คืนนั้นมีเพียงฉุนฟง ที่มาพบกับพวกซูเซียงจิ้ง ในคืนนี้นางก็ยังคงมีผ้าที่ปิดบังใบหน้าส่วนล่างของนาง
“เหตุใดเจ้าจึงต้องปกปิดใบหน้าเช่นนี้” เว่ยหนานอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“สำหรับเรื่องนี้ หากมิได้แต่งงาน หญิงสาวแห่งตระกูลเทพวายุ จะต้องปกปิดใบหน้าเอาไว้” ฉุนฟงตอบกลับไป ใบหน้าส่วนที่ไม่ได้ปิดบังเริ่มมีสีแดงขึ้นเล็กน้อย
“ตลอดวันนี้พวกข้าไปสืบข่าวในเมืองมา ยังไม่เห็นสิ่งใดที่ผิดปกติแม้แต่น้อย สิ่งที่พวกเจ้าพูดมาเมื่อคืนวาน พวกข้ายังไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นความจริง” จางหมิงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“คงเป็นเรื่องยากที่พวกท่านจะสืบหาความจริงได้ในเร็ววัน การเคลื่อนไหวของพวกท่านนั้นถูกจับตาอยู่ตลอดเวลา เช่นนั้นแล้วมีหรือที่ราชินีจะให้คนแปลกหน้าเช่นพวกท่านเข้าพบได้ง่ายถึงเพียงนี้ นางคงต้องการให้พวกท่านตายใจเป็นแน่” ฉุนฟงแย้งกลับไป
“พวกข้าต้องการหลักฐานที่ชัดเจนไปกว่า คำพูดเพียงฝ่ายเดียวของพวกเจ้า” ซูเซียงจิ้งพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่รู้ว่า คำพูดของข้าในเรื่องนี้จะพอเป็นหลักฐานได้หรือไม่ กระจกข้ามภพนั้น ถูกเก็บอยู่ในห้องนอนของราชินี ยามที่พวกท่านไปดื่มน้ำชาตามคำเชิญของราชินี พวกท่านลองสอบถามเรื่องนี้ดู พวกท่านก็จะทราบว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นคือเรื่องจริง” ฉุนฟงพูดออกไปด้วยท่าทีที่จริงจัง
“หากสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง เจ้าต้องการให้พวกข้าทำสิ่งใด” ซูเซียงจิ้งถามกลับไปถึงสิ่งที่ฉุนฟงต้องการ
“ข้าต้องการให้ท่านสังหารนางซะ เมื่อไร้ซึ่งราชินี พวกข้าที่สืบสายเลือดมาจากน้องชายของราชาองค์ก่อน ย่อมได้ขึ้นปกครองเมืองอย่างชอบธรรม” ฉุนฟงพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
“หากนางครอบครองกระจกข้ามภพจริง พวกเราจะตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นใด ขอให้เจ้ามาฟังข่าวหลังจากนั้น” ซูเซียงจิ้งตอบกลับไป เขาไม่ต้องการที่จะพูดอะไรที่ผูกมัดตัวเองมากเกินไป
“ตกลง จริงสิแท้จริงแล้วในวันนี้น้องสาวของข้าเองก็ต้องการที่จะเดินทางมากับข้า แต่พวกนางติดภารกิจอื่นจึงมิได้ติดตามมาด้วย พวกนางฝากให้ข้านำขนมอบมาให้พวกท่าน แทนคำขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อวานนี้” ฉุนฟงนำห่อขนมอบส่งให้กับ เว่ยหนานและจางหมิง
“ไม่มีของข้าเช่นนั้นหรือ?” ซูเซียงจิ้งถามด้วยความสงสัยที่เห็นห่อขนมเพียงแค่สองห่อเท่านั้น
“เนื่องจากข้านั้นไร้ฝีมือเรื่องทำอาหาร ข้าจึงเย็บถุงผ้ามาให้ท่านแทน ข้าขอตัวลา” ฉุนฟงวางถุงผ้าที่เย็บขึ้นมาไว้บนโต๊ะและหันหลังเดินออกไปทันที ซูเซียงจิ้งหยิบขึ้นมา ก็พบว่ามีกลิ่นหอมจาง ๆ ที่คล้ายกับกลิ่นของนางยิ่งนัก
สองวันต่อมา ทั้งสามคนเดินทางไปที่ตำหนักของราชินีอีกครั้ง ซึ่งราชินีได้จัดเตรียมห้องสำหรับดื่มชาเอาไว้ เป็นที่น่าแปลกใจที่นางมิได้มีการจัดเตรียมองครักษ์ไว้แม้แต่คนเดียว
“พวกท่านคิดว่าชาไป๋หาวหยินเจิน ของเมืองเราเป็นเช่นใดบ้าง” ราชินีเอ่ยถาม
[白毫银针 ไป๋หาวหยินเจิน แปลตรง ๆ ได้ว่า ชาขนขาวเข็มเงิน ชานี้จัดเป็นชาขาวและที่มาของชื่อชานี้เปรียบมาจาก สี่สุดยอดหญิงงามในประวัติศาสตร์จีน คือหวางเจาจวิน ไซซี หยางกุ้ยเฟย และ เตียวเสี้ยน
ชาชนิดนี้จัดเป็นชาขาว การเก็บเกี่ยวมาทำเป็นใบชาพร้อมชงจะใช้เฉพาะหน่อของยอดชา
ซึ่งมีลักษณะเหมือนเข็มเย็บผ้า มีสีเงินวาววับ เมื่อนำมาชงดื่มจะพบว่ามีกลิ่นหอม
หวาน ชุ่มคอ น้ำชาที่อยู่ในแก้วจะสดใสสวยสด]
“ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ของอาณาจักรแห่งนี้
ทำให้เพาะปลูกชาชั้นเลิศถึงเพียงนี้ได้ ข้าขอชื่นชมราชินียิ่งนัก หากเป็นไปได้
ข้าคงต้องหาซื้อและนำกลับไปขายที่อาณาจักรของข้าบ้างเสียแล้ว”
เว่ยหนานที่แจ้งว่าเป็นพ่อค้าจากต่างเมืองพูดขึ้นมา หลังจากที่ได้ดื่มชา
“หญิงงามที่เป็นดั่งเข็มเงิน
คำพูดนี้มิได้เกินเลยไปแม้แต่น้อย” เว่ยหนานเอ่ยปากชม โดยเปรียบเปรยชากับหญิงสาว
ซึ่งคำชมนี้ทำให้ราชินีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“องค์ราชินี
ข้ามีเรื่องที่ต้องการเอ่ยถามจักเป็นการเสียมารยาทหรือไม่?”
ซูเซียงจิ้งพูดแทรกขึ้นมาอย่างสุภาพ
“หากมิได้เป็นเรื่องที่เป็นความลับของเรา
ข้าสามารถตอบท่านได้อย่างแน่นอน” ราชิตีตอบกลับในทันที
“ข้าได้ยินว่ามา
องค์ราชินีทรงมีผลึกแก้วที่งดงามงามยิ่งนัก หากองค์ราชินีไม่รังเกียจ
ข้าขอชมความงดงามของมันได้หรือไม่?” ซูเซียงจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา
“สำหรับเรื่องนั้น
ข้าคงไม่อาจให้พวกท่านดูได้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่สามีข้า ได้มอบให้เป็นของหมั้นหมาย
ในตอนนี้ มันเป็นเพียงของที่ข้าใช้ดูต่างหน้าสามีเท่านั้น” ราชินีตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าคงต้องขอเสียมารยาทแล้ว”
ซูเซียงจิ้งนำพู่กันสวรรค์ออกมาและเขียนลวดลายอาคม ที่หน้าผากขององค์ราชินีทำให้นางไม่อาจที่จะขยับตัวได้
“เหตุใดพวกท่านจึงไม่สังหารนางซะ!”
เสียงของฉุนฟงดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของห้องดื่มชา
“ข้าบอกเจ้าแล้ว
ว่าพวกข้าจะตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นใด” ซูเซียงจิ้งแย้งกลับไป
เขารู้ว่านางนั้นแอบอยู่ในห้องนี้มานานแล้ว จากกลิ่นหอมของนาง
“ถ้าเช่นนั้น
พวกข้าก็จะทำตามความต้องการของพวกข้า” ฮุ่ยฟงที่แอบอยู่อีกด้าน
พุ่งออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับพุ่งกระบี่ไปที่ราชินีทันที
กึก!
กระบี่ของนางหยุดอยู่ตรงหน้าขององค์ราชินี
และไม่อาจแทงไปจนถึงผิวกายของนางได้ ราวกับมีม่านพลังกั้นขวางเอาไว้
“นี่คือลวดลายอาคมเกราะสวรรค์
แม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก
แต่ด้วยระดับพลังของพวกเจ้าคงไม่อาจทำลายได้เป็นแน่”
ซูเซียงจิ้งพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
ทางด้านจางหมิงได้หยิบขลุ่ยหยกสวรรค์ขึ้นมาเป่า
ด้วยท่วงทำนองกังวาลสวรรค์ จะส่งผลให้พวกอสูรรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก มีเพียงองค์ราชินีที่ถูกลวดลายอาคมเกราะสวรรค์ปกป้องเอาไว้จึงไม่ได้รับผลกระทบ
“นี่พวกเจ้า
รู้ว่าพวกข้าเป็นอสูรตั้งแต่เมื่อใดกัน?” ฉุนฟงพูดขึ้นมาขณะใช้มือทั้งสองปิดหูเอาไว้
ด้วยความเจ็บปวดจากท่วงทำนองกังวาลสวรรค์ของจางหมิง
“พวกข้าไม่ใช่คนโง่
ทุกคำพูดและการกระทำของพวกเจ้าล้วนเต็มไปด้วยความน่าสงสัย
พวกข้าไม่ไว้ใจตั้งแต่วันแรกที่พวกเจ้าลอบเข้าไปที่โรงเตี๊ยมแล้ว”
ซูเซียงจิ้งตอบกลับไป
“เรื่องอันใดบ้าง?” ฉุนฟงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
แม้ว่านางจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่ก็ตาม
“ข้อสงสัยที่หนึ่ง
เจ้าหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามว่าเหตุใดจึงยอมลดตัวขอร้องพวกข้า” ซูเซียงจิ้งอธิบายถึงสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่แรก
แม้ว่าพวกจากจะพยายามเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
แต่กลับไม่พูดถึงเรื่องนี้ที่เขาได้ถามออกไปก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ข้อสงสัยที่สอง
พวกเจ้าลอบติดตามพวกข้าไปทุกแห่ง และรู้เรื่องราวมากเกินกว่าที่พวกข้าได้เล่าให้ฟัง”
จางหมิงลดขลุ่ยลงและพูดออกไป ก่อนที่จะกลับมาเปล่าขลุ่ยเช่นเดิม การที่นางทราบเรื่องกระจกข้ามภพ
เป็นจุดที่พวกเขาสงสัยที่สุด
“ข้อสงสัยที่สาม
คือการที่พวกเจ้าสามพี่น้องปกปิดใบหน้าอยู่ตลอดเวลา นั่นแสดงถึงความไม่จริงใจ
สิ่งที่พวกเจ้ากล่าวอ้างมา พวกข้าได้สืบหามาแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย”
เว่ยหนานกระโดดไปตรงหน้าของฮุ่ยฟง พร้อมกับดึงผ้าที่ปกปิดใบหน้าอยู่ออก
ก็ได้เห็นว่า ส่วนปากของนางยังคงมีรูปลักษณ์ที่เป็นอสูรอยู่
พวกนางนั้นยังไม่อาจที่จะแปลงกายเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้
ทันใดนั้นเชวี่ยฟง
ที่หลบซ่อนอยู่ก็ปรากฏกายขึ้นด้วยรูปลักษณ์ของอสูร
นางคืออสูรที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับตั๊กแตน
นางพุ่งไปยังจางหมิงที่เปล่าขลุ่ยอยู่และใช้มือที่เป็นเคียวของนางฟันลงไปที่ขลุ่ยทันที
ทันทีที่แขนคียวของนางฟันลงไปที่ขลุ่ยหยกสวรรค์
แขนเคียวของนางกลับเป็นฝ่ายที่หักแทน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“คงจะไม่ยุติธรรมเท่าใดนัก
หากเอาชนะพวกเจ้าด้วยท่วงทำนองกังวาลสวรรค์”
จางหมิงหยุดเปล่าขลุ่ยและและลุกขึ้นเตรียมที่จะต่อสู้
ทันทีที่เสียงขลุ่ยเงียบไป
เชวี่ยฟงก็ใช้แขนเคียวอีกข้างฟันไปที่จางหมิงทันที
แต่จางหมิงก็ใช้ขลุ่ยหยกสวรรค์ต้านรับได้อย่างง่ายดาย
“เพื่อตอบแทนที่เจ้าทำขนมให้ข้า
ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่ทรมานนัก”
จางหมิงกระโดดข้ามหัวนางไปทางด้านหลังพร้อมกับใช้ขลุ่ยหยกสวรรค์แทงไปที่ยังจุดเซินจู้ ที่ตรงด้านหลังของนาง
พร้อมกับซัดลมปราณเข้าไปอย่างเต็มที่ ทำให้นางขาดใจตายไปในทันที
“จางหมิง
เจ้านั้นลงมือเช่นนั้น ใจร้ายยิ่งนัก” เว่ยหนานพูดขึ้นมา
เมื่อเห็นจางหมิงสังหารนางเช่นนั้น
เมื่อเห็นว่าเว่ยหนานไม่ได้จับตามองอยู่
ฮุ่ยฟงจึงรีบหยิบประบี่และพุ่งไปที่เว่ยหนานทันที
เว่ยหนานนั้นไม่ได้มองการโจมตีนี้แม้แต่น้อย ทันใดนั้นลูกคิดทองคำก็ปรากฏขึ้นมาปกป้องเขาเอาไว้
และกระแทกนางให้ถอยออกไป ด้วยความแรงที่ถูกกระแทกทำให้นางถึงกับกระอักเลือดออกมา
“ข้าเองก็ไม่ต้องการทำเช่นนี้หรอกนะ
ลูกคิดทองคำสยบอสูร!”
เว่ยหนานใช้ฝ่ามือกระแทกไปที่ลูกคิดทองคำที่ลอยอยู่ตรงหน้า และปล่อยลมปราณออกไป
ทำให้ดูเหมือนว่ามีเม็ดลูกคิดทองคำพุ่งออกไป จำนวนหลายสิบเม็ด
พุ่งทะลุร่างกายของฮุ่ยฟงและขาดใจตายไปในทันที
“เจ้าบอกว่าข้านั้นใจร้าย
แล้วที่เจ้าทำนั้นควรเรียกเช่นใดกัน?” จางหมิงพูดตอบกลับไปเมื่อเห็นว่า เว่ยหนานนั้นทำเช่นใด
“อย่างน้อยข้าก็สังหารนางในรูปลักษณ์ของมนุษย์ที่งดงาม
นั่นคือความใจดีของข้า” เว่ยหนานส่ายศรีษะก่อนที่จะแย้งกลับไป
“ตอนนี้เหลือเพียงเจ้าเท่านั้น
หากเจ้ามอบกระจกข้ามภพให้แก่ข้า และพูดความจริงทั้งหมดมา
ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้” ซูเซียงจิ้งพูดกับฉุนฟงด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ถ้าต้องการรู้ความจริงข้าก็จะพูดเอง
พวกข้าสามพี่น้องเป็นสาวกของบริวารแห่งเทพ
น่าเสียดายที่ฝีมือพวกข้านั้นอ่อนด้อยเกินไป บริวารแห่งเทพได้แจ้งข่าวมาว่า
อาจมีพวกมนุษย์ที่พยายามแย่งชิงกระจกข้ามภพจากอาณาจักรต่าง ๆ
จึงให้ข้าตรวจสอบคนแปลกหน้าที่เข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้และหาทางกำจัดซะ
และข้าเองก็ต้องการครอบครองอาณาจักรแห่งนี้จึงคิดล่อลวงให้พวกเจ้าสังหารราชินี
แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะมองออกทั้งหมด” ฉุนฟงพูดด้วยความเจ็บแค้น
ไม่ว่าพวกนางสามพี่น้องจะฝึกฝนเท่าใด
ก็ไม่อาจที่จะบรรลุพลังในระดับที่สูงกว่านี้ได้
เดิมทีกระจกข้ามภพนี้เคยเป็นของบิดาของนาง แต่เขาก็ล้มป่วยและจากไปเมื่อหลายปีก่อน
“นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ”
ฉุนฟงโยนกระจกข้ามภพไปให้แก่ซูเซียงจิ้ง
“ข้านั้นรักษาสัจจะ
เมื่อเจ้ายอมทำตามที่ข้าพูดข้าจะปล่อยเจ้าไป”
ซูเซียงจิ้งรับกระจกข้ามภพมาและพูดออกไป
“เมื่อน้องของข้าล้วนจบชีวิตที่นี่
ข้าก็ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป” ฉุนฟงใช้ผ่ามือซัดเข้าที่หน้าผากของตนและขาดใจตายไปในทันที
ความผิดพลาดของพวกนางหากรู้ถึงบริวารแห่งเทพ
โทษที่พวกนางได้รับก็ไม่พ้นไปจากความตาย การที่ฆ่าตัวตายเช่นนี้
อาจจะเป็นหนทางที่เจ็บปวดน้อยยิ่งกว่าอีกด้วย
ซูเซียงจิ้ง
เว่ยหนาน และจางหมิง มองไปยังศพทั้งสามด้วยความหดหู่ แต่สงครามก็ไม่อาจเลี่ยงได้
พวกเขาจึงได้แต่ถอนหายใจเท่านั้น
จากนั้นพวกเขาก็เดินไปหาองค์ราชินีและพูดขึ้นว่า
“ขออภัยที่ต้องให้องค์ราชินีมาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ทั้งสามคนพูดพร้อมกับประสานมือเพื่อขออภัย
“ก่อนหน้านี้ข้าก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก
เมื่อได้มองตัวอักษรที่ท่านมอบให้ ผ่านแสงจันทร์
จึงพบว่ามีอักษรที่ซ่อนเร้นอยู่ในอักษรนั้น เรื่องของกองกำลังสลายวายุ
ข้าเองก็ทราบข่าวมานานแล้ว การที่มนุษย์และอสูรอยู่ร่วมกัน
ทำให้การจับพวกนางมาลงโทษเป็นเรื่องที่ลำบากนัก
สำหรับเรื่องนี้ข้าคงต้องเป็นฝ่ายที่ขอบคุณพวกท่านทั้งสาม” องค์ราชินีพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้า ซูเซียงจิ้งได้เขียนเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ในตัวอักษรที่มอบให้องค์ราชินีไป
และได้บอกกล่าวแผนการณ์ในวันนี้ตอนที่เข้ามาตำหนัก โดยที่ไม่ให้ผู้ใดเห็น
“สำหรับศพของพวกนาง
อีกไม่นานก็คงจะสลายไป แต่ข้าขอบังอาจขอร้ององค์ราชินี
ให้ทำป้ายวิญญาณให้แก่พวกนางได้หรือไม่” ซูเซียงจิ้งประสานมือและพูดขึ้นมา
นี่เป็นการแสดงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่พวกนาง
“สำหรับเรื่องนี้ข้าจะจัดการให้
และจะสร้างสุสานให้แก่พวกนางทั้งสามด้วย” องค์ราชินีตอบกลับไป
“และข้าจะมอบสิ่งนี้เพื่อตอบแทนน้ำใจของท่านทั้งสาม”
องค์ราชินีบินขึ้นไปด้วยปีกของนาง ละอองปีกนั้นพัดพามาที่ร่างของทั้งสามคน
พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังแห่งวายุที่สถิตอยู่ในละอองจากปีกเหล่านั้น
“ด้วยผงจากปีกของข้า
จะทำให้พวกเจ้าได้รับพลังแห่งวายุสถิตอยู่ และยังทำให้เพศตรงข้ามหลงไหลจากกลิ่นหอมของมันอีกด้วย”
องค์ราชินีค่อย ๆ บินลงมาที่พื้นดังเดิมและพูดออกไป
“ขอบคุณองค์ราชินียิ่งนัก
จากนี้ไปพวกข้าคงจะหาหญิงสาวมาคู่กายได้ง่ายขึ้น” จางหมิงพูดขอบคุณพร้อมกับหัวเราะ
พวกเขาสามพี่น้องนั้น ไม่ค่อยมีโชคเรื่องผู้หญิงเท่าใดนัก
ทำให้จางหมิงรู้สึกยินดียิ่งนักทีได้รับสิ่งที่วิเศษถึงเพียงนี้
ด้วยผงปีกที่เต็มไปด้วยพลังแห่งวายุ
ดุเหมือนว่าจะทำให้ระดับพลังของพวกเขาสูงขึ้นเล็กน้อย
จนใกล้ที่จะบรรลุขั้นที่สองของระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
อีกไม่กี่วันต่อมา
เนี่ยลี่ก็ได้มารับพวกเขากลับไป
เว่ยหนานก็อดไม่ได้ที่จะบอกเล่าสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอ
รวมไปถึงพลังที่ใช้ดึงดูดเพศตรงกันข้ามที่ได้มาด้วย
ทำให้เนี่ยลี่อดที่จะหัวเราะไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็คงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการหาคู่ครองให้สหายทั้งสามคนนี้แล้ว..............จบตอน