test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

22 ก.พ. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.120 ตำนานบทสุดท้าย



          หลงยู่อินนั้นรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ เมื่อกลับมายังโลกเบื้องล่าง นางจึงได้บอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดแก่ทุกคน ว่าเหตุใดพวกเนี่ยลี่จึงหายไป และกำลังจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนรู้สึกเศร้าใจที่ไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำร่ำลา แต่เรื่องราวของพวกเนี่ยลี่จะต้องเป็นตำนานเล่าขานบนโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน พวกเขาที่อยู่ที่นี่จะบันทึกเรื่องราวของพวกเขาเอาไว้ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รับรู้

          หลังจากที่ส่งพวกเนี่ยลี่กลับไป เทพทั้งเจ็ดก็เริ่มดำเนินการตามที่ได้รับปากกับเนี่ยลี่เอาไว้ โดยประกาศลงไปยังโลกเบื้องล่างให้มนุษย์ทำการคลายการผสานดวงจิตอสูรที่ได้ผสานเอาไว้ หากฝ่าฝืน จะถูกกระชากดวงจิตออกมา ซึ่งจะเจ็บปวดและทรมานยิ่งนัก หลังจากนั้นจักรพรรรดิคงหมิงก็ได้ทำลายผลึกดวงจิตอสูรบนโลกทั้งหมด และปลดปล่อยจิตอสูรเหล่านั้นให้ไปสู่ภพใหม่

          จักรพรรดิปราชญ์ได้แจ้งข่าวกับอสูรในทุกโลก และนำพาอสูรทั้งหมดมายังตำหนักชมจันทร์ ที่ได้ขยายพื้นที่ใหญ่โตพอ ๆ กับโลกใบหนึ่ง และได้ปรับแต่งให้เป็นดั่งสรวงสวรรค์ของเหล่าอสูร

          สำหรับพวกสายเลือดผสม จักรพรรดิปราชญ์ให้โอกาสได้เลือกว่าจะไปอยู่ที่โลกอสูรหรือไม่

          ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจแยกได้ว่าเป็นอสูรหรือมนุษย์ เช่นเผ่าเอลฟ์ จักรพรรดิปราชญ์จึงได้สร้างโลกใหม่ขึ้นมาให้แก่พวกเขาเช่นกัน

          จากนั้นจักรพรรดิปราชญ์ก็ได้ปรับเปลี่ยนห้วงสวรรค์น้อย ให้กลายเป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งอสูรและสร้างผนึกที่ใช้คำจุนห้วงสวรรค์น้อยให้คงอยู่ได้ตลอดกาล

          ทางด้าน ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ได้รับการปลดปล่อยจากคำสาบ พวกเขากลับไปยังดินแดนรกร้างไร้ที่สิ้นสุดอีกครั้ง และเพื่อเป็นการชดใช้ให้กับชนเผ่าเมฆาสวรรค์ จักรพรรรดิปราชญ์ได้ใช้พลังสัจธรรมปรับเปลี่ยนให้ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่เขียวขจี และงดงามกว่าดินแดนใดในโลก ทำให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์มีความสุขยิ่งนัก

          เมื่อได้ทำทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว จักรพรรดิปราชญ์ก็ได้ปลดปล่อยดวงจิตอื่น ๆ ที่อยู่ในร่างของเขาออกไป พร้อมกับคืนพลังสัจธรรมทั้งหมดให้แก่สรวงสวรรค์ เนื่องจากตัวเขาไม่ต้องการที่จะมีอำนาจมากเกินไป

          หลังจากจบเรื่องราวทั้งหมด จักรพรรรดิปราชญ์ก็ได้ปรับความเข้าใจกับจักรพรรรดิคงหมิง ความแค้นที่เคยมีมานับล้านปีได้สลายไป จนทั้งสองได้กลายเป็นสหายเทพที่ใกล้ชิดกันยิ่งนัก

          เทพศาสตราวุธเถี่ยเจิ้งได้รวบรวมอาวุธวิเศษทั้งหมดกลับขึ้นสู่สรวงสวรรค์

          ทางด้านเหยียนหยางได้ทำหน้าที่ในการนำศิลาจิตวิญญาณ ทะเลสาบแห่งเทพ และพลังสวรรค์ที่อยู่บนโลกด้วย ทำให้มนุษย์ทุกคนกลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ระดับพลังต่าง ๆ ที่เคยมีก็สลายไปจนหมดสิ้น

          เทพธิดายู่หยานที่นำจินตานไปเลี้ยงดู สุดท้ายจินตานก็ได้เป็นพาหนะของเทพธิดาสุริยะผู้ดูแลดวงตะวัน



          ต้วนเจี้ยนและกู้หลานนั้นคอยจับตามองไปยังโลกต่าง ๆ และคอยให้ความช่วยเหลือแก่มนุษย์ที่มีความเดือดร้อน จึงกลายเป็นเทพที่มนุษย์ให้การนับถือยิ่งนัก


          แม้ว่ามนุษย์ทั้งหมดจะไร้ซึ่งพลังสวรรค์ แต่พวกเขายังคงสามารถฝึกวรยุทธได้ กู้เบ่ยได้ขึ้นครองตำแหน่งประมุขนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์และได้ถ่ายทอดเพลงกระบี่ให้แก่เหล่าศิษย์ กลายเป็นนิกายที่เชี่ยวชาญในเพลงกระบี่อันดับหนึ่งของแผ่นดิน

          หลงยู่อินที่เป็นผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ ได้ไปนั่งบำเพ็ญเพียรที่กระท่อมเดิมที่อิงเยว่ลู่เคยอยู่เพียงลำพัง

          หลี่ชิงอวิ๋นยังคงปกครองอาณาจักรกำแพงสวรรค์และได้ถ่ายทอดเพลงดาบของเขาให้แก่เหล่าศิษย์ จนกลายเป็นนิกายที่เชี่ยวชาญในการใช้เพลงดาบ

          หมิงเยี่ยวู่ซวงขึ้นครองตำแหน่งผู้นำนิกายเสียงศักดิ์สิทธิ์ และอบรมเหล่าศิษย์ด้วยเพลงพิณ และเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นนิกายที่สามารถขับกล่อมให้ทุกคนมีความสุขได้

          เสี่ยวฉีหลิงและเสี่ยวหนีเสิ่นได้แต่งงานกันและปกครองอาณาจักรหุบเขาสวรรค์ ที่มีมนุษยืและพวกสายเลือดผสมอยู่โดยกันโดยไร้ความขัดแย้ง

          ไหไห่ล่องเรือกลับไปยังอาณาจักรวิญญาณสาบสูญ และคอยดูแลให้อาณาจักรแห่งนี้มีความงดงาม เพื่อเหล่าวิญญาณจะได้เดินทางสู่โลกหน้าอย่างมีความสุข

          เหล่าวิญญาณที่ล่องลอยอยู่บนโลกล้วนได้รับการปลดปล่อยให้ไปสู่สุขติ รวมไปถึงเจตจำนงของตำหนักซีอิงเสิ่น ที่เนี่ยลี่ให้สิงอยู่ในหุ่นเชิดวิญญาณเองก็เช่นกัน

          ที่โลกแห่งอสูรจักรพรรรดิปราชญ์ได้มอบหมายให้ อู่หยาจื่อเป็นผู้ปกครองโลกนี้ ทำให้ในภายหลังอู๋หยาจื่อกลายเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่นับถือของเหล่าอสูรทั้งปวง

          อายุขัยของมนุษย์ได้ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ ให้ไม่เกินหนึ่งร้อยปี สำหรับเหล่ายอดฝีมือที่เคยได้รับอายุขัยจากการบรรลุระดับพลังจนเกินกว่าร้อยปีไปแล้วนั้น จะมีอายุขัยต่อไปอีกสิบปีหลังจากที่พลังสวรรค์ได้สูญสิ้นไปจากโลกเบื้องล่าง

โลกใบเล็ก

          เมื่อกลับมายังโลกใบเล็ก เนี่ยลี่ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ให้ทุกคนฟัง จากนั้นพวกเขาก็ได้ปลดปล่อยดวงจิตที่พวกเขาผสานร่างอยู่

          ตู่ซื่อและฮวาหั่วได้ปลดปล่อยกิเลนฟ้าและกิเลนเพลิงออกมาจากร่างกายของทั้งสองคน ก่อนที่กิเลนฟ้าและกิเลนเพลิงจะถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร ทั้งสองได้แต่สบตากัน พวกเขาต่อสู้ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ความผูกพันทำให้ไม่จำเป็นต้องกล่าวถ้อยคำใดออกไป

          ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยเองก็ปลดปล่อยดวงจิตแห่งเทพทั้งสองให้กลับขึ้นไปสู่โลกเบื้องบน

          เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อก็ได้กล่าวลาเทพธิดาทั้งสองก่อนที่จะกลับสู่สรวงสวรรค์เช่นกัน

          เซี่ยวหยู่นั้นได้ขอแยกตัวเพื่อไปอยู่กับพ่อบุญธรรมของนาง เดิมทีนางนั้นเหลืออายุขัยไม่ถึงหนึ่งปีจากการใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ แต่เหล่าเทพได้คืนอายุขัยให้แก่นาง เพื่อให้นางเป็นตัวแทนที่สามารถติดต่อกับเทพได้โดยใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ 

ในภายหลังนางและพ่อบุญธรรมได้ไปอยู่ที่ดินแดนเมฆาแห่งความฝัน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นดินแดนแห่งเซียนและตัดขาดจากโลกใบเล็กไป

          จากนั้นเนี่ยลี่และสหายก็ได้กลับไปที่เมืองกลอรี่ เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดแก่เอียเซิ่งและท่านเอียมัว ส่วนท่านบรรพชนเอียเหยียนนั้นกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดวิญญาณที่ว่างเปล่านั้น

          ท่านเอียมัวและเอียเซิ่งจึงได้นำร่างหุ่นเชิดวิญญาณของท่านบรรพชนเอียเหยียน ไปวางบนแท่นบูชา เพื่อที่จะให้ลูกหลานได้กราบไหว้ท่านบรรพชนที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล

          หนึ่งเดือนต่อมา ได้มีงานมงคลใหญ่เกิดขึ้น เนี่ยลี่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อพร้อมกัน เนื่องจากเอียจื่ออวิ๋นไม่ต้องการให้หนิงเอ๋อเป็นภรรยารอง การแต่งงานพร้อมกันทำให้ทั้งสองคนเป็นภรรยาหลวงทั้งคู่ 

โดยมีเทพธิดาจูเซินมาให้คำอวยพร แม้ว่าเนี่ยลี่ไม่อาจที่จะนำพลังสัจธรรมแห่งการกำเนิดมาคืนให้นางได้ แต่นางก็พูดเพียงว่า พลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นสมควรแล้วที่จะอยู่กับเทพบนทรวงสวรรค์ ก่อนที่นางจะกลับไปบำเพ็ญเพียรที่ที่ดินแดนเมฆาแห่งความฝันดังเดิม

          ต่อมาเอียเซิ่งได้ขอให้เนี่ยลี่เข้ารับตำแหน่งเจ้าเมือง แต่เนี่ยลี่ได้ปฏิเสธเพราะบัดนี้เขากลายเป็นผู้ไร้วรยุทธ และเขาก็ไม่คิดที่จะฝึกยุทธใด ๆ อีก เขาต้องการพาเอียจื่ออวิ๋น และเซี่ยวหนิงเอ๋อไปอยู่ด้วยกันที่กระท่อมเล็ก ๆ ปลูกพืชผัก สมุนไพรดั่งที่บิดาของเขาเคยทำ แม้ว่าเอียเซิ่งจะรู้สึกเศร้าใจแต่ก็ยอมให้เนี่ยลี่ได้ทำตามที่เขาต้องการ

          เนี่ยลี่ได้เสนอให้ลู่เพียวขึ้นรับตำแหน่งเจ้าเมือง เนื่องจากเขานั้นเคยเป็นทายาทตระกูลขุนนางมาก่อน และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเพลงง้าวสามารถใช้วรยุทธปกป้องเมืองได้ หากเซี่ยวซุ่ยช่วยดูแล ลู่เพียวจะต้องสามารถเป็นเจ้าเมืองที่ดีได้เป็นแน่ เอียเซิ่งจึงได้สละตำแหน่งเจ้าเมืองให้แก่ลู่เพียว

          ตู่ซื่อและเซี่ยวซุ่ยได้รับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังจากนั้นหนึ่งปีทั้งสองก็ได้ลาออก และมาก่อตั้งสำนักหมัดกิเลนสวรรค์จนมือชื่อเสียงไปทั่ว ส่วนสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ เว่ยหนาน จางหมิง และซูเซียงจิ้งได้ช่วยกันดูแลแทน

          เว่ยหนาน จางหมิง และซูเซียงจิ้งแม้ว่าจะสูญเสียพลังจากเทพวายุไป แต่กลิ่นหอมจากผงปีกของราชินีอาณาจักรเทพวายุยังคงมีอยู่ ทำให้เขากลายเป็นสามหนุ่มที่มีสเน่ห์มากที่สุดในเมืองกลอรี่ และเป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมาย

          หญิงสาวที่ได้เว่ยหนานไปครองคือฮูเหยียนหลานเร่อ ที่เคยหลงไหลในตัวเนี่ยลี่นั่นเอง เพียงแค่ได้สูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายของเว่ยหนาน  ฮูเหยียนหลานเร่อก็ประกาศออกไปว่าเว่ยหนานคือผู้ชายของนาง และขอให้บิดาจัดงานแต่งให้นางทันที ซึ่งเหว่ยหนานก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

          ทางด้านซูเซียงจิ้งเนื่องจากเขาต้องติดต่อกับสถาบันปรุงยาเป็นประจำ ทำให้หยางซิ่นที่ได้กลิ่นหอมจากตัวเขาอยู่เป็นประจำ ไม่อาจทนต่อแรงปรารถณาได้และได้แต่งงานกันในที่สุด

          จางหมิงนั้นกลายเป็นชายเจ้าสำราญและมีหญิงสาวมาติดพันนับสิบคน หลังจากที่เซี่ยวซุ่ยได้ใช้อำนาจของภรรยาเจ้าเมืองออกฏว่า ชายใดที่ล่วงเกินหญิงสาวจะต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับหญิงสาวผู้นั้น หาไม่แล้วจะถูกลงโทษจับขังโดยไม่มีข้อยกเว้น ทำให้เขาต้องแต่งงานกับหญิงสาวเหล่านั้น และไม่กล้าที่จะเจ้าชู้อีกต่อไป

          ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยมีบุตร ธิดาด้วยกันถึงห้าคน ทำให้เขาต้องวุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงลูก เขาจึงยกหน้าที่ในการดูแลเมืองให้เซี่ยวซุ่ยไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เมืองกลอรี่รุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก ลู่เพียวใช้เวลาส่วนใหญ่เล่นสนุกกับลูก การที่เติบโตขึ้นมาโดยการดูแลของลู่เพียวทำให้ลูก ๆ ของเขาล้วนขี้เกียจไม่ต่างจากบิดา ซึ่งนั่นทำให้เซี่ยวซุ่ยโมโหอยู่เป็นประจำ

          ตู่ซื่อและฮวาหั่วมีบุตรชายด้วยกันเพียงคนเดียวมีนามว่าฉีหลิง [กิเลน] เพื่อให้กิเลนฟ้าและกิเพลิงได้รับรู้ว่า พวกเขาไม่เคยจางหายไปจากหัวใจของทั้งสองคน

          เนี่ยหยู่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลบันทึกสวรรค์ หลังจากที่สูญเสียพลังสวรรค์ไปเนี่ยลี่ได้คัดลอกตำราเพลงยุทธที่เขารู้จักทั้งหมด และมอบให้แก่ตระกูลบันทึกสวรรค์ ทำให้ตระกูลบันทึกสวรรค์กลายเป็นตระกูลที่เชี่ยวชาญวรยุทธหลายแขนง และแข็งแกร่งที่สุดในเมืองกลอรี่ 

          หลายปีต่อมา บนเทือกเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากเมืองกลอรี่ไปหลายสิบลี้ มีกระท่อมเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนเทือกเขา ที่รายล้อมไปด้วยทุ่งนาและมีผีเสื้อบินอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง มีสายธารทอดผ่านอยู่ไม่ไกลนัก เป็นสถานที่ที่สงบและน่าอยู่ราวกับเป็นสรวงสวรรค์ที่อยู่บนมนุษย์

          เนี่ยลี่ที่ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อนั้นจ้องมองไปยังบนท้องฟ้า ที่ดวงตะวันสาดส่องพร้อมกับรอยยิ้ม นี่คือความสงบที่เขาต้องการ

          “ท่านพี่ พักทานอาหารได้แล้ว” เสียงของเอียจื่ออวิ๋นตะโกนเรียกเนี่ยลี่ให้มาทานอาหารกล นางเองก็ละทิ้งทุกอย่างเพื่อมาอยู่กับเนี่ยลี่ที่นี่

          “หนิงเอ๋อไม่อยู่เช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่เอ่ยถามขณะที่เดินไปหาจื่ออวิ๋น

          “นางพาเนี่ยอวิ๋น และเนี่ยเอ๋อไปวิ่งเล่นที่หลังบ้าน” จื่ออวิ๋นนำไม้ไปค้ำเพื่อเปิดหน้าต่างด้านหลัง เพื่อให้มองเห็นหนิงเอ๋อกำลังวิ่งเล่นกับเด็กชายและเด็กหญิงอายุห้าขวบกันอย่างสนุกสนาน

          “บิดาของพวกเจ้าทำนาเสร็จแล้ว” หนิงเอ๋อชี้ไปที่เนี่ยลี่ให้เด็กทั้งสองได้เห็น เด็กทั้งสองต่างก็รีบวิ่งไปหาเนี่ยลี่ทันที

          “ท่านพ่อ” เด็กทั้งสองคนวิ่งมากอดเนี่ยลี่อย่างน่าเอ็นดู โดยมีหนิงเอ๋อที่เดินตามมาอย่างช้า ๆ 

          “ขอเพียงได้มีมีคนที่รักอยู่ข้างกาย เพียงเท่านี้ข้าไม่ไม่หวังสิ่งใดอีกแล้ว” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลูบศีรษะเด็กทั้งสองอย่างมีความสุข...........อวสาน
   

แต่งโดย นายมะพร้าว



         

เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง