หลงยู่อินนั้นรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ เมื่อกลับมายังโลกเบื้องล่าง นางจึงได้บอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดแก่ทุกคน ว่าเหตุใดพวกเนี่ยลี่จึงหายไป และกำลังจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนรู้สึกเศร้าใจที่ไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำร่ำลา แต่เรื่องราวของพวกเนี่ยลี่จะต้องเป็นตำนานเล่าขานบนโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน พวกเขาที่อยู่ที่นี่จะบันทึกเรื่องราวของพวกเขาเอาไว้ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รับรู้
หลังจากที่ส่งพวกเนี่ยลี่กลับไป
เทพทั้งเจ็ดก็เริ่มดำเนินการตามที่ได้รับปากกับเนี่ยลี่เอาไว้ โดยประกาศลงไปยังโลกเบื้องล่างให้มนุษย์ทำการคลายการผสานดวงจิตอสูรที่ได้ผสานเอาไว้
หากฝ่าฝืน จะถูกกระชากดวงจิตออกมา ซึ่งจะเจ็บปวดและทรมานยิ่งนัก หลังจากนั้นจักรพรรรดิคงหมิงก็ได้ทำลายผลึกดวงจิตอสูรบนโลกทั้งหมด
และปลดปล่อยจิตอสูรเหล่านั้นให้ไปสู่ภพใหม่
จักรพรรดิปราชญ์ได้แจ้งข่าวกับอสูรในทุกโลก และนำพาอสูรทั้งหมดมายังตำหนักชมจันทร์ ที่ได้ขยายพื้นที่ใหญ่โตพอ ๆ
กับโลกใบหนึ่ง และได้ปรับแต่งให้เป็นดั่งสรวงสวรรค์ของเหล่าอสูร
สำหรับพวกสายเลือดผสม
จักรพรรดิปราชญ์ให้โอกาสได้เลือกว่าจะไปอยู่ที่โลกอสูรหรือไม่
ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจแยกได้ว่าเป็นอสูรหรือมนุษย์
เช่นเผ่าเอลฟ์ จักรพรรดิปราชญ์จึงได้สร้างโลกใหม่ขึ้นมาให้แก่พวกเขาเช่นกัน
จากนั้นจักรพรรดิปราชญ์ก็ได้ปรับเปลี่ยนห้วงสวรรค์น้อย
ให้กลายเป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งอสูรและสร้างผนึกที่ใช้คำจุนห้วงสวรรค์น้อยให้คงอยู่ได้ตลอดกาล
ทางด้าน
ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ได้รับการปลดปล่อยจากคำสาบ
พวกเขากลับไปยังดินแดนรกร้างไร้ที่สิ้นสุดอีกครั้ง
และเพื่อเป็นการชดใช้ให้กับชนเผ่าเมฆาสวรรค์
จักรพรรรดิปราชญ์ได้ใช้พลังสัจธรรมปรับเปลี่ยนให้ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่เขียวขจี
และงดงามกว่าดินแดนใดในโลก ทำให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์มีความสุขยิ่งนัก
เมื่อได้ทำทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว
จักรพรรดิปราชญ์ก็ได้ปลดปล่อยดวงจิตอื่น ๆ ที่อยู่ในร่างของเขาออกไป
พร้อมกับคืนพลังสัจธรรมทั้งหมดให้แก่สรวงสวรรค์
เนื่องจากตัวเขาไม่ต้องการที่จะมีอำนาจมากเกินไป
หลังจากจบเรื่องราวทั้งหมด
จักรพรรรดิปราชญ์ก็ได้ปรับความเข้าใจกับจักรพรรรดิคงหมิง
ความแค้นที่เคยมีมานับล้านปีได้สลายไป
จนทั้งสองได้กลายเป็นสหายเทพที่ใกล้ชิดกันยิ่งนัก
เทพศาสตราวุธเถี่ยเจิ้งได้รวบรวมอาวุธวิเศษทั้งหมดกลับขึ้นสู่สรวงสวรรค์
ทางด้านเหยียนหยางได้ทำหน้าที่ในการนำศิลาจิตวิญญาณ ทะเลสาบแห่งเทพ และพลังสวรรค์ที่อยู่บนโลกด้วย ทำให้มนุษย์ทุกคนกลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ระดับพลังต่าง ๆ ที่เคยมีก็สลายไปจนหมดสิ้น
ทางด้านเหยียนหยางได้ทำหน้าที่ในการนำศิลาจิตวิญญาณ ทะเลสาบแห่งเทพ และพลังสวรรค์ที่อยู่บนโลกด้วย ทำให้มนุษย์ทุกคนกลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ระดับพลังต่าง ๆ ที่เคยมีก็สลายไปจนหมดสิ้น
เทพธิดายู่หยานที่นำจินตานไปเลี้ยงดู
สุดท้ายจินตานก็ได้เป็นพาหนะของเทพธิดาสุริยะผู้ดูแลดวงตะวัน
ต้วนเจี้ยนและกู้หลานนั้นคอยจับตามองไปยังโลกต่าง ๆ และคอยให้ความช่วยเหลือแก่มนุษย์ที่มีความเดือดร้อน จึงกลายเป็นเทพที่มนุษย์ให้การนับถือยิ่งนัก
แม้ว่ามนุษย์ทั้งหมดจะไร้ซึ่งพลังสวรรค์
แต่พวกเขายังคงสามารถฝึกวรยุทธได้
กู้เบ่ยได้ขึ้นครองตำแหน่งประมุขนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์และได้ถ่ายทอดเพลงกระบี่ให้แก่เหล่าศิษย์
กลายเป็นนิกายที่เชี่ยวชาญในเพลงกระบี่อันดับหนึ่งของแผ่นดิน
หลงยู่อินที่เป็นผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์
ได้ไปนั่งบำเพ็ญเพียรที่กระท่อมเดิมที่อิงเยว่ลู่เคยอยู่เพียงลำพัง
หลี่ชิงอวิ๋นยังคงปกครองอาณาจักรกำแพงสวรรค์และได้ถ่ายทอดเพลงดาบของเขาให้แก่เหล่าศิษย์
จนกลายเป็นนิกายที่เชี่ยวชาญในการใช้เพลงดาบ
หมิงเยี่ยวู่ซวงขึ้นครองตำแหน่งผู้นำนิกายเสียงศักดิ์สิทธิ์
และอบรมเหล่าศิษย์ด้วยเพลงพิณ และเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นนิกายที่สามารถขับกล่อมให้ทุกคนมีความสุขได้
เสี่ยวฉีหลิงและเสี่ยวหนีเสิ่นได้แต่งงานกันและปกครองอาณาจักรหุบเขาสวรรค์
ที่มีมนุษยืและพวกสายเลือดผสมอยู่โดยกันโดยไร้ความขัดแย้ง
ไหไห่ล่องเรือกลับไปยังอาณาจักรวิญญาณสาบสูญ
และคอยดูแลให้อาณาจักรแห่งนี้มีความงดงาม เพื่อเหล่าวิญญาณจะได้เดินทางสู่โลกหน้าอย่างมีความสุข
เหล่าวิญญาณที่ล่องลอยอยู่บนโลกล้วนได้รับการปลดปล่อยให้ไปสู่สุขติ
รวมไปถึงเจตจำนงของตำหนักซีอิงเสิ่น
ที่เนี่ยลี่ให้สิงอยู่ในหุ่นเชิดวิญญาณเองก็เช่นกัน
ที่โลกแห่งอสูรจักรพรรรดิปราชญ์ได้มอบหมายให้
อู่หยาจื่อเป็นผู้ปกครองโลกนี้ ทำให้ในภายหลังอู๋หยาจื่อกลายเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่
และเป็นที่นับถือของเหล่าอสูรทั้งปวง
อายุขัยของมนุษย์ได้ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่
ให้ไม่เกินหนึ่งร้อยปี
สำหรับเหล่ายอดฝีมือที่เคยได้รับอายุขัยจากการบรรลุระดับพลังจนเกินกว่าร้อยปีไปแล้วนั้น
จะมีอายุขัยต่อไปอีกสิบปีหลังจากที่พลังสวรรค์ได้สูญสิ้นไปจากโลกเบื้องล่าง
โลกใบเล็ก
เมื่อกลับมายังโลกใบเล็ก
เนี่ยลี่ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ให้ทุกคนฟัง
จากนั้นพวกเขาก็ได้ปลดปล่อยดวงจิตที่พวกเขาผสานร่างอยู่
ตู่ซื่อและฮวาหั่วได้ปลดปล่อยกิเลนฟ้าและกิเลนเพลิงออกมาจากร่างกายของทั้งสองคน
ก่อนที่กิเลนฟ้าและกิเลนเพลิงจะถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร ทั้งสองได้แต่สบตากัน
พวกเขาต่อสู้ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ความผูกพันทำให้ไม่จำเป็นต้องกล่าวถ้อยคำใดออกไป
ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยเองก็ปลดปล่อยดวงจิตแห่งเทพทั้งสองให้กลับขึ้นไปสู่โลกเบื้องบน
เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อก็ได้กล่าวลาเทพธิดาทั้งสองก่อนที่จะกลับสู่สรวงสวรรค์เช่นกัน
เซี่ยวหยู่นั้นได้ขอแยกตัวเพื่อไปอยู่กับพ่อบุญธรรมของนาง
เดิมทีนางนั้นเหลืออายุขัยไม่ถึงหนึ่งปีจากการใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์
แต่เหล่าเทพได้คืนอายุขัยให้แก่นาง
เพื่อให้นางเป็นตัวแทนที่สามารถติดต่อกับเทพได้โดยใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์
ในภายหลังนางและพ่อบุญธรรมได้ไปอยู่ที่ดินแดนเมฆาแห่งความฝัน
ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นดินแดนแห่งเซียนและตัดขาดจากโลกใบเล็กไป
จากนั้นเนี่ยลี่และสหายก็ได้กลับไปที่เมืองกลอรี่
เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดแก่เอียเซิ่งและท่านเอียมัว
ส่วนท่านบรรพชนเอียเหยียนนั้นกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดวิญญาณที่ว่างเปล่านั้น
ท่านเอียมัวและเอียเซิ่งจึงได้นำร่างหุ่นเชิดวิญญาณของท่านบรรพชนเอียเหยียน
ไปวางบนแท่นบูชา เพื่อที่จะให้ลูกหลานได้กราบไหว้ท่านบรรพชนที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล
หนึ่งเดือนต่อมา
ได้มีงานมงคลใหญ่เกิดขึ้น เนี่ยลี่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อพร้อมกัน
เนื่องจากเอียจื่ออวิ๋นไม่ต้องการให้หนิงเอ๋อเป็นภรรยารอง
การแต่งงานพร้อมกันทำให้ทั้งสองคนเป็นภรรยาหลวงทั้งคู่
โดยมีเทพธิดาจูเซินมาให้คำอวยพร
แม้ว่าเนี่ยลี่ไม่อาจที่จะนำพลังสัจธรรมแห่งการกำเนิดมาคืนให้นางได้
แต่นางก็พูดเพียงว่า พลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นสมควรแล้วที่จะอยู่กับเทพบนทรวงสวรรค์
ก่อนที่นางจะกลับไปบำเพ็ญเพียรที่ที่ดินแดนเมฆาแห่งความฝันดังเดิม
ต่อมาเอียเซิ่งได้ขอให้เนี่ยลี่เข้ารับตำแหน่งเจ้าเมือง
แต่เนี่ยลี่ได้ปฏิเสธเพราะบัดนี้เขากลายเป็นผู้ไร้วรยุทธ
และเขาก็ไม่คิดที่จะฝึกยุทธใด ๆ อีก เขาต้องการพาเอียจื่ออวิ๋น
และเซี่ยวหนิงเอ๋อไปอยู่ด้วยกันที่กระท่อมเล็ก ๆ ปลูกพืชผัก
สมุนไพรดั่งที่บิดาของเขาเคยทำ
แม้ว่าเอียเซิ่งจะรู้สึกเศร้าใจแต่ก็ยอมให้เนี่ยลี่ได้ทำตามที่เขาต้องการ
เนี่ยลี่ได้เสนอให้ลู่เพียวขึ้นรับตำแหน่งเจ้าเมือง
เนื่องจากเขานั้นเคยเป็นทายาทตระกูลขุนนางมาก่อน
และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเพลงง้าวสามารถใช้วรยุทธปกป้องเมืองได้
หากเซี่ยวซุ่ยช่วยดูแล ลู่เพียวจะต้องสามารถเป็นเจ้าเมืองที่ดีได้เป็นแน่
เอียเซิ่งจึงได้สละตำแหน่งเจ้าเมืองให้แก่ลู่เพียว
ตู่ซื่อและเซี่ยวซุ่ยได้รับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์
แต่หลังจากนั้นหนึ่งปีทั้งสองก็ได้ลาออก และมาก่อตั้งสำนักหมัดกิเลนสวรรค์จนมือชื่อเสียงไปทั่ว
ส่วนสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ เว่ยหนาน จางหมิง และซูเซียงจิ้งได้ช่วยกันดูแลแทน
เว่ยหนาน
จางหมิง และซูเซียงจิ้งแม้ว่าจะสูญเสียพลังจากเทพวายุไป
แต่กลิ่นหอมจากผงปีกของราชินีอาณาจักรเทพวายุยังคงมีอยู่
ทำให้เขากลายเป็นสามหนุ่มที่มีสเน่ห์มากที่สุดในเมืองกลอรี่
และเป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมาย
หญิงสาวที่ได้เว่ยหนานไปครองคือฮูเหยียนหลานเร่อ
ที่เคยหลงไหลในตัวเนี่ยลี่นั่นเอง เพียงแค่ได้สูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายของเว่ยหนาน ฮูเหยียนหลานเร่อก็ประกาศออกไปว่าเว่ยหนานคือผู้ชายของนาง
และขอให้บิดาจัดงานแต่งให้นางทันที ซึ่งเหว่ยหนานก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด
ทางด้านซูเซียงจิ้งเนื่องจากเขาต้องติดต่อกับสถาบันปรุงยาเป็นประจำ
ทำให้หยางซิ่นที่ได้กลิ่นหอมจากตัวเขาอยู่เป็นประจำ
ไม่อาจทนต่อแรงปรารถณาได้และได้แต่งงานกันในที่สุด
จางหมิงนั้นกลายเป็นชายเจ้าสำราญและมีหญิงสาวมาติดพันนับสิบคน
หลังจากที่เซี่ยวซุ่ยได้ใช้อำนาจของภรรยาเจ้าเมืองออกฏว่า ชายใดที่ล่วงเกินหญิงสาวจะต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับหญิงสาวผู้นั้น
หาไม่แล้วจะถูกลงโทษจับขังโดยไม่มีข้อยกเว้น
ทำให้เขาต้องแต่งงานกับหญิงสาวเหล่านั้น และไม่กล้าที่จะเจ้าชู้อีกต่อไป
ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยมีบุตร
ธิดาด้วยกันถึงห้าคน ทำให้เขาต้องวุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงลูก
เขาจึงยกหน้าที่ในการดูแลเมืองให้เซี่ยวซุ่ยไป
ซึ่งนั่นก็ทำให้เมืองกลอรี่รุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก
ลู่เพียวใช้เวลาส่วนใหญ่เล่นสนุกกับลูก
การที่เติบโตขึ้นมาโดยการดูแลของลู่เพียวทำให้ลูก ๆ
ของเขาล้วนขี้เกียจไม่ต่างจากบิดา ซึ่งนั่นทำให้เซี่ยวซุ่ยโมโหอยู่เป็นประจำ
ตู่ซื่อและฮวาหั่วมีบุตรชายด้วยกันเพียงคนเดียวมีนามว่าฉีหลิง
[กิเลน] เพื่อให้กิเลนฟ้าและกิเพลิงได้รับรู้ว่า
พวกเขาไม่เคยจางหายไปจากหัวใจของทั้งสองคน
เนี่ยหยู่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลบันทึกสวรรค์
หลังจากที่สูญเสียพลังสวรรค์ไปเนี่ยลี่ได้คัดลอกตำราเพลงยุทธที่เขารู้จักทั้งหมด
และมอบให้แก่ตระกูลบันทึกสวรรค์
ทำให้ตระกูลบันทึกสวรรค์กลายเป็นตระกูลที่เชี่ยวชาญวรยุทธหลายแขนง
และแข็งแกร่งที่สุดในเมืองกลอรี่
หลายปีต่อมา
บนเทือกเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากเมืองกลอรี่ไปหลายสิบลี้ มีกระท่อมเล็ก ๆ
ตั้งอยู่บนเทือกเขา ที่รายล้อมไปด้วยทุ่งนาและมีผีเสื้อบินอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
มีสายธารทอดผ่านอยู่ไม่ไกลนัก เป็นสถานที่ที่สงบและน่าอยู่ราวกับเป็นสรวงสวรรค์ที่อยู่บนมนุษย์
เนี่ยลี่ที่ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อนั้นจ้องมองไปยังบนท้องฟ้า
ที่ดวงตะวันสาดส่องพร้อมกับรอยยิ้ม นี่คือความสงบที่เขาต้องการ
“ท่านพี่
พักทานอาหารได้แล้ว” เสียงของเอียจื่ออวิ๋นตะโกนเรียกเนี่ยลี่ให้มาทานอาหารกล
นางเองก็ละทิ้งทุกอย่างเพื่อมาอยู่กับเนี่ยลี่ที่นี่
“หนิงเอ๋อไม่อยู่เช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่เอ่ยถามขณะที่เดินไปหาจื่ออวิ๋น
“นางพาเนี่ยอวิ๋น
และเนี่ยเอ๋อไปวิ่งเล่นที่หลังบ้าน” จื่ออวิ๋นนำไม้ไปค้ำเพื่อเปิดหน้าต่างด้านหลัง
เพื่อให้มองเห็นหนิงเอ๋อกำลังวิ่งเล่นกับเด็กชายและเด็กหญิงอายุห้าขวบกันอย่างสนุกสนาน
“บิดาของพวกเจ้าทำนาเสร็จแล้ว”
หนิงเอ๋อชี้ไปที่เนี่ยลี่ให้เด็กทั้งสองได้เห็น
เด็กทั้งสองต่างก็รีบวิ่งไปหาเนี่ยลี่ทันที
“ท่านพ่อ”
เด็กทั้งสองคนวิ่งมากอดเนี่ยลี่อย่างน่าเอ็นดู โดยมีหนิงเอ๋อที่เดินตามมาอย่างช้า
ๆ
“ขอเพียงได้มีมีคนที่รักอยู่ข้างกาย
เพียงเท่านี้ข้าไม่ไม่หวังสิ่งใดอีกแล้ว” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลูบศีรษะเด็กทั้งสองอย่างมีความสุข...........อวสาน