Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.92 หมาป่าสามหัว
แม้ว่าจะลอบผ่านประตูเมืองด้วยความรวดเร็วเพียงไหน
แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของทหารอสูรได้ทั้งหมด
แผนที่ต้วนเจี้ยนคิดไว้จึงผิดพลาดไปในทันที
หลังจากที่เข้าไปหลบซ่อนในบ้านร้างแห่งหนึ่ง
พวกทหารอสูรก็มารายล้อมบ้านหลังนั้นเอาไว้ ในเวลาไม่นาน
ลูกธนูนับพันดอกก็ถูกระดมยิงไปที่บ้านหลังนั้นทันที
ต้วนเจี้ยน
หยินหลางและลูกน้องของเขารวมตัวกันในรูปแบบกองทหารหนึ่งอู่ [กองกำลังห้าคน]
โดยให้หยินหลางเป็นหัวอู่สั่งการ
จึงสามารถต้านรับลูกธนูทั้งหมดได้โดยที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
“หน้าประตูเมืองคงมีกองกำลังขนาดใหญ่ขวางเอาไว้แล้ว
ถ้าเช่นนั้นหนทางของพวกเรามีเพียงการบุกไปข้างหน้าเท่านั้น”
หยินหลางสั่งการพร้อมกับผสานเข้ากับดวงจิตอสูรหมาป่าสีเงินทันที
ในตอนนี้รูปลักษณ์ของหยินหลางดูไม่ต่างจากหมาป่าที่มีขนสีเงิน
การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วยิ่งนัก หากไม่จับตามองให้ดีจะเห็นเพียงประสายแสงสีเงินพุ่งไปมาเท่านั้น
ต้วนเจี้ยนและอีกสามคน
วิ่งไปตามเส้นทางที่หยินหลางได้เปิดเอาไว้ให้ การบุกฝ่าไปโดยไม่เห็นปลายทางเช่นนี้
ไม่ต่างไปจากการพุ่งไปอยู่กลางวงล้อมของศัตรู แม้ว่าจะคิดได้เช่นนี้
แต่พวกเขาก็ไม่มีหนทางอื่นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อวิ่งมาจนถึงลานกว้างกลางเมือง
กองกำลังทหารอสูรเริ่มตั้งรูปแบบขบวนรบเป็นวงกลม โดยเว้นระยะห่างเอาไว้
ทำให้พวกเขาทั้งห้า ไม่อาจหาช่องทางในการทะลวงผ่านไปได้
ต้วนเจี้ยนค่อย ๆ ผสานเข้ากับ เพลิงทมิฬเที่ยงแท้
ร่างกายของเขามีเปลวเพลิงสีดำห่อหุ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหายเข้าไปในร่างของเขา
“ข้าจะเปิดทางให้เอง เพลิงทมิฬดาบมังกร!”
ต้วนเจี้ยนรวบรวมเพลิงทมิฬเที่ยงแท้เอาไว้ที่ดาบมังกรเพลิงทมิฬ
และตวัดไปโดยรอบคลื่นลมปราณที่มีลักษณะเป็นเพลงสีดำพุ่งออกไปโดยรอบ
ทำให้กองกำลังทหารอสูรล้มตายไปในทันที รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
ที่อยู่โดยรอบอีกด้วย ทำให้สภาพโดยรอบราวครึ่งลี้ เหลือเพียงพื้นที่ว่าง
ที่เต็มไปด้วยซากศพเท่านั้น
ต้วนเจี้ยนหอบด้วยความอ่อนแรง
การใช้กระบวนท่านี้เป็นการสิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำให้สามารถบุกต่อไปได้
“พวกมันแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้แต่ทหารอสูรที่เป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามนับหมื่นที่ห้อมล้อมอยู่
กลับถูกสังหารด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
ระดับพลังของเจ้าคนผู้นั้นดูเหมือนว่าจะเทียบเท่ากับท่านบริวารแห่งเทพเลยทีเดียว”
แม่ทัพอสูรผู้หนึ่ง ดูการต่อสู้จากบนหลังคาที่อยุ่ห่างออกไป เขานั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นสูงสุด
แต่กลับรับรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง มาจากร่างของต้วนเจี้ยนได้
“ท่านจะสั่งการเช่นใดต่อขอรับ?”
ทหารอสูรที่คุกเข่ารอรับคำสั่งอยู่ถามออกไป
“นำกำลังทั้งหมดปิดล้อมเอาไว้ ข้าไม่เชื่อว่ากระบวนท่าที่ร้ายกาจถึงเพียงนั้นจะสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
ถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด ข้าจะไปรายงานเรื่องนี้แก่ท่านบริวารแห่งเทพ”
แม่ทัพอสูรพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
หลังจากนั้นแม่ทัพอสูรก็กางปีกออก
พร้อมกับบินไปยังตำหนักแห่งเทพ ที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของถ้ำอสูร
ซึ่งการเคลื่อนไหวของเขา พวกต้วนเจี้ยนไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย
เหล่าทหารอสูรที่ได้รับคำสั่ง
แม้ว่าจะล้มตายไปนับหมื่นก็ยังคง
ตั้งกระบวนทัพเป็นรูปวงกลมล้อมพวกเขาทั้งห้าเอาไว้
แม้ว่าหยินหลางจะพยายามบุกทะลวงไป แต่ไม่ว่าจะสังหารทหารอสูรไปได้มากเพียงใด
ก็มีกองกำลังของทหารอสูรมาปิดช่องว่างในทันที
“เจ้ายังใช้กระบวนท่านั้นได้อีกหรือไม่?”
ซานหลางเอ่ยถามต้วนเจี้ยน
“ข้ายังสามารถใช้ได้อีกประมาณสองครั้ง
แต่ข้ามีกระบวนท่าที่รุนแรงกว่านั้น พวกท่านมาหลบที่ใต้เท้าของข้า
มันเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุด” ต้วนเจี้ยนตอบพร้อมกับกางปีกออกมาและบินขึ้นไปเหนือพื้นราวสองเมตร
“เพลิงทมิฬเที่ยงแท้ผลาญปฐพี!”
ต้วนเจี้ยนระเบิดพลังของเพลิงทมิฬเที่ยงแท้ออกไปโดยรอบ เปลวเพลิงทมิฬโหมกระหนั่มไปทั่ว
ทุกสิ่งที่ถูกแผดเผานั้นเหลือเพียงเศษเถ้าธุลี
เมืองอสูรแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่แม้แต่น้อย
แต่กระบวนท่านี้ทำให้ต้วนเจี้ยนนั้นหมดแรงจนแทบจะหมดสติไปเลยทีเดียว
เขาร่วงลงไปกับพื้น หยินหลางเห็นเช่นนั้นจึงรีบไปรับต้วนเจี้ยนเอาไว้
“หากลูกชายของข้ายังอยู่
ข้าก็อยากให้เขาเติบใหญ่เป็นบุรุษที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้”
หยินหลางพูดชื่นชมต้วนเจี้ยน
“ท่านหัวหน้าดูเหมือนว่าในถ้ำแห่งนี้ยังมีเส้นทางลึกเข้าไปอีก”
ซานหยางชี้ไปที่ทางเข้าเบื้องหน้า ที่มีประตูหินปิดกั้นเอาไว้
“ท่านหัวหน้าเสียแรงไปมากแล้ว
ประตูนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” ซานหลางใช้แส้ฟาดไปที่ประตูหิน
เพียงแค่ครั้งเดียวประตูก็ถูกตัดออกไปสองส่วนทันที
ด้านหลังของประตูมีกองกำลังอสูรอยู่อีกนับพันตน
แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจที่เห็นประตูหอนถูกทำลาย
แต่พวกเขาก็เป็นทหารจึงมีความพร้อมที่จะรับมือกับศัตรูอยู่ตลอดเวลา
ตรงส่วนนี้เป็นตำหนักส่วนใน
ที่มีเพียงนายทหารอสูรระดับสูงเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าไปได้
ทหารอสูรส่วนตำหนักส่วนในนี้ล้วนมีความแข็งแกร่งไม่ต่อกว่าระดับเทพสงครามขั้นที่ห้า
แต่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่พันตนเท่านั้น
ต้วนเจี้ยนที่ใช้พลังมากเกินไปนั้น
พยายามที่จะยืนด้วยขาของตน พร้อมกับกำดาบมังกรเพลิงทมิฬเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อาจปลดปล่อยลมปราณออกมาได้
“เจ้าฟื้นพลังไปก่อน
ตรงส่วนนี้พวกข้าจะจัดการเอง” หยินหลางหันไปพูดกับต้วนเจี้ยน
“หัวหน้าเองก็ต้องฟื้นพลังเช่นกัน
ให้พวกข้าทั้งสามจัดการเอง” ซานหลางพูดพร้อมกับผสานเข้ากับจิตอสูรหมาป่าทันที
และลูกน้องอีกสองคนก็เช่นกัน ทั้งสามล้วนแต่ผสานกับดวงจิตอสูรหมาป่า
ที่มีคุณสมบัติพิเศษเดียวกัน
“ผสานร่างหมาป่าสามหัว!”
ซานหลางและลูกน้องอีกสองคนผสานร่างเป็นหนึ่งเดียว
กลายเป็นหมาป่าที่มีขนาดใหญ่เพียงตัวเดียว แต่มีหัวถึงสามหัว
เป็นดั่งสุนัขที่เฝ้าประตูนรกในตำนานเลยทีเดียว เมื่อผสานร่างกันแล้วทั้งสามคนจะมีความแข็งแกร่งในระดับเทพสงครามขั้นสูงสุดเลยทีเดียว
“ซานหลางที่อยู่ในร่างของหมาป่าสามหัว
พุ่งออกไปต่อสู้กับกองกำลังทหารอสูรนับหมื่นทันที ด้วยคมเขี้ยวจากหัวทั้งสาม
ทำให้ทั่วทั้งตำหนักส่วนในเต็มไปด้วยเลือดอสูร และที่ปากทั้งสามของหมาป่า
ก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน”
เมื่อเห็นว่ากองกำลังทหารอสูรไม่ใช่คู่มือของซานหลางและอีกสองคน
ต้วนเจี้ยนและหยินหลางจึงรีบนั่งฟื้นพลังทันที
ต้วนเจี้ยนได้มอบยาทิพย์ขวดหนึ่งให้แต่หยินหลาง
เป็นยาทิพย์ที่ได้มาจากผลไม้แห่งพระเจ้านั่นเอง
การต่อสู้ของซานหลางและอีกสองคนกินเวลาไปราวครึ่งชั่วยาม
แต่ก็ทำให้ต้วนเจี้ยนและหยินหลางพื้นพลังได้ไม่น้อย
และหยินหลางที่ดูดซับพลังจากยาทิพย์ในตอนนี้เขานั้นบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
ทางด้านแม่ทัพอสูรที่ไปรายงานเรื่องผู้บุกรุกให้บริวารแห่งเทพทราบ
หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลแล้ว บริวารแห่งเทพก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
“สงหลง เจ้าจงไปจัดการพวกมันให้สิ้นซาก
ข้าจะถ่ายทอดพลังให้แก่เจ้า
ซึ่งจะทำให้เจ้าสามารถมีพลังทัดเทียมกับข้าเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม
อสูรที่มีความแข็งแกร่งของพญาหมี และจากมังกรเช่นเจ้า จะต้องจัดการกับมันได้เป็นแน่”
บริวารแห่งเทพสั่งการลงไปทันที
พร้อมกับถ่ายทอดลมปราณส่วนหนึ่งของตนให้แก่สงหลง
[熊龙:หมีมังกร]
สงหลงคุกเข่าเพื่อรับบัญชาจากบริวารแห่งเทพ
และค่อย ๆ ดูดซับลมปราณที่บริวารแห่งเทพส่งผ่านมาให้
ร่างกายของเขาแทบจะฉ๊กออกเป็นส่วน ๆ เนื่องจากลมปราณที่ส่งผ่านกระจกข้ามภพมา
ทรงพลังจนเกินไป หากมิได้มีร่างที่เป็นมังกร
เขาคงไม่อาจดูดซับพลังนี้ได้ทั้งหมดเป็นแน่
ทางด้านหยินหลาง
เขาเองก็ตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งที่เกินกว่าระดับเทพสงครามของตนเอง
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีระดับที่เหนือล้ำยิ่งกว่าระดับเทพสงครามเช่นนี้
ทางด้านต้วนเจี้ยน การที่เขาใช้เพลิงทมิฬเที่ยงแท้จนเกินขีดจำกัด
ทำให้ดวงจิตของเพลิงทมิฬเที่ยงแท้นั้นเริ่มมอดลง
แต่เพียงเวลาไม่นานหลังจากที่ได้ฟื้นพลัง เพลิงทมิฬเที่ยงแท้กลับลุกโชนขึ้นมาเสียยิ่งกว่าในตอนแรก
ระดับพลังของต้วนเจี้ยนก็สูงขึ้นจนถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่สองแล้ว
ทำให้การฟื้นพลังของเขานั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น
พวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปด้านในตำหนัก ซึ่งก็ได้พบเส้นทางลับ
เป็นเส้นทางทางที่ถอดยาวเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำอสูร
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของต้วนเจี้ยน
หยินหลาง และซานหลางที่ผสานร่างอยู่นั้น สงหลงก็เปิดประตูออกมา เขาไม่ต้องการให้ตำหนักแห่งเทพได้รับความเสียหายหากพวกต้วนเจี้ยนบุกเข้าไป
ร่างกายของสงหลงนั้น
เป็นหมีที่มีเกล็ดมังกรห่อหุ้มไปทั่วร่าง
และมีหางของมังกรขนาดใหญ่ทอดยาวไปทางด้านหลัง
และที่หลังของเขาก็มีปีกมังกรที่มีเพียงโครงกระดูกสะบัดอยู่อีกด้วย เขานั้นสืบสายเลือดจากพญาหมีและมังกรกระดูก
ส่วนใบหน้าของเขานั้นมีลักษณะที่คล้ายกับหมี แต่มีเขามังกรอยู่ตรงหน้าผาก
เมื่อเห็นศัตรูตรงหน้า
ซานหลางที่ยังอยู่ในรูปลักษณ์หมาป่าสามหัว ก็พุ่งเข้าจู่โจมสงหลงทันที
แต่ก็ถูกสงหลงใช้เท้าเยียบไปที่กลางลำตัวทำให้ซานหลางถูกถีบกระเด็นไปปปะทะเข้ากับผนังถ้ำทันที
“ข้าคือสงหลง
แม่ทัพของกองกำลังอสูรแห่งอาณาจักรนี้ การที่มาถึงที่นี่ได้หมายความว่า
พวกเจ้าสามารถสังหารกองกำลังอสูรของข้าได้จนหมด พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
สงหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาไม่คิดเลยว่ากองกำลังทหารอสูรนับแสนของเขาจะถูกทำลายโดยมนุษย์แค่ห้าคนเท่านั้น
“ข้าคือต้วนเจี้ยน ผู้มีพันธสัญญาจากอดีตชาติ
ที่จะขัดขวางความทะเยอทะยานของจักรพรรดิปราชญ์และเหล่าบริวารของมัน ”
ต้วนเจี้ยนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน บัดนี้เขานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของตนเองในอดีตชาติ
“ข้าคือผู้นำของกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬหยินหลาง
และข้ามาเพื่อตอบแทนน้ำใจของชายหนุ่มผู้นี้
แม้ว่าจะมีนรกอยู่เบื้องหน้า ข้าก็จะเปิดทางให้แก่เขา” หยินหลางตะโกนออกไปด้วยความองอาจ
“อวดดียิ่งนัก
จักรพรรดิปราชญ์ผู้เป็นเทพแห่งอสูรทั้งปวง มนุษย์เช่นเจ้านั้น
เอ่ยนามของท่านออกมานับว่าไม่สมควรแล้ว แต่นี่กลับพูดจาสามหาวเช่นนี้
แม้ว่าบริวารแห่งเทพจะไม่ลงโทษพวกเจ้า
แต่ข้านั้นไม่อาจที่จะให้อภัยกับความอวดดีของเจ้าได้”
สงหลงตะโกนออกมาอย่างกราดเกรี้ยว
จักพรรดิปราชญ์นั้นเป็นเทพที่สูงส่งเกินกว่าที่มนุษย์จะมาพูดจาอวดดีเช่นนี้ได้
ลมปราณของสงหลงที่ปลดปล่อยออกมา
นั้นรุนแรงจนทำให้ต้วนเจี้ยนและหยินหลาง ถูกพัดจนถอยหลังไปหลายสิบก้าว
ระดับพลังของสงหลงในตอนนี้ อยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่ห้าเลยทีเดียว
“พลังของมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้”
ต้วนเจี้ยนใช้แขนสองข้างกั้นไว้ด้านหน้า
เพื่อต้านลมปราณของสงหลงที่พัดกระหน่ำอยู่ในตอนนี้
“สิ่งที่เจ้าต้องการคงอยู่ที่ด้านหลังของมัน
สิ่งที่เจ้าต้องการคือสิ่งใดกัน ข้าอาจจะหาทางลอบเข้าไปขโมยมาให้เจ้าได้”
หยินหลางผสานเข้ากับดวงจิตอสูรหมาป่าสีเงินอีกครั้งและถามออกไป
“ของสิ่งนั้นคือกระจกข้ามภพ
มีลักษณะคลายกับผลึกแก้ว ที่ข้าทราบมามีเพียงเท่านี้” ต้วนเจี้ยนกระซิบตอบกลับไป
“ถ้าเช่นนั้น
เจ้าจงดึงความสนใจของมันไปให้ได้ ข้าจะหาโอกาสในการเข้าไปด้านในเอง”
หยินหลางพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไป
ทางด้านซานหลางก็พยายามที่จะลุกยืนขึ้น
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะอ่อนด้อยที่สุดในที่นี่
แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใด
ต้วนเจี้ยนรวบรวมพลังไปที่ดาบมังกรเพลิงทมิฬทันที
และพุ่งเข้าปะทะกับสงหลง ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
สงหลงใช้กระดูกสร้างกรงเล็บมังกรขึ้นมา
และใช้ต้านรับดาบมังกรเพลิงทมิฬของต้วนเจี้ยนเอาไว้
และใช้หางมังกรฟาดเข้าที่ด้านหลังของต้วนเจี้ยนจนไปปะทะเข้ากับผนังถ้ำอย่างรุนแรง
ต้วนเจี้ยนรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและบุกเข้าไปอีกครั้ง
สงหลงสะบัดหางของเขาเพื่อขัดขวางการโจมตีของต้วนเจี้ยน
แต่ต้วนเจี้ยนก็บินหลบไปได้และฟันดาบมังกรเพลิงทมิฬไปอีกครั้ง
สงหลงคิดจะใช้กรงเล็บกระดูกต้านรับอีกครั้ง
แต่แขนทั้งสองข้างของเข้ากลับถูกซานหลางที่ลอบไปด้านหลังใช้ปากงับเอาไว้
ทำให้ไม่อาจขยับแขนทั้งสองข้างได้ดั่งใจ
ดาบมังกรเพลิงทมิฬนั้นจึงฟันเข้าที่ใบหน้าของสงหลงอย่างจังทันที
สงหลงเอียงหน้าหลบเล็กน้อยและใช้เขามังกรต้านรับเอาไว้
แม้ว่าจะเป็นเขามังกรเล็ก ๆ แต่กลับต้านดาบมังกรเพลิงทมิฬเอาไว้ได้
จากนั้นสงหลงก็ใช้หางของเขาฟาดไปยังซานหลังจนกระแทกเข้ากับผนักถ้ำอีกครั้ง
ในตอนนี้ร่างของเขาคลายการผสานกลายเป็นสามคนดังเดิม
และทั่วร่างของทั้งสามคนนั้นเต็มไปด้วยรอยแผล
ดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว........จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
Scroll to Top