เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยวหยู่
ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ที่ทุกคนรู้มา
จักรพรรรดิปราชญ์คือศัตรูคนสุดท้าย แล้วเหตุใดจึงมีศัตรูคนใหม่เกิดขึ้ยนมาได้อีก
“เซี่ยวหยู่
แล้วศัตรูที่แท้จริงเป็นใครกัน?” หนิงเอ๋อถามด้วยความร้อนใจ
“ข้าเองก็ไม่รู้
การทำนายทุกครั้งข้าต้องใช้อายุขัยของตัวเองในการแลกเปลี่ยนกับคำทำนาย
ในตอนนี้อายุขัยของข้านั้น เหลือไม่มากพอที่จะใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ได้อีกแล้ว
ที่ข้ามองเห็นคือศัตรูที่ร้ายกาจ และคิดที่จะปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้
หรือโลกอื่น ๆ” เซี่ยวหยู่พยายามครุ่นคิดถึงนิมิตที่ได้เห็นก่อนหน้านี้
แต่ภาพก็ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
“ก่อนที่อายุขัยของข้าจะหมดลง
ข้ายังมีหน้าที่ ที่จะต้องหาผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์”
เซี่ยวหยู่กวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อมองหาผู้ที่เหมาะสม
“หากเป็นชาย
หรือหญิงที่รักษาพรหมจรรย์จะสามารถเป็นผู้สืบทอดได้ง่ายกว่า หมิงเยี่ยวู่ซวง
ท่านยินดีที่จะสืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ของข้าหรือไม่?” สายตาของเซี่ยวหยู่หยุดที่หมิงเยี่ยวู่ซวงก่อนที่จะถามออกไป
“ข้าตกลง
ข้าเข้าใจดีว่าเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์นั้นมีความสำคัญเพียงใด หากท่านคิดว่าข้านั้นเหมาะสม
ข้าก็ยินดี” หมิงเยี่ยวู่ซวงรีบคุกเข่าต่อหน้าเซี่ยวหยู่ทันที
“ช้าก่อน
ศิษย์พี่หมิงเยี่ยวู่ซวง เดิมทีศิษย์พี่ของข้าอิงเยว่ลู่
ก็เคยเป็นผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์มาก่อน
หากจะมีผู้ใดที่เหมาะสมที่จะสืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ คนผู้นั้นควรจะเป็นข้า”
หลงยู่อินรีบพูดแทรกออกไป
“หลงยู่อิน
แต่เจ้านั้นแต่งงานกับพี่หลี่ชิงอวิ๋นแล้วมิใช่หรือ?”
ลู่เพียวถามออกไปด้วยความตกใจ ที่หลงยู่อินเสนอตัวขึ้นมา
“แม้ว่าพวกเราจะแต่งงานกันแล้ว
แต่ข้ายังคงเป็นหญิงพรหมจรรย์ พวกเราไม่เคยหลับนอนร่วมกัน
เนื่องจากข้าไม่ต้องการให้มีเรื่องที่ต้องกังวลใจ จนกว่าศึกในครั้งนี้จะจบลง
แต่เมื่อต้องมีผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ ข้าคงต้องขอโทษท่านพี่ชิงอวิ๋น
เพราะนี่คือชะตาของข้า” หลงยู่อินพูดออกไปอย่างชัดเจน
“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีวาสนามากพอที่จะได้รับถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์
แต่ข้าเองก็คิดว่าหลงยู่อินนั้นมีความเหมาะสมยิ่งกว่าข้า”
หมิงเยี่ยวู่ซวงลุกขึ้นพร้อมกับพูดออกไป
ในตอนนี้
ทุกสายตาหันไปจับจ้องที่หลี่ชิงอวิ๋นแทน ทุกคนรอว่าเขาจะพูดเช่นใด
“เมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น
ข้าก็คงไม่อาจขัดขวางเจ้าได้ ผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์
มีความสำคัญยิ่งกว่าความรู้สึกของข้า ดังนั้นข้าคงไม่อาจที่จะเห็นแก่ตัวได้”
หลี่ชิงอวิ๋นพูดออกไปอย่างองอาจ เขายังคงเป็นชายที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง
และรับรู้ว่าสิ่งใดที่มีความสำคัญยิ่งกว่ากัน
“ขอบคุณท่านพี่ชิงอวิ๋น
ข้าเสียใจที่เรื่องต้องจบลงเช่นนี้” หลงยู่อินหันไปมองหลี่ชิงอวิ๋นอีกครั้ง
“หลงยู่อินคำนับท่านอาจารย์”
นางหันกลับมาประสานมือและคุกเข่าให้เซี่ยวหยู่
เพื่อรับการถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ทันที
เซี่ยวหยู่ให้หลงยู่อินมานั่งหันหลังตรงหน้าของนาง
พร้อมกับเริ่มทำการถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ให้
ร่างกายของเซี่ยวหยู่เริ่มมีแสงเรืองรองส่องประกายขึ้นมา
และแสงนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนไปยังร่างของหลงยู่อิน
ทุกคนที่อยู่โดยรอบนั้นต่างยืนดูกันอย่างเงียบ ๆ
มีเพียงลู่เพียวและกู้เบ่ย
ที่ไปพูดคุยกับหลี่ชิงอวิ๋นเพื่อปลอบใจเขา แต่ดูเหมือนว่าจิตใจของหลี่ชิงอวิ๋นนั้นจะเข้มแข็งยิ่งนัก
ทั้งสามคนจึงยืนอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ เท่านั้น
แสงที่เคลื่อนไหวผ่านไปยังร่างของหลงยู่อินนั้น
แม้ว่าจะเป็นแสงสว่างที่ดูอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วร่างของหลงยู่อินนั้นราวกับถูกเข็มนับหมื่นนับแสนทิ่มแทงตามร่างกาย
หากไม่อาจทนรับความเจ็บปวดนี้ได้
ก็ไม่อาจทนรับความเจ็บปวดที่ได้เห็นความตายของผู้อ่านล่วงหน้าได้
ซึ่งมันเจ็บปวดยิ่งกว่าทางร่างกายมากนัก
ทางด้านเนี่ยลี่ที่ต่อสู้กับกับจักรพรรรดิปราชญ์อยู่นั้น
ยังคงมีเพียงจักพรรรดิปราชญ์ที่โจมตีเข้ามาราวกับบ้าคลั่ง
ในชาติภพที่แล้วนั้นการต่อสู้ของจักรพรรดิปราชญ์นั้นเต็มไปด้วยความงดงามและน่าเกรงขาม
หาใช่การโจมตีเช่นนี้ไม่
“จักรพรรดิปราชญ์นี่เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน?” เนี่ยลี่ที่หลบอยู่หลังกระบี่หมื่นวิญญาณตะโกนออกไปด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า
จงปล่อยข้าออกไปซะ” จักรพรรดิปราชญ์ยังคงใช้กระบี่อสูรฟาดฟันไปทั่ว
คลื่นแสงสายฟ้าจากกระบี่อสูรเองก็กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
และสะท้อนเข้ากับค่ายกลศิลา นั่นทำให้ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
การที่ได้หลบพักอยู่หลังกระบี่หมื่นวิญญาณทำให้เนี่ยลี่ได้มีโอกาสฟื้นพลัง
ในตอนนี้เขาพอที่จะใช้กระบี่เทพอัสนีดาวตกได้อีกครั้งแล้ว
เนี่ยลี่นำกระบี่เทพอัสนีดาวตกมาถือไว้ในมืออีกครั้ง
เมื่อค่ายกลศิลาหมื่นเริ่มถูกโจมตี มากขึ้น
มันจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เริ่มมีก้อนหินขนาดใหญ่เคลื่อนไหวไปมาภายในค่ายกลศิลาหมื่นปี
และพุ่งเข้ากระแทกร่างของจักรพรรรดิปราชญ์และเนี่ยลี่
หินก้อนหนึ่งพุ่งเข้ามาตรงหน้าของเนี่ยลี่
เขาจึงรวบรวมพลังสายฟ้าไว้ที่กระบี่และฟันออกไป
เป็นผลให้หินก้อนนั้นแตกกระจายเป็นผุยผง ซึ่งทางด้านจักรพรรดิปราชญ์นั้น เขากลับปล่อยให้ถูกก้อนหินเหล่านั้นกระแทกร่างกาย
จากนั้นจึงใช้กระบี่อสูรทำลายก้อนหินในภายหลัง จึงทำให้เขานั้นได้รับบาดเจ็บและพลังลดน้อยลงไปเป็นอย่างมาก
เนี่ยลี่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของจักรพรรดิปราชญ์
แต่แค่ปกป้องตนเองจากหินเหล่านั้นก็สร้างความลำบากแก่เขาไม่น้อย
เขาจึงไม่มีเวลาที่จะไปสนใจจักรพรรดิปราชญ์
หลงยู่อินที่ได้รับการถ่ายทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์จากเซี่ยวหยู่
นางนั้นสามารถทนรับความเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงนั้นมาได้
ในตอนนี้ร่างกายของนางนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำให้สามารถมองเห็นเนื้อหนังใต้ชุดของนาง
แค่เพียงไม่นาน
ร่างของนางก็ดูดซับแสงที่ส่งมาจากร่างของเซี่ยวหยู่ได้จนหมด
เหงื่อที่เคยปรากฏก่อนหน้านี้ได้แห้งเหือดไป
ร่างกายของนางชุ่มชื่นราวกับว่าได้ผ่านการอาบน้ำมาเลยทีเดียว
“ข้ารับรู้แล้วว่า
ศิษย์พี่อิงเยว่ลู่ต้องลำบากถึงเพียงไหน
ขณะที่รับการสืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์นี้” หลงยู่อินพูดพร้อมกับลืมตาขึ้นมา
“จงอย่าลืมว่า
ทุกครั้งที่เจ้าใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ จะเป็นการลดทอนอายุขัยของตนเอง”
เซี่ยวหยู่กำชับ
“ข้าเข้าใจแล้วท่านอาจารย์
ข้าจะใช้ในยามที่จำเป็นเท่านั้น”
หลงยู่อินประสานมือและก้มศีรษะตอบรับคำเตือนของเซี่ยวหยู่
ทางด้านเนี่ยลี่และจักรพรรรดิปราชญ์ยังคงรับมือก้อนหินที่พุ่งเข้ามาโจมตี
แต่ในความเป็นจริง
จักรพรรดิปราชญ์ในเวลานี้หาได้มองเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า
ดั่งที่เนี่ยลี่ได้มองเห็น ในตอนนี้ราวกับว่าดวงตาของจักรพรรรดิปราชญ์นั้นมืดบอดไป
เขาจึงไม่สามารถโจมตีก้อนหินที่พุ่งเข้ามาได้
นั่นคือเหตุผลที่เขาทำลายก้อนหินหลังจากที่ก้อนหินเหล่านั้นกระแทกร่างกายของเขาแล้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ร่างกายของข้าเองก็หาได้เคลื่อนไหวตามที่ข้าต้องการไม่?” จักรพรรรดิปราชญ์พูดกับตนเอง
“เพราะร่างของเจ้ากำลังจะกลายเป็นของข้าไงเล่า”
เสียงลึกลับดังขึ้นมาในห้วงความคิดของจักรพรรดิปราชญ์
“ใครกัน?” จักรพรรรดิปราชญ์ถามออกไปด้วยความตกใจ
“ข้าก็คือส่วนหนึ่งเจ้า
เจ้าคือผู้ให้กำเนิดข้า หากเรียกว่าข้าคือลูกของเจ้าก็คงไม่ผิดนัก”
เสียงลึกลับตอบกลับมาและหัวเราะด้วยความพอใจ
“ออกไปจากร่างของข้าซะ!” จักรพรรรดิปราชญ์ใช้กระบี่อสูรแทงเข้าที่ท้องของตนเองทันที
หลังจากที่สัมผัสได้ว่าเสียงลึกลับนี้มาจากร่างกายของเขาเอง
โดยหวังว่าจะสามารถกำจัดเสียงลึกลับนี้ไปได้
“โง่เง่ายิ่งนัก
หากต้องการเช่นนั้นข้าก็จะออกไปเอง และออกไปพร้อมกับชีวิตของเจ้า” เสียงลึกลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เนี่ยลี่ที่มองเห็นภาพเบื้องหน้าก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
จู่ ๆ จักรพรรรดิปราชญ์ก็ทำราวกับว่าจะปลิดชีพตนเอง
แต่เนี่ยลี่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป ด้านหลังของจักรพรรดิปราชญ์ก็พองใหญ่ขึ้น
จักรพรรดิปราชญ์นั้นร้องด้วยความเจ็บปวด
เขาปล่อยมือที่ถือกระบี่อสูรเอาไว้ ทำให้กระบี่อสูรล่องลอยอยู่ตรงนั้น
หลังของเขายังคงขยายใหญ่ขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมา
เมื่อหลังของจักรพรรดิปราชญ์พองใหญ่ขึ้นจนถึงขีดจำกัด
มันก็แตกออก และปรากฏให้เห็นร่างของเด็กผู้หนึ่ง เมื่อประเมินด้วยสายตาคร่าว ๆ
เด็กนั่นคงมีอายุราว ๆ ห้าขวบ และเห็นได้ชัดว่าเด็กผู้นั้นเป็นมนุษย์
ร่างของจักรพรรรดิปราชญ์ร่วงลงไปสู่เบื้องล่างของค่ายกลศิลา
เนี่ยลี่จับจ้องไปยังเด็กผู้นั้น เขารับรู้ได้ถึงความเป็นศัตรูจากเด็กผู้นี้
และความแข็งแกร่งของเด็กผู้นี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรรดิปราชญ์เลย
เด็กผู้นั้นค่อย
ๆ ลอยไปหากระบี่อสูรและถือมันไว้ในมือ
เนี่ยลี่ยังคงจับจ้องเด็กคนนั้นเอาไว้โดยแทบไม่กระพริบตา
จู่
ๆร่างของเด็กผู้นั้นก็หายไป และมาอยู่เบื้องหน้าของเนี่ยลี่
พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก
เนี่ยลี่ไม่ทันที่จะขยับตัวแม้แต่น้อย
แม้แต่กระบี่หมื่นวิญญาณที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็ยังไม่อาจปกป้องเนี่ยลี่ได้ทัน
กระบี่อสูรในมือของเด็กผู้นั้นตัดมือขวาของเนี่ยลี่ขาดไปอย่างรวดเร็ว
เด็กผู้นั้นรีบคว้ามือของเนี่ยลี่เอาไว้
และปล่อยให้กระบี่เทพอัสนีดาวตกร่วงหล่นลงไป จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบไปที่ร่างของเนี่ยลี่เบา
ๆ แต่ด้วยแรงเพียงเท่านั้นก็ทำให้เนี่ยลี่ถูกถีบลงไปกระแทกกับพื้นใกล้ ๆ
กับจักรพรรดิปราชญ์
เด็กชายผู้นั้นนำมือของเนี่ยลี่ไปปลดผนึกค่ายคลศิลาหมื่นปีและรีบทะยานออกไป
โดยที่ปล่อยมือของเนี่ยลี่ทิ้งเอาไว้ ทำให้มันเริ่มปิดผนึกอีกครั้ง หลังจากนั้นมือของเนี่ยลี่ก็ลุกไหม้จนสลายไป
เนี่ยลี่ลุกขึ้นมาและพบว่ามือของเขาที่ถูกตัดไปนั้น
ไม่อาจคืนสภาพกลับมาดังเดิมได้อีกต่อไป กระบี่อสูรนั้นตัดไปจนถึงวิญญาณของเนี่ยลี่
เมื่อวิญญาณได้รับความเสียหาย ก็ไม่อาจทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้
“เจ้าเด็กผู้นั้นคือใครกัน?” เนี่ยลี่เก็บกระบี่เทพอัสนีดาวตก
และกระบี่หมื่นวิญญาณไว้ในแหวนห้วงมิติและหันไปถามจักรพรรรดิปราชญ์ที่นอนอยู่กับพื้น
“ข้าไม่รู้
มันบอกว่าเป็นลูกของข้า ตอนที่มันออกจากร่างของข้าไป มันก็ขโมยพลังของข้าไปด้วย
น่าสมเพชยิ่งนัก ความแค้นยังไม่สลายไป เป้าหมายก็ยังไม่บรรลุแต่ข้ากลับต้องมาจบชีวิตเช่นนี้”
จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มรินไหลจากดวงตาทั้งสองข้าง ตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มกลับมามองเห็นแล้ว
เนี่ยลี่ยืนมองจักรพรรรดิที่ใกล้จะหมดลมหายใจด้วยความเวทนา
แม้ว่าเขาจะเคยมีความแค้นกับจักรพรรรดิปราชญ์ แต่ในตอนนี้เขากลับไม่มีความรู้สึกที่เคียดแค้นและชิงชังแต่อย่างใด
นี่คงเป็นสิ่งที่อิงเยว่ลู่พยายามสั่งสอนเขามาตลอด เขานั้นเพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้
“แม้ว่าความปรารถนาที่จะย้อนเวลากลับไปสังหารมนุษย์ของเจ้าไม่เป็นจริง
แต่หากเจ้าต้องการให้โลกนี้ไร้ซึ่งร่างทรงอสูร ข้าก็สามารถทำให้เจ้าได้”
เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“คำพูดของมนุษย์นั้นเชื่อไม่ได้
อสูรเช่นข้าไม่มีทางที่จะฝากความหวังไว้กับมนุษย์เช่นเจ้า”
จักรพรรรดิปราชญ์รวบรวมกำลังที่จะตะโกนออกไป
“ไม่จำเป็นต้องเชื่อข้า
แต่จงไปกับข้า มอบวิญญาณของเจ้าและมาเป็นจิตอสูรของข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ควบคุมเจ้า
แต่จะให้เจ้าได้เห็นว่าข้านั้นได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับเจ้า”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“สุดท้ายมนุษย์เช่นเจ้าก็คิดแต่จะใช้ข้าเป็นจิตอสูร”
จักรพรรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับถ่มน้ำลายใส่เนี่ยลี่
“ข้าแต่ฟ้าดิน
ข้าขอสาบานว่าจะทำทุกหนทางให้โลกนี้ไร้ซึ่งร่างทรงอสูร
หากข้าผิดคำสาบานขอให้ฟ้าดินลงทัณฑ์ ให้ร่างกายของข้าถูกแผดเผาจนไม่เหลือซาก”
เนี่ยลี่ยกมือซ้ายขึ้นสาบานต่อฟ้าดินโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าเนี่ยลี่กล้าที่จะสาบานต่อฟ้าดิน
ทำให้จักรพรรรดิปราชญ์พูดสิ่งใดไม่ออก คำสาบานต่อฟ้าดินไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูร
หากผิดคำสาบาน ฟ้าดินจะลงทัณฑ์โดยไร้ซึ่งความปราณี จักรพรรรดิปราชญ์กัดฟันพูดออกไปเป็นครั้งสุดท้าย
“เมื่อเจ้ากล้าสาบานต่อฟ้าดิน
ข้าก็จะขอเชื่อใจมนุษย์สักครั้ง ไม่คิดเลยว่าข้าจะต้องเชื่อใจมนุษย์ที่ข้าเคียดแค้นที่สุดเช่นเจ้า”
จักรพรรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับดวงตาที่ค่อย ๆ ดับลง
“จงมาเป็นจิตอสูรดวงสุดท้ายของข้า
ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตายไปเช่นนี้” เนี่ยลี่รีบเขียนลวดลายอาคมที่หน้าผากของจักรพรรรดิปราชญ์และรีบนำวิญญาณของจักรพรรรดิปราชญ์มาสถิตในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขาทันที
จิตของจักรพรรรดิปราชญ์ลืมตาขึ้นมาในห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่
แม้ว่าจะกลายเป็นจิตอสูรแต่จักรพรรดิปราชญ์ก็ยังคงมีความนึกคิดอยู่เช่นเดิม
ดั่งที่เนี่ยลี่ได้รับปากเอาไว้ว่าจะไม่ควบคุมเขา
“ไม่คิดเลยว่าในห้วงขอบเขตวิญญาณของมนุษย์จะอบอุ่นถึงเพียงนี้”
จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมา
“มนุษย์หาได้เป็นดั่งที่เจ้าคิดทุกคนไม่”
เนี่ยลี่ตอบกลับไปขณะที่ทะยานขึ้นไปด้านบน เพื่อคลายผนึกค่ายกลหมื่นศิลา แม้จะเหลือเพียงมือซ้ายเขาก็สามารถคลายผนึกออกไปได้
“ชะ...ช้าก่อน”จักรพรรรดิปราชญ์รีบทักท้วงขึ้นมา.................จบตอน