ในห้องโถงใหญ่แห่งสวรรค์ เง๊กเซียนฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร ด้านล่างรายล้อมไปด้วยเซียน และเทพต่าง ๆ มากมาย กลางห้องโถงนั้นมีชายหนุ่มผมยาวหน้าตาคมคาย ที่หญิงใดได้เห็นก็ต้องหลงไหล สวมชุดเกราะสีเงินนั่งคุกเข่าอยู่ พร้อมกับถูกล่ามไปด้วยโซ่ทองคำ ดูเหมือนว่าเขากำลังถูกไต่สวนความผิดและตัดสินโทษอยู่
“เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพี เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?” เง๊กเซียนฮ่องเต้พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เขาคือผู้มีอำนาจสูงสุดบนสวรรค์นี้ ชุดเกราะทองคำที่สวมใส่อยู่ แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด
“ข้าน้อยยอมรับความผิดขอรับ แต่นางฟ้าเหล่านั้นล้วนเต็มใจที่จะตกเป็นของข้า ซึ่งข้านั้นมิได้ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญพวกนางเลยแม้แต่น้อย” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีตอบกลับไป
“นางฟ้าเหล่านั้นเป็นเหล่าหญิงสาวผู้บำเพ็ญตนและรักษาพรหมจรรย์เพื่อที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นเทพ แน่นอนเป็นเพราะใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้า พวกนางจึงเผลอใจพลีกายให้แก่เจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่ล่วงล้ำเข้าไปยังสวนท้อ ที่อยู่ในพื้นที่ของตำหนักส่วนใน ที่เป็นบำเพ็ญตนของพวกนาง เรื่องเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ถูกต้องหรือไม่?” เจ้าแม่ซีหวังหมู่ผู้เป็นเจ้าของสวนท้อได้กล่าวขึ้นมา
“ข้าก็แค่พลัดหลงเข้าไปเท่านั้น ส่วนการที่ข้าหล่อเหลานั้นเป็นความผิดด้วยหรือ?” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีกล่าวแย้ง
“พลัดหลงเช่นนั้นหรือ? เจ้าเองก็เป็นเทพมานับพันปี เหตุใดจึงจะไม่รู้ว่าตำหนักส่วนนอกและตำหนักส่วนในมีการแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจน เจ้ากล้าที่จะโป้ปดต่อหน้าเง๊กเซียนฮ่องเต้เช่นนั้นหรือ?” เจ้าแม่ซีหวังหมู่พูดด้วยความไม่พอใจ
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพียังคงตีหน้าซื่อปฏิเสธ ทำให้เซียนและเทพคนอื่น ๆ ถอนหายใจด้วยความท้อใจ
“เนื่องจากนางฟ้าทั้งเจ็ดนั้นเป็นศิษย์ของเจ้าแม่ซีหวังหมู่ ดังนั้นบทลงโทษในความผิดของเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพี ข้าจะให้เจ้าแม่ซีหวังหมู่เป็นผู้กำหนด” เง๊กเซียนฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกไป แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ แต่พระองค์ก็ไม่ชอบการตัดสินลงโทษผู้ใด
“ขอบพระทัยท่านเง๊กเซียนฮ่องเต้ เดิมทีข้านั้นมีหน้าที่ในการคัดเลือกเซียนและเทพให้ลงไปบนโลก เพื่อเพิ่มพูนกุศลบารมี และช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ นี่ก็ผ่านไปนับร้อยปีแล้วหลังจากที่ข้าได้ส่งเซียนและเทพลงไป ดังนั้นข้าจึงขอลงโทษเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพี โดยการให้ไปจุติลงไปที่โลกมนุษย์” เจ้าแม่ซีหวังหมู่หันไปพูดกับเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพี
“จุติลงไปเช่นนั้นหรือ
มนุษย์นั้นมีอายุขัยอย่างมากก็แค่ร้อยปี
พอสิ้นอายุขัยข้าก็จะได้กลับมาบนสวรรค์เช่นเดิม”
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพี ไม่ได้รู้สึกร้อนใจแต่อย่างใด
เพราะเขารู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่ต้องอยู่บนสวรรค์เช่นนี้ยิ่งนัก
เขาจึงจงใจที่จะกระทำผิดเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีนั้นมิได้มีท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย
ทำให้เจ้าแม่ซีหวังหมู่ไม่พอใจยิ่งนัก นางจึงพูดต่ออีกว่า
“ในครั้งนี้เจ้าจะมิได้จุติลงไปเกิดเป็นมนุษย์
แต่จะเป็นสิ่งใดนั้นเมื่อลงไปแล้วเจ้าก็จะทราบเอง และหากเจ้าไม่อาจสร้างกุศล
บารมีได้มากพอ เจ้าจะมิได้กลับขึ้นมาบนสวรรค์อีก”
“ช้าก่อน
หากไม่ได้จุติลงไปเกิดเป็นมนุษย์ ข้าจะบำเพ็ญกุศล หรือช่วยเหลือมนุษย์ได้เช่นใดกัน?” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีรีบโต้แย้งกลับไป
“นั่นเป็นเรื่องของเจ้า
ข้าหาต้องใส่ใจไม่” เจ้าแม่ซีหวังหมู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสแม้แต่น้อย
“ถ้าเช่นนั้น
ทหารสวรรค์ จงส่งเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีไปยังโลกมนุษย์ทันที” เง๊กเซียนฮ่องเต้สั่งการออกไปทันที
เมื่อเจ้าแม่ซีหวังหมู่ได้ตัดสินลงโทษแล้ว
ทหารสวรรค์ที่สวมชุดเกราะทองคำสองนาย
เดินมาจับแขนเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีและลากออกไปยังประตูสวรรค์และจับโยนเขาลงไป
ร่างกายของเขาถูกจับแยกเอาไว้
มีเพียงวิญญาณที่ถูกดูดลงไป และค่อย ๆ แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นอะไรบางอย่าง
และหล่นลงไปบนโลกมนุษย์
ตุบ!
“นี่ข้าลงมาที่โลกมนุษย์แล้ว
ตกลงว่าข้ากลายเป็นตัวอะไรกันแน่ เหตุใดข้าจึงขยับตัวไม่ได้เช่นนี้” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีพยายามมองดูภาพโดยรอบ
เขาร่วงหล่นลงมากลางป่าในภูเขาแห่งหนึ่ง
และดูเหมือนว่าเขาจะขยับร่างกายไม่ได้ไม่ได้แม้แต่น้อย
“นี่เจ้าแม่ซีหวังหมู่กลั่นแกล้งข้าหรืออย่างไร
อย่างน้อยก็ควรที่จะให้ข้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขยับตัวได้มิใช่หรือ?” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีตะโกนต่อว่าเจ้าแม่ซีหวังหมู่
“เหตุใดท่านจึงส่งเขาไปจุติลงไปเกิดในร่างเช่นนั้น?” เง๊กเซียนฮ่องเต้ที่มองลงมายังโลกมนุษย์อดที่จะสงสัยไม่ได้
“ท่านคงคิดว่าข้านั้นกลั่นแกล้งเขา
ซึ่งข้าเองก็ยอมรับ แต่เชื่อข้าเถิดว่า
โชคชะตาของเขาย่อมนำพาหนทางให้เขากลับขึ้นมาบนสวรรค์ได้” เจ้าแม่ซีหวังหมู่ตอบกลับไป
ชะตาของเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีนั้น ยังจะต้องเป็นเทพต่อไปอีกนับพันปี แต่จะกลับขึ้นมาบนสวรรค์ด้วยวิธีใดนั้นนางเองก็ไม่ทราบเช่นกัน
“แต่ข้าไม่คิดว่าว่าท่อนไม้ธรรมดาจะสามารถทำอันใดได้”
เง๊กเซียนฮ่องเต้พูดพร้อมกับถอนหายใจ
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีที่กลายเป็นเพียงท่อนไม้ที่มีขนาดพอ
ๆ กับท่อนแขน กลิ้งไปมาตามแรงลมอยู่ในป่าเป็นเวลาหลายวัน
แม้ว่าเขาจะรู้สึกเบื่อยิ่งนักแต่เขาก็ไม่อาจที่จะไปที่ใดได้ เขาจึงนอนหลับไป
“โอ้ไม้ท่อนนี้ขนาดพอเหมาะ
อาจจะได้ราคาดีไม่น้อย” เสียงชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง แต่งกายด้วยชุดเก่า ๆ
แบกตระกร้าไว้ที่หลังเขาเป็นเพียง คนเก็บฟืนเท่านั้น เขาเอื้อมมือไปหยิบท่อนไม้ที่เคยเป็นเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีขึ้นมาพร้อมกับโยนเข้าไปในตระกร้า
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีตื่นขึ้นมาในทันที
เขาได้ยินชัดเจนว่า ท่อนไม้ ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาได้จุติลงมาเกิดเป็นท่อนไม้
และเขากำลังถูกคนเก็บฟืนเก็บไป หมายความว่าอีกไม่นานเขาจะถูกเผาจนไม่เหลือซาก
“เจ้ามนุษย์
ปล่อยข้าไป ข้าคือเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพี” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีพยายามดิ้นรน
แต่ท่อนไม้ย่อมไม่อาจส่งเสียงอะไรได้ ชายเก็บฟืนยังคงหาท่อนไม้ต่อไป
จนได้กิ่งไม้เต็มตระกร้าของเขา
“หากนำไปขายคงได้เงินมากพอที่จะซื้ออาหารดี
ๆ ให้เมียของข้าที่ท้องแก่ได้” ชายเก็บฟืนพูดขึ้นมาด้วยความยินดี
อีกไม่นานเขาก็จะมีลูกแล้ว
แต่ด้วยอาชีพของเขาที่มิได้ร่ำรวยทำให้เมียของเขาต้องลำบากนั้น
เป็นเรื่องที่เขาเศร้าใจยิ่งนัก
“ต้าเยว่
เมียเจ้าคลอดลูกแล้ว เจ้าได้ลูกชาย” เสียงชายผู้หนึ่งวิ่งตามมาแจ้งข่าว
หลังจากที่แจ้งขาวแล้วเขาก็ยืนเหนื่อยหอบ แต่ต้าเยว่นั้นรีบวิ่งกลับไปที่บ้านทันที
บ้านไม้เล็ก
ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะพังได้ทุกเมื่อ แต่มันก็เต็มไปด้วยความสุข
หมอตำแยอุ้มลูกชายของเขาออกมา ต้าเยว่น้ำตานองด้วยความยินดี เขาวางตระกร้าไม้ลงพร้อมกับรับลูกชายของเขาจากหมอตำแยมาอุ้มไว้
“นี่ข้าต้องซาบซึ้งด้วยหรือไม่? มีเด็กที่กำลังจะเริ่มชีวิตใหม่
แต่ข้ากำลังจะกลายเป็นเชื้อเพลิงในกองไฟและจบชีวิตลง” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีพูดพร้อมกับถอนหายใจ
แต่ก็คงไม่มีผู้ใดที่ได้ยินเสียงของเขา
“ต้า
ต้า ต้า” ลูกชายที่ต้าเยว่อุ้มอยู่จู่ ๆ
ก็ร้องออกมาและชี้ไปยังตระกร้าใส่กิ่งไม้ของเขา
“เขาเรียกชื่อข้าด้วย
สมแล้วที่เป็นลูกชายข้า เจ้าจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ดั่งชื่อของข้า
แต่ในตอนนี้เจ้ายังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ดังนั้นข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่า เสี่ยวเยว่”
ต้าเยว่พูดด้วยความดีใจ [หมายเหตู 大 อ่านว่าต้า
แปลว่าใหญ่ และ 小 อ่านว่าเสี่ยว แปลว่าเล็ก]
“ต้า ต้า
ต้า” เสี่ยวเยว่ยังคงร้องเช่นเดิม และพยายามชี้ไปยังตระกร้าใส่กิ่งไม้เช่นเดิม
“เจ้าชี้สิ่งใดกัน
นั่นมันตระกร้าใส่กิ่งไม้ของข้า
หรือว่าเจ้าเองก็คิดที่จะเป็นคนเก็บฟืนที่ยิ่งใหญ่เหมือนข้า”
ต้าเยว่อุ้มลูกชายไปยังตระกร้าใส่กิ่งไม้พร้อมกับหยิบกิ่งไม้ท่อนหนึ่งส่งให้แก่เขา
“ต้า
ต้า ต้า” เสี่ยวเยว่ปัดกิ่งไม้นั้นทิ้งทันที ราวกับต้องการบอกว่าไม่ใช่ท่อนนั้น
ต้าเยว่หยิบท่อนไม้ออกมาทีละชิ้นและส่งให้กับเสี่ยวเยว่
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ท่อนไม้ที่เขาต้องการเลย
“เจ้าพวกมนุษย์เริ่มหยิบกิ่งไม้ออกไปแล้ว
อีกไม่นานคงถึงคราวของข้า หากข้าถูกเผาตายไป ข้าจะสาบแช่งท่านเจ้าแม่ซีหวังหมู่” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีพูดออกมาด้วยความเจ็บแค้น
หลังจากที่ต้าเยว่หยิบไม้ที่เป็นเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีกลับมาเกิดให้แก่ลูกชายของเขา
เสี่ยวเยว่กลับหัวเราะด้วยความยินดี ทำให้ต้าเยว่แปลกใจไม่น้อย
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะถูกใจท่อนไม้นี้ยิ่งนัก
ถ้าเช่นนั้นข้าจะใช้มันทำของเล่นให้แก่เจ้าเป็นของขวัญ” ต้าเยว่พูดพร้อมกับนำท่อนไม้ไปผ่าออกทำเป็นของสิ่งหนึ่ง
“อย่าทำข้า”
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีตะโกนห้ามแต่ก็ไม่มีผู้ใดที่ได้ยิน
ในขณะที่ร่างกายของเขาที่เป็นไม้ถูกตัดออกทีละนิด
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เขาคิดว่าคงจะจบชีวิตลงในวันนี้เป็นแน่ จากนั้นเขาก็หมดสติไปด้วยความเจ็บปวด
“เสี่ยวเยว่เจ้าชอบหรือไม่
นี่คือกระบี่ที่พ่อทำให้เจ้าเองกับมือ”
ต้าเยว่ตัดท่อนไม้กลายเป็นกระบี่เล่มยาวที่ดูสวยงามยิ่งนัก
“ลูกเรายังเล็ก
เหตุใดจึงทำของเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้ให้แก่เขาเล่าท่านพี่” เมียของเขาพูดขึ้นมาเมื่อได้เห็นกระบี่ไม้
“อีกไม่นานลูกเราก็จะเติบโต
ข้าคงไม่มีทำของเล่นให้เขาได้มากนัก ดังนั้นทำขนาดเท่านี้ไว้ก่อน
แม้ว่าโตแล้วเขาก็ยังคงเล่นมันได้” ต้าเยว่ตอบกลับไป
“กระบี่
นี่ข้ากลายเป็นกระบี่ไม้เช่นนั้นหรือ อย่างน้อยก็คงดีกว่าเป็นท่อนไม้” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีพูดกับตัวเอง
เมื่อได้สติขึ้นมา
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ดูเหมือนว่าเด็กผู้นี้จะสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้ หากเป็นผู้มีชะตาต้องกัน
เขาอาจจะร่วมมือกับเด็กผู้นี้ช่วยเหลือพวกมนุษย์ เพื่อบำเพ็ญกุศล และกลับไปยังสวรรค์ได้
ห้าปีผ่านไป
เสิ่นเยว่เริ่มที่จะรู้ความ เขามักจะพกกระบี่ไม้ติดตัวไปเสมอ เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีคิดว่า
เสี่ยวเยว่ก็สามารถรับรู้เรื่องราวได้มากมายแล้ว
คงถึงเวลาที่เขาจะเปิดเผยตัวตนให้เสี่ยวเยว่ได้รู้ ก่อนที่จะสายเกินไป แต่เขาจะบอกด้วยวิธีใดกัน
เขาครุ่นคิด
ในคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง
ทำให้เทพที่ได้จุติลงมาบนโลกสามารถใช้พลังเพื่อทำสิ่งใดบางอย่างได้ เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีจึงพยายามเข้าไปในฝันของเสี่ยวเยว่
ในความฝันของเสี่ยวเยว่นั้น
เขาวิ่งเล่นอยู่ในป่าอย่างสนุกสนาน เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีปรากฏตัวในร่างเดิมของเขา
“เสี่ยวเยว่”
เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีเดินเข้าไปหาเสี่ยวเยว่ในความฝัน
“ท่านเป็นใครกัน?” เสี่ยวเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าคือเทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพี
ข้านั้นสถิตอยู่ในกระบี่ไม้ของเจ้า ข้าต้องการถ่ายทอดเพลงกระบี่ของข้าให้แก่เจ้า
และร่วมมือกันช่วยเหลือพวกมนุษย์ และโลดแล่นในยุทธภพด้วยกัน” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีพยายามพูดจาโน้มน้าว
การหลอกเด็กน้อยด้วยคำว่าโลดแล่นในยุทธภพ เขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก
“ข้ามิได้ต้องการโลดแล่นในยุทธภพ
ข้าต้องการเป็นคนเก็บฟืนที่ยิ่งใหญ่ดั่งพ่อของข้า”
เสี่ยวเยว่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
และสายตาที่มุ่งมั่น
“เจ้าพูดบ้าอันใดกัน
หากได้รับการถ่ายทอดเพลงกระบี่จากข้า เจ้าจะกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง และจะมีชื่อเสียงเงินทองมากมาย
มีสตรีมากหน้าหลายตาให้เจ้าได้เชยชม เหตุใดจึงใฝ่ต่ำเช่นนี้” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีแทบเป็นบ้าเมื่อได้คำตอบจากเสี่ยวเยว่
“พ่อข้าเก็บฟืนไปขาย
ได้เงินมาซื้ออาหาร ให้พวกเราสามคนได้อิ่มท้อง เพียงเท่านี้พวกเราก็อยู่กันได้อย่างมีความสุขแล้ว
ข้าจะต้องการสิ่งอื่นไปด้วยเหตุใดกัน ไสหัวออกไปจากความฝันข้าซะ”
เสี่ยวเยว่ตะโกนไล่
“แล้วข้าจะกลับขึ้นไปบนสวรรค์ได้อย่างไรกันเจ้าเด็กบ้า” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีตะโกนออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาทั้งสองข้าง.........................จบเหอะ
“แล้วข้าจะกลับขึ้นไปบนสวรรค์ได้อย่างไรกันเจ้าเด็กบ้า” เทพกระบี่สวรรค์ทะลายพิภพสยบปฐพีตะโกนออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาทั้งสองข้าง.........................จบเหอะ