“หนึ่งพันปีนี่เจ้าพูดบ้าอันใดกัน”
จักรพรรรดิปราชญ์ถามด้วยความสงสัย
“นี่เป็นการใช้งานในรูปแบบหนึ่งของตำราจิตอสูรท่องเวลา”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“เมื่อใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังถึงหนึ่งพันปี
ข้าก็ได้บรรลุขั้นสุดยอดของเทคนิคการบ่มเพาะพลังเทพวิถีฟ้าแล้ว
เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น” เนี่ยลี่พูดต่อ
“เหตุใดจึงไม่ทำให้เสร็จก่อนที่จะกลับมาเล่า”
จักรพรรรดิปราชญ์บ่นขึ้นมา
“ข้าทำไม่ได้เพราะเจ้านั้นควบคุมร่างของข้าอยู่ไงเล่า
มันใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้าจะเริ่มแล้วนะ”
เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับกล่าวบทสุดท้ายของเทคนิคการบ่มเพาะพลังเทพวิถีฟ้า
“เมื่อเจ็ดผสานเป็นหนึ่ง
พลังที่แท้จริงจึงบังเกิด เทพวิถีฟ้าถือกำเนิด ระเบิดพลังแห่งเทพที่แท้จริง”
เมื่อเนี่ยลี่พูดจบ
ดวงจิตทั้งเจ็ดก็ได้ผสานรวมเป็นหนึ่งโดยมีดวงจิตของจักรพรรรดิปราชญ์เป็นศูนย์กลาง
ทำให้ดวงจิตของจักรพรรรดิปราชญ์ได้รับพลังจากดวงจิตทุกดวง
เมื่อเนี่ยลี่ผสานเข้ากับดวงจิตของจักรพรรดิปราชญ์แล้ว
เขาจึงสามารถใช้พลังทุกอย่างได้พร้อมกัน
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้พลังของกระบี่หมื่นวิญญาณจนไม่เหลือแม้แต่น้อย”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับเก็บกระบี่หมื่นวิญญาณเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
เนี่ยลี่หันไปมองเหล่าสหายของเขาและพูดออกไปพร้อมรอยยิ้ม
“ต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว
จากนี้ไปข้าจะจัดการทุกอย่างเอง”
“เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้เช่นนั้นหรือ?” อสูรเทพพูดขึ้นมาพร้อมกับถ่มน้ำลายลงพื้น
“จากนี้ไป
ข้าจะลงโทษเจ้าให้สาสมกับสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไป”
เนี่ยลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“เนี่ยลี่
เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว” พูดจบ อสูรเทพถือกระบี่เทพอสูรพุ่งมาฟันเนี่ยลี่ในทันที
ฟุ่บ!
กระบี่เทพอสูรฟันผ่านร่างของเนี่ยลี่ไป
แต่คลื่นพลังอันรุนแรงได้ฟาดลงไปกับพื้นจนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง แต่เนี่ยลี่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยจากการโจมตีและแรงระเบิด ราวกับเนี่ยลี่มิได้ยืนอยู่ตรงนั้น
เป็นเพราะเทคนิคเร้นกายของจิตอสูรเงาพรายนั่นเอง
“จงคุกเข่าสำนึกผิดซะ
พื้นที่แรงโน้มถ่วง!”
เนี่ยลี่เพิ่มแรงโน้มถ่วงบริเวณขาของอสูรเทพ ทำให้ขาของเขาทรุดลงไปกับพื้น
จนดูเหมือนว่ากำลังคุกเข่าให้กับเนี่ยลี่
“เหตุใดเจ้าจึงมีพลังมากถึงเพียงนี้”
อสูรเทพที่ถูกแรงโน้มถ่วงเล่นงานอยู่นั้น กัดฟันถามออกไป
“นี่คือพลังในระดับเทพที่แท้จริง”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป หลังจากบ่มเพาะพลังนานถึงพันปี
ทำให้เนี่ยลี่ได้บรรลุถึงระดับพลังที่เกินกว่าขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
“มะ...ไม่จริง”
อสูรเทพพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
ระดับเทพที่แท้จริง
คือการก้าวข้ามจากมนุษย์ไปเป็นเทพ
เป็นระดับที่จักรพรรดิปราชญ์ต้องการที่จะก้าวไปให้ถึงนั่นเอง
“ข้ามีสิ่งที่ต้องทวงคืนจากเจ้า”
เนี่ยลี่เปลี่ยนมือซ้ายของเขาให้กลายเป็นมือของมังกรวารีสายเลือดบริสุทธิ์และเดินเข้าไปหาอสูรเทพ
จากนั้นก็ใช้มือข้างนั้นแทงไปยังร่างของอสูรเทพ และดึงกระดูกมนตราชิ้นแรกออกมา
“อ๊ากกกก”
อสูรเทพกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดยิ่งนัก
เขาไม่อาจขยับร่างกายได้เพราะแรงดึงดูดตรงที่เขานั่งอยู่นั้นเพิ่มสูงขึ้นหลายร้อยเท่า
ทำให้เขาไม่อาจที่จะป้องกันตัวได้เลย
เนี่ยลี่ทำลายกระดูกมนตราชิ้นแรกไป
ทำให้ดวงวิญญาณดวงแรกปรากฏขึ้นมา นี่คือดวงวิญญาณของเทพธิดายู่หยานนั่นเอง
วิญญาณของนางยิ้มเพื่อขอบคุณเนี่ยลี่ก่อนที่จะลอยหายขึ้นไปสู่เบื้องบน
เนี่ยลี่ยังคงนำกระดูกมนตราออกมาจากร่างของอสูรเทพทีละชิ้น
ทีละชิ้น ดวงวิญญาณของ ต้วนเจี้ยน กู้หลาน เหยียนหยาง และเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
ต่างก็ยิ้มเพื่อขอบคุณเนี่ยลี่และลอยตามดวงวิญญาณของเทพธิดายู่หยานไป
ในตอนนี้
เหลือเพียงดวงวิญญาณของจอมมารเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ในร่างของอสูรเทพ
เมื่อไม่มีดวงวิญญาณของเทพทั้งห้าคอยค้ำจุน
ทำให้ร่างของอสูรเทพเริ่มถูกกระบี่เทพอสูรกลืนกิน
“มันจะต้องไม่จบลงเช่นนี้
ตราบใดที่มนุษย์และอสูรยังอยู่ร่วมกัน ก็จะต้องมีคนเช่นข้าปรากฏขึ้นมาอีก”
อสูรเทพตะโกนออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างกายของเขาจะสลายไป
“คงเป็นดั่งที่เจ้าว่า
แต่ข้าจะทำให้มันไม่เกิดขึ้นอีก” เนี่ยลี่พูดออกไป
“จบลงแล้วเช่นนั้นหรือ?” ลู่เพียวพูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าอสูรเทพนั้นสลายไปแล้ว
“ดูเหมือนว่าด้านล่างก็สงบไปแล้ว”
ตู่ซื่อมองไปยังเบื้องล่าง
ก็เห็นว่าเหล่าศิษย์แห่งเต๋าฉางได้หยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว
“พวกเรากลับไปโลกเบื้องล่างกันเถิด”
กู้เบ่ยพูดพร้อมกับเดินทางตามเส้นทางแห่งแสงลงไปหาทุกคน จากนั้นลู่เพียว ตู่ซื่อ
หลงยู่อิน และเสวียนอวี่ก็ตามลงไป เหลือเพียงเนี่ยลี่ เอียจื่ออวิ๋น
และเซี่ยวหนิงเอ๋อเท่านั้นที่ยังอยู่ข้างบน
“จื่ออวิ๋น หนิงเอ๋อ
พวกเจ้าจงลงไปก่อน ดูเหมือนว่าข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ” เนี่ยลี่พูดในขณะที่ร่างกายของเขาค่อย
ๆ จางหายไป
“เจ้าจะต้องกลับมานะ”
เอียจื่ออวิ๋นรีบตะโกนก่อนที่ร่างของเนี่ยลี่จะหายไป
เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้แก่นาง
ร่างของเนี่ยลี่ได้ปรากฏในสถานทีแห่งหนึ่ง
ที่รายล้อมไปด้วยก้อนเมฆและสิ่งก่อสร้างที่ทำจากทองคำ
โดยมีประตูทองคำขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ นี่คือประตูสวรรค์ ในตอนนี้เนี่ยลี่ได้ขึ้นมาสู่สรวงสวรรค์แล้ว
“ยินดีต้อนรับสู่สรวงสวรรค์”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา ทำให้เนี่ยลี่ต้องรีบหันไปมอง
เจ้าของเสียงนั้นเป็นหญิงสาวสวมชุดสีทองที่ทอประกายดั่งแสงของดวงอาทิตย์
นางคือเทพธิดายู่หยานนั่นเอง
“พี่สาวยู่หยาน”
เนี่ยลี่กล่าวทักทายด้วยความยินดี
“บัดนี้ข้าเองก็ได้เป็นเทพแล้ว
ข้าคือเทพธิดาสุริยะผู้ดูแลดวงตะวัน” เทพธิดายู่หยานแนะนำตัวเอง
“ส่วนข้าคือเทพนักรบมังกร
ขอบคุณนายท่านเนี่ยลี่ที่ช่วยปลดปล่อยพวกเราจากอสูรเทพ”
ต้วนเจี้ยนปรากฏกายขึ้นมาพร้อมกับกล่าวทักทายเนี่ยลี่
“เทพโอสภสวรรค์ยินดีต้อนรับเนี่ยลี่สู่สรวงสวรรค์”
กู้หลานกล่าวทักทายพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
ทุกคนล้วนมีใบหน้าไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้
ทำให้เนี่ยลี่ไม่รู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าแต่อย่างใด
มีเพียงชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เนี่ยลี่ไม่เคยพบมาก่อน
“ข้าคือเทพศาสตราวุธสวรรค์
นี่คือร่างของข้าในวัยหนุ่ม” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจิ้งพูดพร้อมกับหัวเราะที่เห็นใบหน้าที่สงสัยของเนี่ยลี่
“ส่วนเทพมายานั้น
จิตของเขาได้สลายไปแล้ว เขาได้ทำความผิดร้ายแรงจึงมิได้มาเกิดเป็นเทพดั่งพวกเรา”
เทพธิดายู่หยานพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“เหตุใดพวกท่านจึงเรียกข้าขึ้นมาที่นี่”
เนี่ยลี่ถามออกไปด้วยความสงสัย
“เพราะเจ้านั้นได้บรรลุระดับพลังในขั้นเทพที่แท้จริงแล้ว
เจ้าไม่อาจที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อีกต่อไป” กู้หลานตอบกลับไป
“เมื่อนายท่านเนี่ยลี่ก้าวผ่านประตู่สวรรค์ไป
ท่านก็จะได้เป็นเทพดั่งเช่นพวกเรา” ต้วนเจี้ยนกล่าวเสริมขึ้นมา
“แต่ข้าไม่ได้ต้องการเป็นเทพ”
เนี่ยลี่รีบปฏิเสธทันที ที่เขาทำทุกอย่างก็เพื่อเอาชนะในศึกครั้งนี้เท่านั้น
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น
เจ้าจะสูญเสียพลังทั้งหมดไปและกลายเป็นคนธรรมดาเท่านั้น” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจิ้งพูดแทรกขึ้นมา
“จากนี้ไปข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสู้กับผู้ใดแล้ว
การได้เป็นคนธรรมดานั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
“ถ้านายท่านเนี่ยลี่ต้องการเช่นนั้น
ข้าก็ขออภัย” ต้วนเจี้ยนยื่นมือของเขาไปแตะที่หน้าผากของเนี่ยลี่
และนำพลังทั้งหมดของเขาออกมา ดวงจิตของจักรพรรรดิปราชญ์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาข้าง ๆ
เนี่ยลี่
ร่างกายของจักรพรรรดิปราชญ์เปร่งแสงขึ้นมาครู่หนึ่งและดูดซับพลังของเนี่ยลี่ไป
บัดนี้จักรพรรรดิปราชญ์ได้กลายเป็นเทพแล้ว
และนามเทพของเขาก็คือเทพแห่งอสูร เทพผู้ปกครองอสูรทั้งปวง
ภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเองก็หลุดออกมาจากร่างของเนี่ยลี่
ทำให้จินตานหลุดออกมาด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าในตอนนี้จินตานบาดแผลจะหายดีแล้ว
เทพธิดายู่หยานเอื้อมมือไปจับที่หัวของจินตานพร้อมกับดึงพลังส่วนหนึ่งของจินตานออกมาและพูดขึ้นว่า
“จินตานนั้นเชื่อมโยงกับวิญญาณของเจ้า
ดังนั้นในพลังของจินตานจึงมีวิญญาณส่วนหนึ่งของเจ้าอยู่ สิ่งนี้จะทำให้ดวงวิญญาณของเจ้ากลับมาสมบูรณ์ดังเดิม”
เมื่อพูดจบเทพธิดายู่หยานก็ได้นำพลังส่วนหนึ่งของจินตานนั้นให้แก่กู้หลาน
เพื่อให้นางรักษาแขนให้กับเนี่ยลี่
กู้หลานรับพลังของจินตานมา
จากนั้นก็เปลี่ยนสภาพให้เป็นโอสภเทพ เมื่อเนี่ยลี่ทานเข้าไปดวงวิญญาณเขาก็กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
จากนั้นกู้หลานก็ทำการรักษาแขนขวาของเนี่ยลี่
“ขอบคุณยิ่งนัก
หากต้องมีแขนข้างเดียวข้าคงไม่อาจโอบกอดคู่หมั้นทั้งสองของข้าพร้อมกันได้”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี ที่แขนขวาของเขากลับมาดังเดิม
“สำหรับจินตานนั้น ข้าจะตัดขาดการเชื่อมโยงวิญญาณกับเจ้า และให้เขาอาศัยอยู่บนสรวงสวรรค์แห่งนี้” เทพธิยู่หยานพูดพร้อมกับตัดขาดการเชื่อมโยงวิญญาณระหว่างเนี่ยลี่และจินตานทันที
“ข้าคงต้องรบกวนพี่ยู่หยานแล้ว” เนี่ยลี่พูดขณะที่ลูบหัวของจินตานเป็นการบอกลา
“ข้ายังมีสิ่งที่ติดค้างเจ้าอยู่”
เนี่ยลี่หันไปพูดกับจักรพรรดิปราชญ์
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล
ข้าทำทำให้สิ่งที่เจ้าสาบานนั้นเป็นจริง แต่เจ้าเองก็ต้องช่วยข้าด้วย
จักรพรรดิปราชญ์” เสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมาที่ด้านหลังของเนี่ยลี่
เขาคือจักรพรรดิคงหมิงนั่นเอง เขาเองก็ได้กลายเป็นเทพแล้วเช่นกัน
“ข้าจะประกาศลงไปยังโลกเบื้องล่างทั้งปวง
เพื่อให้ผู้ที่ผสานจิตอสูรอยู่ ได้ถอดดวงจิตนั้นออกจากร่าง
จากนั้นข้าจะนำดวงจิตอสูรทั้งหมดขึ้นมาจากโลก” จักรพรรรดิคงหมิงพูด
“จากนั้นให้จักรพรรดิปราชญ์สร้างโลกใหม่ขึ้นมา
และนำอสูรทั้งหมดไปรวมกันที่โลกแห่งนั้น เมื่อมนุษย์และอสูรมิได้อยู่ร่วมกัน
ความขัดแย้งก็จะหมดไป” จักรพรรรดิคงหมิงพูดต่อ
“จริงสิ ข้าได้สร้างสถานที่
ที่เรียกว่าตำหนักชมจันทร์เอาไว้ หากขยายมันให้กว้างมากพอ
ก็น่าจะสามารถกลายเป็นโลกแห่งอสูรได้” เนี่ยลี่พูดแทรกขึ้นมา
“เมื่อแยกมนุษย์และอสูรออกจากกัน
ก็ไม่มีวิญญาณอสูรให้มนุษย์ใช้ผนึกได้
และทุกแห่งก็จะกลายเป็นโลกที่ไร้ซึ่งร่างทรงอสูร” จักรพรรดิปราชญ์พูดด้วยความยินดี หากเป็นเช่นนี้สิ่งที่เนี่ยลี่ได้สาบานเอาไว้ก็จะเป็นจริง
“นอกจากนี้
ข้าต้องการที่จะให้ปิดประตูสู่โลกต่าง ๆ
ให้แต่ละโลกไม่อาจเดินทางไปยังโลกอีกแห่งได้” เนี่ยลี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกไป
“เป็นความคิดที่ดี
การเดินทางข้ามไปยังแต่ละโลก อาจจะเป็นการสร้างความขัดแย้งได้” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจิ้งกล่าวสนับสนุน
สงครามที่เกิดขึ้นหลายครั้งก็เกิดจากการเดินทางข้ามไปยังดินแดนที่มิใช่ดินแดนของตนเอง
การทำเช่นนี้ย่อมทำให้สงครามลดน้อยลงได้
“ข้าคงต้องขอให้เจ้าปลดปล่อยชนเผ่าเมฆาสวรรค์จากคำสาบด้วย”
เนี่ยลี่หันไปพูดกับจักรรดปราชญ์ เนื่องจากนี่คือคำสาบานที่เขาได้พูดเอาไว้กับ
จักรพรรดิเมฆาสวรรค์
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล
ข้าสามารถทำให้เจ้าได้ทันที” พูดจบจักรพรรดิปราชญ์ก็คลายคำสาบให้แก่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทันที
“ยังมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการอีกหรือไม่?” เทพธิดายู่หยานเอ่ยถามเนี่ยลี่
“ห้วงสวรรค์น้อยนั้นมีอายุต่อไปได้อีกราวหมื่นปีเท่านั้น
คงต้องขอให้พวกท่านนำสิ่งอื่นไปค้ำจุนเพื่อที่มันจะได้คงอยู่ตลอดไป”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาหลังจากที่นึกขึ้นได้
“เรื่องสุดท้าย เทพศาสตราวุธเถี่ยเจิ้ง
ข้าต้องการให้ท่านนำอาวุธวิเศษทั้งหมดที่โลกเบื้องล่าง
มาเก็บไว้บนสรวงสวรรค์แห่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธข่มเหงผู้อื่น
รวมไปถึงศิลาจิตวิญญาณ รวมไปถึงพลังสวรรค์ทั้งหมดและทะเลสาบแห่งเทพที่เหลือด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะอยู่บนโลกเบื้องล่าง”
เนี่ยลี่หันไปพูดกับเทพศาสตราวุธเถี่ยเจิ้ง
“เนี่ยลี่เจ้าคงจะไม่มีโอกาสได้ร่ำลาเหล่าสหายที่อยู่บนโลกนี้แล้ว
ข้าจะส่งเจ้าและเหล่าสหายจากโลกใบเล็กกลับไปที่โลกของพวกเจ้าและปิดผนึกเส้นทางทั้งหมดไปตลอดกาล”
จักรพรรรดิคงหมิงพูดพร้อมกับส่งพวกเนี่ยลี่กลับไปยังโลกใบเล็กทันที................จบตอน