แม้ว่าเนี่ยลี่จะสามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้แล้ว
แต่ด้วยความโกรธเกรี้ยว ทำให้เนี่ยลี่นั้นขาดสติ
พุ่งเข้าจู่โจมจักรพรรดิปราชญ์ในทันที โดยการฟันกระบี่เทพอัสนีดาวตกออกไป
“เจ้าต้องขอบใจข้า
ที่ทำให้เจ้าบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ แต่กระบี่ของเจ้านั้น
มันน่ารำคาญยิ่งนัก” จักรพรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับใช้มือฟันไปทางด้านหน้า
คลื่นลมปราณจากมือของเขา พุ่งออกไปตัดแขนของเนี่ยลี่ขาดในทันที
กระบี่เทพอัสนีดาวตกก็ร่วงหล่นไปพร้อมกับแขนที่ถูกตัดขาด เนี่ยลี่ร้องด้วยความเจ็บปวด
“เนี่ยลี่ข้าจะรักษาให้เจ้าเอง”
กู้หลานรีบพุ่งเข้าไปเพื่อใช้ลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บของเนี่ยลี่
แต่จักรพรรดิปราชญ์ก็เคลื่อนที่มาทางด้านหลังของกู้หลานอย่างรวดเร็ว
“เทพโอสภ
ผู้มีพลังในรักษา ความสามารถของเจ้าเองก็น่ารำคาญไม่ต่างกัน” จักรพรรดิปราชญ์ใช้มือแทงทะลุหน้าอกของกู้หลาน
เลือดสีแดงฉานกระจายไปทั่ว
“ท่านพี่!” กู้เบ่ยตะโกนออกไปด้วยความโกรธ
พร้อมกับผสานเจตจำนงกระบี่แห่งบรรพชนเข้ากับกระบี่ธาราสวรรค์
เข้าโจมตีจักรพรรดิปราชญ์ทันที
“บรรลุเจตจำนงกระบี่แห่งบรรพชน
ด้วยอายุเพียงเท่านี้ นับว่ามีพรสวรรค์ยิ่งนัก แต่ด้วยระดับพลังเพียงเท่านี้
ก็ยังนับว่าอ่อนหัด” จักรพรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับปล่อยพลังจากฝ่ามือกระแทกเข้าร่างกู้เบ่ยที่กำลังโจมตีเข้ามา
ทำให้กู้เบ่ยถูกกระแทกกลับไปพร้อมกับบาดเจ็บอย่างหนัก
เนี่ยลี่ที่บาดเจ็บอยู่นั้นจ้องมองเหล่าสหายที่กำลังถูกเล่นงานทีละคน
เขารู้สึกเจ็บแค้นยิ่งนัก
แม้ว่าจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแต่เขาก็ไม่อาจปกป้องใครได้
หลี่ชิงอวิ๋นและหลงยู่อิน
ที่ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่แรกนั้น ก็เริ่มที่จะเพลี่ยงพล้ำให้แก่บริวารแห่งเทพ
แค่เพียงไม่กี่กระบวนท่า ทั้งสองคนก็ลงไปนอนกับพื้น
เทพธิดายู่หยาน
ที่สามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้แล้ว แต่เมื่อเทียบกับบริวารแห่งเทพแล้ว
ระดับพลังของเทพธิดายู่หยานนั้นก็ไม่ต่างไปจากทารกที่หัดเดินเท่านั้น
“ต้วนเจี้ยน
ปกป้องทุกคนด้วย” เนี่ยลี่ตะโกนออกไป ระหว่างที่กำลังฟื้นฟูแขนที่ถูกตัดขาดไป
“เทพแห่งนักรบ
ผู้สืบสายเลือดแห่งมังกรทมิฬ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม
แต่เจ้าเพียงผู้เดียวจะสามารถทำสิ่งใดได้” จักรพรรดิปราชญ์สั่งหารให้บริวารแห่งเทพ
เข้ามาโจมตีต้วนเจี้ยน พร้อมกันหลายทิศทาง ความแข็งแกร่งของบริวารแห่งเทพนั้น
ทุกตนล้วนมีระดับพลังเหนือกว่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่ห้า
หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว ต้วนเจี้ยนก็อาจจะพอรับมือได้
เมื่อมีศัตรูมากกว่าหนึ่งต้วนเจี้ยนก็ไม่อาจที่จะต้านเอาไว้ได้
บริวารแห่งเทพคนแรกโจมตีเข้าที่ด้านหลังที่เป็นจุดบอดของต้วนเจี้ยน
คนต่อมาก็ซัดฝ่ามือกระแทกที่หน้าอกของเขา ทำให้ต้วนเจี้ยนได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง
และลงไปนอนอยู่กับพื้น
ทางด้าน
เว่ยหนาน จางหมิง ซูเซียงจิ้ง ที่ร่วมมือกันต่อสู้กับบริวารแห่งเทพตนหนึ่ง
แต่ก็ทำได้เพียงแค่ต้านรับเอาไว้เท่านั้น เมื่อบริวารแห่งเทพคนอื่น ๆ จัดการคนอื่น
ๆ ได้สำเร็จก็เริ่มเข้ามาร่วมต่อสู้ เมื่อทั้งสามคนถูกแยกออกจากกัน
ความห่างชั้นของพวกเขาแต่ละคนกับบริวารแห่งเทพก็ปรากฏอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ต่อสู้ตัวต่อสู้เพียงไม่กี่กระบวนท่า ทั้งสามคนก็ต้องพบกับจุดจบ
“นี่มันบ้าอะไรกัน?” เนี่ยลี่ตะโกนด้วยความเจ็บแค้น เขาหันไปมองเหล่าสหายที่ถูกโจมตีลงไปนอนกับพื้นที่ไม่รู้เลยว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
และสหายอีกหลายคนที่ถูกสังหารต่อหน้าของเขา
ในตอนนี้ที่ยังคงต่อสู้อยู่มีเพียง
ตู่ซื่อ ฮวาหั่ว ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย เอียจื่ออวิ๋น เหยียนหยาง และหมิงเยี่ยวู่ซวง
เท่านั้น ส่วนเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงนั้นเพียงแค่ยืนมองการต่อสู้เฉย
ๆ เท่านั้น
ด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าทำให้การต่อสู้ของแต่ละคนจบลงอย่างรวดเร็ว
ฮวาหั่ว เซี่ยวซุ่ย หมิงเยี่ยวู่ซวง และเหยียนหยาง
ทั้งสี่คนถูกสังหารต่อหน้าคนที่เหลือ
ตู่ซื่อและลู่เพียวนั้นร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด ที่คนรักของพวกเขาถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด
เนี่ยลี่
ตู่ซื่อ ลู่เพียว เอียจื่ออวิ๋น ถอยมารวมตัวกันเพื่อตั้งหลักอีกครั้ง
เอียจื่ออวิ๋นนั้นยืนอยู่ด้านหลังเนี่ยลี่ที่ยังฟื้นฟูแขนที่ถูกตัดขาดไปไม่สำเร็จ
“ข้าขอโทษ
ข้าไม่ควรพาพวกเจ้ามาพบกับจุดจบเช่นนี้” เนี่ยลี่พูดออกมาด้วยความเจ็บแค้นที่ตนเองนั้นคิดว่า
เรื่องทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้
“ข้าไม่เคยเสียใจที่ได้เป็นพี่น้องกับเจ้า
จื่ออวิ๋นพาเนี่ยลี่หนีไปซะ พวกข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้เอง”
ตู่ซื่อและลู่เพียวพูดพร้อมกับทะยานออกไปต่อสู้
“พวกเจ้าอย่าทำเช่นนั้น”
เนี่ยลี่ตะโกนห้าม แต่ช้าเกินไป เอียจื่ออวิ๋นตัดสินใจที่จะสกัดจุดเนี่ยลี่เอาไว้
ทำให้เนี่ยลี่ไม่อาจขัดขืนได้และพาเขาบินหนีไป
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนีไปหนึ่งก้านธูป
โดยข้าจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าทั้งสองไปก่อน”
บริวารแห่งเทพพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พวกข้าไม่ใช่ของเล่นของเจ้า”
ตู่ซื่อพยายามผสานเข้ากับกิเลนฟ้าตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ
ราวกับว่ากิเลนฟ้าในตอนนี้กำลังจำศีลอยู่
ทำให้ตู่ซื่อต้องต่อสู้ด้วยกำลังกายของตนเองเท่านั้น
ทางด้านเอียจื่ออวิ๋นที่พาเนี่ยลี่บินหลบหนีไป
ด้วยความเร็วสูงสุด แต่เป็นเพราะสภาพโดยรอบมีเพียงทะเลทราย
นางจึงทำได้เพียงบินไปโดยไร้ทิศทางเท่านั้น
ตู่ซื่อและลู่เพียวช่วยกันต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์
แต่เขาก็ปัดป้องการโจมตี้ได้ราวกับว่ากำลังปัดแมลงอยู่เท่านั้น
ดูเหมือนว่าจักรพรรดิปราชญ์จะต้องการฆ่าเวลาระหว่างที่รอให้เอียจื่ออวิ๋นพาเนี่ยลี่หลบหนีไปเท่านั้น
“เจ้าเลิกเล่นสนุกได้แล้ว”
เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงที่ยืนดูการต่อสู้พูดขึ้นมา
“เจ้าดูออกด้วยเช่นนั้นหรือสหายข้า”
จักรพรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“นี่เจ้าเป็นใครกันแน่?” ลู่เพียวถามด้วยความสงสัย
“หุบปากไปซะ!” จักรพรรดิปราชญ์ซัดฝ่ามือไปที่ลู่เพียว
เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็ทำให้เขาหมดสติไปทันที
“ลู่เพียว!” ตู่ซื่อมองดูสหายที่ถูกจัดการไปได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะเจ็บแค้น
แต่เขาก็ไม่อาจสัมผัสร่างกายของจักรพรรดิปราชญ์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เจ้าก็จงหลับไปซะ!” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงใช้ฝ่ามือฟันตรงส่วนคอด้านหลังของตู่ซื่อ
ทำให้เขาหมดสติไปในทันที
“ทางด้านนี้ข้าจะให้เจ้าจัดการ
ข้าจะไปสั่งสอนเจ้าแมลงสองตัวที่หนีไปก่อน”
จักรพรรดิปราชญ์พุ่งทะยานตามเอียจื่ออวิ๋นและเนี่ยลี่ไปในทันที
ทางด้านเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงก็นำร่างของทุกคนมารวมกันไว้
จากนั้นก็เริ่มทำอะไรบางอย่างอย่าง
และในขณะเดียวกันร่างของบริวารแห่งเทพทั้งสิบก็ค่อย ๆ จางหายไป
เอียจื่ออวิ๋นพยายามมองหาที่ซ่อนตัว
แต่ไม่ว่ามองไปทางใดก็มีเพียงแต่ผืนทรายที่กว้างสุดลูกหูลูกตาเท่านั้น
แค่เพียงไม่นาน
จักรพรรดิปราชญ์ก็ตามมาถึง การที่ได้เห็นทั้งสองคนพยายามหลบหนี
ทำให้จักรพรรดิปราชญ์รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
“มาได้เพียงเท่านี้เองหรือ?” จักรพรรดิปราชญ์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ทำให้เอียจื่อวิ๋นรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งใจ
“กำแพงน้ำแข็ง!” เอียจื่ออวิ๋นสร้างกำแพงน้ำแข็งกั้นขวางเอาไว้
จักรพรรดิปราชญ์บินมาอยู่เบื้องหน้ากำแพงน้ำแข็ง และดีดนิ้วลงไปบนกำแพงเบา ๆ
กำแงพน้ำแข็งของเอียจื่ออวิ๋นก็แตกกระจายออกเป็นเศษน้ำแข็งเท่านั้น
“จื่ออวิ๋น
คลายจุดให้ข้า” เนี่ยลี่รวบรวมพลังเพื่อพูดออกไป
เขานั้นถูกสกัดจุดทำให้เคลื่อนไหวและส่งเสียงไม่ได้
การพยายามฝืนคลายจุดเพื่อให้ส่งเสียงได้ เนี่ยลี่ก็ต้องใช้พลังไปไม่น้อย
“ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง
กำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์”
เอียจื่ออวิ๋นโอบกอดเนี่ยลี่เอาไว้และใช้พลังทั้งหมดสร้างก้อนน้ำแข็งขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของเนี่ยลี่
น้ำแข็งนี้มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องร่างกายของเนี่ยลี่เอาไว้นับปี
นางเชื่อว่าจักรพรรดิปราชญ์เองก็ไม่สามารถทำลายน้ำแข็งนิรันดิ์ได้
เอียจื่ออวิ๋นใช้พลังชีวิตทั้งหมดสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องเนี่ยลี่เอาไว้
เพราะนางเชื่อว่าในภายภาคหน้าเนี่ยลี่จะต้องสามารถหาหนทางเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ได้
จักรพรรดิปราชญ์มองดู
เอียจื่ออวิ๋นที่กำลังสละชีวิต ทำให้เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมา
เขาเข้าไปกระชากคอเสื้อของเอียจื่ออวิ๋นที่กำลังจะหมดสติไปขึ้นมา
“จักรพรรดิปราชญ์
จงปล่อยนางซะ!” เนี่ยลี่ส่งเสียงผ่านลมปราณออกไป
ในตอนนี้เขาไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย
“เหตุใดข้าจึงต้องฟังคำสั่งของเจ้าเต่า
ที่มุดหัวอยู่ในก้อนน้ำแข็งเช่นเจ้าด้วย” จักรพรรดิปราชญ์ตอบกลับไป
เขาโยนเอียจื่ออวิ๋นขึ้นไปบนฟ้า
และปล่อยให้นางร่วงลงไปมา ที่มือที่เขาชูขึ้นไปด้านบน
ร่างของนางหล่นลงมาและถูกแขนของจักรพรรดิปราชญ์แทงทะลุร่างของนางในทันที ตอนนี้ร่างของจักรพรรดิปราชญ์นั้นเต็มไปด้วยเลือดของเอียจื่ออวิ๋น
“จื่ออวิ๋น!” เนี่ยลี่ตะโกนออกมา พลังของเขาปะทุขึ้นมาอีกรอบ
ก้อนน้ำแข็งของเอียจื่ออวิ๋นที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาอยู่นั้นค่อย ๆ แตกออก
แม้จะเป็นน้ำแข็งที่เย็นเฉียบ
แต่เนี่ยลี่ก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของเอียจื่ออวิ๋นเป็นอย่างดี
เขาจะไม่ยอมอยู่ในก้อนน้ำแข็งในขณะที่ทุกคนต้องสละชีวิตเช่นนี้
“สามารถเลื่อนระดับพลังได้แม้อยู่ในสภาพเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าเจ้าจะทำให้ข้าไม่ผิดหวังนะ”
จักรพรรดิปราชญ์พูดพร้อมกับโยนร่างของเอียจื่ออวิ๋นไปให้เนี่ยลี่
“ในชีวิตที่แล้วข้าไม่อาจปกป้องเจ้าได้
ข้าไม่คิดเลยว่าแม้แต่ในชีวิตนี้ข้าก็ต้องสูญเสียเจ้าไปเช่นนี้”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับร้องไห้ออกมา เป็นเพราะนางใช้พลังวิญญาณไปจนหมด
ทำให้นางไม่อาจฟื้นคืนชีพได้ แม้ว่าจะฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่เขาได้ถ่ายทอดไว้ให้
“จงสำนึกในความอ่อนหัดของเจ้า
ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ไม่อาจปกป้องผู้ใดได้ หากเจ้าจะโกรธแค้น ก็จงโกรธตนเองมิใช่โกรธแค้นข้า”
จักรพรรดิปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เนี่ยลี่อุ้มจื่ออวิ๋นไปวางไว้บนพื้นอย่างอ่อนโยน
ที่จักรพรรดิปราชญ์นั้นพูดก็ไม่ผิดนัก
การที่นางต้องสละชีวิตก็เป็นเพราะคววมอ่อนแอของเขาเอง
แต่คนที่สังหารนางก็ยังคงเป็นจักรพรรดิปราชญ์
“ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ทุกคน”
เนี่ยลี่จ้องมองไปที่จักรพรรดิปราชญ์ด้วยสายตาที่เย็นชา
ก่อนหน้านี้เขาโกรธจนขาดสติ ในตอนนี้เขาแปรเปลี่ยนความเจ็บแค้นไว้เป็นพลัง
เขารวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่มือทั้งสองข้าง
เนี่ยลี่พุ่งเข้าไปต่อยจักรพรรดิปราชญ์อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าจักรพรรดิปราชญ์จะหลบได้อย่างง่ายดาย
แต่ดูเหมือนว่าการโจมตีของเขาเริ่มที่จะได้ผล
จักรพรรดิปราชญ์ที่ในตอนแรกนั้นสู้กับเขาโดยใช้มือไขว้หลังอยู่
ต้องเริ่มใช้มือทั้งสองข้างในการปัดป้องการโจมตีของเนี่ยลี่
“ไม่เลว
แต่ก็ยังไม่พอ เจ้าจะต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้นกว่านี้อีก”
จักรพรรดิปราชญ์ใช้เท้าเตะไปที่กลางลำตัวของเนี่ยลี่
เนี่ยลี่นั้นถูกเตะกระเด็นออกไปทำให้เสียหลัก
จากนั้นจักรพรรดิปราชญ์ก็กระโดดขึ้นไปด้านบน
และใช้ส้นเท้ากระแทกไปที่หน้าอกของเนี่ยลี่อีกครั้งทำให้ร่างของเนี่ยลี่
ถูกฟาดลงไปกับพื้น ผืนทะเลทรายเบื้องหลางกระจายออกเป็นหลุมขนาดใหญ่ในทันที
จักรพรรดิปราชญ์พุ่งมาเยียบหน้าอกของเนี่ยลี่เอาไว้
ทำให้เขาไม่อาจลุกยืนขึ้นได้
“หากเจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้
การเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น”
ร่างของจักรพรรดิปราชญ์ค่อย ๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นร่างของจอมมารที่กำลังยืนเหยียบที่หน้าอกของเขาอยู่
“นี่เจ้า
จอมมาร!” เนี่ยลี่ที่ถูกเหยียบอยู่ พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้อง
ทุกอย่างที่เจ้าเห็นคือภาพมายาที่ข้าสร้างขึ้นมา
ลืมไปแล้วหรือว่าอาจารย์ของข้าคือผู้ที่ครอบครองตำหนักซีอิงเสิ่นมานับร้อยปี
การสร้างภาพมายาเพียงเท่านี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับข้าเท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้น
ทุกคน” เนี่ยลี่พยายามหันไปมองร่างของเอียจื่ออวิ๋นที่เขาวางเอาไว้
แต่เป็นเพราะเขาจมอยู่ในผืนทรายทำให้มองได้ลำบากยิ่งนัก
“สหายทุกคนของเจ้าแค่หมดสติไปเท่านั้น
ด้วยภาพมายาของข้า ทำให้เจ้ามองเห็นว่าทุกคนนั้นถูกสังหารไป
แต่ด้วยความสามารถของพวกเจ้าในตอนนี้ หากต้องไปเผชิญหน้ากับจักรรดิ์ปราชญ์
มันก็คงจะจบลงดั่งภาพที่เจ้าได้เห็น” จอมมารพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา
ในตอนนี้เขานั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่หกแล้ว แต่การที่จะเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ได้นั้นต้องพึ่งพาความสามารถของเนี่ยลี่
ที่อ่อนหัดถึงเพียงนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก..................จบตอน