กระบี่หมื่นวิญญาณของเนี่ยลี่เริ่มดูดกลืนอะไรบางอย่างที่อยู่โดยรอบ
เมื่อเนี่ยลี่จับจ้องดูจึงเห็นได้ชัดว่า เศษของกระเทพอัสนีดาวตกที่แตกกระจายไป
กำลังมารวมตัวกันอยู่ที่กระบี่หมื่นวิญญาณ ดูเหมือนว่ากระบี่เทพอัสนีดาวตกยังต้องการที่ต่อสู้ร่วมกับเขา
หนิงเอ๋อสังเกตุเห็นว่าเนี่ยลี่นั้นไม่มีแขนขวาอยู่แล้ว
นางจึงรู้สึกตกใจยิ่งนัก
“เนี่ยลี่
แขนของเจ้าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดมันจึงไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นฟูกลับมาสภาพเดิมเลย”
หนิงเอ๋อถามด้วยความตกใจ
“การโจมตีของอสูรเทพนั้น
ไม่เพียงร่างกายเท่านั้น แต่จะโจมตีไปจนถึงวิญญาณ เมื่อวิญญาณได้รับความเสียหาย
ก็จะไม่อาจคืนสภาพร่างกายได้ พวกเจ้าเองก็ต้องระวังตัวให้ดี” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
พร้อมกับเตือนทุกคน
“เจ้ามีแผนใดที่จะเอาชนะมันได้หรือไม่?” เอียจื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“เดิมทีข้าคิดจะปลุกเหล่าผู้กลับชาติมาเกิดให้ตื่นขึ้นมา
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อาจทำเช่นนั้นได้” เนี่ยลี่ส่ายศีรษะพร้อมกับตอบกลับไป
แม้ว่าจะได้เหล่าสหายมาช่วย แต่อสูรเทพนั้นแข็งแกร่งเกินไป
“แม้ว่าจะพาพวกของเจ้าทั้งหมดขึ้นมา
ก็ไม่อาจที่จะเอาชนะข้าได้ ความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้
ต่อให้พวกเจ้าฝึกฝนอีกนับร้อยปีก็ไม่อาจเทียบเท่าข้าได้”
อสูรเทพพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
คลื่นลมปราณที่แผ่ออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของอสูรเทพ
นั้นทำให้พวกเขาแทบจะถูกพัดปลิวออกไป
อสูรเทพต้องการแสดงให้เห็นว่าคำพูดของเขานั้นเป็นเรื่องจริง
“ร้อยปีเช่นนั้นหรือ
ข้าคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปากของเขา
“เจ้ามีแผนเช่นใดกัน?” จักรพรรดิปราชญ์ถามด้วยความสงสัย
“จากนี้ไป
ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ควบคุมร่างของข้า
เจ้าจะต้องช่วยปกป้องเหล่าสหายของข้าและช่วยถ่วงเวลาให้ข้าด้วย”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับมอบร่างของตนให้จักรพรรรดิปราชญ์ควบคุม ก่อนที่จะเข้าไปในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขา
“ถ่วงเวลาเช่นนั้นหรือ
นานแค่ไหนกัน?” จักรพรรรดิปราชญ์รีบถามออกไป ขณะที่จิตของเนี่ยลี่ค่อย ๆ
หายไป
“หนึ่งร้อยปี!” เนี่ยลี่ตอบกลับมาเป็นครั้งสุดท้ายและเงียบหายไป
“หนึ่งร้อยปี
เจ้าพูดบ้าอันใดกัน”
จักรพรรดิปราชญ์พูดด้วยความไม่พอใจการที่เนี่ยลี่พูดล้อเล่นในเวลาเช่นนี้
มันไม่น่าขันเลยแม้แต่น้อย
“เขามิได้โกหกเจ้า”
เสียงของจักรพรรรดิคงหมิงดังขึ้นมาในห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่
“คงหมิง
อย่าได้บังอาจมาพูดกับข้า” จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
ที่คงหมิงเอ่ยปากพูดกับเขา ความแค้นที่เขามีแม้จะลดน้อยลงไปบ้าง
แต่การที่คงหมิงพูดกับเขานั้น ทำให้ความแค้นของเขากลับคืนมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าจักรพรรรดิปราชญ์รู้สึกไม่พอใจเขาจึงกลับเข้าไปในห้วงขอบเขตวิญญาณ
เพื่อไปเฝ้าดูสิ่งที่เนี่ยลี่กำลังทำอยู่
“เนี่ยลี่เหตุใดเจ้าจึงนิ่งเงียบไป?” ลู่เพียวตบไปที่ไหล่ของเนี่ยลี่
เมื่อเห็นว่าหลังจากที่พูดกับเอียจื่ออวิ๋นแล้วเนี่ยลี่ก็ยืนนิ่งราวกับว่าหมดสติไป
เขาจึงตบไปเพื่อที่จะให้เนี่ยลี่ได้สติ
“เจ้ากล้าดีเช่นใดจึงมาตบไหล่ของข้า”
จักรพรรรดิปราชญ์หันไปพูดกับลู่เพียวด้วยความไม่พอใจ
“นี่เจ้าไม่ใช่เนี่ยลี่หรอกหรือ?” ลู่เพียวรู้สึกตกใจเสียงที่เขาได้ยินในตอนนี้
ต่างกับเสียงของเนี่ยลี่อย่างเห็นได้ชัด
“ข้าคือจักรพรรดิปราชญ์
เนี่ยลี่ได้บอกกับข้าว่า ให้ข้านั้นปกป้องพวกเจ้า และถ่วงเวลาให้กับเขา”
จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไป ในเวลานี้เขายังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ
“ถ่วงเวลา
เนี่ยลี่บอกไว้หรือไม่ว่า นานแค่ไหนกัน?” ตู่ซื่อถามออกไป กิเลนฟ้าได้บอกกับเขาว่า จักรพรรดิปราชญ์ในตอนนี้อยู่ในสภาพเช่นเดียวกับกิเลนฟ้าและกิเลนเพลิง
นั่นทำให้เขารู้สึกคลายกังวลขึ้นมาบ้าง
“เขาบอกว่าหนึ่งร้อยปี
และเมื่อครู่นี้เจ้าคงหมิงเองก็บอกว่า คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง”
จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไป แม้ว่าเขาจะไม่อยากเชื่อ
แต่ที่เขาได้ยินมาก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น
“หนึ่งร้อยปีนี่เจ้าพูดล้อเล่นหรือไม่
แค่ครึ่งชั่วยามข้าก็ยังไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย” ลู่เพียวพูดขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เนี่ยลี่ไม่ใช่คนที่จะพูดล้อเล่น
คำพูดที่ว่าหนึ่งร้อยปีของเขาต้องมีความหมายอันใดซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่”
กู้เบ่ยพูดขึ้นมา เขาได้เห็นเนี่ยลี่วางแผนในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทุกคำพูดของนี่ยลี่ล้วนแต่มีความหมาย
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าพูดคุยกันมากพอแล้ว
ใครต้องการตายเป็นคนแรกก็จงเข้ามา”
อสูรเทพพูดออกมาพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างรุนแรง
“ข้าจะสังหารเจ้าซะ
เพื่อตอบแทนให้แก่นายท่านเนี่ยลี่”
เสวียนอวี่พูดพร้อมกับถือดาบพุ่งเข้าไปโจมตีอสูรเทพทันที
“ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่พ่ายแพ้ต่อจักรพรรดิปราชญ์จนถูกสาปให้อยู่ภายในดินแดนแห้งแล้งไร้ที่สิ้นสุด
นับว่าใจกล้าไม่เลว ข้าจะสงเคราะห์เจ้าเป็นคนแรก”
อสูรเทพตวัดกระบี่เทพอสูรไปทางเสวียนอวี่ที่พุ่งเข้ามา
คลื่นลมปราณจากกระบี่ที่พุ่งออกมานั้นรุนแรงมากพอที่จะสังหารเสวียนอวี่ได้ในคราวเดียว
“เจ้าโง่เอ๊ย”
จักรพรรรดิปราชญ์ที่ควบคุมร่างกายของเนี่ยลี่รีบพุ่งตามเสวียนอวี่ไป
พร้อมกับใช้เท้าถีบให้เสวียนอวี่กระเด็นไป
เพื่อให้พ้นจากคลื่นลมปราณที่อสูรเทพปล่อยออกมา
“เนี่ยลี่บอกให้ข้าปกป้องพวกเจ้า
แต่หากพวกเจ้ายังรนหาที่ตายเช่นนี้ ข้าคงไม่อาจทำตามคำพูดนั้นได้เป็นแน่”
จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
ร่างของเสวียนอวี่กระแทกลงไปกับพื้นและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
แต่เขาก็ไม่คิดที่จะต่อว่าจักรพรรรดิปราชญ์แต่อย่างใด
สิ่งที่จักรพรรรดิปราชญ์ทำนั้น ทำให้เขารอดชีวิตมาได้
“จากนี้ไปอย่าบุกเพียงลำพัง
เมื่อกำลังของพวกเรานั้นด้อยกว่า พวกเราต้องช่วยสนับสนุนการต่อสู้ของเขา”
เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมาพร้อมกับบอกให้ทุกคนถอยมาอยู่ด้านหลังจักรพรรรดิปราชญ์
“จื่ออวิ๋นพูดถูกต้องแล้ว
ข้าจะใช้เทคนิคทำนายสวรรค์ แจ้งเตือนพวกเจ้าจากการโจมตีของมัน
พวกเราจะต้องถ่วงเวลาจนกว่าเนี่ยลี่จะกลับมา” หลงยู่อินกล่าวสนับสนุน
“หากทำเช่นนั้นชีวิตของเจ้าก็จะ.....”
กู้เบ่ยพูดขึ้นมาแต่ก็หลงยู่อินก็ยกมือให้เขาหยุดพูดทันที
“ที่ข้าเลือกจะเป็นผู้สืบทอดเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์
ก็เพื่อที่จะร่วมต่อสู้กับพวกเจ้า หากเราไม่อาจเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้
โลกก็จะอยู่ภายใต้การปกครองของมัน” หลงยู่อินพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“จักรพรรรดิปราชญ์
พวกเราจะช่วยสนับสนุนเจ้าเอง กระบวนท่าต่อไปของมันจะโจมตีไปที่พวกเขาสามคนนั่น”
หลงยู่อินใช้เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ทำให้เห็นการโจมตีล่วงหน้าของอสูรเทพ
เป้าหมายของมันคือ เว่ยหนาน จางหมิงและซูเซียงจิ้ง
เมื่อรู้ว่าพวกเขานั้นเป็นเป้าหมาย
ทั้งสามคนจึงแยกตัวออกห่างจากคนอื่น ๆ เพื่อที่จะเป็นเหยื่อล่อ
การแยกตัวออกจากกลุ่มจะทำให้จักพรรรดิปราชญ์นั้นโจมตีสวนกลับได้ง่ายขึ้น
อสูรเทพพุ่งเข้าโจมตีทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว
แม้จะแปลกใจที่เห็นทั้งสามแยกตัวออกไปจากกลุ่ม
แต่นั่นก็ทำให้เขาโจมตีได้ง่ายยิ่งขึ้น
แค่เพียงพริบตาเขาก็เข้าประชิดตัวทั้งสามคนได้
“อัญเชิญเทพอัสนี!”
ก่อนที่กระบี่จะฟันร่างของทั้งสามคน เซี่ยวหนิงเอ๋อได้อัญเชิญสายฟ้าให้มารวมอยู่ที่กระบี่หมื่นวิญญาณในมือจักรพรรรดิปราชญ์
จากนั้นก็จักรพรรรดิปราชญ์ ใช้กระบี่หมื่นวิญญาณที่อาบไปด้วยพลังของเทพอีสนี ฟันไปที่ร่างของอสูรเทพ แม้จะเป็นแค่เพียงพริบตาแต่อสูรเทพก็หยุดกระบี่ที่จะโจมตีทั้งสามคนเอาไว้และหลบการโจมตีของจักรพรรรดิปราชญ์ได้ คลื่นพลังจากสายฟ้าที่พุ่งออกไปราวกับแยกท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน แต่น่าเสียดายที่ไม่อสูรนั้นนั้นสามารถหลบไปได้
แม้ว่าอสูรเทพจะหยุดการโจมตีเอาไว้
แต่พลังของอสูรเทพก็ยังกระแทกเว่ยหนาน จางหมิงและซูเซียงจิ้งให้กระเด็นออกไป
แม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิตแต่ก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บไม่น้อย
การหยุดชะงักของอสูรเทพ
นั้นตู่ซื่อไม่ปล่อยให้โอกาสนี้พลาดไป เขาผสานเข้ากับกิเลนฟ้า
และใช้หมัดกิเลนทะลวงสวรรค์ต่อยเข้าที่ลำตัวของอสูรเทพอย่างจัง แม้ว่าจะไม่อาจสร้างบาดแผลให้แก่มันได้
แต่ก็ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ภายในเล็กน้อยจนชะงักไป
แต่นี่ก็เป็นพลังทั้งหมดที่ตู่ซื่อเหลืออยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าตู่ซื่อไม่มีแรงที่จะขยับตัวได้แล้ว
อสูรเทพจึงหันมาจัดการกับตู่ซื่อก่อนเป็นคนแรก
ทางด้านลู่เพียวเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรวบรวมพลังทั้งหมดพุ่งง้าวเทพนักรบสวรรค์ออกไป
ง้าวเทพนักรบสวรรค์ของลู่เพียวปักเข้าไปที่กลางหลังของอสูรเทพ
แต่ก็สามารถแทงทะลุผิวหนังอันแข็งแกร่งของอสูรเทพได้เพียงแค่เล็กน้อย
แต่ก็ยังสามารถถ่วงเวลาให้เสวียนอวี่นั้นไปช่วยตู่ซื่อกลับมาได้
“เจ้าพวกมนุษย์โสโครก”
อสูรเทพตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
เขาดึงง้าวเทพนักรบสวรรค์ออกมาจากหลังและโยนทิ้งไป
แม้ว่าการโจมตีของพวกตู่ซื่อและลู่เพียวนั้นจะไม่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บมากเท่าใด
แต่เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกพวกแมลงบินมารบกวนไม่หยุด
“เดิมทีข้าคิดจะสังหารพวกเจ้าทีละคน
แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” อสูรเทพพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมออกมาอีกครั้ง
“เจตจำนงแห่งกระบี่บรรชน
ม่านกำแพงสวรรค์”
กู้เบ่ยสร้างเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนแล้วสร้างเป็นกำแพงป้องกันลมปราณของอสูรเทพ
“กำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์!” เอียจื่ออวิ๋นได้สร้างกำแพงน้ำแข็งช่วยป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
กู้เบ่ยและเอียจื่ออวิ๋นที่ใช้พลังทั้งหมดต้านเอาไว้
แค่เพียงไม่นาน พลังของพวกเขาก็หมดลง
ม่านกำแพงสวรรค์และกำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์ของทั้งสองคนก็สลายไป ซึ่งก็ทำให้ทั้งสองคนถึงกับกระอักเลือดออกมา
“เนี่ยลี่
เมื่อไหร่เจ้าจะกลับมาเสียที” หนิงเอ๋อตะโกนเรียกเนี่ยลี่ทั้งน้ำตา
ในตอนนี้ทุกคนนั้นไม่เหลือพลังมากพอที่จะต้านอสูรเทพเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
“เนี่ยลี่จะต้องกลับมา
ข้าเชื่อมั่นในตัวเขา”
เอียจื่ออวิ๋นที่ใช้พลังทั้งหมดไปกับการสร้างกำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์พูดขึ้นมาพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปาก
“เนี่ยลี่ไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพวกเรา
เขาจะต้องกลับมา” ลู่เพียวพยายามลุกยืนขึ้นด้วยพลังที่เหลืออยู่
“อีกไม่นานเขาจะกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่พวกเราคุ้นเคย”
ตู่ซื่อเองก็ลุกยืนขึ้นมายืนข้าง ๆ ลู่เพียว
“เขาจะต้องกลับมาและเอาชนะอสูรเทพ
จากนั้นพวกเราก็จะกลับไปดื่มฉลองด้วยกัน” กู้เบ่ยเช็ดเลือดที่มุมปากของเขาและลุกขึ้นมายืนเคียงข้างทุกคน
“แม้ว่าจะต้องสละชีวิต
ข้าก็จะปกป้องทุกคนเอาไว้ให้ได้” เสวียนอวี่พูดแทรกขึ้นมา
“เหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกหาเนี่ยลี่
มันก็ยืนอยู่ตรงนั้นมิใช่หรือ?” อสูรเทพถามด้วยความสงสัย
ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน จนเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมา
“ข้ากลับมาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะลำบากกันไม่น้อย”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมา พร้อมกับยิ้มให้เหล่าสหายของเขา
ในตอนนี้เขากลับมาควบคุมร่างกายของตนเองแล้ว
“นี่เจ้าไปทำอันใดมา
หรือว่านี่ผ่านไปหนึ่งร้อยปีแล้ว” จักรพรรรดิปราชญ์ถามขึ้นมา
เขารับรู้ได้ว่าเนี่ยลี่นั้นแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
“ข้าต้องขอโทษด้วย
เมื่อได้บ่มเพาะพลังจนครบร้อยปี ข้าก็พบว่าพลังของข้านั้นตอนนั้น
ยังไม่อาจเอาชนะอสูรเทพได้ ข้าจึงต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังเพิ่มขึ้นเป็นเวลาหนึ่งพันปี”
เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม............จบตอน