test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

26 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.93 สุริยคราส




          ในขณะเดียวกัน หยินหลางก็ได้ลอบเข้าไปในตำหนักแห่งเทพ โดยที่สงหลงไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย หยินหลางกลับคืนสู่รูปลักษณ์ของมนุษย์ และรีบกวาดสายตามองดูโดยรอบทันที และพบว่ามีผลึกแก้วติดอยู่ตรงผนักถ้ำด้านหนึ่ง

 


          “คงเป็นผลึกแก้วนี้เป็นแน่!” หยินหลางคิดและเอื้อมมือไปเพื่อที่จะหยิบผลึกแก้วออกมาจากผนังถ้ำ

 


          “เจ้ามนุษย์ คิดจะมาขโมยกระจกข้ามภพเช่นนั้นหรือ” เสียงของบริวารแห่งเทพดังขึ้นมา เขานั้นจับจ้องมาจากอีกด้านของกระจกข้ามภพ เพราะเกรงว่าสงหลงจะผิดพลาด ซึ่งเขาก็คิดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย

 


          “ยะ..แย่แล้ว” หยินหลางพูดด้วยความตกใจ แต่มือของเขาก็ยังคงรีบเอื้อมไปหยิบกระจกข้ามภพออกมา

 


          “อ๊ากกก!” ทันทีที่สัมผัสกับกระจกข้ามภพ หยินหลางก็ร้องด้วยความเจ็บปวด บริวารแห่งเทพได้ใช้ลมปราณของเขาป้องกันไม่ให้ผู้ใดแตะต้องกระจกข้ามภพได้ แม้ว่าเขาจะไม่อาจผ่านกระจกข้ามภพมาได้ แต่การปล่อยให้ลมปราณแทรกผ่านเข้ามานั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใดนัก

 


          ร่างกายของหยินหลางนั้นเริ่มถูกเผาไหม้จากการที่ไปสัมผัสกระจกข้ามภพเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่เขายังคงเอื้อมมือออกไปอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายของเขาจะลุกเป็นไฟ แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือแม้แต่น้อย และพยายามดึงกระจกข้ามภพออกมา

 


          หลังจากที่สามารถดึงกระจกข้ามภพออกมาได้ ลมปราณที่บริวารแห่งเทพส่งผ่านมาก็ถูกตัดขาดไป ทำให้เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่นั้นค่อย ๆ มอดดับลงไป แต่ก็ทำให้หยินหลางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

 


          “อย่างน้อยข้าก็ได้ตอบแทนเจ้าแล้วนะ ต้วนเจี้ยน” หยินหลางจ้องมองกระจกข้ามภพในมือและพูดขึ้นด้วยความยินดี จากนั้นเขาก็นั่งลงเพื่อให้ร่างกายฟื้นจากอาการบาดเจ็บให้ได้เร็วที่สุด

 


          “เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พวกมนุษย์ได้แย่งชิงกระจกข้ามภพทั้งเก้าชิ้นไปแล้ว พวกเราต้องเตรียมความพร้อมและรีบไปรายงานต่อท่านจักรพรรดิปราชญ์ในทันที” บริวารแห่งเทพพูดขึ้นหลังจากที่ หยินหลางสามารถนำกระจกข้ามภพไปได้

 


          “เจ้าพวกมนุษย์อวดดี หากพวกมันก้าวขึ้นมาที่ดินแดนแห่งสวรรค์ ข้าจะสับพวกมันเป็นหมื่น ๆ ชิ้นด้วยมือของข้าเอง” บริวารแห่งเทพอีกคนพูดขึ้นมา

 


          ทางด้านนอกต้วนเจี้ยนยังคง ต่อสู้อยู่กับสงหลง แต่ดูเหมือนว่าด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ไม่อาจที่จะรับมือสงหลงได้เลย

 


          “เจ้ามนุษย์อีกคนหายไปที่ไหนกัน?” สงหลงเริ่มมองหาหยินหลาง เมื่อไม่เห็นเขาโจมตีเข้ามาแม้แต่ครั้งเดียว

 


          “ข้าอยู่นี่” หยินหลางที่รักษาอาการบาดเจ็บได้บางส่วน ได้ผสานเข้ากับดวงจิตอสูรหมาป่าสีเงินอีกครั้ง และพุ่งเข้ามาโจมตีจากด้านหลังของสงหลง โดยเป้าหมายของการโจมตีในครั้งนี้คือคอตรงส่วนหลังของสงหลงนั่นเอง

 


          ฟันของหยินหลางกัดที่คอของสงหลงสุดแรง ทำให้สงหลงได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหลออกมาเต็มคอ แต่ทันใดนั้นเองสงหลงก็ปรับเปลี่ยนปีกมังกรกระดูกของเขาให้กลายเป็นคมมีด ปักเข้าที่ด้านหลังของหยินหลางในทันที ทำให้หยินหลางอ้าปากร้องด้วยความเจ็บปวด ทำให้สงหลงหลุดจากคมเขี้ยวที่งับเอาไว้ทันที

 


          “แค่มดปลวกไม่กี่ตัว คิดจะเล่นงานข้า พวกเจ้าคงทำได้เพียงแค่ฝันไปเท่านั้น” สงหลงพูดพร้อมกับเหวี่ยงหยินหลางไปทางผนังทันที

 


          ต้วนเจี้ยนรีบบินไปรับ เพื่อไม่ให้หยินหลางปะทะเข้ากับผนังถ้ำ และบินไปรวมตัวกันที่ซานหลางและอีกสองคนที่นอนบาดเจ็บอยู่

 


          “ข้าได้กระจกข้ามภพมาแล้ว”หยินหลางกระซิบบอกต้วนเจี้ยน พร้อมส่งกระจกข้ามภพให้ต้วนเจี้ยน

 


          “ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงต้องรีบหนีออกไปก่อน การเอาชนะมันในตอนนี้เป็นเรื่องที่ยากเกินไป” ต้วนเจี้ยนรับกระจกข้ามภพมาและตอบกลับไป

 


          “อย่าได้พูดถึงการเอาชนะ แค่การหลบหนีไป ข้าเองยังไม่มั่นใจเท่าใดนัก ซานหลางและอีกสองคนก็ยังบาดเจ็บอยู่อีกด้วย” หยินหลางพูดพร้อมกับถอนหายใจ

 


          “หัวหน้าไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้า พวกข้านั้นฟื้นพลังได้บ้างแล้ว” ซานหลางพยายามลุกขึ้นยืน ซึ่งอีกสองคนก็ทำไม่ต่างกัน

 


          “ข้าจะถ่วงเวลาให้เอง พวกเจ้าจงรีบหนีกลับออกทางเดิมที่พวกเราเข้ามา” หยินหลางพูดด้วยท่าทีที่จริงจังสมกับเป็นผู้นำยิ่งนัก

 


          “ท่านอย่าลืมว่า ก่อนถึงทางออกนั้นมีอสูรมังกรเพลิงสีชาด ด้วยกำลังของทั้งสามคนคงไม่อาจผ่านไปได้แน่ แต่ท่านนั้นมีพลังในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว เจ้าอสูรมังกรเพลิงสีชาดนั่นย่อมไม่อาจขวางทางท่านได้ ข้านั้นรบกวนพวกท่านมากเกินไปแล้ว หลังจากที่ข้าพุ่งเจ้าโมตีพวกท่านจงรีบหนีไปซะ ” ต้วนเจี้ยนพูดพร้อมกับเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปจู่โจมอีกครั้ง

 


          แต่ราวกับว่าสงหลงจะรับรู้ได้ถึงความคิดที่จะหลบหนีของพวกเขา สงหลงจึงเริ่มใช้หางฟาดไปทั่วผนังถ้ำโดยรอบ ทำให้มันสะเทือนจนแทบจะพังลงมาในทันที

 


          “พวกเราต้องรีบหนีออกไปทันที ถ้ำนี้อยู่ลึกมากหากถล่มลงมา พวกเราจะต้องถูกฝังทั้งเป็นแน่” ต้วนเจี้ยนเปลี่ยนใจหันหลังกลับ พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้ามดึงแขนลูกน้องของหยินหลางที่ได้รับบาดเจ็บไปทันที ส่วนหยินหลางได้ให้ฐานหลางขึ้นหลังและมุ่งหน้าไปยังทางออกทันที ซึ่งในด้านความเร็วของพวกเขานั้น ยังเหนือกว่าสงหลงอยู่ขั้นหนึ่ง

 


          “คิดหนีงั้นรึ ไม่ง่ายเช่นนั้นแน่” ร่างกายของสงหลงนั้นใหญ่โตขึ้นหลังจากที่ได้รับพลังจากบริวารแห่งเทพ เขาจึงพุ่งเข้าทำลายผนังถ้ำโดยรอบ เขาคิดที่จะฝังพวกต้วนเจี้ยนให้ตายทั้งเป็น ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้น การขุดขึ้นไปด้านบนไม่ใช่เรื่องที่เกินกำลังเขาในตอนนี้ 

 


          แค่เพียงไม่นานพวกเขาก็สามารถผ่านตำหนักชั้นใน และตัวเมืองส่วนนอกออกไปได้ และดูเหมือนว่าอสูรมังกรเพลิงสีชาดนั้นจะกลับไปนอนอยู่ในทะเลสาบแห่งเทพแล้ว จึงไม่ได้มาขวางทางออกของพวกเขาอีกต่อไป

 


          ถ้ำเริ่มพังลงมาไม่หยุด ทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะลดความเร็วได้แม้แต่น้อย ทันทีที่พ้นออกมาจากปากถ้ำ ถ้ำอสูรก็ถล่มลงไปจนเหลือเพียงซากหินเท่านั้น

 


          ทันใดนั้นก็มีเสียงดังราวกับแผ่นดินไหวดังขึ้น เศษหินที่กองอยู่เริ่มมีการสั่นไหว และลอยตัวสูงขึ้น สงหลงนั่นขุดซากหินขึ้นมาสู่เบื้องบน ที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกทมิฬ นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่เขาได้ออกมาจากถ้ำอสูร

 


          นั่นเป็นเพราะอสูรในอาณาจักรแห่งนี้ล้วนเป็นอสูรประเภทซากศพ ทำให้พวกมันไม่อาจทนต่อแสงดวงอาทิตย์ได้ นั่นคือเหตุผลที่พวกอสูรในอาณาจักรแห่งนี้ไม่รุกรานอาณาจักรซากมังกร

 


          ไม่เพียงสงหลงเท่านั้นที่ที่ขุดซากหินขึ้นมา แม้แต่อสูรมังกรเพลิงสีชาดก็โผล่ขึ้นมาเช่นกัน เมฆหมอกเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นลมปราณโดยธรรมชาติของอสูรมังกรเพลิงสีชาด ที่แผ่ออกมาจากในถ้ำ หากอสูรมังกรเพลิงสีชาดนั้นตายไป เมฆหมอกเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ จางหายไป

 


          “หากพวกเราหลบหนีออกจากเมฆหมอกเหล่านี้ก็จะปลอดภัย” หยินหลางตะโกนบอกต้วนเจี้ยน และมุ่งหน้าไปยังชายแดนของอาณาจักรซากมังกรทันที

 


          ทันทีที่หลบพ้นออกจากอาณาเขตของเมฆหมอก ทุกคนต่างก็หอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย

 


          “เมื่อได้กระจกข้ามภพมา เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงต่อสู้กับมันอีก” หยินหลางพูดขึ้นมาด้วยความยินดี          

 


“ท่านหัวหน้า พี่น้องของเราที่อยู่ในถ้ำ!” ซานหลางพูดขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากที่คิดขึ้นมาได้ เมื่อไม่มีถ้ำอสูรอีกต่อไป ถ้ำที่พวกเขาใช้หลบซ่อนก็ต้องถูกเจ้าอสูรนั่นบุกโจมตีเป็นแน่

 


“ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่ให้โอกาสพวกเราได้หนีรอด ข้าจะไปขัดขวางมันเอาไว้ พวกท่านจงไปช่วยเหลือเหล่าสหายและพาพวกเขามาในอาณาจักรซากมังกร และให้มุ่งหน้าไปยังนิกายขนนศักดิ์สิทธิ์ และมอบป้ายหยกของข้าให้แก่ทหารที่เฝ้าประตูนิกาย พวกท่านจะได้รับการคุ้มครองทันที” ต้วนเจี้ยนโยนป้ายหยกสัญลักษณ์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ให้แก่หยินหลาง และกลับเข้าไปในอาณาจักรซากทมิฬอีกครั้ง

 


“ข้าจะไปช่วยต้วนเจี้ยนต่อสู้ ซานหลางฟังคำสั่งข้า จงไปนำพาพี่น้องของพวกเราออกมาและมุ่งหน้าไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ และให้แจ้งข่าวออกไปว่า เจ้าของป้ายหยกนี้กำลังต่อสู้อยู่กับสาวกของบริวารแห่งเทพ ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะต้องรีบมาช่วยเหลือเป็นแน่” หยินหลางโยนป้ายหยกให้ซานหลางพร้อมกับออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้ซานหลางไม่กล้าที่จะโต้แย้งแม้แต่น้อย

 


หยินหลางมองไปเบื้องบนเห็นดวงตะวันสาดส่อง เนื่องจากในตอนนี้เป็นยามเที่ยงวัน เขาจึงคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

 


หยินหลางรีบมุ่งหน้าไปหาต้วนเจี้ยนทันที และเห็นว่าเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับสงหลงอยู่อีกครั้ง

 


“ต้วนเจี้ยน มุ่งเป้าไปที่อสูรมังกรเพลิงสีชาด หากไม่อาจสร้างเมฆหมอกทมิฬได้ พวกมันจะพ่ายแพ้แต่แสงตะวัน” หยินหลางส่งเสียงผ่านลมปราณไปยังต้วนเจี้ยนทันที

 


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต้วนเจี้ยนจับจ้องไปยังอสูรมังกรเพลิงสีชาดที่กำลังขู่คำรามอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่ต้วนเจี้ยนกลับพุ่งไปยังสงหลงที่อยุ่อีกด้านแทน

 


หยินหลางสามารถเข้าใจได้ในทันที หากถูกสงหลงขัดขวางเขาก็ไม่อาจที่จะทะลวงผ่านไปได้ แต่ต้วนเจี้ยนนั้นสามารถถ่วงเวลาให้เขาสังหารอสูรมังกรเพลิงสีชาดได้

 


หยินหลางผสานเข้ากับดวงจิตอสูรหมาป่าสีเงิน และพุ่งเข้าโจมตีอสูรมังกรเพลิงสีชาดทันที ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาอสูรมังกรเพลิงสีชาด จึงถูกสังหารได้อย่างรวดเร็ว แต่แทนที่เมฆหมอกจะจางลง แต่กลับเกิดกลุ่มก้อนเมฆหมอกทมิฬออกมาจากซากศพของอสูรมังกรเพลิงสีชาด แผ่ขยายกว้างออกไปมากกว่าเดิม

 


“ข้าคิดผิดเช่นนั้นหรือ?” หยินหลางพูดด้วยความเจ็บใจ ในขณะเดียวกัน ซานหลางก็เริ่มนำคนออกจากถ้ำของพวกเขาและหลบหนีออกไปในทันที

 


“ซากศพของอสูรมังกรเพลิงสีชาด นั้นสามารถสร้างเมฆหมอกทมิฬได้สูงกว่าตอนมีชีวิตอยู่หลายเท่า และจะคงอยู่เช่นนี้อีกนับสิบปี” สงหลงพูดพร้อมกับหัวเราะกับแผนของพวกเขา

 


“เมื่อเป็นเมฆหมอกมันก็ต้องถูกเผาได้” ต้วนเจี้ยนปลุกพลังของเพลิงทมิฬเที่ยงแท้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาคิดที่จะใช้ความร้อนแรงของเพลิงทมิฬเที่ยงแท้ทำให้เมฆหมอกทมิฬเหล่านี้ระเหยไป และดูเหมือนว่าจะได้ผลไม่น้อย เมฆหมอกทมิฬที่อยู่รอบ ๆ เขาเริ่มระเหยไป

 


ทางด้านซานหลางที่ช่วยพาพี่น้องของพวกเขาออกมาจากอาณาจักรซากทมิฬได้ ก็รีบมุ่งหน้าไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ทันที

 


“คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าทำเช่นนั้นหรือ?” สงหลงพุ่งเข้าโจมตีต้วนเจี้ยนในทันที เขาใช้กรงเล็บกระดูกที่มือทั้งของข้างฟันไปที่ร่างของต้วนเจี้ยนทันที แม้ว่าจะใช้ดาบมังกรเพลิงทมิฬต้านรับเอาไว้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าก็ทำให้ต้วนเจี้ยนถึงกับกลิ้งกระเด็นออกไป

 


ต้วนเจี้ยนยังคงใช้เพลิงทมิฬเที่ยงแท้แผดเผาเมฆหมอกที่อยู่โดยรอบ แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บแต่เปลวไฟที่ลุกโชนนั้นกลับไม่มอดลงแม้แต่น้อย แต่ตราบใดที่เมฆหมอกยังคงปิดกั้นแสงจากดวงตะวันเอาไว้เช่นนี้ พลังของเขาก็ไม่อาจที่จะต้านพลังของสงหลงเอาไว้ได้

 


ทางด้านหยินหลางเริ่มวิ่งวนไปโดยรอบทั้งสองคน ด้วยความเร็วของเขาทำให้เมฆหมอกทมิฬเริ่มรวมกลุ่มกันอยู่ในจุดเดียว ซึ่งนั่นทำให้ต้วนเจี้ยนสามารถใช้เพลิงทมิฬเที่ยงแท้แผดเผาเมฆหมอกทมิฬได้ง่ายขึ้น ทำให้แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลงมายังอาณาจักรซากทมิฬนี้ได้

 


แต่ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่สว่างกลับมืดมิดลงไปในทันที ท้องฟ้ายามเที่ยงกลับเกิดสุริยคราสขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ต้วนเจี้ยนและหยินหลางหยุดการเคลื่อนไหวและทรุดตัวลงไปกับพื้นด้วยความเหนื่อยแรง ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะกำหนดให้พวกเขาต้องพบกับความปราชัย พวกเขาใช้พลังไปจนแทบหมดสิ้นแล้ว แต่สงหลงกลับได้รับการปกป้องจากสุริยคราสทำให้เขายังคงต่อสู้ต่อไปได้อีก แม้ว่าในใจของต้วนเจี้ยนจะยังคงมุ่งมั่น แต่แรงกายของเขานั้นแทบจะหมดสิ้นแล้ว

 


          “จงอย่าได้ถอดใจ ต้วนเจี้ยน สหายร่วมรบในอดีตชาติของข้า โชคชะตาไม่เคยกลั่นแกล้งผู้ใด มันเป็นเพียงบททดสอบที่สวรรค์สร้างขึ้นเท่านั้น หากไม่อาจได้ชัยชนะในศึกนี้ พวกเราคงไม่อาจเอาชนะในศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึงได้เป็นแน่” กู้หลานปรากฏตัวขึ้นมาที่เบื้องหลังของต้วนเจี้ยน............จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว




 


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง