Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.93 สุริยคราส
ในขณะเดียวกัน หยินหลางก็ได้ลอบเข้าไปในตำหนักแห่งเทพ โดยที่สงหลงไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
หยินหลางกลับคืนสู่รูปลักษณ์ของมนุษย์ และรีบกวาดสายตามองดูโดยรอบทันที
และพบว่ามีผลึกแก้วติดอยู่ตรงผนักถ้ำด้านหนึ่ง
“คงเป็นผลึกแก้วนี้เป็นแน่!” หยินหลางคิดและเอื้อมมือไปเพื่อที่จะหยิบผลึกแก้วออกมาจากผนังถ้ำ
“เจ้ามนุษย์
คิดจะมาขโมยกระจกข้ามภพเช่นนั้นหรือ” เสียงของบริวารแห่งเทพดังขึ้นมา
เขานั้นจับจ้องมาจากอีกด้านของกระจกข้ามภพ เพราะเกรงว่าสงหลงจะผิดพลาด
ซึ่งเขาก็คิดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
“ยะ..แย่แล้ว”
หยินหลางพูดด้วยความตกใจ แต่มือของเขาก็ยังคงรีบเอื้อมไปหยิบกระจกข้ามภพออกมา
“อ๊ากกก!” ทันทีที่สัมผัสกับกระจกข้ามภพ
หยินหลางก็ร้องด้วยความเจ็บปวด
บริวารแห่งเทพได้ใช้ลมปราณของเขาป้องกันไม่ให้ผู้ใดแตะต้องกระจกข้ามภพได้
แม้ว่าเขาจะไม่อาจผ่านกระจกข้ามภพมาได้
แต่การปล่อยให้ลมปราณแทรกผ่านเข้ามานั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใดนัก
ร่างกายของหยินหลางนั้นเริ่มถูกเผาไหม้จากการที่ไปสัมผัสกระจกข้ามภพเพียงครู่เดียวเท่านั้น
แต่เขายังคงเอื้อมมือออกไปอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายของเขาจะลุกเป็นไฟ
แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือแม้แต่น้อย และพยายามดึงกระจกข้ามภพออกมา
หลังจากที่สามารถดึงกระจกข้ามภพออกมาได้
ลมปราณที่บริวารแห่งเทพส่งผ่านมาก็ถูกตัดขาดไป ทำให้เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่นั้นค่อย ๆ
มอดดับลงไป แต่ก็ทำให้หยินหลางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
“อย่างน้อยข้าก็ได้ตอบแทนเจ้าแล้วนะ ต้วนเจี้ยน”
หยินหลางจ้องมองกระจกข้ามภพในมือและพูดขึ้นด้วยความยินดี
จากนั้นเขาก็นั่งลงเพื่อให้ร่างกายฟื้นจากอาการบาดเจ็บให้ได้เร็วที่สุด
“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า
พวกมนุษย์ได้แย่งชิงกระจกข้ามภพทั้งเก้าชิ้นไปแล้ว
พวกเราต้องเตรียมความพร้อมและรีบไปรายงานต่อท่านจักรพรรดิปราชญ์ในทันที”
บริวารแห่งเทพพูดขึ้นหลังจากที่ หยินหลางสามารถนำกระจกข้ามภพไปได้
“เจ้าพวกมนุษย์อวดดี
หากพวกมันก้าวขึ้นมาที่ดินแดนแห่งสวรรค์ ข้าจะสับพวกมันเป็นหมื่น ๆ
ชิ้นด้วยมือของข้าเอง” บริวารแห่งเทพอีกคนพูดขึ้นมา
ทางด้านนอกต้วนเจี้ยนยังคง ต่อสู้อยู่กับสงหลง
แต่ดูเหมือนว่าด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ไม่อาจที่จะรับมือสงหลงได้เลย
“เจ้ามนุษย์อีกคนหายไปที่ไหนกัน?”
สงหลงเริ่มมองหาหยินหลาง เมื่อไม่เห็นเขาโจมตีเข้ามาแม้แต่ครั้งเดียว
“ข้าอยู่นี่”
หยินหลางที่รักษาอาการบาดเจ็บได้บางส่วน ได้ผสานเข้ากับดวงจิตอสูรหมาป่าสีเงินอีกครั้ง
และพุ่งเข้ามาโจมตีจากด้านหลังของสงหลง
โดยเป้าหมายของการโจมตีในครั้งนี้คือคอตรงส่วนหลังของสงหลงนั่นเอง
ฟันของหยินหลางกัดที่คอของสงหลงสุดแรง
ทำให้สงหลงได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหลออกมาเต็มคอ
แต่ทันใดนั้นเองสงหลงก็ปรับเปลี่ยนปีกมังกรกระดูกของเขาให้กลายเป็นคมมีด
ปักเข้าที่ด้านหลังของหยินหลางในทันที ทำให้หยินหลางอ้าปากร้องด้วยความเจ็บปวด
ทำให้สงหลงหลุดจากคมเขี้ยวที่งับเอาไว้ทันที
“แค่มดปลวกไม่กี่ตัว คิดจะเล่นงานข้า
พวกเจ้าคงทำได้เพียงแค่ฝันไปเท่านั้น”
สงหลงพูดพร้อมกับเหวี่ยงหยินหลางไปทางผนังทันที
ต้วนเจี้ยนรีบบินไปรับ
เพื่อไม่ให้หยินหลางปะทะเข้ากับผนังถ้ำ
และบินไปรวมตัวกันที่ซานหลางและอีกสองคนที่นอนบาดเจ็บอยู่
“ข้าได้กระจกข้ามภพมาแล้ว”หยินหลางกระซิบบอกต้วนเจี้ยน
พร้อมส่งกระจกข้ามภพให้ต้วนเจี้ยน
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงต้องรีบหนีออกไปก่อน
การเอาชนะมันในตอนนี้เป็นเรื่องที่ยากเกินไป” ต้วนเจี้ยนรับกระจกข้ามภพมาและตอบกลับไป
“อย่าได้พูดถึงการเอาชนะ แค่การหลบหนีไป
ข้าเองยังไม่มั่นใจเท่าใดนัก ซานหลางและอีกสองคนก็ยังบาดเจ็บอยู่อีกด้วย”
หยินหลางพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“หัวหน้าไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้า
พวกข้านั้นฟื้นพลังได้บ้างแล้ว” ซานหลางพยายามลุกขึ้นยืน
ซึ่งอีกสองคนก็ทำไม่ต่างกัน
“ข้าจะถ่วงเวลาให้เอง
พวกเจ้าจงรีบหนีกลับออกทางเดิมที่พวกเราเข้ามา”
หยินหลางพูดด้วยท่าทีที่จริงจังสมกับเป็นผู้นำยิ่งนัก
“ท่านอย่าลืมว่า
ก่อนถึงทางออกนั้นมีอสูรมังกรเพลิงสีชาด ด้วยกำลังของทั้งสามคนคงไม่อาจผ่านไปได้แน่
แต่ท่านนั้นมีพลังในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
เจ้าอสูรมังกรเพลิงสีชาดนั่นย่อมไม่อาจขวางทางท่านได้
ข้านั้นรบกวนพวกท่านมากเกินไปแล้ว หลังจากที่ข้าพุ่งเจ้าโมตีพวกท่านจงรีบหนีไปซะ ”
ต้วนเจี้ยนพูดพร้อมกับเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปจู่โจมอีกครั้ง
แต่ราวกับว่าสงหลงจะรับรู้ได้ถึงความคิดที่จะหลบหนีของพวกเขา
สงหลงจึงเริ่มใช้หางฟาดไปทั่วผนังถ้ำโดยรอบ ทำให้มันสะเทือนจนแทบจะพังลงมาในทันที
“พวกเราต้องรีบหนีออกไปทันที
ถ้ำนี้อยู่ลึกมากหากถล่มลงมา พวกเราจะต้องถูกฝังทั้งเป็นแน่”
ต้วนเจี้ยนเปลี่ยนใจหันหลังกลับ
พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้ามดึงแขนลูกน้องของหยินหลางที่ได้รับบาดเจ็บไปทันที
ส่วนหยินหลางได้ให้ฐานหลางขึ้นหลังและมุ่งหน้าไปยังทางออกทันที ซึ่งในด้านความเร็วของพวกเขานั้น
ยังเหนือกว่าสงหลงอยู่ขั้นหนึ่ง
“คิดหนีงั้นรึ ไม่ง่ายเช่นนั้นแน่” ร่างกายของสงหลงนั้นใหญ่โตขึ้นหลังจากที่ได้รับพลังจากบริวารแห่งเทพ
เขาจึงพุ่งเข้าทำลายผนังถ้ำโดยรอบ เขาคิดที่จะฝังพวกต้วนเจี้ยนให้ตายทั้งเป็น
ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้น
การขุดขึ้นไปด้านบนไม่ใช่เรื่องที่เกินกำลังเขาในตอนนี้
แค่เพียงไม่นานพวกเขาก็สามารถผ่านตำหนักชั้นใน
และตัวเมืองส่วนนอกออกไปได้
และดูเหมือนว่าอสูรมังกรเพลิงสีชาดนั้นจะกลับไปนอนอยู่ในทะเลสาบแห่งเทพแล้ว
จึงไม่ได้มาขวางทางออกของพวกเขาอีกต่อไป
ถ้ำเริ่มพังลงมาไม่หยุด
ทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะลดความเร็วได้แม้แต่น้อย ทันทีที่พ้นออกมาจากปากถ้ำ ถ้ำอสูรก็ถล่มลงไปจนเหลือเพียงซากหินเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังราวกับแผ่นดินไหวดังขึ้น
เศษหินที่กองอยู่เริ่มมีการสั่นไหว และลอยตัวสูงขึ้น
สงหลงนั่นขุดซากหินขึ้นมาสู่เบื้องบน ที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกทมิฬ
นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่เขาได้ออกมาจากถ้ำอสูร
นั่นเป็นเพราะอสูรในอาณาจักรแห่งนี้ล้วนเป็นอสูรประเภทซากศพ
ทำให้พวกมันไม่อาจทนต่อแสงดวงอาทิตย์ได้
นั่นคือเหตุผลที่พวกอสูรในอาณาจักรแห่งนี้ไม่รุกรานอาณาจักรซากมังกร
ไม่เพียงสงหลงเท่านั้นที่ที่ขุดซากหินขึ้นมา
แม้แต่อสูรมังกรเพลิงสีชาดก็โผล่ขึ้นมาเช่นกัน เมฆหมอกเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นลมปราณโดยธรรมชาติของอสูรมังกรเพลิงสีชาด
ที่แผ่ออกมาจากในถ้ำ หากอสูรมังกรเพลิงสีชาดนั้นตายไป เมฆหมอกเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ
จางหายไป
“หากพวกเราหลบหนีออกจากเมฆหมอกเหล่านี้ก็จะปลอดภัย”
หยินหลางตะโกนบอกต้วนเจี้ยน และมุ่งหน้าไปยังชายแดนของอาณาจักรซากมังกรทันที
ทันทีที่หลบพ้นออกจากอาณาเขตของเมฆหมอก
ทุกคนต่างก็หอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“เมื่อได้กระจกข้ามภพมา
เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงต่อสู้กับมันอีก”
หยินหลางพูดขึ้นมาด้วยความยินดี
“ท่านหัวหน้า พี่น้องของเราที่อยู่ในถ้ำ!” ซานหลางพูดขึ้นด้วยความตกใจ
หลังจากที่คิดขึ้นมาได้ เมื่อไม่มีถ้ำอสูรอีกต่อไป
ถ้ำที่พวกเขาใช้หลบซ่อนก็ต้องถูกเจ้าอสูรนั่นบุกโจมตีเป็นแน่
“ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่ให้โอกาสพวกเราได้หนีรอด
ข้าจะไปขัดขวางมันเอาไว้
พวกท่านจงไปช่วยเหลือเหล่าสหายและพาพวกเขามาในอาณาจักรซากมังกร และให้มุ่งหน้าไปยังนิกายขนนศักดิ์สิทธิ์
และมอบป้ายหยกของข้าให้แก่ทหารที่เฝ้าประตูนิกาย พวกท่านจะได้รับการคุ้มครองทันที”
ต้วนเจี้ยนโยนป้ายหยกสัญลักษณ์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ให้แก่หยินหลาง
และกลับเข้าไปในอาณาจักรซากทมิฬอีกครั้ง
“ข้าจะไปช่วยต้วนเจี้ยนต่อสู้ ซานหลางฟังคำสั่งข้า
จงไปนำพาพี่น้องของพวกเราออกมาและมุ่งหน้าไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
และให้แจ้งข่าวออกไปว่า เจ้าของป้ายหยกนี้กำลังต่อสู้อยู่กับสาวกของบริวารแห่งเทพ
ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะต้องรีบมาช่วยเหลือเป็นแน่”
หยินหลางโยนป้ายหยกให้ซานหลางพร้อมกับออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ทำให้ซานหลางไม่กล้าที่จะโต้แย้งแม้แต่น้อย
หยินหลางมองไปเบื้องบนเห็นดวงตะวันสาดส่อง
เนื่องจากในตอนนี้เป็นยามเที่ยงวัน เขาจึงคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
หยินหลางรีบมุ่งหน้าไปหาต้วนเจี้ยนทันที
และเห็นว่าเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับสงหลงอยู่อีกครั้ง
“ต้วนเจี้ยน มุ่งเป้าไปที่อสูรมังกรเพลิงสีชาด
หากไม่อาจสร้างเมฆหมอกทมิฬได้ พวกมันจะพ่ายแพ้แต่แสงตะวัน”
หยินหลางส่งเสียงผ่านลมปราณไปยังต้วนเจี้ยนทันที
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ต้วนเจี้ยนจับจ้องไปยังอสูรมังกรเพลิงสีชาดที่กำลังขู่คำรามอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
แต่ต้วนเจี้ยนกลับพุ่งไปยังสงหลงที่อยุ่อีกด้านแทน
หยินหลางสามารถเข้าใจได้ในทันที
หากถูกสงหลงขัดขวางเขาก็ไม่อาจที่จะทะลวงผ่านไปได้
แต่ต้วนเจี้ยนนั้นสามารถถ่วงเวลาให้เขาสังหารอสูรมังกรเพลิงสีชาดได้
หยินหลางผสานเข้ากับดวงจิตอสูรหมาป่าสีเงิน และพุ่งเข้าโจมตีอสูรมังกรเพลิงสีชาดทันที
ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาอสูรมังกรเพลิงสีชาด จึงถูกสังหารได้อย่างรวดเร็ว
แต่แทนที่เมฆหมอกจะจางลง
แต่กลับเกิดกลุ่มก้อนเมฆหมอกทมิฬออกมาจากซากศพของอสูรมังกรเพลิงสีชาด
แผ่ขยายกว้างออกไปมากกว่าเดิม
“ข้าคิดผิดเช่นนั้นหรือ?” หยินหลางพูดด้วยความเจ็บใจ ในขณะเดียวกัน
ซานหลางก็เริ่มนำคนออกจากถ้ำของพวกเขาและหลบหนีออกไปในทันที
“ซากศพของอสูรมังกรเพลิงสีชาด
นั้นสามารถสร้างเมฆหมอกทมิฬได้สูงกว่าตอนมีชีวิตอยู่หลายเท่า
และจะคงอยู่เช่นนี้อีกนับสิบปี” สงหลงพูดพร้อมกับหัวเราะกับแผนของพวกเขา
“เมื่อเป็นเมฆหมอกมันก็ต้องถูกเผาได้” ต้วนเจี้ยนปลุกพลังของเพลิงทมิฬเที่ยงแท้ขึ้นมาอีกครั้ง
เขาคิดที่จะใช้ความร้อนแรงของเพลิงทมิฬเที่ยงแท้ทำให้เมฆหมอกทมิฬเหล่านี้ระเหยไป
และดูเหมือนว่าจะได้ผลไม่น้อย เมฆหมอกทมิฬที่อยู่รอบ ๆ เขาเริ่มระเหยไป
ทางด้านซานหลางที่ช่วยพาพี่น้องของพวกเขาออกมาจากอาณาจักรซากทมิฬได้
ก็รีบมุ่งหน้าไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ทันที
“คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าทำเช่นนั้นหรือ?”
สงหลงพุ่งเข้าโจมตีต้วนเจี้ยนในทันที
เขาใช้กรงเล็บกระดูกที่มือทั้งของข้างฟันไปที่ร่างของต้วนเจี้ยนทันที แม้ว่าจะใช้ดาบมังกรเพลิงทมิฬต้านรับเอาไว้
แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าก็ทำให้ต้วนเจี้ยนถึงกับกลิ้งกระเด็นออกไป
ต้วนเจี้ยนยังคงใช้เพลิงทมิฬเที่ยงแท้แผดเผาเมฆหมอกที่อยู่โดยรอบ
แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บแต่เปลวไฟที่ลุกโชนนั้นกลับไม่มอดลงแม้แต่น้อย
แต่ตราบใดที่เมฆหมอกยังคงปิดกั้นแสงจากดวงตะวันเอาไว้เช่นนี้
พลังของเขาก็ไม่อาจที่จะต้านพลังของสงหลงเอาไว้ได้
ทางด้านหยินหลางเริ่มวิ่งวนไปโดยรอบทั้งสองคน
ด้วยความเร็วของเขาทำให้เมฆหมอกทมิฬเริ่มรวมกลุ่มกันอยู่ในจุดเดียว
ซึ่งนั่นทำให้ต้วนเจี้ยนสามารถใช้เพลิงทมิฬเที่ยงแท้แผดเผาเมฆหมอกทมิฬได้ง่ายขึ้น
ทำให้แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลงมายังอาณาจักรซากทมิฬนี้ได้
แต่ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่สว่างกลับมืดมิดลงไปในทันที
ท้องฟ้ายามเที่ยงกลับเกิดสุริยคราสขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด
ต้วนเจี้ยนและหยินหลางหยุดการเคลื่อนไหวและทรุดตัวลงไปกับพื้นด้วยความเหนื่อยแรง
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะกำหนดให้พวกเขาต้องพบกับความปราชัย
พวกเขาใช้พลังไปจนแทบหมดสิ้นแล้ว
แต่สงหลงกลับได้รับการปกป้องจากสุริยคราสทำให้เขายังคงต่อสู้ต่อไปได้อีก
แม้ว่าในใจของต้วนเจี้ยนจะยังคงมุ่งมั่น แต่แรงกายของเขานั้นแทบจะหมดสิ้นแล้ว
“จงอย่าได้ถอดใจ ต้วนเจี้ยน สหายร่วมรบในอดีตชาติของข้า
โชคชะตาไม่เคยกลั่นแกล้งผู้ใด มันเป็นเพียงบททดสอบที่สวรรค์สร้างขึ้นเท่านั้น
หากไม่อาจได้ชัยชนะในศึกนี้
พวกเราคงไม่อาจเอาชนะในศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึงได้เป็นแน่”
กู้หลานปรากฏตัวขึ้นมาที่เบื้องหลังของต้วนเจี้ยน............จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
Scroll to Top