“นี่เจ้าพูดอันใดกัน?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสับสน
“เมื่อข้านั้นบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
ความทรงจำในอดีตชาติของข้าก็ ถาโถมเข้ามาในหัวของข้า ทำให้ข้ารู้ว่า ข้านั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยร่วมต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์เคียงข้างท่านในอดีตชาติ”
ต้วนเจี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
หลังจากได้ยินคำพูดของต้วนเจี้ยน
เนี่ยลี่ตกใจยิ่งนัก เขาไม่คิดเลยว่า
หนึ่งในหกคนที่กลับชาติมาเกิดจะเป็นคนที่อยู่รอบกายเขาเช่นนี้ และเมื่อคนผู้นั้นบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
คนเหล่านั้นจะได้ความทรงจำกลับคืนมา
ดังนั้นเขาจะต้องตามหาคนเหล่านั้นและให้การสนับสนุนพวกเขา
“เจ้าทราบหรือไม่ว่าคนที่เหลือคือผู้ใด?” เนี่ยลี่ถามออกไป
“แม้ข้าจะรู้จักคนเหล่านั้นในอดีตชาติ
แต่ข้าก็ไม่อาจที่จะระบุได้ว่า พวกเขากลับมาเกิดเป็นผู้ใด”
ต้วนเจี้ยนตอบพร้อมกับส่ายหน้า
เมื่อได้ยินคำตอบจากต้วนเจี้ยน เนี่ยลี่ก็ได้แต่ถอนหายใจ
จากนั้นเขาก็บอกให้ต้วนเจี้ยนลุกขึ้น
และกลับออกไปยังด้านนอกภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
โดยที่ให้เหล่าผู้นำนิกายคนอื่น ๆ ไปบ่มเพาะพลังกันเช่นเดิม
หลายวันต่อมา
เนี่ยลี่ได้เริ่มสะสางงานต่าง
ๆ ออกไปทั้งหมด จากนี้ไปเขาต้องเตรียมการเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็ก
เนี่ยลี่ได้ขอให้เทพธิดายู่หยานและ เซี่ยวหยู่ กลั่นยาทิพย์เอาไว้ให้ได้มากที่สุด
เพื่อให้เพียงพอสำหรับศิษย์ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
เหล่าสหายของเขาก็ทำการบ่มเพาะพลังกันอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนนั้นใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามกันแล้ว
แต่เนี่ยลี่เองก็ยังไม่อาจที่จะบรรลุระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่หกได้
ผ่านไปหนึ่งเดือน
ผู้นำนิกายทั้งหกคนสามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้ากันได้ทั้งหมดแล้ว
เนี่ยลี่จึงได้กลับเข้าไปด้านในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำอีกครั้ง
“ข้าไม่คิดเลยว่า
พวกท่านจะสามารถบรรลุผ่านระดับขอบเขตแห่งพระเจ้ากันได้รวดเร็วถึงเพียงนี้”
เนี่ยลี่พูดออกไป
แม้แต่ปรมาจารย์ทั้งห้าของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ยังต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่จะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้
ดูเหมือนว่า ผู้นำนิกายทั้งหกจะมีพรสวรรคิ์เหนือกว่ายิ่งนัก
“นั่นเป็นเพราะประมุขเนี่ยให้การสนับสนุน
พวกเราจึงได้บรรลุถึงระดับนี้ได้” ผู้นำนิกายทั้งหกคนพูดขึ้นมา
“จากนี้ไปพวกเราจะกลับออกไปด้านนอก
ขอให้ทุกท่านหลับตาด้วย” เนี่ยลี่พูดออกไป หลังจากนั้นก็พาผู้นำนิกายทั้งหกคน
รวมถึงหลิงหยากลับออกมาด้านนอก
ในตอนนี้ทุกคนกลับมาอยู่ในตำหนักผู้นำนิกายขนนกสักดิ์สิทธิ์
“อีกไม่กี่วัน
ข้าจะเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็ก คงต้องขอกล่าวลาล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนี้
พวกท่านเองก็คงจะเป็นห่วงทางนิกายเช่นกัน” เนี่ยลี่ประสานมือพร้อมกับเอ่ยลา
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าคงต้องขอกล่าวลาประมุขเนี่ยเช่นกัน”
ผู้นำนิกายทั้งหกคนตอบกลับไป
“เหตุใดจึงนำข้าออกมาด้วย”
หลิงหยาถามด้วยความสงสัย
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นหุ่นเชิดวิญญาณ
แต่เจ้าก็มิได้กำเนิดในโลกใบเล็ก เจ้าจึงไม่สามารถไปกับข้าได้ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ
ข้าได้แจ้งกับท่านพี่หลี่ชิงอวิ๋นเอาไว้แล้ว ว่าให้คอยดูแลเจ้า” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
หลังจากที่เหล่าสหายของเนี่ยลี่
ได้ไปกล่าวลาต่อผู้นำนิกายของพวกเขา หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็เรียก หลี่ชิงอวิ๋น
หลงยู่อิน กู้เบ่ย กู้หลาน และปรมาจารย์ทั้งห้ามาเข้าพบ
“อีกไม่กี่วันข้างหน้า
ข้าจะเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็ก การเดินทางในครั้งนี้คงต้องใช้เวลาไม่น้อย
ข้าจึงขอฝากงานไว้กับทุกคนด้วย” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาช้า ๆ
“ท่านพี่หลี่ชิงอวิ๋น
ขอให้ท่านทำหน้าที่ดูแลชนเผ่าเมฆาสวรรค์ และมอบหมายงานให้กับพวกเขา
รวมถึงฝากดูแลหลิงหยาด้วย” เนี่ยลี่หันไปมองหลี่ชิงอวิ๋นและพูดออกไป
“ข้าเข้าใจแล้ว!” หลี่ชิงอวิ๋นตอบรับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ยู่อิน
เจ้ามีหน้าที่ดูแลความสงบภายในนิกาย” เนี่ยลี่หันไปพูดกับหลงยู่อิน
“ท่านอาจารย์โปรดเชื่อใจข้า!” หลงยู่อินตอบรับอย่งจริงจังเช่นกัน
“กู้เบ่ย
เจ้ามีหน้าที่ปกป้องอาณาเขตโดยรอบของนิกาย และคอยส่งกองกำลังไปช่วยเหลือนิกายอื่น
ๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงส่งคนไปปกป้องนิกายเร้นเมฆาด้วย”
เนี่ยลี่หันไปบอกกับกู้เบ่ย
“เจ้าไว้ใจข้าได้อย่างแน่นอน!” กู้เบ่ยยิ้มและตอบกลับไป
“พี่กู้หลาน
คงต้องลำบากท่านแล้ว สำหรับการดูแลนิกาย ข้าจะมอบยาทิพย์ไว้กับท่าน
ให้ท่านมีหน้าที่แจกจ่ายแก้ศิษย์ตามกฏที่ข้าได้ประกาศออกไป
สำหรับบุคคลภายนอกขอให้ท่านมอบให้เพียงผู้นำนิกายทั้งหกคนเท่านั้น
สำหรับการบริหารงานต่าง ๆ ขอให้ท่านปรมาจารย์ทั้งห้าให้ช่วยเหลือพี่กู้หลานด้วย”
เนี่ยลี่หันไปพูดกับกู้หลานและเหล่าปรมาจารย์ทั้งห้า
“ข้าทราบแล้ว”
กู้หลานตอบกลับไป
“ประมุขเนี่ย
โปรดวางใจ พวกข้าทั้งห้าจะคอยสนับสนุนกู้หลานเอง” ปรมาจารย์เทียนอู่
ประสานมือและก้มหัวตอบกลับไป
“หากข้าเสร็จธุระที่โลกใบเล็กแล้วข้าจะกลับมา
ขอฝากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ไว้กับทุกคนด้วย”
เนี่ยลี่พูดออกไปพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจ
“น่าเสียดายยิ่งนัก
ที่พวกข้าไม่อาจเดินทางไปยังโลกใบเล็กกับเจ้าได้” กู้เบ่ยพูดขึ้นมา
“แม้ว่าจะเป็นเพียงโลกเล็ก
ๆ ที่ถูกอสูรรุกรานอยู่เสมอ แต่ก็เป็นดินแดนที่เรียกได้ว่าบ้านเกิดของข้า
หากกลับไปคราวนี้ ข้าจะทำให้มันกลายเป็นดั่งสรวงสวรรค์”
เนี่ยลี่ยิ้มและมองขึ้นไปบนฟ้า
“ถ้าหากเป็นเจ้า
ข้าเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้” หลี่ชิงอวิ๋นพูดขึ้นมา
“ขอให้ท่านอาจารย์ดูแลตัวเองด้วย”
หลงยู่อินพูดขึ้นมา แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องจากลา แต่นางก็ต้องฝืนทนเอาไว้
“ขอบคุณ
ทุกคนยิ่งนัก แล้วข้าจะรีบกลับมา” เนี่ยลี่หันมายิ้มให้กับทุกคน
ทันใดนั้น
ก็มีศิษย์ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาในตำหนักผู้นำนิกาย
“ประมุขเนี่ย
ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องรายงาน” ศิษย์ผู้นั้นพูดขึ้นมา
“เจ้าจงพูดมา”
เนี่ยลี่หันไปสอบถาม
“มีผู้ที่เดินทางมาจากโลกใบเล็กตามคำสั่งของจ้าวนครใต้พิภพขอรับ”
ศิษย์ผู้นั้นรีบรายงาน
“จงเรียกเขา
เข้ามาพบข้าในทันที” เนี่ยลี่พูดด้วยความร้อนใจ
หลังจากนั้นศิษย์ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รีบนำตัวคนผู้นั้นมาเข้าพบกับเนี่ยลี่
“ข้าคือผู้ติดตามของจ้าวนครใต้พิภพนามว่าสือหนิง”
[石宁:ศิลาที่สงบ] สือหนิงประสานมือและคุกเข่าพูดกับเนี่ยลี่
“สือหนิง
เหตุใดเจ้าจึงเปิดประตูจากโลกใบเล็กมาได้ และเจ้าเดินทางมาด้วยเหตุอันใด?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย
“ท่านจ้าวนครใต้พิภพได้มอบแหวนข้ามประตูให้แก่ข้า
ก่อนที่จะถูกสังหารและให้ข้ารีบมาแจ้งข่าวขอรับ” สือหนิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“ท่านจ้าวนครใต้พิภพนั้นมีความแข็งแกร่งในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ห้า
ที่โลกใบเล็กผู้ใดกันที่จะสังหารเขาได้?”
เนี่ยลี่อดไม่ได้ที่จะถามกลับไป
“ข้าเองก็ไม่ทราบว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
เมื่อวันก่อนหน้านี้ท่านจ้าวนครใต้พิภพ
ได้สัมผัสถึงพลังในระดับชะตาสวรรค์ที่หุบเหวลึกในถ้้ำของนครใต้พิภพ
จึงได้ส่งให้คนไปตรวจสอบ แต่ไม่ว่าจะส่งคนลงไปมากเท่าใด ก็ถูกสังหารเสียจนหมดสิ้น
ท่านจ้าวนครใต้พิภพจึงต้องลงไปด้วยตนเอง” สือหนิงค่อย ๆ รายงาน
“หุบเหวลึกในถ้าของนครใต้พิภพเช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่พูดขึ้นมา
ที่แห่งนั้นทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมา
“ทันทีที่ท่านจ้าวนครใต้พิภพได้ลงไป
ก็เกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างรุนแรง
และดูเหมือนว่าท่านจ้าวนครใต้พิภพจะพลาดท่าให้กับคนผู้นั้น
ท่านจึงได้มอบแหวนสำหรับผ่านประตูและให้ข้ารีบมาส่งข่าว” สือหนิงพูดน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“จ้าวนครใต้พิภพเองก็นับว่าเป็นอาจารย์ของข้า ให้คนไปเชิญเหล่าสหายข้า
บอกพวกเขาว่าจะต้องรีบออกเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็กในทันที”
เนี่ยลี่หันไปสั่งการกับศิษย์คนอื่น ๆ
“สือหนิง
เจ้าจงรออยู่ที่นี่กับข้า ยามที่สหายข้าเดินทางมา พวกเราจะเดินทางไปยังโลกใบเล็กทันที”
เนี่ยลี่หันไปพูดกับสือหนิง
ครึ่งชั่วยามต่อมา พวกตู่ซื่อ ลู่เพียวก็มารวมตัวกันครบ
พวกเขาต้องจัดเตรียมของสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
“เนี่ยลี่
มีเรื่องด่วนอันใดหรือ?” ตู่ซื่อถามออกไปด้วยความกังวล
“จ้าวนครใต้พิภพถูกสังหาร
หากคนผู้นั้นเป็นคนเดียวกับที่ข้าคิด เขาจะต้องเป็นภัยแก่เมืองกลอรี่เป็นแน่”
เนี่ยลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รีบออกเดินทางกันได้แล้ว”
เอียเซิ่งพูดขึ้นมา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
แต่หากคนผู้นั้นเป็นภัยต่อเมืองกลอรี่ เขาก็จะเสียเวลาไม่ได้แม้แต่เล็กน้อย
เนี่ยลี่ผสานเข้ากับดวงจิตแห่งเทพของเทพธิดาเสิ่นช่วง และเปิดประตู่สู่โลกใบเล็กขึ้นมาในทันที
หลังจากนั้นทุกคนก็รีบเดินทางข้ามประตูไปสู่นครใต้พิภพ
ณ
นครใต้พิภพ
ที่แห่งนี้ดูราวกับซากปรักหักพัง
ราวกับเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ เนี่ยลี่รีบนำเซี่ยวหยู่และเทพธิดายู่หยาน
พร้อมกับจินตานออกมาจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำทันที
“เซี่ยวหยู่
พ่อบุญธรรมของเจ้า เก็บรักษาชะตาวิญญาณไว้ที่ใดกัน?”
เนี่ยลี่รีบถามออกไป
เนื่องจากโลกใบเล็กกับอาณาจักรซากมังกรเป็นดินแดนที่ตัดขาดออกจากกัน จ้าวนครใต้พิภพจึงไม่อาจที่จะนำชะตาวิญญาณไปฝากไว้ที่ห้องโถงวิญญาณได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เซี่ยวหยู่อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“เมื่อพบกับพ่อบุญธรรมของเจ้า
ก็จะรู้เรื่องทั้งหมดเอง” เนี่ยลี่หันไปพูดกับเซี่ยวหยู่
“พ่อบุญธรรมของข้า
เก็บชะตาวิญญาณไว้ในห้องลับที่ชั้นบนสุดของแดนมรณะเก้าชั้น ตามข้ามา”
เซี่ยวหยู่รีบนำทางไปอย่างรวดเร็ว
เนี่ยลี่พยายามสังเกตุโดยรอบ กลิ่นอายลมปราณที่ตกค้างอยู่
ดูเหมือนว่าจะเป็นของยอดฝีมือในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่เก้า
เมื่อเดินทางไปถึงชั้นบนสุดของ
แดนมรณะเก้าชั้น พบว่าจ้าวนครใต้พิภพนั้นนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่
“ท่านพ่อบุญธรรม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดบนโลกใบเล็กจึงมีผู้ที่สามารถสังหารท่านได้”
เซี่ยวหยู่ถามออกไป
“ข้าก็ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
แม้ข้าจะถูกสังหาร แต่ก็ทำให้คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เจ้าคนผู้นั้นมันจะต้องหลบไปรักษาแผลเป็นแน่!” จ้าวนครใต้พิภพพูดด้วยน้ำเสียงอันเจ็บแค้น.....จบตอน