หลังประตูที่ลู่เพียวเดินเข้ามานั้น เป็นเส้นทางทอดยาวสู่โขดหินและชายทะเลสีคราม
สายลมจากชายละเลที่พัดมาอย่างแผ่วเบา ทำให้ลู่เพียวผ่อนคลายไปได้ไม่น้อย
“นี่คือที่พำนักของบริวารแห่งเทพเช่นนั้นหรือ
นี่มันดั่งที่พักริมชายทะเล น่าอิจฉายิ่งนัก หากให้ข้าอาศัยอยู่ที่นี่
ข้าก็ยินดีนะ” ลู่เพียวพูดขณะที่เดินสำรวจโดยรอบ เขาเห็นกระท่อม อยู่ไม่ไกลนัก
แม้ว่าจะดูร่มรื่นและน่าอยู่เพียงใด แต่ดูแล้วก็ไม่คู่ควรที่จะเรียกว่า
ตำหนักของบริวารแห่งเทพเลยสักนิด
ลู่เพียวเดินเข้าไปสำรวจที่พักที่อยู่เบื้องหน้า
เป็นกระท่อมที่ใหญ่โตเกินกว่าจะเป็นที่พักของมนุษย์ เมื่อเข้าไปสำรวจด้านในก็พบว่ามีค้างคาวเกาะอยู่เต็มไปหมด
ลู่เพียจึงรีบออกมานอกกระท่อม
ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่สว่างกลับมืดมิด เมื่อมองออกไปพบว่ามีค้างคาวบินอยู่เต็มไปหมด
และบางส่วนพุ่งเข้ามาโจมตีลู่เพียวที่ก้าวออกมาจากกระท่อมทันที
“บริวารแห่งเทพ
เป็นเพียงแค่ค้างคาวเช่นนั้นหรือ น่าผิดหวังยิ่งนัก” ลู่เพียวยิ้มที่มุมปาก
ขณะที่ควงง้าวเทพนักรบสวรรค์ และฟันออกไปทันที
“ง้าวคลื่นวายุสวรรค์!” คลื่นลมปราณจากการฟันง้าวออกไป แต่ค้างคาวเหล่านั้นกลับหลบได้อย่างง่ายดาย
ทำให้การโจมตีของลู่เพียวไร้ผล
“ง้าวคลื่นวายุร้อยวิถี!” ลู่เพียวตวัดง้าวออกไปรอบทิศทาง เพื่อใช้คลื่นลมปราณโจมตีเหล่าค้างคาว
แต่พวกมันก็สามารถหลบได้โดยไร้บาดแผล
“นี่มันค้างคาวบ้าอะไรกัน?” ลู่เพียวพูดด้วยความคับแค้นใจ ไม่ว่าเขาจะโมตีเช่นใด
ก็ไม่อาจกำจัดค้างคาวได้แม้แต่ตัวเดียว
ในตอนนี้เขาทำได้เพียงปัดป้องการโจมตีจากค้างคาวเท่านั้น
เป็นเพราะค้างคาวนั้นสามารถปล่อยคลื่นเสียงหลายความถี่ออกไป
ทำให้สามารถตรวจจับบการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งลู่เพียวไม่รู้ในเรื่องนี้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เพียวจึงหมุนควงง้าวเทพนักรบสวรรค์
เหนือศีรษะ ทำให้เกิดลมหมุนขึ้นพร้อมกับพัดพาทรายขึ้นมาพร้อมกับลมหมุน
ทำให้ค้างคาวถูกพายุทรายโหมกระหน่ำ และล้มตายไปไม่น้อย
ลู่เพียวยังคงหมุนควงง้าวเทพนักรบสวรรค์
รวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พายุทรายรุนแรงมากขึ้น
ค้างคาวนับล้านที่เคยบินอยู่ด้านบน ถูกความแรงของพายุทรายพัดกระจายไปจนไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
“นักรบสวรรค์ลู่เพียว
ไม่มีทางเสียท่าให้กับค้างคาวเหล่านี้เป็นแน่!”
ลู่เพียวยืดอกพูดด้วยความภูมิใจ
ทันใดนั้นก็มีค้างคาวตัวใหญ่บินขึ้นมาจากด้านบน
โดยลอดผ่านตาพายุเข้ามา พร้อมกับกัดเข้าที่คอของลู่เพียว
ลู่เพียวหยุดการควบและพยายามผลักอสูรค้างคาวออกไป
ทำให้มองเห็นรูปลักษณ์ของมันอย่างชัดเจน
อสูรที่อยู่เบื้องหน้าดุไม่ต่างไปจากค้างคาวทั่ว
ๆ ไปแต่มีขนาดที่ใหญ่โตพอ ๆ กับมนุษย์ ในปากของมันมีฟันที่แหลมคม
“ข้าคือ เปี่ยนฝู [蝙蝠:ค้างคาว] เจ้าบังอาจยิ่งนักที่สังหารพี่น้องของข้าเช่นนี้” เปี่ยนฝูพูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปที่ซากศพของเหล่าค้างขาวที่เป็นบริวารของเขาด้วยความเจ็บแค้น
“การพบเจอกับอสูรตนนี้ เรียกว่าเป็นมงคลเช่นนั้นหรือ
ข้าคิดว่านี่มันเคราะห์ร้ายเสียมากกว่า” ลู่เพียวใช้มือปิดแผลเอาไว้พร้อมกับ พูดกับตัวเอง
[คำว่าฝู 蝠ในชื่อของเปี่ยนฝูนั้น พ้องเสียงกับคำว่า
ฝู 福 ที่แปลว่าสิริมงคล
คนจีนเลยนับว่าค้างคาวนั้นเป็นสัตว์มงคล เป็นมุขเล่นคำที่คนจีนชอบใช้กันว่าเจอค้างคาวคือเรื่องเจอมงคล]
“เจ้าจะพูดล้อเล่นได้อีกไม่นานเท่านั้น
ข้าจะล้างแค้นให้กับพี่น้องของข้า” เปี่ยนฝูพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เจ้ามีความสามารถถึงเพียงนั้นไหมเล่า”
ลู่เพียวพูด พร้อมกับตั้งท่าเตรียมต่อสู้ทันที
“เจ้าคงคิดจะใช้ทรายเล่นข้า
เช่นเดียวกับที่ใช้กับพี่น้องข้าสินะ ข้าไม่ยอมให้เจ้าใช้วิธีเดิม เป็นครั้งที่สองเป็นแน่”
เปี่ยนฝูพูดด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยัน
เมื่อเห็นว่าทรายในบริเวณนี้ถูกพัดพาไปจนหมดแล้ว
“คนอย่างนักรบสวรรค์ลู่เพียว
มิได้มีหนทางเดียวในการต่อสู้ เปี่ยนฝู่เจ้าบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ”
ลู่เพียวพูดตอบโต้กลับไป
“อวดดีนักนะเจ้ามนุษย์
เจ้าจะใช้วิธีใดจัดการกับข้าได้” เปี่ยนฝูพูดพร้อมกับบินเข้ามาและใช้ปีกอันคบกริบหมายที่จะตัดคอลู่เพียวในครั้งเดียว
ลู่เพียวคิดจะโจมตีสวนกลับไปแต่เปี่ยนฝูกลับหมุนตัวหลบการโจมตีของลู่เพียวและใช้ปีกเฉือนที่ไหลขวาของลู่เพียวจนเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
“ไม่ร้ายกาจดั่งที่โอ้อวดเอาไว้เลยนะ”
เปี่ยนฝูพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ ไม่ว่าลู่เพียวจะเคลื่อนไหวเช่นใด
คลื่นเสียงของมันก็สามารถตรวจจับได้ ดังนั้นลู่เพียวไม่มีทางที่จะทำร้ายมันได้
เปี่ยนฝูบินขึ้นไปอีกครั้ง
และเตรียมโจมตีเช่นเดิม แต่คราวนี้เขาบินขึ้นไปสูงขึ้น
เพื่อที่จะโจมตีได้รุนแรงยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เพียวจึงหลับตาลงและใช้สัมผัสการเคลื่อนไหวของเปี่ยนฝูด้วยการสั่นไหวของลมแทน
เมื่อเปี่ยนฝูบินเข้ามาใกล้ เขาจึงใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์โจมตีสวนกลับไปด้วยความรวดเร็วจนเปี่ยนฝูไม่อาจหลบได้ทัน
ง้าวเทพนักรบสวรรค์ของลู่เพียวจึงสามารถตัดปีกข้างหนึ่งของเปี่ยนฝูไปได้
“ศึกนี้ง่ายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้”
ลู่เพียวพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ หากศัตรูมีกำลังเพียงเท่านี้ ทางด้านคนอื่น ๆ
ก็คงไม่น่ากังวลเท่าใดนัก
ทันใดนั้นก็มีอสูรตนหนึ่งโฉบเอาเปี่ยนฝู่ไป
พร้อมกับนำมาใกล้ ๆ ปากและเริ่มกัดกินเปี๋ยนฝู
“นี่เจ้าทำอะไรกับอาหารของข้า” อสูรตนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ภาพที่เห็นทำให้ลู่เพียวอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้
นี่คงเป็นบริวารแห่งเทพตัวจริงเป็นแน่
“เจ้าคือบริวารแห่งเทพใช่หรือไม่
ข้าคิดว่าเปี่ยนฝูนั้นเป็นบริวารแห่งเทพเสียอีก” ลู่เพียวตะโกนถามออกไป ขณะที่กำง้าวเทพนักรบสวรรค์ไว้แน่นจนเหงื่อเริ่มจะไหลออกมาเต็มสองมือ
“ข้าคือบริวารแห่งเทพ เจียโหลวหลัว[迦楼罗:ครุฑ] ค้างคาวพวกนั้นข้าเลี้ยงไว้เป็นอาหารเท่านั้น”
เจียโหลวหลัวตอบกลับไป พร้อมกับจับจ้องไปที่ลู่เพียวด้วยสายตาอันเย็นชา
รูปลักษณ์ของบริวารแห่งเทพ เจียโหลวหลัวนั้นเป็นนกที่มีร่างกายคล้ายมนุษย์
ต่างกันตรงที่ผิวกายของเขานั้นเป็นสีเขียว เป็นเทพแห่งสัตว์ปีกทั้งปวง
และเป็นอสูรผู้ควบคุมวายุได้ดั่งใจอีกด้วย
“เจ้าคือมนุษย์ที่คิดท้าทายจักรพรรดิปราชญ์สินะ”
เจียโหลวหลัวพูดพร้อมกับสะบัดปีกของเขา สร้างลมพายุ แม้ว่าลู่เพียวจะพยายามต้านเอาไว้แต่ก็ถูกพัดกลิ้งไปหลายตลบ
“น่าขัน มีฝีมือเพียงเท่านี้
แต่กลับคิดที่จะท้าทายท่านจักรพรรดิปราชญ์” เจียโหลวหลัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
เมื่อเห็นลู่เพียวล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
“ข้าแค่ไม่ทันระวังตัวเท่านั้น
อสูรผู้ควบคุมวายุเช่นนั้นหรือ? จงลองรับวายุของข้าไปบ้าง” ลู่เพียวตวัดง้าวเทพนักรบสวรรค์และปล่อยคลื่นลมปราณที่เป็นดั่งคมมีดวายุออกไป
“นี่หรือคมมีดวายุของเจ้า
น่าขันยิ่งนัก” เจียโหลวหลัวรวบรวมพลังวายุไว้ที่แขนขวา
พร้อมกับปัดคลื่นลมปราณของลู่เพียวทิ้งอย่างง่ายดาย
“ลองรับคมมีดวายุของข้าบ้าง” เจียโหลวหลัวฟันแขนและปล่อยคมมีดวายุออกไป
ลู่เพียวพยายามใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์ต้านรับด้วยความลำบาก ดูเหมือนว่าคมมีดวายุของเจียโหลวหลัวจะเหนือกว่าลู่เพียวอยู่หนึ่งขั้น
เมื่อลู่เพียวเห็นว่าการต่อสู้ระยะไกล
เขานั้นเสียเปรียบยิ่งนัก ลู่เพียวจึงทะยานขึ้นไปบนฟ้าและใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์เข้าจู่โจมเจียโหลวหลัวอย่างต่อเนื่อง
แต่เจียโหลวหลัวที่มีปีกนั้น ก็สามารถบินหลบได้อย่างง่ายดาย
พร้อมกับใช้คมมีดวายุโจมตีสวนกลับมา
ลู่เพียวทำได้เพียงใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์ต้านรับเอาไว้
และถูกผลักให้ลงมาอยู่ในทะเลอีกครั้ง
“ข้าอาจแพ้เรื่องการใช้วายุ
ข้ายังมีอีกอย่างที่รับมือเจ้า ผสานดวงจิตเทพสมุทร”
ลู่เพียวตะโกนออกไปพร้อมผสานเข้ากับดวงจิตเทพสมุทรที่ได้รับมาจากเหล่าวิญญาณทันที
ดวงจิตเทพสมุทรนั้นเป็นผู้ควบคุมน้ำและมหาสมุทรทุกแห่งบนโลก
ดังนั้นการก่อนสู้ในทะเลเช่นนี้ย่อมทำให้ลู่เพียวแสดงพลังของเทพสมุทรได้มากยิ่งขึ้น
“ง้าวคลื่นสมุทร!” ลู่เพียวตวัดง้าวเทพนักรบสวรรค์อีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ใช้ปล่อยคลื่นพลังที่มีลักษณะเป็นน้ำออกไป
เจียโหลวหลัวใช้คมมีวายุต้านรับอีกครั้ง
แต่ทันทีที่สัมผัสกับคลื่นพลังของลู่เพียว คลื่นน้ำถูกฟันออกเป็นสองส่วน แต่ทั้งสองส่วนนั้นก็ยังคงพุ่งเข้าไป ทำให้เจียโหลวหลัวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
“เจ้ามนุษย์ผู้น่ารังเกียจ
บังอาจทำให้ข้าบาดเจ็บเช่นนั้นหรือ? เจียโหลวหลัวพูดด้วยความโกรธแค้น
พร้อมๆ
กับหมุนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างพายุหมุนขึ้นมา ขนาดของพายุหมุนค่อย ๆ
ขยายใหญ่โตขึ้นจนเข้าใกล้กับจุดที่ลู่เพียวยืนอยู่
“ของแค่นั้นข้าเองก็ทำได้เช่นกัน!” ลู่เพียวตะโกนออกไปพร้อม ๆ กับสร้างลมหมุนขึ้นมาเช่นเดียวกับเจียโหลวหลัว
แต่ลมหมุนของลู่เพียวนั้นใช้น้ำทะเลหมุนรวมขึ้นไปด้วยอีกชั้น
ลมหมุนของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
ทำให้ทั่วทั้งทะเลเกิดคลื่นขนาดใหญ่ขึ้น ความรุนแรงของลมหมุนที่ปะทะกันทำให้ลู่เพียวแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
แต่ด้านใน ตาพายุของเจียโหลวหลัวนั้น
เขาหาได้อยู่ในนั้นไม่ หลังจากที่สร้างลมหมุนขึ้นมาแล้ว เจียโหลวหลัวก็บินขึ้นไปด้านบนโดยที่ลู่เพียวไม่ทันสังเกตุเห็น
ลมหมุนของเจียโหลวหลัวและคลื่นทะเลหมุนของลู่เพียวนั้นมีความรุนแรงที่ใกล้เคียงกัน
เมื่อปะทะกันจึงค่อย ๆ สลายไปทั้งสองฝั่ง
ขณะที่ลมหมุนค่อย ๆ สลายไปนั้น เจียโหลวหลัวรีบพุ่งเข้ามาใช้กรงเล็บแทงไปที่ลู่เพียวทันที
แต่เป็นเพราะสวมใส่เกราะเทพนักรบวายุสวรรค์อยู่ กรงเล็บของเจียโหลวหลัวจึงทะลุเข้าไปได้ไม่ลึกนัก
แต่ก็ทำให้ลู่เพียวบาดเจ็บไม่น้อย เพราะกรงเล็บของเจียโหลวหลัวนั้นมีพิษอยู่ด้วย
“เจ้าอสูรลอบกัด ข้าจะไม่ยอมแพ้เจ้า”
ลู่เพียวใช้มือห้ามเลือดเอาไว้พร้อมกับสร้างลมหมุนที่หอบน้ำทะเลขึ้นไปอีกครั้ง
ในครั้งนี้คลื่นน้ำที่หมุนวนขึ้นไปสูงขึ้นและก่อรูปขึ้นมาคล้ายกับมังกรพุ่งเข้าโจมตีเจียโหลวหลัว
ทางด้านเจียโหลวหลัวรวบรวมพลังวายุไว้ที่แขนขวาและฟันมังกรวารีของลู่เพียวออกเป็นสองส่วน
ลู่เพียวคิดเอาไว้แล้วว่าเจียโหลวหลัวจะต้องต้านรับเช่นนี้ เขาจึงหมุนตัวขึ้นไปตามลำตัวของมังกรวารีและกับยื่นปลายง้าวเทพนักรบสวรรค์เอาไว้ด้านบนจนดูคล้ายกับหอกที่พุ่งขึ้นไป
เมื่อมังกรถูกผ่าออกเป็นซองซีก ร่างของลู่เพียวจึงโผล่ขึ้นมา และพุ่งทะลวงร่างของเจียโหลวหลัวไปทันที
ลู่เพียวที่ทุ่มพลังทั้งหมดออกไป
ในที่สุดก็สามารถล้มเจียโหลวหลัวได้ แต่พิษจากเล็บของเจียโหลวหลัวเริ่มออกฤทธิ์
ทำให้ดวงตาของลู่เพียวค่อย ๆ ปิดลง
“ข้ายังมิได้มาลูกกับเซี่ยวซุ่ย หากข้าต้องมาตายที่นี่
เซี่ยวซุ่ยและตาแก่ต้องไม่ยอมให้ข้าไปสู่สุขติเป็นแน่” ลู่เพียวถอดเกราะเทพนักรบวายุสวรรค์ออก
และใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์แทงไปที่บาดแผลเพื่อเอาพิษออก แม้จะต้องเสียเลือดไปมาก
แต่ก็ทำให้เขารอดตายได้
“ข้าคิดว่า บริวารแห่งเทพ
จะมีฝีมือมากกว่านี้เสียอีก” ลู่เพียวพูดพร้อมกับพยายามลุกขึ้นอย่างช้า ๆ
ลู่เพียวเก็บเกราะเทพนักรบวายุสวรรค์ไว้ในแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของ
และใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์ค้ำเดินไปที่ประตูทางออกด้วยความลำบาก.................จบตอน