test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

1 ก.พ. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.98 ค่ายกลสิบแปดมังกรสวรรค์ทองคำ




          เช้าวันต่อมา เนี่ยลี่เรียกสหายของเขามารวมตัวกันอีกครั้ง มีเรื่องที่เนี่ยลี่ยังกังวลอยู่บ้าง เกี่ยวกับการเพิ่มระดับพลังที่เขาคิดขึ้นมาได้


          “วิธีที่จะเพิ่มระดับพลังในครั้งนี้ จะเป็นการใช้ค่ายกลที่ข้าเคยใช้กับกู้เบ่ยและลู่เพียวมาแล้ว แต่ข้าได้ปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น” เนี่ยลี่อธิบายอย่างช้า ๆ


          “เจ้าหมายถึงค่ายกลเก้ามังกรสวรรค์เช่นนั้นหรือ?” ลู่เพียวพูดขึ้นมา ในตอนนั้นเขาและกู้เบ่ยสามารถเพิ่มระดับพลังขึ้นไปได้หลายขั้น ในเวลาไม่นานนัก


          “ถูกต้องแล้ว ตอนที่ใช้ค่ายกลเก้ามังกรสวรรค์ ข้าได้ใช้ศิลาจิตวิญญาณเป็นแกนกลาง แต่ในครั้งนี้ข้าจะใช้ ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำแทน ซึ่งมีพลังสวรรค์อยู่มากกว่านับล้านเท่า และข้าจะเพิ่มจำนวนมังกรขึ้นอีกสองเท่า ดังนั้นค่ายกลนี้จะกลายเป็น ค่ายกลสิบแปดมังกรสวรรค์ทองคำ” เนี่ยลี่พยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไป


          “เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีที่เป็นกังวล” ตู่ซื่อถามออกไป เขารู้สึกได้เลยว่าเนี่ยลี่มีเรื่องบางอย่างที่คิดไม่ตก


          “ข้าติดปัญหาเรื่องจำนวนคน ก่อนหน้านี้ที่ใช้ ค่ายกลเก้ามังกรสวรรค์ มีเพียงข้า ลู่เพียว และกู้เบ่ยเท่านั้น ทำให้สามารถจัดแบ่งมังกรสวรรค์ได้อย่างพอดี แต่ในตอนนี้จำนวนคนมีมากเกินไป” เนี่ยลี่เองก็ไม่คิดที่จะปิดบังจึงตอบไปตามความจริง


          จำนวนคนทีมีอยู่ในตอนนี้ได้แก่ เนี่ยลี่ ต้วนเจี้ยน กู้หลาน เหยียนหยาง เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ่อ ตู่ซื่อ ลู่เพียว กู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋น หลงยู่อิน เซี่ยวหยู่ หมิงเยี่ยวู่ซวง เซี่ยวซุ่ย ฮวาหั่ว เว่ยหนาน จางหมิง ซูเซียงจิ้ง และเทพธิดายู่หยานรวมยี่สิบคน


          “หากจำนวนคนมากเกินไป ก็จงตัดพวกเข้าออกไป ผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งมากไปกว่านี้ หน้าที่ของพวกเจ้าคือการเปิดทางให้พวกข้าไปจนถึงร่างแยกของจักรพรรดิปราชญ์ ดังนั้นการเพิ่มระดับพลังของพวกเจ้าจึงเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดแทรกขึ้นมา หากสามารถลดจำนวนคนได้ ก็จะทำให้ระดับพลังเพิ่มสูงขึ้นได้มากขึ้นอีก ต้วนเจี้ยน กู้หลาน เหยียนหยาง และเทพธิดายู่หยานก็พยักหน้าเห็นด้วย


          เมื่อตัดไปได้ห้าคน ในตอนนี้ก็เหลืออยู่ สิบห้าคน แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ไม่ลงตัวนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าใดนัก เนี่ยลี่จึงหันไปพูดกับเทพธิดายู่หยาน


          “พี่ยู่หยาน ข้าฝากท่านดูแลภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำด้วยนะ พวกข้าอาจจะต้องใช้เวลาหลายวันในเพิ่มระดับพลัง”


          “เจ้าไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ พวกข้าทั้งห้าจะช่วยกันปกป้องภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเอง” เทพธิดายู่หยานตอบกลับไปพร้อมกับยิ้ม


          หลังจากนั้นเนี่ยลี่และเหล่าสหายรวมสิบห้าคนก็ได้เข้าไปข้างในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เดิมทีเนี่ยลี่ตั้งใจที่จะให้จินตานเข้าไปด้วย แต่จินตานนั้นมิได้ใช้เทคนิคการบ่มเพาะพลังเช่นเดียวกับมนุษย์ เนี่ยลี่จึงตัดสินใจที่จะให้จินตานอยู่กับเทพธิดายู่หยานแทน



ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ

          เนี่ยลี่ให้ทุกคนนั่งล้อมวงกัน ก่อนที่จะนำศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณจำนวนมากออกมา โดยศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำนับแสนก้อนให้ลอยขึ้นไปเบื้องบน กลายเป็นค่ายกลที่มีความซับซ้อนยิ่งนัก หลังจากนั้นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำก็ระเบิดออก เสียงดังก้องกังวาลไปทั่วทั้งภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ พลังสวรรค์เริ่มรวมตัวกันเป็นมังกรทองคำสิบแปดตน และบินอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา

 


          มังกรทองคำเริ่มบินวนเวียนไปทั่ว ในบางครั้งก็บินทะลุผ่านร่างกายของพวกเขา ทุกครั้งที่มังกรทองคำบินผ่าน พลังสวรรค์ที่อาบอยู่ทั่วตัวของมังกรก็จะตกค้างอยู่ในร่างกายของพวกเขา ทำให้ร่างกายของพวกเขาขยายตัวออกราวกับจะฉีกขาดออกมา

 


          หากสามารถดูดซับพลังจากมังกรทั้งสิบแปดตนได้สำเร็จ ระดับพลังของพวกเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ร่างกายของแต่ละคนก็ย่อมมีขีดจำกัดที่ต่างกัน แม้ว่าเนี่ยลี่จะสามารถดูดซับพลังสวรรค์ได้มากมายมหาศาล แต่คนอื่น ๆ นั้นหาได้เป็นเช่นนั้น

 


          ในวันแรกนั้นทุกคนสามารถเพิ่มระดับพลังสูงขึ้นได้หนึ่งขั้น พวกเขานั้นดูดซับพลังจากมังกรทองคำไปได้เพียงแค่สามตนเท่านั้น ยังเหลือมังกรทองคำอีกสิบหกตนที่ยังคงบินวนเวียนผ่านร่างกายของพวกเขา

 


          ที่ภายนอก แม้ว่าเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงจะกล่าวว่า ผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหกไม่จำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งไปกว่านี้ แต่พวกเขาก็พยายามฟื้นความทรงจำทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เมื่อได้เผชิญหน้ากับร่างแยกทั้งหกของจักรพรรดิปราชญ์ เทคนิคที่ใช้ในการผนึกร่างแยกนี้ พวกเขานั้นคิดค้นได้ในสงครามครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้ในชีวิตที่แล้วของเนี่ยลี่นั้น เกือบจะสังหารจักรพรรดิปราชญ์ได้


          วันต่อมาทุกคนยังคงดูดซับพลังจากมังกรทองคำเช่นเดิม และดูเหมือนว่าจะสามารถดูดซับได้มากยิ่งขึ้น เมื่อดูดซับมังกรทองคำไปได้อีกสามตน ร่างกายของ เว่ยหนาน จางหมิง ซูเซียงจิ้ง ก็เริ่มถึงขีดจำกัด พวกเขาไม่อาจทนรับพลังที่มากกว่านี้ได้อีกแล้ว


          “เนี่ยลี่ร่างกายของข้านั้นถึงขีดจำกัดแล้ว” เว่ยหนาน จางหมิง ซูเซียงจิ้ง ตะโกนออกไปพวกเขารู้สึกว่าร่างกายของพวกเขานั้นจะระเบิดออกแล้ว


          เนี่ยลี่รีบลืมตาขึ้น และสกัดจุดให้ทั้งสามคนทันที ผลของการสกัดจุดทำให้ ร่างกายของพวกเขาไม่อาจดูดซับพลังจากมังกรทองคำได้อีก เป็นการป้องกันไม่ให้ห้วงขอบเขตวิญญาณของทั้งสามคนฉีกขาด


          ในตอนนี้ทั้งสามคนนั้นสามารถบรรลุได้ ถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่ห้า และเป็นขีดจำกัดสูงสุดของพวกเขาในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนปลอดภัยแล้ว เนี่ยลี่จึงทำการดูดซับพลังจากมังกรทองคำต่อ


          แม้ว่าจะดูดซับพลังสวรรค์ไปเป็นจำนวนมาก แต่เนี่ยลี่นั้น สามารถเพิ่มระดับพลังได้เพียงขั้นเดียวเท่านั้น ต่างจากคนอื่น ๆ ที่สามารถบรรลุได้สองถึงสามขั้นแล้ว


          เว่ยหนาน จางหมิง ซูเซียงจิ้ง มองดูเหล่าสหายตรงเบื้องหน้า พวกเขารู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก ที่สามารถทำให้เพียงเท่านี้ แม้ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบกับจอมมารแล้วก็ยังนับว่าด้อยกว่าอยู่หนึ่งขั้น


          ในตอนนี้มังกรทองคำนั้นเหลืออีกสิบสองตน และพวกเนี่ยลี่ที่สามารถดูดซับพลังได้อีกนั้นเหลืออยู่อีกสิบสองคน


          หลังจากที่ดูดซับมังกรทองคำได้อีกสามตน ก็มีอีกสองคนที่ไม่อาจดูดซับพลังได้อีกนั่นคือ หลี่ชิงอวิ๋น หลงยู่อิน ทั้งสองคนถึงขีดจำกัดแล้ว พวกเขาสามารถเพิ่มระดับพลังได้เพียงแค่ระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่หกเท่านั้น ทำให้เหลือมังกรอีกเก้าตนและพวกเนี่ยลี่อีกสิบคน


          ในวันต่อมา กู้เบ่ย เซี่ยวหยู่ และ หมิงเยี่ยวู่ซวงก็มาถึงขีดจำกัดที่ระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่เจ็ด


          ตอนนี้เหลือเพียงเนี่ยลี่ เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ่อ ตู่ซื่อ ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย และ ฮวาหั่ว อีกเจ็ดคนเท่านั้น และมังกรทองคำอีกหกตน


          หลังจากที่ดูดซับมังกรทองคำได้อีกสามตน ตู่ซื่อ ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย และ ฮวาหั่วก็ถึงขีดจำกัด ขีดจำกัดของทั้งสี่คนในตอนนี้คือระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่แปด


          ในตอนนี้เหลือเพียงเนี่ยลี่ เอียจื่ออวิ๋น และเซี่ยวหนิงเอ๋อเท่านั้นที่สามารถดูดซับพลังจากมังกรทองคำอีกสามตนที่เหลือได้ แต่เมื่อดูดซับมังกรทองคำไปอีกสองตน พวกนางก็ถึงขีดจำกัดเช่นกัน ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่เก้า


          แม้ว่าเนี่ยลี่จะดูดซับพลังสวรรค์จากมังกรทองคำมากกว่าผู้อื่น แต่เขาก็เพิ่มระดับพลังได้เพียงแค่ ระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่เจ็ดเท่านั้น แต่เมื่อดูดซับพลังจากมังกรทองคำตนสุดท้ายเพียงลำพัง เนี่ยลี่ก็สามารถบรรลุถึงขั้นที่แปดได้


          หลังจากที่การดูดซับพลังโดยใช้ค่ายกลสิบแปดมังกรสวรรค์ทองคำจบลง เนี่ยลี่ได้ให้ทุกคนทำการปรับพลังให้เกิดความสมดุล เพราะการเพิ่มระดับพลังอย่างรวดเร็ว จะทำให้พลังในห้วงขอบเขตวิญญาณของพวกเขานั้นไม่คงที่ พวกเขาจึงต้องทำการปรับแต่งห้วงขอบเขตวิญญาณของตนเองให้เหมาะสมก่อน


          พวกเขาอยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน โดยที่ไม่ทราบเลยว่าด้านนอกนั้นเป็นเช่นใดบ้าง


          ทางด้านเหล่าผู้กลับชาติมาเกิด ก็พูดคุยหารือเกี่ยวกับ สิ่งที่ต้องทำ และเรื่องนี้พวกเขาต้องเก็บไว้เป็นความลับ เพราะหากมีผู้อื่นที่รู้ถึงเรื่องนี้ อาจจะทำให้แผนล้มเหลวได้


          จอมมารเองก็ได้แอบวางแผนของเขาเอาไว้ ซึ่งผู้กลับชาติมาเกิดคนอื่น ๆ ไม่ทราบเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย


บนดินแดนแห่งสวรรค์


          ดินแดนแห่งสวรรค์เป็นที่พำนักของจักรพรรดิปราชญ์และบริวารแห่งเทพทั้งสิบ มีพื้นที่เท่ากับอาณาจักรใหญ่ ๆ สักแห่ง บนดินแดนแห่งนี้มีเพียงอสูรที่มีพลังในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าเท่านั้น จึงจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาอยู่ได้ และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจำนวนสิบตน จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริวารแห่งเทพ


การเดินทางสู่โลกเบื้องล่างนั้นเป็นความผิดร้ายแรง มีเพียงบริวารแห่งเทพ ที่ได้รับคำสั่งโดยตรงเท่านั้น จึงจะสามารถเดินทางผ่านกระจกข้ามภพลงไปที่โลกเบื้องล่างได้ 


          บริวารแห่งเทพทั้งสิบได้ เข้าไปรายงานเรื่องกระจกข้ามภพที่ถูกแย่งชิงไป ซึ่งในครั้งนี้จักรพรรดิปราชญ์ได้อนุญาตให้บริวารแห่งเทพทั้งสิบเข้าพบได้ พวกเขาจึงรีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทันที

 


          พวกเขาคิดว่าหากจักรพรรดิปราชญ์ ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โลกเบื้องล่าง จักรพรรดิปราชญ์จะต้องไม่พอใจเป็นแน่ แต่จักรพรรดิปราชญ์กลับหัวเราะด้วยความยินดี ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

 


          “พวกเจ้าคงจะสงสัยเหตุใดข้าจึงรู้สึกยินดี สงครามครั้งก่อนหน้า พวกเจ้ายังมิได้ถือกำเนิดขึ้นมา มันคือสงครามแห่งชะตากรรม ข้านั้นเคยคิดที่จะสังหารพวกมันก่อนที่พวกมันจะแข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี การได้สังหารพวกมันในยามที่ พวกมันนั้นแข็งแกร่งที่สุด ทำให้พวกมันมีความหวัง ก่อนที่จะสิ้นหวัง นั่นจึงจะทำให้ข้าพึงพอใจได้มากที่สุด” จักรพรรดิปราชญ์พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชายิ่งนัก นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ส่งบริวารแห่งเทพลงไปที่เบื้องล่าง

 


          “หมายความว่า มนุษย์พวกนั้นคิดที่จะมาต่อสู้กับท่าน ไม่ทราบว่าท่านจะให้พวกเราเตรียมการณ์เช่นใดบ้างขอรับ?” บริวารแห่งเทพผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา

 


          “จัดเตรียมกองกำลังทั้งหมด เพื่อรอให้พวกมันบุกขึ้นมา หากพวกมันสามารถผ่านขึ้นมาได้ ก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าที่ต้องไปสังหารพวกมันทั้งหมด จงอย่าทำให้ข้าผิดหวัง” จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไปพร้อมกับปลดปล่อยลมปรานอันแหลมคมราวกับใบมีดออกมา เพื่อให้เหล่าบริวารแห่งเทพได้รับรู้ว่า หากพวกเขาไม่อาจขัดขวางเอาไว้ได้ โทษของพวกเขาคือความตายเท่านั้น

 


          “พวกข้าเข้าใจแล้วขอรับ” บริวารแห่งเทพทั้งสิบประสานมือและเดินออกมาจากตำหนักของบริวารแห่งเทพ

 


          พวกเขาสั่งการให้กองกำลังทั้งหมดที่อยู่บนดินแดนแห่งสวรรค์นี้ ที่ล้วนเป็นยอดฝีมือในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ที่มีอยู่นับล้านตน ให้เตรียมพร้อมกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ด้วยกองกำลังที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ต่อให้มนุษย์เบื้องล่างทั้งหมดบุกขึ้นมา การที่จะเอาชนะกองกำลังนี้ได้ ก็เป็นแค่ความฝันเท่านั้น

 


          แม้ว่าพวกเนี่ยลี่จะมีพลังที่สูงส่งเพียงใด แต่ด้วยกองกำลังอันน้อยนิด การจะบุกฝ่าไปจนถึงที่พำนักของจักรพรรดิปราชญ์ หรือแม้แต่บริวารแห่งเทพก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งในเรื่องนี้เนี่ยลี่เองก็ทราบดี

 


          จักรพรรดิปราชญ์นั้นได้สัมผัสถึงพลังของผู้ที่บรรลุเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ขั้นสูงสุดได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานพลังนั้นก็หายไป แม้จะเป็นเวลาไม่นานเขาก็รับรู้ได้ว่า ตำแหน่งที่สัมผัสได้นั้นคืออาณาจักรบรรพชนแห่งเทพ เดิมทีเขาคิดที่จะส่งบริวารแห่งเทพลงไป แต่เขาก็เปลี่ยนใจ เพราะต้องการให้คนเหล่านั้น มาตายอยู่เบื้องหน้าของเขา

 


          ในตอนนี้ ที่จักรพรรดิปราชญ์อยู่ในตำหนักเพียงลำพังพูดขึ้นมาว่า “นี่จะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างข้ากับเจ้า คงหมิง”

 


          จักรพรรดิปราชญ์กำหมัดจนแน่น ความแค้นที่เขามีต่อคงหมิงนั้นยิ่งใหญ่มากนัก แม้ว่าเขาจะสังหารคงหมิงมาหลายชาติภพ แต่ความแค้นก็ไม่เคยลดน้อยลงไปแม้แต่น้อย สิ่งที่คงหมิงได้กระทำกับเขานั้นมัน ไม่มีวันที่จะจางหางไปได้ง่าย ๆ...............จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว




 

เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง