แล้ว

          ทันใดนั้นตำราจิตอสูรท่องเวลาก็เปร่งแสงออกมา และดึงเศษหน้าตำราในห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่ มารวมไว้เป็นเล่มเดียวกัน บัดนี้ตำราจิตอสูรท่องเวลานั้น ได้กลับมารวมตัวกันทั้งหมดแล้ว

          ด้านนอกค่ายกลศิลาหมื่นปีนั้น ร่างของเด็กที่แยกออกไปจากร่างของจักรพรรดิปราชญ์นั้นเริ่มโตขึ้น ตอนนี้รูปร่างของเขาดูราวกับเด็กอายุประมาณสิบขวบ เขาได้เอื้อมมือไปหยิบกระบี่เทพขึ้นมา

          “ข้านั้นเป็นทั้งเทพและอสูร จึงสามารถใช้กระบี่ทั้งสองได้” ร่างของเด็กผู้นั้นพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี จากนั้นเขาก็ทะยานออกไปที่ด้านนอก

          จินตานยังคงอยู่ที่หน้าประตู และเปิดประตูค้างเอาไว้เพื่อรอให้เนี่ยลี่กลับมา แต่คนที่ผ่านประตูออกมากลับเป็นคนแปลกหน้าที่มันไม่รู้จัก มันจึงร้องออกไปเสียงดัง

          “คูล คูล”

          “หนวกหู จากนี้ไปข้าจะขังเจ้าเนี่ยลี่ไว้ข้างในนั้นตลอดกาล” เด็กผู้นั้นใช้กระบี่เทพฟันไปที่จินตาน

          ร่างของจินตานเกิดบาดแผลขนาดใหญ่และเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ยังคงพยายามเปิดประตูค้างเอาไว้

          “ไม่เลว ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นห่วงเจ้านายของเจ้ามากเสียจริง” เด็กผู้นั้นเดินเข้าไปเตะจินตานที่ได้รับบาดเจ็บจนกระเด็นออกไป จากนั้นประตูที่จินตานใช้พลังเปิดเอาไว้ก็ค่อย ๆ ปิดลงไป เหลือเพียงช่องว่างเท่ากับรูเข็มเท่านั้น ที่จินตานพยายามเปิดเอาไว้โดยที่ไม่ให้เด็กผู้นั้นรู้ตัว

          เมื่อเห็นว่าประตูหายไปแล้ว เด็กผู้นั้นจึงมุ่งหน้าไปยังเส้นทางแห่งแสง แต่ก็พบว่ามันได้หายไปแล้ว หากไม่มีกระจกข้ามภพ ก็ไม่อาจสร้างเส้นทางแห่งแสงได้ เขาประหลาดใจยิ่งนักที่กระจกแห่งแสงถูกเก็บไป ทั้ง ๆ ที่เนี่ยลี่ยังคงอยู่ข้างบนนี้

          “ด้วยบัญญัติแห่งเต๋าฉาง ศิษย์แห่งเต๋าฉางทั้งหมด จงแย่งชิงกระจกข้ามภพมา และสร้างเส้นทางแห่งแสงให้แก่ข้า” เด็กผู้นั้นตะโกนลงไปยังโลกเบื้องล่าง เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน

          “เขาประกาศใช้บัญญัติแห่งเต๋าฉาง หมายความว่าเขานั้นเป็นผู้สืบทอดแห่งเต๋าฉาง จอมมาร? แต่ความแข็งแกร่งที่สัมผัสได้นี้เหนือกว่าจอมมารเมื่อก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด” เซี่ยวหยู่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ ผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหกนั้นได้สละชีวิตต่อหน้าของนาง เหตุใดจอมมารจึงยังมีชีวิตอยู่ได้

          หลังคำประกาศ เหล่าศิษย์แห่งเต๋าฉางเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาเข้ามาล้อมพวกเซี่ยวหยู่เอาไว้ แม้ว่าระดับพลังของพวกเขาจะไม่สูงนัก แต่ด้วยจำนวนที่มากมายการที่จะรับมือก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกเซี่ยวหยู่นั้นไม่ต้องการที่จะเอาชีวิตมนุษย์ด้วยกัน

          “ค่ายกลลูกคิดทองคำ!” เว่ยหนานรีบสร้างค่ายกลป้องกันไม่ให้พวกศิษย์แห่งเต๋าฉางเข้ามาใกล้ แต่ด้วยพลังของเขาในตอนนี้คงไม่อาจต้านไว้ได้นานนัก

          “จะให้ข้าสังหารพวกเขาหรือไม่” เสวียนอวี่พูดขึ้นมา ด้วยกำลังของชนเผ่าเมฆาสวรรค์การจะสังหารคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

          “เนี่ยลี่คงไม่ต้องการให้เจ้าทำเช่นนั้นแน่” กู้เบ่ยรีบเอ่ยปากห้ามทันที

“แม้ว่าจะเป็นศัตรู แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์ และที่พวกเขาทำเช่นนี้ ก็เพราะถูกควบคุมด้วยบัญญัติแห่งเต๋าฉาง” หลงยู่อินพูดขึ้นมา นางนั้นได้ใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์จึงทำให้นางรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้

ทางด้านเนี่ยลี่ ที่ได้ตำราจิตอสูรท่องเวลามานั้น เขาใช้มือซ้ายเพื่อเปิดผนึกค่ายกลศิลาหมื่นปี จากนั้นก็เก็บค่ายกลศิลาหมื่นปีเอาไว้ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำดังเดิม

เมื่อออกมาด้านนอกเนี่ยลี่จึงมุ่งไปยังประตูทางเข้าทันที เขารู้สึกเป็นห่วงเหล่าสหายของเขายิ่งนัก

“เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่า เด็กที่ออกมาจากร่างของเข้านั้นเป็นใครกัน?” เนี่ยลี่ถามออกไประหว่างที่มุ่งหน้าไปยังประตู

“ข้าไม่รู้แม้แต่น้อย จู่ ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมาในร่างของข้า” จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไป เขาเองก็สงสัยเช่นกันว่าเด็กผู้นั้นเป็นใคร

“เจ้าคงทำให้ผู้คนเจ็บแค้นไปทั่ว จึงจดจำคนที่เคียดแค้นเจ้าได้ไม่หมด” เนี่ยลี่พูดต่อว่าจักรพรรดิปราชญ์

“มนุษย์ทุกคนล้วนชิงชังเคียดแค้นข้า เจ้าจะให้ข้าจดจำมนุษย์ทุกคนบนโลกเช่นนั้นหรือ?” จักรพรรดิปราชญ์แย้งกลับไปด้วยความไม่พอใจที่เนี่ยลี่พูดเช่นนั้น

“แต่การที่เจ้าเด็กนั่นออกมาจากร่างของเจ้า มันก็ควรที่จะมีอะไรเชื่อมโยงกับเจ้าเป็นแน่” เนี่ยลี่พูดออกไปตามที่คิดขึ้นมาได้

“ระหว่างที่ต่อสู้กับเจ้า ข้าสัมผัสได้ว่าร่างแยกทั้งหกของข้านั้นกลับมาหาข้า แต่เป็นกลิ่นอายที่ไม่ชัดเจนนัก” จักรพรรดิปราชญ์คิดขึ้นมาได้ แต่เนื่องจากนั่นคือร่างแยกของเขา ย่อมไม่มีอันตรายต่อเขา เขาจึงไม่ได้สนใจมากนัก

“เป็นไปไม่ได้ ร่างแยกทั้งหกของเจ้าได้ถูกกระดูกมนตราผนึกเอาไว้ พร้อมกับการสละชีพของผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหก” เนี่ยลี่แย้งกลับไป

“ผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหก หรือว่าจะเป็นหนึ่งในพวกนั้น ทะ...เทพมายา” จักรพรรดิปราชญ์พูดชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมา

“เทพมายา เจ้าหมายถึงจอมมารเช่นนั้นหรือ ข้าเห็นด้วยตาของข้าเองว่าเขาใช้กระดูกมนตราแทงเข้าที่หน้าอกตนเองเป็นคนสุดท้าย” เนี่ยลี่นั้นก็รู้สึกว่า จอมมารอาจจะมีแผนร้ายบางอย่าง แต่หากจอมมารยังมีชีวิตอยู่ การผนึกร่างแยกทั้งหกก็จะต้องไม่สำเร็จ

“เจ้าเด็กผู้นั้นพูดว่า มันเกิดจากร่างข้า และยังพูดว่ามันเป็นลูกของข้า หรือว่าเทพมายาจะใช้สิ่งนั้นนั้น?” จักรพรรรดิปราชญ์คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“มันคือสิ่งใดกัน?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย

“เจ้ารู้จักศิลาวิญญาณอสูรหรือไม่?”จักรพรรดิปราชญ์ถามกลับไป

ทันทีที่ได้ยินชื่อศิลาวิญญาณอสูร เนี่ยลี่นั้นรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก นั่นคือสิ่งที่จอมมารแย่งชิงไปพร้อมกับชีวิตของเอียเซิ่ง บิดาของเอียจื่ออวิ๋นเมื่อครั้งยังอยู่ที่โลกใบเล็ก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าศิลาวิญญาณอสูรนั้นสามารถใช้ทำสิ่งใดได้

“สิ่งนั้นสามารถทำอะไรได้?” เนี่ยลี่ถามกลับไปโดยที่ไม่ได้ตอบ

“มันสามารถผนึกวิญญาณหรือเจตจำนงของตนเองเข้าไปได้ และเพื่อนำไปยึดเกาะกับร่างของสิ่งมีชีวิต มันก็จะกลายเป็นกาฝากและถือกำเนิดจากสิ่งนั้นขึ้นมา แต่มันสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น” จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไป

เนี่ยลี่นิ่งเงียบไป เขาคิดได้ทันทีว่า จอมมารคิดแผนนี้เอาไว้ตั้งแต่ที่อยู่บนโลกใบเล็ก เมื่อฝังวิญญาณส่วนหนึ่งและเจตจำนงของเขาไว้ในศิลาวิญญาณอสูร จากนั้นก็ยอมสละชีวิตเพื่อผนึกร่างแยกของจักรพรรดิปราชญ์ จากนั้นก็ใช้เจตจำนงที่เหลืออยู่พยายามมายึดเกาะที่ร่างของจักรพรรดิปราชญ์เพื่อกลายเป็นกาฝาก และเกิดออกมาจากร่างของจักรพรรรดิปราชญ์ นี่คือเรื่องราวที่เนี่ยนลี่สามารถสรุปได้ในตอนนี้

“จอมมารมันคิดไว้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” เนี่ยลี่กำหมัดด้วยความเจ็บแค้น

“การที่ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของร่างแยกของข้า หมายความว่า เทพมายาได้ผสานกระดูกมนตราทั้งหกและศิลาวิญญาณอสูรเข้าไว้ด้วยกัน นั่นอาจจะรวมถึงวิญญาณของคนที่กลับชาติมาเกิดคนอื่น ๆ ด้วย และทั้งหมดนั้นกลายเป็นพลังให้แก่เทพมายา” จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาด้วยความโกรธที่ต้องพลาดท่าให้กับเทพมายา

“คงเป็นเพราะการกลับชาติมาเกิดหลายครั้ง ทำให้เขาคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ เช่นนั้นมันก็เป็นความผิดของเจ้า” เนี่ยลี่ต่อว่าจักรพรรดิปราชญ์อีกครั้ง

“เจ้าก็กล่าวโทษเพียงแต่ข้า เหตุใดจึงไม่คิดเล่าว่าเป็นเพราะเจ้าคิดวิธีการผนึกวิญญาณอสูรไว้ในร่างมนุษย์ จึงทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น” จักรพรรดิปราชญ์แย้งกลับไปด้วยความไม่พอใจ

“นั่นเป็นเรื่องชาติภพก่อนหน้าของคงหมิง ไม่เกี่ยวกับข้า” เนี่ยลี่ตอบกลับไปอย่างไม่ใยดีนัก

เมื่อมาถึงหน้าประตู เนี่ยลี่ก็พบว่าทางเข้านั้นได้หายไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาหนทางอื่นในการออกไป

“ดูเหมือนว่าเหล่าสหายของเจ้าจะทอดทิ้งให้เจ้าถูกขังอยู่ในนี้” จักรพรรดิปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน นี่คือเหตุผลที่เขาไม่เคยเชื่อใจพวกมนุษย์

เนี่ยลี่สังเหตุเห็นแสงเล็ก ๆ ที่ลอดผ่านมาจากช่องที่มีขนาดเพียงรูเข็มที่จินตานได้สร้างเอาไว้ เขาจึงยิ้มและพูดออกไปทันที

“เจ้าเห็นหรือไม่ เหล่าสหายไม่เคยทอดทิ้งข้า” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับส่งผ่านพลังออกไป จินตานและเนี่ยลี่นั้นมีจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกันร่วมกัน เมื่อเนี่ยลี่ส่งพลังออกไป ทางออกจึงขยายใหญ่ขึ้น ทำให้เขาสามารถผ่านออกไปได้

เนี่ยลี่มองออกไปพบว่าจินตานกำลังนอนจมกองเลือดอยู่ และลมหายใจอ่อนลงมาก เขาจึงรีบใช้ลมปราณรักษาและเตรียมนำจินตานเข้าไปไว้ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ

“คูล คูล”

จินตานรวบรวบพลังส่งเสียงออกไป เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ให้เนี่ยลี่ฟัง เนี่ยลี่พยักหน้าตอบรับจากนั้นร่างกายของจินตานก็หายเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ

“พวกเขาหาได้ทอดทิ้งข้าไปไม่ เหล่าสหายของข้ารับรู้ถึงการกำเนิดใหม่ของจอมมาร จึงหลบหนีลงไปเบื้องล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้จอมมารลงไปยังโลกเบื้องล่างได้” เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยความยินดี เพราะอย่างน้อยเหล่าสหายของเขาก็ปลอดภัย

ในตอนนี้จอมมารที่กลับมาเกิดในร่างใหม่ ได้เติบใหญ่ขึ้นจนดูราวกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบปี ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายของเขาจะสำแดงพลังออกมาได้สูงสุด หากไม่มีเขาบนศีรษะและปีกสีดำที่ด้านหลังเขาก็คงจะไม่ต่างไปจากมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้แผ่ลมปราณออกมา ซึ่งลมปราณของจอมมารนั้นมีความประหลาดยิ่งนัก เพราะมีทั้งลมปราณของมนุษย์ ของเทพ และของอสูรอยู่ในร่างของเขา

เมื่อเห็นเนี่ยลี่ จอมมารก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เดิมทีเขาคิดว่าทางออกนั้นถูกปิดไปแล้ว นั่นย่อมหมายความว่า อสูรวิญญาณนั้นยังมีชีวิตและแกล้งทำเป็นหมดสติไป

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถกลับออกมาได้ ดูเหมือนว่าข้านั้นจะดูถูกฝีมือของเจ้ามากเกิดไป” จอมมารพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“จอมมาร!” เนี่ยลี่จับจ้องไปที่ร่างของเขาด้วยความเจ็บแค้น

“การเรียกข้าว่าจอมมารนั้น อาจจะไม่ถูกต้องนัก แม้ข้านั้นจะเกิดจากเจตจำนงอันแรงกล้าของจอมมาร แต่ข้าคือบุตรแห่งเทพทั้งหก และยังเป็นบุตรแห่งจักรพรรรดิปราชญ์อีกด้วย ดังนั้นข้าคือสิ่งที่กำเนิดจาก มนุษย์ เทพ และอสูร จงเรียกข้าว่าอสูรเทพ” อสูรเทพเอ่ยนามของตนพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความยินดี 

“อสูรเทพเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่ จึงได้ทำเช่นนี้?” เนี่ยลี่ใช้มือซ้ายที่เหลืออยู่ชี้ไปที่อสูรเทพ และถามออกไป

“ทุกสิ่ง!” อสูรเทพตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“หมายความว่าอันใดกัน ทุกสิ่งที่เจ้าว่า?” เนี่ยลี่ไม่เข้าใจกับคำตอบที่อสูรเทพพูดมา

“ข้าต้องการทุกสิ่งที่อย่าง ไม่ว่าจะเป็นโลกใบนี้ หรือโลกใด ๆ ก็ตาม ข้าจะเป็นผู้ปกครองมนุษย์ อสูร และเหล่าทวยเทพ ไม่ใช่แค่สิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ข้าต้องการปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง” อสูรเทพพูดพร้อมกับหัวเราะ เขาบอกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของตนเองออกไป และด้วยกำลังของเขาในตอนนี้ ก็หาใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้..................จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว





เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง