test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

3 ก.พ. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.100 เส้นทางแห่งแสง




          หลี่ชิงอวิ๋นได้จัดเตรียมลานกว้างที่ใช้สำหรับฝึกซ้อมทหาร เป็นที่ชุมนุมของเหล่าชาวยุทธ โดยเนี่ยลี่ได้ขึ้นไปยืนประกาศให้ชาวยุทธทุกคนว่า

          “ข้ามีนามว่าเนี่ยลี่ ข้านั้นคือประมุขนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในอาณาจักรซากมังกร ทุกท่านที่มารวมตัวกันอาจจะได้ทราบเรื่องราวมาบ้างแล้ว และทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นคนที่ข้าและสหายเชื่อใจ ดังนั้นข้าจะบอกเพียงว่า ภายในยี่สิบวัน ข้าจะทำให้พวกท่านเพิ่มระดับพลังให้เหนือกว่าระดับเทพสงคราม ผู้ที่จะเข้าร่วมในศึกที่กำลังจะมาถึงได้ จะต้องเป็นยอดฝีมือระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขึ้นไปเท่านั้น เพราะข้าไม่ต้องการให้มีความสูญเสียเกิดขึ้น”

          “เด็กหนุ่มนี่หรือจะเป็นผู้นำชาวยุทธทำศึกกับจักรพรรดิปราชญ์?” เหล่าคนที่ถูกชักชวนมาและยังไม่รู้จักเนี่ยลี่มาก่อน เกิดความสงสัย

          “ขออภัย ข้านั้นมาจากอาณาจักรธาราสวรรค์จึงไม่รู้จักกับเจ้ามาก่อน หากเจ้าไม่แสดงฝีมือออกมาให้เห็น พวกข้าก็ไม่อาจที่จะยอมให้เจ้านำศึกครั้งนี้ได้” ชนเผ่าดั้งเดิมของอาณาจักรธาราสวรรค์พูดขึ้นมา พวกเขาคือกลุ่มคนที่ลอบสังเกตุในตอนที่กู้เบ่ยเดินทางไปยังอาณาจักรธาราสวรรค์นั่นเอง

          เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยลี่ก็ปลดปล่อยลมปราณของเขาออกมาทันที ลมปราณที่แผ่พุ่งออกมาจากร่างของเขานั้นรุนแรงดั่งพายุ จอมยุทธที่อยู่โดยรอบถึงกับต้องเกร็งลมปราณเพื่อต้านพลังของเนี่ยลี่ แต่ก็ต้องถูกลมปราณของเนี่ยลี่ผลักให้ถอยออกไป

          เมื่อเห็นเช่นนั้นเนี่ยลี่จึงหยุดปล่อยลมปราณออกมา และไม่มีผู้ใดที่สงสัยในความแข็งแกร่งของเขาอีก

          “นั่นหรือสหายของท่านอาจารย์ พลังของเขานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาจารย์เสียอีก” เสี่ยวฉีหลิงพูดขึ้นมาเบา ๆ

          “เจ้าพูดเช่นนั้นเป็นการเสียมารยาทต่อท่านอาจารย์นะ” เสี่ยวหนีเสิ่นพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าใดนัก ที่ได้ยินเสี่ยวฉีหลิงพูดเช่นนั้น

          “ข้าแค่พูดไปตามที่เห็น ถึงอย่างไรข้าก็นับถือท่านอาจารย์ของข้ายิ่งกว่าผู้ใด ท่านอาจารยืก็ทราบดีใช่ไหมขอรับ” เสี่ยวฉีหลิงหันไปพูดกับตู่ซื่อด้วยท่าทีซุกซน

          “สหายของข้าเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจกว่าผู้ใด ไม่แปลกที่เจ้าจะรู้สึกชื่นชมเขา เพราะข้าเองก็ชื่นชมสหายของข้าผู้นี้ยิ่งนัก” ตู่ซื่อตอบกลับไป

          “หากพวกเจ้าทั้งสองไม่อาจบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า พวกข้าก็จะไม่อนุญาตให้พวกเจ้าเข้าร่วมในศึกครึ่งนี้” ฮวาหั่วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พวกเขายังเด็กและพลังยังอยู่ในระดับเทพสงครามเท่านั้น

          “ท่านอาจารย์อย่าได้กังวล ตั้งแต่พวกท่านจากมา พวกข้าต่างก็ตั้งใจฝึกฝน และดื่มยาทิพย์ที่พวกท่านมอบให้ไว้ อีกไม่นานพวกข้าจะต้องบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้เป็นแน่” เสี่ยวหนีเสิ่นประสานมือพูดกับฮวาหั่วด้วยท่าทีที่จริงจัง

          “หากพวกเข้ามิได้ร่วมศึกในครั้งเสีย คงจะทำให้ท่านอาจารย์ทั้งสองผิดหวังเป็นแน่” เสี่ยวฉีหลิงพูดพร้อมกับหัวเราะ แม้ว่าจะไม่มีท่าทีที่จริงจัง แต่ตู่ซื่อก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นใจตัวของเสี่ยวฉีหลิง

          “พี่เซี่ยวซุ่ย เหตุใดข้าจึงไม่เห็นท่านพี่ลู่เพียว” ไหไห่มองไปโดยรอบ แต่ก็ไม่เห็นลู่เพียวแม้แต่เงาจึงรู้สึกสงสัย

          “ลู่เพียวควบคุมกองกำลังนักรบสวรรค์ของเขาอยู่ด้านหลัง ไม่ช้าเจ้าก็จะได้พบกับเขา” เซี่ยวซุ่ยตอบพร้อมกับลูบศีรษะของเขาด้วยความเอ็นดู

          “ไม่คิดเลยว่าจะมีเด็กหนุ่มมีแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ยุทธภพนี่กว้างใหญ่เสียจริง” เซียงตังพูดกับเอียจื่ออวิ๋นที่พาเขาและสหายเดินทางมา

          “ชายผู้นั้นคือคู่หมั้นของข้า” เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมาด้วยความภูมิใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางกล่าวถึงเนี่ยลี่เช่นนี้ เขากลายเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าท่านปู่ของนางแล้ว

          คำพูดของเอียจื่ออวิ๋นทำให้เซียงตังหน้าเสียเล็กน้อย เพราะเขาเองก็ต้องตาต้องใจนางอยู่ไม่น้อย หากคู่หมั้นของนางเป็นชายที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เขาคงต้องผิดหวังเป็นแน่

          “หนิงเอ๋อ ชายผู้นั้นหรือคนรักของเจ้า มิน่าเล่าเจ้าจึงไม่เคยชายตามองชายผู้ใด” เหล่าพี่น้องในกองกำลังของหนิงเอ๋อแกล้งพูดจาหยอกเย้าหนิงเอ๋อ ทำให้นางรู้สึกเขินอายยิ่งนัก

          เนี่ยลี่กวาดสายตามองไปโดยรอบ และพูดขึ้นมาอีกว่า

          “สำหรับสงครามใหญ่ในครั้งนี้ ฝ่ายศัตรูมีกองกำลังนับล้าน ข้าไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสีย ดังนั้นการรบในครั้งนี้ทุกคนจะต้องเพิ่มระดับพลังให้สูงขึ้น  ข้าได้ขอให้ปรมาจารย์เหล่านี้เป็นผู้ดูแลการเพิ่มระดับพลังของทุกคน” เนี่ยลี่เชิญปรมาจารย์ทั้งที่เป็นผู้นำนิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกนิกายขึ้นมาด้านบน

          “ทุกท่านสามารถฝึกฝนกับปรมาจารย์ท่านใดก็ได้ และทุกคนจะได้รับยาทิพย์จากปรมาจารย์ทั้งเจ็ด เพื่อเพิ่มระดับพลัง และจงจำไว้ว่า คำชี้แนะของปรมาจารย์ทุกท่านล้วนมีความสำคัญ หากไม่เชื่อฟังอาจจะถึงแก่ชีวิตได้” เนี่ยลี่อธิบายต่อ

          เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ เหล่ายอดฝีมือต่างก็เลือกที่จะเข้าฝึกฝนกับปรมาจารย์ที่มีชะตาต้องกัน เนี่ยลี่ไม่ต้องการที่จะบังคับพวกเขา เพราะจะเป็นการสร้างความกดดันและความไม่พอใจขึ้นมาได้

          “นายท่าน กองกำลังของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทุกคนล้วนต้องการออกรบเคียงข้างท่าน” เสวียนอวี่ เดินมาคุกเข่าพร้อมกับประสานมือต่อหน้าเนี่ยลี่ เพื่อเป็นตัวแทนของชนเผ่าเมฆาสวรรค์

          “เสวียนอวี่ ข้ารู้ว่าเจ้าและชนเผ่าเมฆาสวรรค์มีน้ำใจเพียงใด ศึกในครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้มีการสูญเสีย ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ข้าประกาศออกไป และเมื่อสงครามครั้งนี้จบลง ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ของเจ้าทุกคนก็จะเป็นอิสระ” เนี่ยลี่ส่ายศีรษะปฏิเสธและยืนยันคำเดิมทำให้เสวียนอวี่ไม่กล้าที่จะพูดสิ่งใดต่อ

          ในตอนนี้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่เป็นนักรบและมีความแข็งแกร่งระดับขอบเขตแห่งพระเจ้านั้นมีอยู่ราวหนึ่งพันคน และมีอยู่หลายร้อยคนที่สามารถบรรลุขั้นที่สองของระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้

          เดิมทีเนี่ยลี่คิดจะเพิ่มระดับพลังของตนเองด้วยค่ายกลสิบแปดมังกรสวรรค์ทองคำ แต่การเลื่อนระดับพลังด้วยการใช้ค่ายกลนี้เป็นการฝืนเพิ่มระดับพลัง ซึ่งเป็นวิธีที่อันตรายต่อห้วงขอบเขตวิญญาณยิ่งนัก เขาจึงต้องคิดหาหนทางอื่นแทน

          ผ่านไปสองสัปดาห์การบ่มเพาะพลังของเหล่าชาวยุทธที่มารวมตัวกัน ก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่เป็นเพราะ พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือระดับเทพสงคราม เมื่อดื่มยาทิพย์เข้าไปจึงทำให้บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าในเวลาไม่นานนัก

          เนี่ยลี่ได้เรียกทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้ง และเปิดเส้นทางสวรรค์เพื่อเดินทางไปยังอาณาจักรบรรพชนแห่งเทพ

          เมื่อได้เห็นกองกำลังนับหมื่นของเนี่ยลี่ ที่สมาชิกในกองกำลังล้วนมีความแข็งแกร่งระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ทำให้จอมมารตกตะลึงไม่น้อย ดังนั้นแผนของเขาที่จะใช้สาวกแห่งเต๋าฉางเปิดทางให้นั้น จึงล้มเลิกไป

          เนี่ยลี่ได้ให้ทุกคนไปพักผ่อนและเขาได้ไปพูดคุยกับจอมมารตามลำพัง

          “ข้าต้องการกระจกข้ามภพชิ้นสุดท้าย” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยื่นมือออกไป

          “ของชิ้นนี้ หาได้มีความสำคัญกับข้าแม้แต่น้อย รับไปสิหากเจ้าต้องการ” จอมมารโยนกระจกข้ามภพให้แก่เนี่ยลี่

          “เมื่อจบศึกนี้ พวกเราจะมาชำระความแค้นกัน” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหันหลังเดินจากไป

          “หากว่าในตอนนั้น เจ้านั้นยังมีชีวิตรอดอยู่นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” จอมมารพูดพร้อมกับหัวเราะหลังจากที่เนี่ยลี่เดินออกไป

          เนี่ยลี่และสหายได้ไปรวมตัวกันที่ห้องพัก เพื่อวางแผนเป็นครั้งสุดท้าย โดยเนี่ยลี่ได้เชิญเหล่าปรมาจารย์ทั้งสิบเอ็ดคน และเสวียนอวี่ให้มาพูดคุยกันอีกด้วย

          “ข้าต้องการให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์เป็นทัพหน้า เนื่องจากร่างกายของพวกเขามีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไป และระดับพลังของพวกเขาบางส่วนก็บรรลุถึงขั้นที่สามของระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว” เนี่ยลี่พูดออกไป

          “เรื่องนี้นายท่านเนี่ยลี่ไม่ต้องกังวล ด้วยค่ายกลเทพเมฆาสวรรค์ แม้ว่าจะเป็นทัพหน้าพวกเราก็สามารถปกป้องตนเองได้” เสวียนอวี่ตอบกลับไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

          “แต่การที่ต้องเผชิญกองกำลังนับล้าน การทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากการพุ่งเข้าหาความตาย ดังนั้นเมื่อเริ่มศึกให้เป็นหน้าที่ของข้าก่อน” ปรมาจารย์อินเยวี่ยแห่งนิกายเสียงศักดิ์สิทธิ์พูดแทรกขึ้นมา นางมีแผนบางอย่างเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าจะสำเร็จหรือไม่

          “ไม่ทราบว่าแผนของท่านเป็นเช่นใดกัน?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย

          ปรมาจารย์อินเยวี่ยจึงอธิบายให้เนี่ยลี่และทุกคนฟัง ซึ่งเมื่อฟังแล้วเนี่ยลี่จึงรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก หากแผนของปรมาจารย์อินเยวี่ยสำเร็จ การเอาชนะกองกำลังนับล้านก็จะง่ายขึ้น

          “สำหรับสงครามในครั้งนี้ ข้าและผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหกไม่อาจที่จะเป็นกำลังให้ทุกคนได้ ข้าคงต้องรบกวนทุกคนแล้ว” เนี่ยลี่ประสานมือพร้อมกับก้มศีรษะขอบคุณทุกคน

          “เจ้าพูดเกินไปแล้ว เจ้าต้องเก็บออมแรงเอาไว้เพื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิปราชญ์ ศึกในครั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว พวกเราจะเปิดเส้นทางให้เจ้าเอง” ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นเนี่ยลี่แสดงออกเช่นนี้

          วันต่อมาเนี่ยลี่ได้นำกระจกข้ามภพทั้งเก้ามารวมกัน  เมื่อปล่อยพลังสวรรค์เข้าไป ผลึกแก้วทั้งเก้าชิ้นรวมตัวกันเป็นชิ้นเดียว และทอดยาวขึ้นไปเบื้องบน เป็นเส้นทางแห่งแสงที่จะขึ้นไปสู่ดินแดนแห่งสวรรค์

          เนี่ยลี่ได้บอกแผนการต่อสู้ให้กับทุกคนอย่างเรียบง่าย คือให้เข้าจู่โจมหลังจากที่ได้รับคำสั่งเท่านั้น หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็บินนำขึ้นไปตามเส้นทางแห่งแสง 

          เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน ก็พบผืนเมฆกว้างใหญ่ เป็นดั่งสรวงสวรรค์ในภาพวาด เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นพื้นที่โล่งกว้างใหญ่ ไม่มีต้นไม้ ภูเขา มีเพียงพื้นเมฆที่กว้างใหญ่พอ ๆ กับอาณาจักรสักแห่งหนึ่ง

          เนี่ยลี่ลองเหยียบลงไปบนพื้นเมฆ ก็พบว่าสามารถยืนอยู่ได้ สัมผัสใต้เท้าราวกับกำลังเหยียบอยู่บนฟองอากาศนุ่ม ๆ

          เมื่อทุกคนขึ้นมาแล้ว ต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งทีได้พบเห็น พวกเขานั้นได้ขึ้นมาบนสรวงสวรรค์ แม้จะเป็นเพียงพื้นที่ที่ว่างเปล่า แต่ก็สว่างและงดงามยิ่งนัก

          “เจ้าพวกมนุษย์ กล้ารุกล้ำดินแดนแห่งสวรรค์ โทษของพวกเจ้าคือความตายเท่านั้น” เสียงของบริวารแห่งเทพดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มมืดมิด พื้นเมฆสีขาวที่เหยียบอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเมฆสีดำ เส้นทางแห่งแสงที่พวกเขาบินผ่านขึ้นมานั้นก็ถูกบดบังไปด้วยเมฆสีดำ ทำให้หนทางในการหลบหนีของพวกเขานั้นหายไป

          ในความมืดมิดนั้น ประกายแสงสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา ทุกคนรับรู้ได้ทันทีว่า นี่คือแสงจากดวงตาของอสูร แต่การต่อสู้ในความมืดนี้ทำให้ทุกคนเริ่มที่จะแตกตื่น

          “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น พวกเจ้าอย่าได้ตื่นตกใจ” ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นเดินไปด้านหน้าพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณของเขาออกมา เมฆสีดำค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวดังเดิม เขานั้นเป็นปรมาจารย์ที่มีความสามารถในการควบคุมเมฆา การเปลี่ยนสภาพก้อนเมฆจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่การที่ต้องใช้พลังของเขาในการต่อต้านพลังของบริวารแห่งเทพที่มีพลังเหนือกว่า ทำให้ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นต้องใช้พลังแทบทั้งหมดของเขา  ในตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่เขาก็ฝืนทนไว้ ไม่ให้ผู้ใดสังเกตุเห็น เพราะต้องการให้ทุกคนสงบลง

          เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์เทียนอวิ๋นสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทุกคนเริ่มใจเย็นลง แต่กองกำลังอสูรนับล้านที่อยู่เบื้องหน้า ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้..................จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว




เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง