เนี่ยลี่ได้ทะยานขึ้นมาตามเส้นทางสู่ตำหนักของจักรพรรดิปราชญ์
เป็นเส้นทางที่เขาเคยผ่านมาเมื่อชาติภพก่อนหน้านี้
เบื้องหน้าของเขามีตำหนักสีดำทมิฬ
และมีประตูใหญ่ที่ปิดอยู่ จักรพรรดินั่งบ่มเพาะพลังอยู่ด้านหลังกำแพงนี้เอง
“คงหมิงเอ๋ย
เจ้าคงจะสงสัยสินะ
ว่าเหตุใดข้าจึงไม่ขัดขวางผู้กลับชาติมาเกิดในการผนึกร่างแยกของข้า”
เสียงของจักรพรรดิปราชญ์ดังขึ้นมาพร้อมกับประตูตำหนักที่เปิดออก
ร่างของอสูรที่มีรูปร่างไม่ต่างไปจากมนุษย์ที่สวมชุดเกราะอยู่
ผ้าคลุมสีแดงฉานราวกับเลือดที่โบกสะบัดอยู่ เป็นภาพที่เนี่ยลี่จดจำได้เป็นอย่างดี
“ข้านั้นคือเนี่ยลี่
หาใช่คงหมิงไม่” เนี่ยลี่ตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจ เขานั้นมิใช่ตัวแทนของผู้ใด
แต่เป็นคนที่ขีดชะตาชีวิตด้วยมือของตนเอง
“ข้าจะเรียกเช่นใดนั่นก็เป็นเรื่องของข้า”
จักรพรรดิปราชญ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เจ้าก็แค่ไม่ต้องการให้ผู้ใดมาขัดขวางการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้า
และเจ้าเชื่อมั่นว่าแม้จะใช้พลังในการควบคุมห้วงเวลาไม่ได้
เจ้าก็สามารถเอาชนะข้าได้” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
พร้อมกับถือกระบี่เทพอัสนีดาวตกไว้ในมือขวาของเขา
“ก็นับว่าไม่ผิดนัก
แต่ที่ข้าต้องการก็คือให้เจ้าได้เห็นจุดจบของ เจ้าหกคนนั่น” จักรพรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความสะใจ
“ที่เจ้าต้องการจริง
ๆ ก็คือเศษหน้าตำราจิตอสูรท่องเวลาที่อยู่ในตัวของข้า
เพื่อให้ตัวเจ้าได้กลายเป็นเทพแห่งการเวลามิใช่หรือ จะพูดมากให้เสียเวลาทำไมเล่า”
เนี่ยลี่ตะโกนออกไปด้วยความไม่พอใจ ที่ได้ยินจักรพรรดิปราชญ์พูดเช่นนั้น
“หากข้าได้กลายเป็นเทพแห่งกาลเวลา
ข้าหมุนห้วงเวลาย้อนกลับไปยังชาติภพที่คงหมิงนั้น ได้คิดค้นการผนึกวิญญาณอสูร
และสังหารพวกมนุษย์ให้หมดสิ้นไปซะ” จักรพรรดิปราชญ์พูดถึงความปรารถนาของตนออกไปโดยไม่ปิดบัง
“กระบี่เทพอสูร!” จักพรรดิปราชญ์เรียกกระบี่อสูรออกมา
เป็นกระบี่สองเล่มเล่มหนึ่งคือกระบี่เทพที่ตีขึ้นมาจากโลหะสีขาวบริสุทธิ์
ส่วนอีกเล่มเป็นกระบี่อสูรที่ตีขึ้นมาจากโลหะสีดำทมิฬ
“กระบี่หมื่นวิญญาณ!” เนี่ยลี่เรียกกระบี่หมื่นวิญญาณออกมาจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำมาไว้ในมือซ้ายทันที
“เตรียมรับมือ” จักรพรรดิปราชญ์เอื้อมมือไปหยิบกระบี่อสูรมาไว้ในมือขวา และควบคุมกระบี่เทพโดยใช้ลมปราณ
เพราะจักรพรรดิปราชญ์ไม่อาจถือกระบี่เทพได้ด้วยมือของเขา
โดยที่ทั้งสองไม่ทันได้สังเหตุ
กระดูกมนตราที่หลอมรวมเข้ากับก้อนศิลาสีดำได้ลอยไปแอบไปเกาะติดที่ด้านหลังของจักรพรรดิปราชญ์แล้ว
เนี่ยลี่ปล่อยกระบี่หมื่นวิญญาณในมือซ้ายไปรับมือกับกระบี่เทพทันที
คลื่นลมปราณจากกระบี่สองเล่มเข้าปะทะกันจนเกิดพายุอันรุนแรงขึ้น
ลมพายุอันรุนแรงนี้
พัดพาให้ตำหนักของจักรพรรดิปราชญ์หายไปในทันที
เมฆที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาก็เช่นกัน ถูกพายุพัดพาไปจนหมดสิ้น
ทำให้เหล่าสหายที่อยู่เบื้องล่างได้มองเห็นการต่อสู้ในครั้งนี้
“กระบี่อสูรอัสนี!” จักรพรรดิปราชญ์รวบรวมพลังสายฟ้าไว้ที่กระบี่อสูร
เพราะทราบดีว่ากระบี่ในมือของเนี่ยลี่คือกระบี่เทพอัสนีดาวตกที่มีพลังแห่งสายฟ้าเช่นกัน
โดยรอบกระบี่อสูรปรากฏสายฟ้าห่อหุ้มเอาไว้
เนี่ยลี่เองก็รวบรวมพลังสายฟ้าไว้ที่กระบี่เทพอัสนีดาวตกเช่นกัน
“มาดูกันว่าสายฟ้าของข้ากับเจ้านั้น
ใครจะแกร่งกว่ากัน!”
จักรพรรดิปราชญ์พุ่งเข้ามาและใช้กระบี่อสูรฟันลงไปที่เนี่ยลี่ทันที
เมื่อได้เห็นแล้วราวกับสายฟ้าขนาดใหญ่ที่กับลังฟาดลงมาเลยทีเดียว
เปรี้ยง!
เนี่ยลี่ฟันกระบี่เทพอัสนีดาวตกสวนกลับไปโดยที่ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
ประกายสายฟ้าจากกระบี่ทั้งสองเล่มที่ปะทะกันกระจายออกไปด้านข้าง
หมายความว่าพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นทัดเทียมกัน
แรงระเบิดนี้สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า
แม้แต่มนุษย์และอสูรที่อยู่เบื้องล่างก็สามารถสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ในครั้งนี้
นี่ราวกับเป็นการต่อสู้ของเทพเจ้า ที่มนุษย์ทำได้เพียงแต่เฝ้ามองดูผลลัพธ์เท่านั้น
กระบี่เทพและกระบี่หมื่นวิญญาณยังคงต่อสู้กัน
และไม่มีช่องว่างมากพอที่จะมาช่วยเนี่ยลี่หรือจักรพรรดิปราชญ์ต่อสู้เลย
จักรพรรดิปราชญ์และเนี่ยลี่ยังคงใช้กระบี่ปาดฟันกันอย่างต่อเนื่อง
ด้วยกำลังที่เหนือกว่าทำให้จักรพรรดิปราชญ์เริ่มที่จะไล่ต้อนเนี่ยลี่ได้
ทันใดนั้น
เนี่ยลี่หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาไว้ในมือซ้าย
จากนั้นก็ปาออกไปยังจักพรรรดิปราชญ์ทันที
ฟุ่บ!
ร่างกายของจักรพรรดิปราชญ์ราวกับถูกดึงเข้าไปยังอีกโลกหนึ่ง
ซึ่งไร้ทิศทาง ทำให้จักรพรรดิปราชญ์ทำได้เพียวหมุนคว้างไปมาเท่านั้น
“ไข่มุขลวงตาในตำนาน
คิดใช้ของเล่นเช่นนี้ขังข้าเอาไว้เช่นนั้นหรือ”จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเยาะ
จักพรรดิปราชญ์ระเบิดลมปราณทั้งหมดออกไป
ห้วงมิติที่ไข่มุขลวงตาในตำนานสร้างขึ้น ก็ระเบิดออกในทันที หากใช้กับคู่ต่อสู้ที่มีระดับฝีมือที่ต่ำกว่าก็อาจจะได้ผล
แต่ของสิ่งนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิปราชญ์ก็ไม่ต่างไปจากของเด็กเล่นเท่านั้น
เมื่อออกมาได้จักรพรรดิปราชญ์ก็หันไปมองโดยรอบ
พบว่าตนเองกำลังอยู่ในค่ายกลศิลาขนาดใหญ่ ที่เขาถูกขังเอาไว้เมื่อครู่นี้เป็นแค่การถ่วงเวลาเท่านั้น
“ค่ายกลศิลาหมื่นปี
นี่เจ้าไปได้ของสิ่งนี้มาจากที่ใดกัน?”
จักรพรรดิปราชญ์ถามออกไปด้วยความไม่พอใจ
ค่ายกลศิลาหมื่นปีนี้สามารถผนึกผู้ที่อยู่ด้านในได้นานนับหมื่นปีดั่งชื่อของมัน
และการที่จะปิดผนึกค่ายกลนี้ได้ ผู้ใช้ค่ายกลต้องเข้ามาอยู่ด้านในด้วยเท่านั้น
นั่นคือเหตุผลที่เนี่ยลี่ยังคงอยู่ต่อหน้าเขา
“หากข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เจ้าก็จะถูกขังอยู่ในค่ายกลศิลานี้เพียงลำพังเป็นเวลาหมื่นปี
ข้าเชื่อว่าระหว่างนั้นเหล่าสหายข้าต้องหาทางจัดการเจ้าได้เป็นแน่”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้มเยาะ แม้ว่าจะควบคุมห้วงเวลาได้ แต่ในค่ายกลศิลาแห่งนี้
เวลาคือสิ่งที่ไม่เคลื่อนไหว หากเร่งเวลาให้ผ่านไปรวดเร็วขึ้น
ก็มีแต่จะทำให้อายุขัยสั้นลงไปเท่านั้น
“นั่นมันอะไรกัน
พวกเขาอยู่ในค่ายกลศิลานั่นหรือ?” ลู่เพียวตะโกนอยู่เบื้องล่าง
“นั่นคือค่ายกลศิลาหมื่นปี
เนี่ยลี่คิดที่จะใช้สิ่งนั้นผนึกจักพรรรดิปราชญ์เอาไว้หากเขาต้องพ่ายแพ้”
เซี่ยวหยู่ตอบกลับไป นางช่วยเนี่ยลี่ในการตรวจสอบค่ายกลศิลานี้
ขณะที่อยู่ในภาพจิตกรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ นางจึงทราบในเรื่องนี้ดี
“ข้าเชื่อว่าเนี่ยลี่จะต้องเป็นฝ่ายเอาชนะได้
นั่นเขาก็แค่เตรียมการไว้เพื่อไม่ประมาทเท่านั้น”
เอียจื่ออวิ๋นพูดออกไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวของเนี่ยลี่
“เจ้าคิดที่จะให้ข้ายอมจำนนด้วยวิธีนี้เช่นนั้นหรือ? ” จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น
เวลาหมื่นปีนั้นหาได้ยาวนานเท่าใดนักสำหรับจักพรรรดิปราชญ์ แต่ค่ายกลนี้จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนในทุกวัน
จากศิลาหินธรรมดา กลายเป็นค่ายกลศิลาเพลิงอันร้อนแรง
ค่ายกลศิลาวายุเหมันต์อันหนาวเหน็บ และค่ายกลในรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นคุกนรกที่จะมีการลงทัณฑ์ต่อเนื่องไปนานนับหมื่นปี
เป็นค่ายกลที่เหล่าเทพสร้างขึ้นมาเพื่อกักขังเหล่าทวยเทพที่ทำผิด
การที่จะทำลายออกไปด้วยกำลังนั้นย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ความแค้นของเจ้ากับคงหมิงนั้นยาวหลายชาติภพ
คงหมิงเองก็ได้ชดใช้ในสิ่งที่เขาได้ก่อขึ้นแล้ว
เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยทิ้งความเคียดแค้นไปบ้าง” เนี่ยลี่ถามออกไป
“เมื่อครั้งที่ข้าและเทพทั้งหกได้บรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
ข้าได้เข้ามาใกล้ชิดพวกเขาเพื่อสืบหาว่าผู้ใดเป็นผู้คิดค้นวิธีผนึกวิญญาณอสูรไว้ในร่างกายมนุษย์ แม้ว่าจะได้รู้ว่าคงหมิงคือคนผู้นั้น แต่ข้าก็ทำได้เพียงแค่สังหารเขาที่เกิดขึ้นมาในชาติภพต่อมาเท่านั้น จนกระทั่งที่ข้าได้พบกับชายที่สามารถทวนกระแสสายธารแห่งเวลากลับมาในคราวนั้น ทำให้ข้าคิดวิธีที่จะแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดได้”
จักรพรรรดิปราชญ์พูดออกไป
“เผ่าพันธุ์อสูรต้องสูญสิ้นไปมากเท่าใด
หลังจากที่คงหมิงคิดค้นวิธีการผนึกวิญญาณอสูรไว้ในร่างมนุษย์ได้
ความตายเพียงไม่กี่ชาติภพของคงหมิง คิดว่าจะชดใช้ให้ชีวิตของอสูรเหล่านั้นได้เช่นนั้นหรือ? ดังนั้นข้าจะไม่ยอมหยุดแต่เพียงเท่านี้” จักรพรรดิปราชญ์พูดต่อด้วยความโกรธเกรี้ยว
“แม้คงหมิงจะไม่ได้คิดค้นการผนึกวิญญาณอสูรไว้ในร่างมนุษย์ขึ้นมา
ข้าเชื่อว่าก็ย่อมมีผู้อื่นคิดค้นขึ้นมา
เจ้าคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงชะตาได้เช่นนั้นหรือ?”
เนี่ยลี่ตอบโต้กลับไป
“ข้าจึงคิดที่จะย้อนเวลากลับไปฆ่าพวกมนุษย์ให้สิ้นซากไงเล่า”
จักรพรรดิปราชญ์พูดด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น
เขาไม่คิดเลยว่าเนี่ยลี่จะเตรียมการสิ่งนี้เอาไว้เพื่อต่อสู้กับเขา
“กระบี่หมื่นวิญญาณ!”
ตอนที่นำค่ายกลศิลาหมื่นปีออกมาเนี่ยลี่ได้เก็บกระบี่หมื่นวิญญาณไว้ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
และในตอนนี้เขาก็ได้นำกลับออกมาอีกครั้ง
“กระบี่หมื่นวิญญาณนั้นสามารถเคลื่อนไหวด้วยจิตสำนึกของตนเอง
มันจะเป็นเพื่อนเล่นของเจ้าหากว่าข้านั้นตายลงไป”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
ในตอนนี้กระบี่เทพที่อยู่ด้านนอกคงร่วงลงกับพื้น
เพราะไม่มีลมปราณของจักรพรรดิปราชญ์ควบคุม
“หากข้าไม่ยอมจำนนเจ้าจะทำอันใดข้าได้
ข้าจะไม่สังหารเจ้าและจะคอยเฉือนเนื้อหนังของเจ้าทุกวัน
เมื่อแผลเจ้าหายข้าก็จะทำซ้ำวนเวียนไปเรื่อย ๆ
ข้าจะทำให้เจ้าทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย”
จักพรรดิปราชญ์ถือกระบี่อสูรพุ่งเข้าโจมตีเนี่ยลี่ทันที
เนื่องจากการเปิดใช้ค่ายกลศิลาหมื่นปี
และใช้ไข่มุขลวงตาในตำนานนั้นต้องใช้พลังไม่น้อย
ทำให้เนี่ยลี่ไม่สามารถใช้กระบี่เทพอัสนีดาวตกไปพร้อม ๆ กันได้ ในตอนนี้มีเพียงกระบี่หมื่นวิญญาณเท่านั้นที่คอยปกป้องเขาเอาไว้
การโจมตีของจักรพรรดิปราชญ์เป็นไปอย่างบ้าคลั่ง
ลมปราณที่พุ่งออกมาจากกระบี่อสูรของเขานั้น
สะท้อนกับกำแพงของค่ายกลศิลาหมื่นปีไปทั่ว
โดยที่ไม่สนใจว่าตัวเขาจะได้รับบาดเจ็บด้วยพลังของตนเองเลย
เนี่ยลี่เองก็ได้แต่หลบหลีกอยู่หลังกระบี่หมื่นวิญญาณเท่านั้น
“พอได้จักรพรรดิปราชญ์
ความโกรธแค้นของเจ้าไม่ทำให้สิ่งใดดีขึ้น มีแต่สร้างบาดแผลให้แก่ตัวเจ้าและข้าเท่านั้น”
เนี่ยลี่ตะโกนออกไป
แต่จักพรรรดิปราชญ์หาได้สนใจคำพูดของเนี่ยลี่ไม่
เขายังคงโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ค่ายกลศิลาหมื่นปีนั้นถูกพลังของจักรพรรดิปราชญ์โจมตีจนสั่นสะเทือนไปทั่ว
ที่เบื้องล่างเซี่ยวหยู่ได้เห็นภาพนิมิตบางอย่างขึ้นมา
จึงรีบบอกกับทุกคนทันที
“พวกเราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้
และพาทุกคนกลับไปยังโลกเบื้องล่างให้เร็วที่สุด” เซี่ยวหยู่พูดด้วยความร้อนใจ
“ทำไมกัน การต่อสู้ของเนี่ยลี่ยังไม่จบมิใช่หรือ?” หลี่ชิงอวิ๋นถามด้วยความสงสัย
“ข้าไม่มีเวลาที่จะอธิบาย
เวลาเรามีไม่มากแล้ว” เซี่ยวหยู่รีบพูดตัดบททันที
“พวกเราต้องเชื่อคำพูดของเซี่ยวหยู่
ไปกันเถอะ เนี่ยลี่จะต้องเป็นฝ่ายชนะ ข้าเชื่อเช่นนั้น”
หนิงเอ๋อพูดขึ้นมาพร้อมกับรีบมุ่งหน้าไปยังทางออกทันที
เมื่อออกมานอกประตู
ทุกคนก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักที่เห็นพวกเขากลับมา
“เนี่ยลี่และคนอื่น ๆ อยู่ที่ใดกัน ทำไมเหลือเพียงพวกเจ้าเท่านั้น”
หมิงเยี่ยวู่ซวงเอ่ยถาม
“เนี่ยลี่กำลังต่อสู้อยู่กับจักรพรรดิปราชญ์
และผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหกได้สละชีพไปแล้ว
เซี่ยวหยู่รับรู้ถึงอะไรบางอย่างจึงบอกให้พวกเรารีบลงไปยังโลกเบื้องล่าง”
เอียจื่ออวิ๋นรีบอธิบาย
“หากปิดประตูนี้เนี่ยลี่ก็จะไม่สามารถกลับออกมาได้นะ?” ซูเซียงจิ้งพูดขึ้นมา ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามช่วยกันเปิดประตูทิ้งเอาไว้ หากพวกเขาหยุดการกระทำ
ประตูนี้ก็จะถูกปิดไปตลอดการ
“คูล คูล”
จินตานบินมาที่หน้าประตูแล้วส่งเสียงดัง
“จินตานบอกว่าเขาจะทำหน้าที่เปิดประตูนี้เอาไว้เอง”
เซี่ยวหยู่พูดออกไป นางอยู่กับจินตานมานานและด้วยเทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ทำให้นางสามารถเข้าใจคำพูดของจินตานได้
“พวกเราต้องลงไปเบื้องล่างเดี๋ยวนี้”
เซี่ยวหยู่ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังมาก ทำให้ทุกคนยอมเชื่อสิ่งที่นางพูด
จินตานไปนั่งอยู่หน้าประตูและใช้พลังของมันเปิดประตูเอาไว้ มันจะรอจนกว่าเนี่ยลี่จะกลับมา
“จินตาน ฝากเนี่ยลี่ด้วยนะ”
เอียจื่ออวิ๋นลูบหัวของจินตานอย่างอ่อนโยน นางรู้สึกขอบคุณจินตานยิ่งนัก
หลังจากที่ลงมายังโลกเบื้องล่างแล้ว
เซี่ยวหยู่ก็รีบเก็บกระจกข้ามภพทันทีทำให้เส้นทางแห่งแสงนั้นหายไป
“ตอนนี้เจ้าบอกเหตุผลให้พวกเรารู้ได้หรือยัง”
กู้เบ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ศัตรูที่ร้ายกาจกว่าจักรพรรดิปราชญ์กำลังจะปรากฏ”
เซี่ยวหยู่พูดขึ้นมาพร้อมกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว............จบตอน