Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.91 หยินหลาง
ซานหลางหันมามองต้วนเจี้ยนครู่หนึ่ง
หากจะปลดโซ่ออกคงต้องใช้เวลาไม่น้อย เขาตึงตัดสินใจที่จะปล่อยต้วนเจี้ยนเอาไว้
และวิ่งออกไปทันที
เดิมทีต้วนเจี้ยนคิดที่จะกระชากโซ่หนีออกไป
แต่เขาเปลี่ยนใจและยอมถูกมัดอยู่ในห้องอย่างสงบ เนื่องจากถ้ำที่สั่นไหวก่อนหน้านี้
ก็สงบดังเดิมแล้ว มีเพียงเสียงผู้คนตะโกนเสียงดังเท่านั้น
แท้จริงแล้ว นี่เป็นแผนของหยินหลาง
ที่ต้องการทดสอบว่าต้วนเจี้ยนจะสามารถทำลายโซ่นี้ได้หรือไม่
การที่ต้วนเจี้ยนไม่หนีออกมา
กลับกลายเป็นว่าทำให้หยินหลางคิดว่าต้วนเจี้ยนไม่สามารถทำลายโซ่นี้ได้
หลังจากที่เสียงด้านนอกเงียบไปแล้ว
หยินหลางและซานหลางก็เดินกลับเข้าไปหาต้วนเจี้ยนอีกครั้ง
"โชคดีที่
อสูรมังกรสีชาดได้ถอนกำลังกลับไป ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคงตายไปแล้ว"
ซานหลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนต้วนเจี้ยน
"ก็คงใช่ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว
กลุ่มโจรหมาป่าทมิฬก็คงสิ้นชื่อไปแล้ว"
ต้วนเจี้ยนตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
"เจ้าเด็กอวดดี!"
ซานหลางหยิบแส้มาฟาดไปที่ต้วนเจี้ยนอีกหลายครั้ง
"ซานหลาง พอได้แล้ว"
หยินหลางรีบบอกให้ซานหลางหยุดมือทันที
เพราะหากฟาดไปมากกว่าต้วนเจี้ยนอาจจะตายก็ได้
"ข้านั้นเป็นคนที่รักษาสัจจะ
ชีวิตของเจ้าเหลืออีกสองวัน
หากเจ้าเปลี่ยนใจก็สามารถให้คนไปบอกแก่ข้าได้ทุกเมื่อ"
หยินหลางจับจ้องไปที่ต้วนเจี้ยนและพูดออกไป แม้ในใจเขาจะรู้ดีว่า
คนอย่างต้วนเจี้ยนคงไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ เป็นแน่ แต่เขาก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็ง ต้วนเจี้ยนก็ยังคงยืนยันคำพูดของตนเช่นเดิม
สองวันผ่านไป
ต้วนเจี้ยนยังคงปฏิเสธสิ่งที่หยินหลางเสนอมา แม้ว่าจะรู้สึกเสียดาย
แต่เขาก็เป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬ หากไม่รักษาคำพูด เขาก็ไม่อาจปกครองลูกน้องได้
"
ข้าจะจับเจ้าไปปล่อยที่หน้าถ้ำอสูร หากเจ้าต้องการรอดชีวิต
เจ้าจะต้องบุกเข้าไปในถ้ำอสูรเท่านั้น หากคิดหนีออกมา พวกข้าจะสังหารเจ้าซะ"
หยินหลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เขารู้สึกเสียดายเด็กหนุ่มที่ห้าวหาญเช่นนี้ยิ่งนัก นี่ก็นับเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาสามารถมอบให้ต้วนเจี้ยนได้
หลังจากนั้น
หยินหลางและลูกน้องของเขาก็พาต้วนเจี้ยนมาถึงหน้าถ้ำอสูร
หยินหลางจะเป็นผู้นำต้วนเจี้ยนเข้าไปในถ้ำอสูร โดยให้พวกลูกน้องรออยู่ที่หน้าถ้ำ
"ดูเหมือนว่าพวกอสูรจะยังไม่รู้ว่าพวกเราเข้ามา
เมื่อเข้าไปถึงที่อยู่ของอสูรมังกรสีชาด ข้าจะทำการปลดโซ่ให้แก่เจ้า"
หยินหลางพูดขณะที่พาต้วนเจี้ยนเข้าไปในถ้ำอสูร
"ดูราวกับว่า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าเข้ามาในถ้ำอสูร" ต้วนเจี้ยนถามด้วยความสงสัย
"ข้าเคยเข้าไปแค่ในส่วนแรกของถ้ำอสูรเท่านั้น
เมื่อเข้าไปในถ้ำราวครึ่งลี้ จะมีทะเลสาบเล็ก ๆ อยู่
มันเป็นที่อยู่ของอสูรมังกรสีชาด
ข้าเคยเข้ามาขโมยศิลาจิตวิญญาณและศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณที่อยู่ในทะเลสาบหลายครั้งแล้ว"
หยินหลางตอบกลับไป ทะเลสาบที่หยินหลางพูดถึงมันคือทะเลสาบแห่งเทพนั่นเอง
ที่ด้านนอกถ้ำเริ่มเกิดโกลาหลขึ้น
อสูรมังกรสีชาดที่คิดว่าอยู่ในถ้ำอสูรกลับปรากฏตัวอยุ่ที่ด้านนอกถ้ำ
และเริ่มไล่สังหารลูกน้องของหยินหลางที่อยู่ด้านนอก
"นี่มันบ้าอะไรกัน
ทำไมอสูรมังกรสีชาดจึงได้อยู่ที่ด้านนอกถ้ำอสูรได้?"
ซานหลางที่กำลังต่อสู้อยู่พูดขึ้นมา
"ด้านนอกนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว
พวกเราคงต้องหลบไปในถ้ำอสูรแล้ว อย่างน้อยท่านหัวหน้าก็อยู่ข้างในนั้น"
ลูกน้องอีกคนพูดขึ้นมา
"ตกลง หากพวกเราหลบหนีไป
ท่านหัวหน้าก็จะถูกขังอยู่ด้านในถ้ำอสูร ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่"
ซานหลางพูดพร้อมกับ ทะยานนำเข้าไปในถ้ำอสูรทันที
"น่าแปลกยิ่งนัก
เข้ามาถึงทะเลสาบแล้วแต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงพลังของอสูรมังกรสีชาด เลย"
หยินหลางเริ่มรู้สึกประหลาดใจ ปกติอสูรมังกรสีชาดจะอยู่ที่ทะเลสาบแห่งนี้
ไม่เคยออกไปที่ใด
"ดูเหมือนว่ามีคนกำลังเข้ามาในถ้ำนี้"
ต้วนเจี้ยนพูดออกไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว
"ท่านหัวหน้า อสูรมังกรสีชาด
อยู่ที่นอกถ้ำหากพวกเราไม่สังารมัน คงไม่อาจหนีออกจากถ้ำอสูรไปได้"
ซานหลางรีบรายงานทันที ที่ได้พบกันหยินหลาง
"พวกเจ้าหลบไปด้านในก่อน
ข้าจะรับมือกับอสูรมังกรสีชาด และเปิดทางออกให้กับพวกเจ้าเอง
ดูแลเจ้าเด็กนั่นด้วย" หยินหลางถือดาบมังกรเพลิงทมิฬของต้วนเจี้ยนไว้ในมือและเตรียมรับมืออสูรมังกรสีชาด
ที่กำลังพุ่งเข้ามาที่ทะเลสาบนี้
หยินหลางใช้ดาบมังกรเพลิงทมิฬฟันออกไป
ทำให้เกิดคลื่นเพลิงทมิฬพุ่งไปที่อสูรมังกรสีชาดทันที
แต่เนื่องจากเขาไม่อาจดึงพลังที่แท้จริงของดาบมังกรเพลิงทมิฬออกมาได้
คลื่นเพลิงทมิฬนั้นจึงทำให้อสูรมังกรสีชาดได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าหยินหลางจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามขั้นที่แปด
แต่ดูเหมือนว่าอสูรมังกรสีชาดจะมีระดับพลังที่เหนือกว่าอยู่หนึ่งขั้น
หยินหลางจึงทำได้เพียงแค่ต้านรับเท่านั้น
ทันใดนั้นอสูรมังกรสีชาดก็รวบรวมพลังไว้ที่ปากของมันพร้อมกับพ่นไฟอันร้อนแรงออกมา
"รีบหลบไปข้างในเดี๋ยวนี้
ข้าต้านไฟนี้ไว้ได้ไม่นานเท่านั้น" หยินหลางสร้างม่านลังป้องกันเอาไว้
เพื่อให้ลูกน้องของเขาหลบเข้าไปด้านใน แต่ไฟของอสูรมังกรสีชาดนั้นร้อนแรงยิ่งนัก
ดูเหือนว่าเขาจะต้องสละชีวิตเพื่อให้พวกลูกน้องของเขารอดชีวิต
เมื่อเห็นเช่นนั้น
ต้วนเจี้ยนจึงรีบทำลายโว่ที่มัดตัวเขาอยู่และกางปีกของเขาออกมา
จากนั้นก็รีบบินไปขวางไฟของอสูรมังกรสีชาดเอาไว้
พวกซานหลางต่างก็รู้สึกตกใจยิ่งนักที่ต้วนเจี้ยนสามารถทำลายโซ่ที่มัดตัวเขาอยู่ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
"ไฟนี้ไม่อาจทำอันใดข้าได้
จงรีบหนีเข้าไปด้านในซะ" ต้วนเจี้ยนรีบบอกแก่หยินหลาง
"เจ้าสามารถทำลายโซ่นั่นเมื่อไหร่ก็ได้
เหตุใดเจ้าจึงไม่หลบหนีไปซะ"หยินหลางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ และพลังของต้วนเจี้ยนที่เขาสัมผัสได้นั้นดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าพลังของเขาเสียอีก
"นี่ไม่ใช่เวลาพูดคุยเรื่องนั้น
จงหลบไปด้านในซะ
ดูเหมือนว่าส่วนในของถ้ำจะแคบเกินกว่าที่อสูรมังกรสีชาดจะสามารถเข้าไปได้"
ต้วนเจี้ยนตะโกนบอกหยินหลางอีกครั้ง
จริง ๆ แล้วต้วนเจี้ยนสามารถสังหารอสูรมังกรสีชาดได้
แต่เขาจงใจที่จะปล่อยให้มันรอดชีวิต
เพื่อที่จะยืมกำลังของหยินหลางและลูกน้องของเขาในภายหลัง
หลังจากที่หยินหลางและลูกน้องมุดเข้าไปในถ้ำที่ลึกมากพอ
ต้วนเจี้ยนจึงบินตามเข้าไป ดูเหมือนว่าด้านในของถ้ำจะแคบเกินกว่าที่อสูรมังกรสีชาดจะเข้าไปได้ดั่งที่ต้วนเจี้ยนคิดเอาไว้
หลังจากที่พวกเขาได้เข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ
ภาพที่ได้เห็นเบื้องหน้านั้นทำให้พวกเขาตื่นตะลึงยิ่งนัก
ภายในถ้ำแห่งนี้มีเมืองขนาดใหญ่อยู่ภายใน และพวกอสูรที่อยู่ภายใน
ล้วนเป็นพวกอสูรที่มีสติปัญญาทั้งสิ้น [อสูรมังกรสีชาดนั้นมีเพียงความดุร้ายของสัตว์ป่าเท่านั้น]
"ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังเตรียมการอะไรบางอย่าง"
ซานหลางพูดขึ้นมา ดูเหมือนว่าเมืองอสูรนี้จะมีการตรวจตราอย่างเข้มงวด
ตรงประตูเมืองเบื้องหน้าเต็มไปด้วยทหารอสูรที่คอยตรวจตราอยู่
"ระวังตัวให้ดี
อย่าให้พวกมันเห็นพวกเราได้" หยินหลางรีบบอกให้ทุกคนหลบซ่อนตัว
"ดูเหมือนว่าสิ่งของที่ข้าต้องการจะอยู่ในเมืองอสูรนี้"
ต้วนเจี้ยนพุดขึ้นมาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
เขานั้นจะต้องทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาจากเนี่ยลี่ให้สำเร็จ
นั่นคือความตั้งใจของเขา
"เจ้าโง่หรืออย่างไร อสูรมังกรสีชาดที่ไร้สติปัญญาพวกเรายังต้องวิ่งหนีกัน
กับพวกอสูรที่มีสติปัญญาไม่ต่างจากมนุษย์ พวกเราจะเอาชนะได้เช่นใดกัน?"
ซานหลางพูดด้วยความตกใจ
ระดับพลังของพวกอสูรที่เห็นเบื้องหน้านั้นล้วนแต่มีความแข็งแกร่งในระดับเทพสงคราม
นั่นหมายความว่าจะต้องมีอสูรระดับผู้นำที่มีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าอสูรมังกรสีชาดเป็นแน่
และกำลังคนในตอนนี้มีเพียงแค่ ต้วนเจี้ยน หยินหลาง ซานหลาง
และผู้ติดตามอีกสองคนเท่านั้น
"ที่พวกเรารอดชีวิตมาจากอสูรมังกรสีชาด
ก็เป็นเพราะเขา แม้ว่าพวกเราจะเป็นกลุ่มโจร แต่บุญคุณต้องทดแทน หากจะตอบแทนเจ้าได้
แม้ว่าจะต้องบุกเข้าไปในเมืองอสูรข้าก็ยินดี" หยินหลางยกมือให้ซานหลางหยุดพูด
ก่อนที่จะพูดออกไป
"เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณแล้ว
คนเช่นท่านหากจะโลดแล่นในยุทธภพก็คงมิได้ ต่ำต้อยไปกว่าผู้ใด
ทำไมจึงได้มาเป็นโจรเช่นนี้" ต้วนเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
"ในอดีต ข้านั้นเคยเป็นถึงจอมยุทธที่มีชื่อเสียง
ข้าคบหากับผู้คนที่จิตใจ ไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม
ทำให้พวกจอมยุทธฝ่ายธรรมะ ขับไล่ข้าจนข้าต้องกลายมาเป็นโจรเช่นทุกวันนี้
เด็กหนุ่มเช่นเจ้า
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่เคยได้ยินเรื่องราวของข้ามาก่อน" หยินหลางตอบกลับไป
เขาเป็นคนที่มีอดีตล้ำลึกกว่าที่ต้วนเจี้ยนคิดไว้
"แม้ว่าข้านั้นจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวของท่านมาก่อน
แต่การที่ท่านนั้นฝึกฝนจนแข็งแกร่งระดับเทพสงครามขั้นที่แปดได้
นั่นก็นับว่าท่านต้องเป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ไม่น้อย หากได้พบกับนายท่านของข้า
ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องสามารถบรรลุระดับพลังที่เหนือกว่าเทพสงครามได้เป็นแน่"
ต้วนเจี้ยนพูดออกไปด้วยความนับถือ
หากไม่ใช่เพราะเนี่ยลี่เขาก็คงไม่อาจแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
"หากมีวาสนาข้าคงจะได้พบกับเขา
จริงสิ นี่ดาบของเจ้ามันวิเศษยิ่งนัก แต่ข้าไม่อาจที่จะนำพลังของมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
หาไม่เช่นนั้นข้าคงสามารถจัดการอสูรมังกรสีชาดได้เป็นแน่"
หยินหลางคืนดาบมังกรเพลิงทมิฬให้แก่ต้วนเจี้ยน
"นี่คือดาบที่ตีขึ้นมาเพื่อข้า
เป็นผลงานของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง"ต้วนเจี้ยนรับดาบมังกรเพลิงทมิฬมาไว้ในมือและตอบกลับไป
"เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
เช่นนั้นหรือ? เมื่อครั้งยังโลดแล่นอยู่ในยุทธภพข้าเคยได้ยินชื่อของเขา
แต่เขานั้นเก็บตัวและจะตีอาวุธให้แก่ผู้ที่มีชะตาต้องกันเท่านั้น
น่าเสียดายที่ข้าไม่มีวาสนาเช่นนั้น" หยินหลางพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
"ข้าจะสร้างความวุ่นวายให้แก่พวกอสูรหลังจากนั้นพวกเราจะลักลอบเข้าไปภายในเมือง
เมืองที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ การที่จะค้นหาของที่ข้าต้องการคงไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้นข้าจะต้องหาข้อมูลจากพวกมันให้ได้มากที่สุดก่อน"
ต้วนเจี้ยนบอกแผนของเขาให้กับหยินหลางและคนอื่น ๆ
"เจ้าคิดจะสร้างความวุ่นวายด้วยวิธีใดกัน?"
ซานหลางเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อมั่นเท่าใดนัก
"เจ้าคอยดูด้วยตาของเจ้าเอง"
ต้วนเจี้ยนพูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
ต้วนเจี้ยนถือดาบมังกรเพลิงทมิฬไว้ในมือ
และรวบรวมลมปราณไว้ที่ดาบในมือ และปล่อยไฟออกมา
โดยที่เขาพยายามทำให้มีลักษณะคล้ายกับเปลวไฟของอสูรมังกรสีชาด
ลูกไฟเหล่านั้นพุ่งไปทางกำแพงของเมืองหลาย ๆ จุดพร้อมกัน
หลังจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในทันที
ทำให้การป้องกันที่ประตูหน้าลดหย่อนลงไป เพราะพวกทหารอสูรต้องรีบช่วยกันดับไฟ
พวกเขาจึงรีบปกปิดใบหน้าและลอบเข้าไปในเมืองอสูรทันที………จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
Scroll to Top