test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

23 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.90 อาณาจักรซากทมิฬ



          เบื้องหน้าของต้วนเจี้ยนนั้น เป็นรอยต่อของอาณาจักรซากมังกรและ อาณาจักรซากทมิฬ เส้นเขตแดนนั้นไม่ได้ถูกกำหนดจากสิ่งใด แต่เป็นเมฆหมอกสีดำที่แผ่ขยายมาทางแผ่นดินใหญ่ ต้วนเจี้ยนได้รับการบอกเล่าจากเนี่ยลี่มาเล็กน้อยเท่านั้น เพราะในชีวิตที่แล้วของเนี่ยลี่ก็มิได้มายังอาณาจักรแห่งนี้

 


          ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในเมฆหมอก ต้วนเจี้ยนพยายามมองดูโดยรอบ แต่ก็สามารถมองเห็นเบื้องหน้าได้เพียงหนึ่งเอื้อมมือเท่านั้น

 


          ต้วนเจี้ยนจึงกางปีกของตนออกมา และกระพือปีกเพื่อพัดให้เมฆหมอกหายไป แต่ก็สามารถพัดไปได้ไม่ไกลนัก แต่ก็ทำให้ต้วนเจี้ยนมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า มันคือปากถ้ำขนาดใหญ่

 


          “หรือว่านี่คือทางเข้าของอาณาจักรซากทมิฬที่แท้จริง” ต้วนเจี้ยนพูดกับตัวเอง

 


          หลังจากนั้นไม่นานเมฆหมอกที่ถูกปีกของต้วนเจี้ยนพัดไปก็เริ่มกลับมาปกคลุมดังเดิม ในตอนนี้ต้วนเจี้ยนพอจะรับรู้แล้วว่า เมฆหมอกเหล่านี้มีไว้สำหรับปิดบังมิให้ผู้ใดเห็นทางเข้านี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะเก็บปีกไว้ดังเดิม

 


          ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 


          เสียงของลูกธนูแหวกอากาศมาทางด้านข้างของต้วนเจี้ยน แต่เขาก็ใช้มือจับลูกธนูทั้งสามเอาไว้ โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

 


          “ใครกัน?” ต้วนเจี้ยนตะโกนถามออกไปทันที แม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่เขาก็สามารถคาดเดาได้จากทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมาได้

 


          “ข้าควรจะเป็นฝ่ายถามเจ้า ข้าคือหัวหน้ากลุ่มโจรหมาป่าทมิฬ มีนามว่า หยินหลาง [


银狼:หมาป่าสีเงิน] เจ้าเป็นใครกัน?” ชายผู้หนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้า เขาเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าของเขามีแผลเป็นจากการถูกฟันขนาดใหญ่ สวมใส่เสื้อที่ทำจากขนของหมาป่า

 


          “กลุ่มโจรหมาป่าทมิฬ ที่ออกปล้นตามอาณาจักรต่าง ๆ แล้วมาหลบซ่อนอยู่ที่อาณาจักรซากทมิฬเช่นนั้นหรือ?” ต้วนเจี้ยนถามกลับไป เขาเคยได้ยินชื่อกลุ่มโจรนี้มาก่อน และดูเหมือนว่าหยินหลางผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่แปดเลยทีเดียว

 


          “เจ้าเด็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะไร้มารยาทยิ่งนัก ข้าได้แจ้งชื่อของข้าไปแล้ว แต่เจ้ากลับไม่แจ้งชื่อตนเอง” หยินหลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน และไม่พอใจยิ่งนัก

 


          “ข้านั้นมีนามว่าต้วนเจี้ยน ข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้เพื่อค้นหาสิ่งของบางอย่าง” ต้วนเจี้ยนตอบกลับไป โดยที่ไม่ได้มีท่าทีที่เกรงกลัวอันใดแม้แต่น้อย

 


          “เจ้าต้องการสิ่งใดกัน หากเป็นของที่ข้าครอบครองอยู่ เจ้าคงจะต้องนำเงินมาไม่น้อยเพื่อแลกเปลี่ยนกับมัน” หยินหลางพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา

 


          ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากปากถ้ำ พุ่งมาทางต้วนเจี้ยนและหยินหลางอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจึงรีบหลบทันที

 


          “ดูเหมือนว่าพวกเราจะพูดคุยกันเสียงดังเกินไป ทำให้อสูรมังกรเพลิงสีชาด ที่เฝ้าปากถ้ำเกิดความรำคาญเสียแล้ว” หยินหลางปรากฏตัวใกล้ ๆ กับต้วนเจี้ยนอีกครั้ง แม้ว่าจะมีเมฆหมอกปิดกั้นการมองเห็นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นปัญหาสำหรับแม้แต่น้อย

 


          ต้วนเจี้ยนได้ยินเช่นนั้นจึงชักดาบมังกรเพลิงทมิฬออกมา และหันไปทางปากถ้ำทันที

 


          “หากเจ้าสังหารมัน อสูรที่อยู่ในถ้ำก็จะออกมานับล้านตัว แม้ว่าพวกมันจะแพ้แสงอาทิตย์ แต่ด้วยเมฆหมอกเหล่านี้ พวกมันจึงสามารถออกมาจากถ้ำได้” หยินหลางรีบตะโกนห้ามต้วนเจี้ยนในทันที

 


          “ถ้าเช่นนั้นข้าควรทำเช่นใด?” ต้วนเจี้ยนถามออกไป เขาเองก็ไม่ต้องการให้พวกอสูรรับรู้การมาถึงของเขาเช่นกัน

 


          “ไม่ยาก เจ้าก็แค่สลบไปซะ!” หยินหลางโจมตีไปที่ศีรษะของต้วนเจี้ยนอย่างรุนแรง เนื่องจากเขาใช้ศิลาเร้นเมฆาในการปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้ ทำให้ในตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่งเท่านั้น

 


          ต้วนเจี้ยนตื่นขึ้นมาในถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แขนและขาของเขาถูกล่ามไปด้วยโซ่ที่มีลวดลายอาคมสลักอยู่เต็มไปหมด และดูเหมือนว่าดาบมังกรเพลิงทมิฬของเขาจะถูกยึดเอาไปอีกด้วย โชคดีที่เขากลืนแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของเอาไว้ในท้อง ทำให้เงินและยาทิพย์ต่าง ๆ ไม่ถูกแย่งชิงไป

 


          “เป็นดาบที่วิเศษยิ่งนัก หากผู้ที่มีความแข็งแกร่งต่ำกว่าระดับเทพสงครามจับต้องมัน จะถูกเปลวเพลิงทมิฬเผาไหม้ทันที เจ้ารู้ไหมว่าทำให้ลูกน้องข้าถูกเผาไปกี่คนแล้ว” หยินหลางพูดกับต้วนเจี้ยนที่ได้สติด้วยความไม่พอใจ

 


          “ใครขอให้พวกเจ้าทำตัวเป็นโจรขโมยดาบของข้าเล่า” ต้วนเจี้ยนตะโกนออกไป พร้อมกับขยับตัวดิ้นรนเพื่อกระซากโซ่ที่มัดตัวของเขาให้ขาด

 


          “เปล่าประโยชน์ โซ่ที่ใช้ผูกมัดเจ้าอยู่ สลักลวดลายอาคมชนิดพิเศษ ซึ่งมันจะปิดกั้นลมปราณทั้งหมดของเจ้า หากคิดที่จะทำลายโซ่เส้นนั้น เจ้าจะต้องใช้พลังกายของเจ้าเท่านั้น แต่โซ่ใหญ่ถึงเพียงนั้น ด้วยแรงกายของมนุษย์ไม่อาจที่จะทำได้เป็นแน่” หยินหลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน

 


          “เจ้าจับข้ามาด้วยเหตุใดกัน?” ต้วนเจี้ยนถามออกไป แม้ว่าจะถูกปิดกั้นลมปราณเอาไว้ แต่ด้วยสายเลือดมังกรทมิฬในตัวของเขาการที่จะทำลายโซ่นี้ไม่ใช่เรื่องที่ยากอันใด แต่เขาต้องหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อน

 


          “ดาบวิเศษของเจ้าเล่มนี้ หากนำไปขายคงได้ราคาดีไม่น้อย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีดาบเล่มนี้เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียว ข้าให้ลูกน้องค้นตัวเจ้าแล้วแต่ก็ไม่พบสิ่งใด ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องซุกซ่อนแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของไว้ที่ใดสักแห่งเป็นแน่ จงนำมันออกมาให้ข้า หลังจากนั้นข้าจะให้เจ้าตายโดยที่ไม่ต้องทรมานมากนัก” หยินหลางบอกความต้องการของตนออกไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้ต้วนเจียนมีชีวิตรอดกลับไปอย่างแน่นอน

 


          “หากข้ามอบให้เจ้า ข้าก็ต้องตาย ถ้าเช่นนั้นข้าจะมอบให้เจ้าด้วยเหตุผลอันใดกัน?” ต้วนเจียนหัวเราะและถามกลับไป โจรผู้นี้พูดจาตรงไปตรงมายิ่งนัก ทำให้เขารู้สึกชื่นชอบในตัวเขาไม่น้อย

 


          “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะหัวเราะได้ แม้ในยามที่ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย หากเจ้ายอมมอบสมบัติทั้งหมดให้แก่ข้า และยอมก้มหัวเป็นลูกน้องของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” หยินหลางตอบกลับไป เขาก็รู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของต้วนเจี้ยนไม่น้อยเช่นกัน

 


          “คงต้องขอปฏิเสธ ข้านั้นไม่ต้องการที่จะเป็นโจร ที่ได้แต่ปล้นชิงเงินทองจากชาวบ้าน เช่นท่าน” ต้วนเจี้ยนรีบปฏิเสธในทันที เขานั้นเป็นถึงประมุขนิกายเร้นเมฆา จะลดตัวไปเป็นลูกน้องของโจรได้อย่างไรกัน

 


          “เจ้าเด็กอวดดี! บังอาจพูดเช่นนี้กับท่านหัวหน้า” ลูกน้องคนหนึ่งของหยินหลางใช้แส้ฟาดเข้าที่ร้างกายของต้วนเจี้ยนอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาเป็นรอยสีแดงยาว เป็นเพราะไม่มีลมปราณปกป้องร่างกายทำให้ต้วนเจี้ยนรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย

 


          หยินหลางโบกมือให้ลูกน้องของเขาหยุด และพูดกับต้วนเจี้ยนว่า

 


          “ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน หากเจ้ายังคงปฏิเสธข้าจะสังหารเจ้าซะ”

 


          หลังจากนั้นหยินหลางก็ถือดาบมังกรเพลิงทมิฬออกไป ต้วนเจี้ยนจึงรีบตะโกนบอกไปทันที

 


          “ดาบเล่มนั้นมีนามว่าดาบมังกรเพลิงทมิฬ มีเพียงข้าที่สามารถใช้มันได้ หากท่านยังรักชีวิต ก็จงอย่าใช้มันจะดีกว่า” 

 


          เพี๊ยะ!

 


          ทันทีที่พูดจบลูกน้องของหยินหลางก็ใช้แส้ฟาดเข้าที่ร่างของต้วนเจี้ยนอีกครั้ง

 


          “พอได้แล้ว อย่าได้ลงมือกับมันอีก จากนี้ไปให้จัดเตรียมอาหารและน้ำให้แก่มันด้วย” หยินหลางสั่งลูกน้องของเขาพร้อมกับเดินออกไปทันที

 


          “โชคดีที่ท่านหัวหน้าเมตตา ถ้าไม่เช่นนั้นข้าจะโบยเจ้าให้ตายด้วยมือของข้าเอง” ลูกน้องของหยินหลางเขวี้ยงแส้ลงพื้นด้วยความโกรธเกรี้ยว หากไม่ใช่เพราะเป็นคำสั่งของหยินหลาง เขาคงจะไม่ยอมหยุดมือเพียงเท่านี้เป็นแน่

 


          “ข้าหิวแล้ว” ต้วนเจี้ยนพูดออกไป เขาตั้งใจที่จะยั่วโมโหลูกน้องของหยินหลางผู้นี้

 


          เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนเจี้ยน ลูกน้องของหยินหลางก็โมโหจนแทบจะเป็นบ้า เขากลายเป็นคนรับใช้ไปแล้วหรืออย่างไร จึงต้องหาอาหารให้กับต้วนเจี้ยนเช่นนี้

 


          แต่ด้วยเพราะเป็นคำสั่งของหยินหลาง เขาจึงไปหาหมั่นโถมาให้ต้วนเจี้ยน พร้อมกับยัดเข้าที่ปากของต้วนเจี้ยนเพื่อกลั่นแกล้งเขา แต่ต้วนเจี้ยนก็กลืนหมั่นโถลงคอไปอย่างรวดเร็ว

 


          “จงนำมาให้ข้าอีก หมั่นโถเพียงลูกเดียว ข้าจะอิ่มได้เช่นใดกัน?” ต้วนเจี้ยนตะโกนออกไปอีกครั้ง

 


          เขาจำต้องไปนำหมั่นโถอีกสามลูกมาให้แก่ต้วนเจี้ยน อาหารในอาณาจักรแห่งนี้หาได้ยากยิ่งนัก หมั่นโถเหล่านี้ พวกพวกได้รับมาจากโรงเตี๊ยมที่อยู่ชายแดนอาณาจักรซากมังกร เพื่อแลกกับการไม่ถูกปล้น แต่จำนวนที่ได้มาก็ไม่ได้มากมายเท่าใดนัก การที่ต้องนำมาให้ต้วนเจี้ยนถึงสี่ลูก นั่นทำให้อาหารของพวกเขาหายไปไม่น้อย

 


          ต้วนเจี้ยนคิดว่า การที่ถูกจับเช่นนี้ ทำให้เขาไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการถูกโบย สำหรับเขาแล้วความเจ็บปวดเพียงเท่านี้ไม่อาจเทียบได้กับตอนที่เนี่ยลี่ได้ช่วยเหลือเขามาจากตระกูลปีกสีเงิน

 


          อย่างน้อย ๆ สามวันนี้ข้าก็จะปลอดภัยและมีอาหารให้ทานจนอิ่มท้องต้วนเจี้ยนคิดและเริ่มหลับตาเพื่อพักผ่อนหลังจากที่ทานหมั่นโถจนหมดทั้งสี่ลูก

 


          เมื่อเห็นเช่นนั้นลูกน้องของหยินหลางจึงรีบไปร้องเรียนกับหยินหลางทันที

 


          “ท่านหัวหน้า เหตุใดท่านจึงต้องเลี้ยงดูเจ้าเด็กหนุ่มอวดดีนั่นเอาไว้ พวกเรานั้นทานหมั่นโถเพียงมื้อละหนึ่งลูก แต่เจ้าเด็กอวดดีนั่นทานถึงสี่ลูก หากเป็นเช่นนี้เสบียงของพวกเราคงลดลงอย่างรวดเร็วเป็นแน่”

 


          “ซานหลาง ข้าจะให้โอกาสมันเพียงแค่สามวันเท่านั้น หากเสบียงหมด ก็จะไปบอกเถ้าแก่โรงเตี๊ยมว่าเราขอหมั่นโถเพิ่มอีกวันละสิบลูก เจ้าดูดาบเล่มนี้สิ ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนั่นจะเรียกว่าดาบมังกรเพลิงทมิฬ มันถูกตีจากโลหะที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าคิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!” หยินหลางเรียกซานหลางมาดูดาบในมือของเขา

 


          “ขอข้าดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอแล้วท่านหัวหน้า หากข้าสัมผัสเจ้าดาบบ้านี่ ตัวข้าคงถูกเผาด้วยเพลิงทมิฬดั่งพี่น้องของเราก่อนหน้านี้เป็นแน่” ซานหลางรีบปฏิเสธทันที เขายังจดจำภาพของเหล่าพี่น้องที่ถูกเพลิงทมิฬแผดเผาไปได้

 


          “ดาบเล่มนี้ มีค่าควรเมือง ข้าจะตรวจสอบมันให้ละเอียด ในสามวันนี้ข้าคงต้องฝากให้เจ้าดูแลเจ้าเด็กหนุ่มผู้นั้นด้วย” หยินหลางยังคงจับจ้องดาบมังกรเพลิงทมิฬอย่างไม่วางตา เขาเชื่อว่าผู้ที่ตีดาบเล่มนี้ขึ้นมาจะต้องเป็นมีฝีมือระดับปรมาจารย์เป็นแน่

 


          “ข้าเข้าใจแล้ว” ซานหลางรีบเดินออกจากห้องพักของหยินหลางและกลับไปเฝ้าต้วนเจี้ยนตามเดิม

 


          เมื่อเห็นว่าซานหลางกลับมาที่ห้อง ต้วนเจี้ยนจึงถามออกไปทันที

 


          “ที่นี่คือที่ใดกัน ใช่ถ้ำที่ข้าเห็นก่อนหน้านี้หรือไม่?

 


          “หากอยู่ในถ้ำแห่งนั้น ไม่เพียงแต่แต่เจ้า แม้แต่พวกข้าทุกคนก็คงถูกพวกอสูรจับกินไปจนหมดแล้ว นี่คือถ้ำเล็ก ๆ ที่พวกข้าค้นพบโดยบังเอิญและใช้เป็นที่ซุกซ่อนตัวจากทางการเท่านั้น” ซานหลางพูดพร้อมกับหัวเราะ กับคำถามที่ฟังดูราวกับเป็นคนโง่จากต้วนเจี้ยน

 


          “ถ้าเช่นนั้น ถ้ำแห่งนี้ก็อยู่ในเมฆหมอกของอาณาจักรซากทมิฬ เจ้าไม่กลัวว่าพวกอสูรจะบุกมาโจมตีหรืออย่างไร?” ต้วนเจี้ยนถามออกไปด้วยความสงสัย

 


          “พวกข้าอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้มาเกือบสิบปี ข้ายังไม่เคยเห็นพวกมันออกมาจากถ้ำอสูรแม้แต่ครั้งเดียว” ซานหลางตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน

 


          ต้วนเจี้ยนคิดถึงสิ่งที่ได้ฟังมาจากหยินหลางก่อนหน้านี้ อสูรเหล่านี้แพ้แสงดวงอาทิตย์ การที่ไม่ออกมาจากถ้ำอสูร คงเป็นเพราะเหตุผลข้อนี้ แต่ว่าด้วยเมฆหมอกที่ปกคลุมอาณาจักรนี้อยู่ ก็ทำให้แสงดวงอาทิตย์ไม่อาจสาดส่องผ่านมาได้ ถ้าเช่นนั้นพวกอสูรก็ต้องสามารถอยู่ภายในเมฆหมอกเหล่านี้ได้เช่นกัน ดังนั้นถ้ำแห่งนี้ก็คงไม่ใช่สถานที่ ที่ปลอดภัยเท่าใดนัก

 


          ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังไปทั่ว และทั่วทั้งถ้ำดูเหมือนว่าจะสั่นสะเทือนราวกับว่าจะถล่มลงมา

 


          “อสูรมังกรเพลิงสีชาดบุกมาที่ถ้ำของเรา รีบหลบหนีเร็วเข้า!” มีชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาและแจ้งข่าวแก่ซานหลาง...........จบตอน



แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง