test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

15 ก.พ. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.115 ผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์



          เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยวหยู่ ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ที่ทุกคนรู้มา จักรพรรรดิปราชญ์คือศัตรูคนสุดท้าย แล้วเหตุใดจึงมีศัตรูคนใหม่เกิดขึ้ยนมาได้อีก


          “เซี่ยวหยู่ แล้วศัตรูที่แท้จริงเป็นใครกัน?” หนิงเอ๋อถามด้วยความร้อนใจ


          “ข้าเองก็ไม่รู้ การทำนายทุกครั้งข้าต้องใช้อายุขัยของตัวเองในการแลกเปลี่ยนกับคำทำนาย ในตอนนี้อายุขัยของข้านั้น เหลือไม่มากพอที่จะใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ได้อีกแล้ว ที่ข้ามองเห็นคือศัตรูที่ร้ายกาจ และคิดที่จะปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้ หรือโลกอื่น ๆ” เซี่ยวหยู่พยายามครุ่นคิดถึงนิมิตที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ แต่ภาพก็ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก


          “ก่อนที่อายุขัยของข้าจะหมดลง ข้ายังมีหน้าที่ ที่จะต้องหาผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์” เซี่ยวหยู่กวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อมองหาผู้ที่เหมาะสม


          “หากเป็นชาย หรือหญิงที่รักษาพรหมจรรย์จะสามารถเป็นผู้สืบทอดได้ง่ายกว่า หมิงเยี่ยวู่ซวง ท่านยินดีที่จะสืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ของข้าหรือไม่?” สายตาของเซี่ยวหยู่หยุดที่หมิงเยี่ยวู่ซวงก่อนที่จะถามออกไป


          “ข้าตกลง ข้าเข้าใจดีว่าเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์นั้นมีความสำคัญเพียงใด หากท่านคิดว่าข้านั้นเหมาะสม ข้าก็ยินดี” หมิงเยี่ยวู่ซวงรีบคุกเข่าต่อหน้าเซี่ยวหยู่ทันที


          “ช้าก่อน ศิษย์พี่หมิงเยี่ยวู่ซวง เดิมทีศิษย์พี่ของข้าอิงเยว่ลู่ ก็เคยเป็นผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์มาก่อน หากจะมีผู้ใดที่เหมาะสมที่จะสืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ คนผู้นั้นควรจะเป็นข้า” หลงยู่อินรีบพูดแทรกออกไป


          “หลงยู่อิน แต่เจ้านั้นแต่งงานกับพี่หลี่ชิงอวิ๋นแล้วมิใช่หรือ?” ลู่เพียวถามออกไปด้วยความตกใจ ที่หลงยู่อินเสนอตัวขึ้นมา


          “แม้ว่าพวกเราจะแต่งงานกันแล้ว แต่ข้ายังคงเป็นหญิงพรหมจรรย์ พวกเราไม่เคยหลับนอนร่วมกัน เนื่องจากข้าไม่ต้องการให้มีเรื่องที่ต้องกังวลใจ จนกว่าศึกในครั้งนี้จะจบลง แต่เมื่อต้องมีผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ ข้าคงต้องขอโทษท่านพี่ชิงอวิ๋น เพราะนี่คือชะตาของข้า” หลงยู่อินพูดออกไปอย่างชัดเจน


          “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีวาสนามากพอที่จะได้รับถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ แต่ข้าเองก็คิดว่าหลงยู่อินนั้นมีความเหมาะสมยิ่งกว่าข้า” หมิงเยี่ยวู่ซวงลุกขึ้นพร้อมกับพูดออกไป


          ในตอนนี้ ทุกสายตาหันไปจับจ้องที่หลี่ชิงอวิ๋นแทน ทุกคนรอว่าเขาจะพูดเช่นใด


          “เมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น ข้าก็คงไม่อาจขัดขวางเจ้าได้ ผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ มีความสำคัญยิ่งกว่าความรู้สึกของข้า ดังนั้นข้าคงไม่อาจที่จะเห็นแก่ตัวได้” หลี่ชิงอวิ๋นพูดออกไปอย่างองอาจ เขายังคงเป็นชายที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง และรับรู้ว่าสิ่งใดที่มีความสำคัญยิ่งกว่ากัน


          “ขอบคุณท่านพี่ชิงอวิ๋น ข้าเสียใจที่เรื่องต้องจบลงเช่นนี้” หลงยู่อินหันไปมองหลี่ชิงอวิ๋นอีกครั้ง


          “หลงยู่อินคำนับท่านอาจารย์” นางหันกลับมาประสานมือและคุกเข่าให้เซี่ยวหยู่ เพื่อรับการถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ทันที


          เซี่ยวหยู่ให้หลงยู่อินมานั่งหันหลังตรงหน้าของนาง พร้อมกับเริ่มทำการถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ให้


          ร่างกายของเซี่ยวหยู่เริ่มมีแสงเรืองรองส่องประกายขึ้นมา และแสงนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนไปยังร่างของหลงยู่อิน ทุกคนที่อยู่โดยรอบนั้นต่างยืนดูกันอย่างเงียบ ๆ 


          มีเพียงลู่เพียวและกู้เบ่ย ที่ไปพูดคุยกับหลี่ชิงอวิ๋นเพื่อปลอบใจเขา แต่ดูเหมือนว่าจิตใจของหลี่ชิงอวิ๋นนั้นจะเข้มแข็งยิ่งนัก ทั้งสามคนจึงยืนอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ เท่านั้น


          แสงที่เคลื่อนไหวผ่านไปยังร่างของหลงยู่อินนั้น แม้ว่าจะเป็นแสงสว่างที่ดูอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วร่างของหลงยู่อินนั้นราวกับถูกเข็มนับหมื่นนับแสนทิ่มแทงตามร่างกาย หากไม่อาจทนรับความเจ็บปวดนี้ได้ ก็ไม่อาจทนรับความเจ็บปวดที่ได้เห็นความตายของผู้อ่านล่วงหน้าได้ ซึ่งมันเจ็บปวดยิ่งกว่าทางร่างกายมากนัก


          ทางด้านเนี่ยลี่ที่ต่อสู้กับกับจักรพรรรดิปราชญ์อยู่นั้น ยังคงมีเพียงจักพรรรดิปราชญ์ที่โจมตีเข้ามาราวกับบ้าคลั่ง ในชาติภพที่แล้วนั้นการต่อสู้ของจักรพรรดิปราชญ์นั้นเต็มไปด้วยความงดงามและน่าเกรงขาม หาใช่การโจมตีเช่นนี้ไม่


          “จักรพรรดิปราชญ์นี่เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน?” เนี่ยลี่ที่หลบอยู่หลังกระบี่หมื่นวิญญาณตะโกนออกไปด้วยความสงสัย


          “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า จงปล่อยข้าออกไปซะ” จักรพรรดิปราชญ์ยังคงใช้กระบี่อสูรฟาดฟันไปทั่ว คลื่นแสงสายฟ้าจากกระบี่อสูรเองก็กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง และสะท้อนเข้ากับค่ายกลศิลา นั่นทำให้ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน


          การที่ได้หลบพักอยู่หลังกระบี่หมื่นวิญญาณทำให้เนี่ยลี่ได้มีโอกาสฟื้นพลัง ในตอนนี้เขาพอที่จะใช้กระบี่เทพอัสนีดาวตกได้อีกครั้งแล้ว


          เนี่ยลี่นำกระบี่เทพอัสนีดาวตกมาถือไว้ในมืออีกครั้ง เมื่อค่ายกลศิลาหมื่นเริ่มถูกโจมตี มากขึ้น มันจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เริ่มมีก้อนหินขนาดใหญ่เคลื่อนไหวไปมาภายในค่ายกลศิลาหมื่นปี และพุ่งเข้ากระแทกร่างของจักรพรรรดิปราชญ์และเนี่ยลี่


          หินก้อนหนึ่งพุ่งเข้ามาตรงหน้าของเนี่ยลี่ เขาจึงรวบรวมพลังสายฟ้าไว้ที่กระบี่และฟันออกไป เป็นผลให้หินก้อนนั้นแตกกระจายเป็นผุยผง ซึ่งทางด้านจักรพรรดิปราชญ์นั้น เขากลับปล่อยให้ถูกก้อนหินเหล่านั้นกระแทกร่างกาย จากนั้นจึงใช้กระบี่อสูรทำลายก้อนหินในภายหลัง จึงทำให้เขานั้นได้รับบาดเจ็บและพลังลดน้อยลงไปเป็นอย่างมาก


          เนี่ยลี่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของจักรพรรดิปราชญ์ แต่แค่ปกป้องตนเองจากหินเหล่านั้นก็สร้างความลำบากแก่เขาไม่น้อย เขาจึงไม่มีเวลาที่จะไปสนใจจักรพรรดิปราชญ์


          หลงยู่อินที่ได้รับการถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์จากเซี่ยวหยู่ นางนั้นสามารถทนรับความเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงนั้นมาได้ ในตอนนี้ร่างกายของนางนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำให้สามารถมองเห็นเนื้อหนังใต้ชุดของนาง


          แค่เพียงไม่นาน ร่างของนางก็ดูดซับแสงที่ส่งมาจากร่างของเซี่ยวหยู่ได้จนหมด เหงื่อที่เคยปรากฏก่อนหน้านี้ได้แห้งเหือดไป ร่างกายของนางชุ่มชื่นราวกับว่าได้ผ่านการอาบน้ำมาเลยทีเดียว


          “ข้ารับรู้แล้วว่า ศิษย์พี่อิงเยว่ลู่ต้องลำบากถึงเพียงไหน ขณะที่รับการสืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์นี้” หลงยู่อินพูดพร้อมกับลืมตาขึ้นมา


          “จงอย่าลืมว่า ทุกครั้งที่เจ้าใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ จะเป็นการลดทอนอายุขัยของตนเอง” เซี่ยวหยู่กำชับ


          “ข้าเข้าใจแล้วท่านอาจารย์ ข้าจะใช้ในยามที่จำเป็นเท่านั้น” หลงยู่อินประสานมือและก้มศีรษะตอบรับคำเตือนของเซี่ยวหยู่


          ทางด้านเนี่ยลี่และจักรพรรรดิปราชญ์ยังคงรับมือก้อนหินที่พุ่งเข้ามาโจมตี


          แต่ในความเป็นจริง จักรพรรดิปราชญ์ในเวลานี้หาได้มองเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า ดั่งที่เนี่ยลี่ได้มองเห็น ในตอนนี้ราวกับว่าดวงตาของจักรพรรรดิปราชญ์นั้นมืดบอดไป เขาจึงไม่สามารถโจมตีก้อนหินที่พุ่งเข้ามาได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาทำลายก้อนหินหลังจากที่ก้อนหินเหล่านั้นกระแทกร่างกายของเขาแล้ว


          “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร่างกายของข้าเองก็หาได้เคลื่อนไหวตามที่ข้าต้องการไม่?” จักรพรรรดิปราชญ์พูดกับตนเอง


          “เพราะร่างของเจ้ากำลังจะกลายเป็นของข้าไงเล่า” เสียงลึกลับดังขึ้นมาในห้วงความคิดของจักรพรรดิปราชญ์


          “ใครกัน?” จักรพรรรดิปราชญ์ถามออกไปด้วยความตกใจ


          “ข้าก็คือส่วนหนึ่งเจ้า เจ้าคือผู้ให้กำเนิดข้า หากเรียกว่าข้าคือลูกของเจ้าก็คงไม่ผิดนัก” เสียงลึกลับตอบกลับมาและหัวเราะด้วยความพอใจ


          “ออกไปจากร่างของข้าซะ!” จักรพรรรดิปราชญ์ใช้กระบี่อสูรแทงเข้าที่ท้องของตนเองทันที หลังจากที่สัมผัสได้ว่าเสียงลึกลับนี้มาจากร่างกายของเขาเอง โดยหวังว่าจะสามารถกำจัดเสียงลึกลับนี้ไปได้


          “โง่เง่ายิ่งนัก หากต้องการเช่นนั้นข้าก็จะออกไปเอง และออกไปพร้อมกับชีวิตของเจ้า” เสียงลึกลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา


          เนี่ยลี่ที่มองเห็นภาพเบื้องหน้าก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก จู่ ๆ จักรพรรรดิปราชญ์ก็ทำราวกับว่าจะปลิดชีพตนเอง แต่เนี่ยลี่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป ด้านหลังของจักรพรรดิปราชญ์ก็พองใหญ่ขึ้น


          จักรพรรดิปราชญ์นั้นร้องด้วยความเจ็บปวด เขาปล่อยมือที่ถือกระบี่อสูรเอาไว้ ทำให้กระบี่อสูรล่องลอยอยู่ตรงนั้น หลังของเขายังคงขยายใหญ่ขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมา


          เมื่อหลังของจักรพรรดิปราชญ์พองใหญ่ขึ้นจนถึงขีดจำกัด มันก็แตกออก และปรากฏให้เห็นร่างของเด็กผู้หนึ่ง เมื่อประเมินด้วยสายตาคร่าว ๆ เด็กนั่นคงมีอายุราว ๆ ห้าขวบ และเห็นได้ชัดว่าเด็กผู้นั้นเป็นมนุษย์


          ร่างของจักรพรรรดิปราชญ์ร่วงลงไปสู่เบื้องล่างของค่ายกลศิลา เนี่ยลี่จับจ้องไปยังเด็กผู้นั้น เขารับรู้ได้ถึงความเป็นศัตรูจากเด็กผู้นี้ และความแข็งแกร่งของเด็กผู้นี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรรดิปราชญ์เลย


          เด็กผู้นั้นค่อย ๆ ลอยไปหากระบี่อสูรและถือมันไว้ในมือ เนี่ยลี่ยังคงจับจ้องเด็กคนนั้นเอาไว้โดยแทบไม่กระพริบตา


          จู่ ๆร่างของเด็กผู้นั้นก็หายไป และมาอยู่เบื้องหน้าของเนี่ยลี่ พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก


          เนี่ยลี่ไม่ทันที่จะขยับตัวแม้แต่น้อย แม้แต่กระบี่หมื่นวิญญาณที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็ยังไม่อาจปกป้องเนี่ยลี่ได้ทัน กระบี่อสูรในมือของเด็กผู้นั้นตัดมือขวาของเนี่ยลี่ขาดไปอย่างรวดเร็ว เด็กผู้นั้นรีบคว้ามือของเนี่ยลี่เอาไว้ และปล่อยให้กระบี่เทพอัสนีดาวตกร่วงหล่นลงไป จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบไปที่ร่างของเนี่ยลี่เบา ๆ แต่ด้วยแรงเพียงเท่านั้นก็ทำให้เนี่ยลี่ถูกถีบลงไปกระแทกกับพื้นใกล้ ๆ กับจักรพรรดิปราชญ์


          เด็กชายผู้นั้นนำมือของเนี่ยลี่ไปปลดผนึกค่ายคลศิลาหมื่นปีและรีบทะยานออกไป โดยที่ปล่อยมือของเนี่ยลี่ทิ้งเอาไว้ ทำให้มันเริ่มปิดผนึกอีกครั้ง หลังจากนั้นมือของเนี่ยลี่ก็ลุกไหม้จนสลายไป


          เนี่ยลี่ลุกขึ้นมาและพบว่ามือของเขาที่ถูกตัดไปนั้น ไม่อาจคืนสภาพกลับมาดังเดิมได้อีกต่อไป กระบี่อสูรนั้นตัดไปจนถึงวิญญาณของเนี่ยลี่ เมื่อวิญญาณได้รับความเสียหาย ก็ไม่อาจทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้


          “เจ้าเด็กผู้นั้นคือใครกัน?” เนี่ยลี่เก็บกระบี่เทพอัสนีดาวตก และกระบี่หมื่นวิญญาณไว้ในแหวนห้วงมิติและหันไปถามจักรพรรรดิปราชญ์ที่นอนอยู่กับพื้น


          “ข้าไม่รู้ มันบอกว่าเป็นลูกของข้า ตอนที่มันออกจากร่างของข้าไป มันก็ขโมยพลังของข้าไปด้วย น่าสมเพชยิ่งนัก ความแค้นยังไม่สลายไป เป้าหมายก็ยังไม่บรรลุแต่ข้ากลับต้องมาจบชีวิตเช่นนี้” จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มรินไหลจากดวงตาทั้งสองข้าง ตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มกลับมามองเห็นแล้ว


          เนี่ยลี่ยืนมองจักรพรรรดิที่ใกล้จะหมดลมหายใจด้วยความเวทนา แม้ว่าเขาจะเคยมีความแค้นกับจักรพรรรดิปราชญ์ แต่ในตอนนี้เขากลับไม่มีความรู้สึกที่เคียดแค้นและชิงชังแต่อย่างใด นี่คงเป็นสิ่งที่อิงเยว่ลู่พยายามสั่งสอนเขามาตลอด เขานั้นเพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้


          “แม้ว่าความปรารถนาที่จะย้อนเวลากลับไปสังหารมนุษย์ของเจ้าไม่เป็นจริง แต่หากเจ้าต้องการให้โลกนี้ไร้ซึ่งร่างทรงอสูร ข้าก็สามารถทำให้เจ้าได้” เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


          “คำพูดของมนุษย์นั้นเชื่อไม่ได้ อสูรเช่นข้าไม่มีทางที่จะฝากความหวังไว้กับมนุษย์เช่นเจ้า” จักรพรรรดิปราชญ์รวบรวมกำลังที่จะตะโกนออกไป


          “ไม่จำเป็นต้องเชื่อข้า แต่จงไปกับข้า มอบวิญญาณของเจ้าและมาเป็นจิตอสูรของข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ควบคุมเจ้า แต่จะให้เจ้าได้เห็นว่าข้านั้นได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับเจ้า” เนี่ยลี่ตอบกลับไป


          “สุดท้ายมนุษย์เช่นเจ้าก็คิดแต่จะใช้ข้าเป็นจิตอสูร” จักรพรรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับถ่มน้ำลายใส่เนี่ยลี่


          “ข้าแต่ฟ้าดิน ข้าขอสาบานว่าจะทำทุกหนทางให้โลกนี้ไร้ซึ่งร่างทรงอสูร หากข้าผิดคำสาบานขอให้ฟ้าดินลงทัณฑ์ ให้ร่างกายของข้าถูกแผดเผาจนไม่เหลือซาก” เนี่ยลี่ยกมือซ้ายขึ้นสาบานต่อฟ้าดินโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย


          เมื่อเห็นว่าเนี่ยลี่กล้าที่จะสาบานต่อฟ้าดิน ทำให้จักรพรรรดิปราชญ์พูดสิ่งใดไม่ออก คำสาบานต่อฟ้าดินไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูร หากผิดคำสาบาน ฟ้าดินจะลงทัณฑ์โดยไร้ซึ่งความปราณี จักรพรรรดิปราชญ์กัดฟันพูดออกไปเป็นครั้งสุดท้าย


          “เมื่อเจ้ากล้าสาบานต่อฟ้าดิน ข้าก็จะขอเชื่อใจมนุษย์สักครั้ง ไม่คิดเลยว่าข้าจะต้องเชื่อใจมนุษย์ที่ข้าเคียดแค้นที่สุดเช่นเจ้า” จักรพรรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับดวงตาที่ค่อย ๆ ดับลง


          “จงมาเป็นจิตอสูรดวงสุดท้ายของข้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตายไปเช่นนี้” เนี่ยลี่รีบเขียนลวดลายอาคมที่หน้าผากของจักรพรรรดิปราชญ์และรีบนำวิญญาณของจักรพรรรดิปราชญ์มาสถิตในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขาทันที


          จิตของจักรพรรรดิปราชญ์ลืมตาขึ้นมาในห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่ แม้ว่าจะกลายเป็นจิตอสูรแต่จักรพรรดิปราชญ์ก็ยังคงมีความนึกคิดอยู่เช่นเดิม ดั่งที่เนี่ยลี่ได้รับปากเอาไว้ว่าจะไม่ควบคุมเขา

          “ไม่คิดเลยว่าในห้วงขอบเขตวิญญาณของมนุษย์จะอบอุ่นถึงเพียงนี้” จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมา


          “มนุษย์หาได้เป็นดั่งที่เจ้าคิดทุกคนไม่” เนี่ยลี่ตอบกลับไปขณะที่ทะยานขึ้นไปด้านบน เพื่อคลายผนึกค่ายกลหมื่นศิลา แม้จะเหลือเพียงมือซ้ายเขาก็สามารถคลายผนึกออกไปได้


          “ชะ...ช้าก่อน”จักรพรรรดิปราชญ์รีบทักท้วงขึ้นมา.................จบตอน
         

แต่งโดย นายมะพร้าว



                  
               

เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง