test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

26 ต.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.1 ไป๋ฮัวแห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์


         
“เหยียนซานเจ้าจงเคาะประตู และแจ้งไปว่า ไป๋ฮัวแห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์ ได้มาเยือนนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้” ชายหนุ่มในชุดสีขาวพูดขึ้นมา [:ไป๋ฮัว:ดอกไม้สีขาว]
         
“ได้ขอรับ” เหยียนซานประสานมือทำความเคารและหันไปเคาะที่ประตูใหญ่พร้อมกับตะโกนเข้าไป
         
“คุณชายไป๋ฮัวแห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์ ได้มาเยือนนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ โปรดเปิดประตูด้วย”
         
“ขออภัยด้วย ในเวลานี้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการปิดประตูนิกายเพื่อจัดการปัญหาภายใน เราไม่สะดวกที่จะรับแขกในเวลานี้” มีเสียงชายหนุ่มผู้หนึ่งตอบกลับไป
         
“ไร้มารยาทยิ่งนัก หกนิกายศักดิ์สิทธิ์ต่างก็คบหากันมาเป็นเวลานาน เหตุใดจึงปฏิเสธโดยไร้เยื่อใยเช่นนี้ ข้าขอคุยกับผู้ที่มีอำนาจในการเปิดประตู” เหยียนซานตะโกนกลับไป
         
“ข้าคือเทพกระบี่ ผู้ดูแลประตูนี้ ตามคำสั่งจากผู้นำนิกายโดยตรง” เสียงของชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเทพกระบี่ตอบกลับออกไป
         
“กล้าขนานนามตนเองว่าเทพกระบี่ หน้าไม่อายยิ่งนัก ถ้าหากเจ้าไม่ยอมเปิดประตูข้าก็ต้องเสียมารยาทแล้ว” เหยียนซานแผ่ลมปราณระดับวิถีแห่งมังกรออกมา จนทำให้ประตูนิกายถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
         
“ข้าไม่คิดเลยว่านิกายร้อยบุพผาสวรรค์จะไร้มารยาทถึงเพียงนี้ ถ้าเช่นนี้ก็จงอย่าได้หาว่าข้าไร้มารยาทเช่นกัน” ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเทพกระบี่ตอบกลับไปพร้อมกับแผ่ลมปราณที่คมกริบราวกับกระบี่พุ่งผ่านประตูออกไป
         
“เหยียนซานหลบไป” เพียงแค่ไป๋ฮัวสะบัดมือก็ถึงกับทำให้ เหยียนซานถูกผลักออกไปด้านข้างทันที ลมปราณที่คมกริบราวกับกระบี่นั้นยังคงพุ่งไปยังไป๋ฮัว เขาใช้ลมปราณของตนเองพัดพาลมปราณของเทพกระบี่ออกไป แต่ก็ยังมีลมปราณที่คมราวกับกระบี่ส่วนหนึ่งเฉือนใบหน้าของเขาให้เป็นรอยเล็กน้อย
         
“สมแล้วที่เรียกตัวเองว่าเทพกระบี่ ลมปราณกระบี่ในระดับนี้ ถึงขั้นระดับเทพสงคราม ไม่นึกเลยว่าคนรุ่นใหม่ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ข้าขอทราบนามที่แท้จริงของท่านด้วย” ไป๋ฮัวตะโกนออกไป
         
“ข้าคือ ปรมาจารย์เทพกระบี่ กู้เบ่ย!” เทพกระบี่ผู้นี้ก็คือกู้เบ่ยนั่นเอง เขานั้นเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ขั้นสูงสุด จึงสามารถทะลวงข้ามระดับพลังขั้นเทพสงครามได้อย่างรวดเร็ว
         
“ในคราวหน้าข้าจะมาเยี่ยมชมนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง หวังว่าประตูนิกายจะเปิดต้อนรับข้า ข้าขอตัว” ไป๋ฮัวพูดพร้อมกับหันหลังเดินกลับไป
         
“ขออภัยที่มิได้ส่ง” กู้เบ่ยตะโกนออกไป
        
“ดูเหมือนว่าการที่เราจะปิดประตูนิกายเป็นเวลาห้าปี คงไม่อาจที่จะทำได้เป็นแน่ พวกเจ้าพอจะรู้ไหมว่า ประมุขเนี่ยอยู่ที่ใดกัน” กู้เบ่ยหันไปถามเหล่าลูกน้องที่มีหน้าที่เฝ้าประตู
         
“ท่านประมุขเนี่ยแจ้งว่าจะไปคารวะท่านปรมาจารย์ทั้งห้าขอรับ” ลูกน้องผู้หนึ่งตอบกลับไป
         

      ที่ด้านนอกประตูนิกาย ไป๋ฮัวกำลังเดินทางกลับไป เหยียนซานได้พูดขึ้นมาว่า “เรียนนายน้อย คนจากตระกูลกู้ ที่ชื่อว่ากู้เบ่ย ข้าเคยได้ยินมาว่าเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งของตระกูลกู้ ไม่คิดเลยว่าระดับพลังของเขาจะสูงส่งถึงเพียงนี้”
         

     “คนรุ่นใหม่ของนิกายยังมีความสามารถถึงเพียงนี้ ดูเหมือนเหมือนว่าข่าวลือที่ว่ามียอดฝีมือระดับเทพสงครามเสียชีวิต คงไม่อาจส่งผลกระทบต่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ แล้วเหตุใดจึงต้องปิดประตูนิกายเช่นนี้ด้วย” ไป๋ฮัว พูดขึ้นมา ไป๋ฮัวนั้นมีความแข็งแกร่งในระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เจ็ด เขาไม่เคยคิดเลยว่านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะมีคนรุ่นใหม่ที่สามารถบรรลุถึงระดับเทพสงครามได้เช่นนี้
         
ตำหนักเทียนอู่ [天五 : ห้าสวรรค์] ที่ประชุมของปรมาจารย์ทั้งห้า
         

    “ท่านประมุขเนี่ยเรียกให้พวกเรามารวมตัวกันด้วยเหตุใด” ปรมาจารย์เทียนอู่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย หลังจากที่พวกเขาทั้งห้าปิดประตูฝึกตนเป็นเวลาครึ่งปีตอนนี้ ปรมาจารย์ทั้งห้าก็ได้บรรลุถึงระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าแล้ว
         

“ข้าทราบมาว่าพวกท่านทั้งห้าบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่เก้ากันแล้ว ข้าต้องการที่จะพูดถึงในระดับที่สูงเกินกว่านี้” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
         
“ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าคือระดับที่สูงที่สุดแล้ว เจ้าพูดถึงเรื่องอันใดกัน?” ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
         
“ข้าไม่อาจที่จะพูดที่นี่ได้ ขอให้พวกท่านเข้าไปยังภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำของข้าก่อน” เนี่ยลี่สะบัดมือขวาและนำภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำออกมา และนำปรมาจารย์ทั้งห้าเข้าไปด้านใน ก่อนที่เขาจะตามเข้าไปก็มีเสียงของกู้เบ่ยดังขึ้นมาก่อน
         
“เนี่ยลี่ เมื่อครู่นี้มีคนจากนิกายร้อยบุพผาสวรรค์มาเยี่ยมนิกายของเรา แต่ข้าได้เชิญพวกเขากลับไปแล้ว การจะปิดประตูนิกายเป็นเวลาห้าปี ข้าว่าคงจะไม่อาจทำได้เป็นแน่”
         
เนี่ยลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าช่วยไปตามลู่เพียว หลี่ชิงอวิ๋น และหลงยู่อิน ไปยังตำหนักของข้าหลังจากที่ข้าคุยกับปรมาจารย์ทั้งห้าแล้วข้าจะรีบออกมา”
         
“ข้าเข้าใจแล้ว” กู้เบ่ยรีบทะยานออกไป ในเวลานี้พวกกู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋น ลู่เพียวและ หลงยู่อินนั้นได้รับตำแหน่งเป็นผู้ดูแลประตูทั้งสี่ทิศ จึงหาตัวได้ไม่ยากนัก
         

ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
         

“ขออภัยท่านปรมาจารย์ทั้งห้าที่ข้าเข้ามาช้า” เนี่ยลี่พูดกับปรมาจารย์ทั้งห้าที่ยังคงตื่นตะลึงกับ ภาพที่พวกเขากำลังได้เห็น
         
“มีสถานที่เช่นนี้อยู่ในภาพจิตกรรมของเจ้าเช่นนั้นหรือ” ปรมาจารย์เทียนอู่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
         

    “เรื่องนั้นข้าจะอธิบายในภายหลัง ในตอนนี้ข้าต้องการที่จะมอบยาทิพย์ให้แก่พวกท่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า แต่พวกท่านจำเป็นที่จะต้องบ่มเพาะพลังอยู่ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำนี้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นหากมีผู้บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าที่ภายนอก จักรพรรดิปราชญ์จะสามารถสัมผัสได้ในทันที”
         

“ขอบเขตแห่งพระเจ้า มันคืออะไรกันแน่ พวกเข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน? แล้วจักรพรรดิปราชญ์ จะใช่ผู้เดียวกับที่เป็นรรพชนแห่งนิกายเทพอสูรหรือไม่?” ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นพูดขึ้นมาด้วยความตกใจยิ่งนัก มีระดับที่เกินกว่าเทพสงครามอยู่จริงหรือนี่
         

“ขอบเขตแห่งพระเจ้าเป็นระดับพลังขั้นสูงสุด การที่จะบรรลุได้ต้องใช้พื้นที่ที่มีพลังสวรรค์เข้มข้น และหากเสริมด้วยยาทิพย์ของข้าพวกท่านคงจะบรรลุได้ในเวลาครึ่งปี” เนี่ยลี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า
         

“ในอีกราวร้อยปีข้างหน้า จักรพรรดิปราชญ์จะฟื้นพลังได้สำเร็จ เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกสรรพชีวิตบนโลกจะถูกทำลายล้างจนสิ้น”
         

หลังจากจากได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ ปรมาจารย์ทั้งห้าได้แต่นิ่งเงียบ เคยมีตำนานเล่าขานมาว่าในอดีตจักรพรรดิปราชญ์เคยบุกทำลายล้างสวรรค์มาแล้ว แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
         

“เมื่อพวกท่านบรรลุระดับขอบเขตแห่งสวรรค์แล้ว เมื่อออกไปด้านนอกข้าจะสอนวิธีปิดกั้นพลังเอาไว้ จากนั้นข้ามีเรื่องสำคัญที่จะให้พวกท่านทำ”
         

“จะให้พวกข้าทำสิ่งใดกัน?” ปรมาจารย์หลิงหลงเอ่ยถาม
         

“ข้าต้องการให้พวกท่านรับสหายข้าเป็นศิษย์ โดยให้ลู่เพียวเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์เทียนอู่ และหลี่ชิงอวิ๋นเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์เทียนอวิ๋น เนื่องจากเทคนิคการบ่มพาะพลังของท่านทั้งสอง เหมาะสมกับพวกเขาทั้งสองยิ่งนัก”
         

“ถ้าหากว่าพวกเขามีความเหมาะสม ข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะปฏิเสธ” ปรมาจารย์เทียนอู่ตอบกลับไป เดิมทีเทคนิคการบ่มเพาะพลัง [เทียนอู่] จะถ่ายทอดให้ผู้นำตระกูลซื่อถูในแต่ละรุ่นเท่านั้น แต่ในตอนนี้กฏต่าง ๆ หาได้มีความสำคัญอีกต่อไป
         

“ส่วนนี่คือยาทิพย์ที่ข้ากลั่นมาให้เหมาะสมกับระดับพลังของพวกท่าน” เนี่ยลี่หยิบขวดยาทิพย์ออกมาราวร้อยขวดและมอบให้กับปรมาจารย์ทั้งห้า
         

ปรมาจารย์ทั้งห้ารับมาด้วยความตื่นเต้นยิ่งนัก ถ้าหากมีระดับที่เหนือกว่าระดับเทพสงคราม พวกเขาก็ต้องการที่จะบรรลุให้ถึงระดับนั้นดูเช่นกัน จากนั้นเนี่ยลี่ก็ออกจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไป
         

ตำหนักผู้นำนิกาย
         

กู้เบ่ย ลู่เพียว หลี่ชิงอวิ๋นและหลงยู่อินมานั่งรออยู่ที่ตำหนักแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเนี่ยลี่ก็กลับออกมาจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
         

“เนี่ยลี่ เจ้าเรียกพวกเรามาด้วยเหตุอันใดกัน?” ลู่เพียวเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นเนี่ยลี่
         

“ดูเหมือนว่า พวกเราไม่สามารถที่จะปิดประตูเมืองเป็นเวลาห้าปีได้แล้ว ข้าจึงต้องเร่งดำเนินการในบางเรื่อง” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
         

“ถ้าเป็นเรื่องที่มีคนจากนิกายอื่นพยายามเข้ามาเยี่ยมชมนิกายของเรา กู้เบ่ยได้เล่าเรื่องนี้ให้พวกเราทราบแล้ว” หลี่ชิงอวิ๋นพูดขึ้นมา
         

“ยิ่งพวกเราพยายามปิดประตูนิกายแล้วนิ่งเงียบอยู่นานเท่าใด ด้านนอกสำนักก็จะรู้สึกสงสัยพวกเรามากยิ่งขึ้น ถ้าหากมีระดับปรมาจารย์หรือผู้นำนิกายจากสำนักอื่นมาเยือน ทางเราคงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้” เนี่ยลี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า
         

      “ท่านพี่ชิงอวิ๋น ข้าได้ขอให้ท่านปรมจารย์เทียนอวิ๋นรับท่านเป็นศิษย์ เทคนิคการบ่มเพาะพลังของปรมาจารย์เทียนอวิ๋นนั้นเหมาะสมกับท่านยิ่งนัก ยู่อินเจ้านั้นมีเทคนิคการบ่มเพาะพลังจากจักรพรรดิเมฆาสวรรค์แล้วคงจะไม่มีปัญหาอันใด กู้เบ่ยเจ้าฝึกฝนด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ต่อไป ลู่เพียวเจ้าจะต้องไปเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เทียนอู่ หลังจากนี้เป็นเวลาครึ่งปี พวกเจ้าจะต้องบรรลุระดับเทพสงครามให้ได้ ภายในวันนี้พวกเจ้าจงไปถ่ายทอดงานของเจ้าให้กับผู้ที่ไว้ใจได้ดูแลต่อไป” เนี่ยลี่รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
         

 “เข้าใจแล้ว!” ทั้งสามคนตอบกลับในทันที หลงยู่อินนั้นทราบเหตุผลดี แต่อีกสามคนแม้จะยังสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามสิ่งใด พวกเขารู้ดีว่า การสั่งการของเนี่ยลี่จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
         
“พรุ่งนี้พวกเจ้าจะต้องเข้าไปอยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นเวลาครึ่งปี เตรียมใจไว้ให้ดี” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         
“ตกลง!”ทั้งสามคนตอบกลับไป



เนี่ยลี่เองก็ไม่อาจที่จะควบคุมสิ่งที่เกิดภายนอกนิกายได้ ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงต้องเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ ถ้าเช่นนั้นจำเป็นต้องใช้งานชนเผ่าเมฆาสวรรค์อีกครั้ง..........................จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง