test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

20 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.87 กิเลนสวรรค์




          “กิเลนฟ้า เจ้าทำอะไรกัน?” ตู่ซื่อทรุดลงกับพื้น ราวกับว่าเรี่ยวแรงของเขาถูกกิเลนฟ้าดึงไxจนหมด

 


          กิเลนฟ้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้มองเห็นเพียงประกายแสงที่พุ่งไปมาเท่านั้น เข้าโจมตีกิเลนนรกอย่างต่อเนื่อง ดูราวกับเป็นการโจมตีหลายทิศทางพร้อม ๆ กัน

 


          กิเลนนรกที่เพิ่งจะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ยังไม่สามารถควบคุมพลังได้ดีนัก ด้วยความเร็วของกิเลนฟ้านั้น ทำให้กิเลนนรกไม่อาจป้องกันได้เลยแม้แต่น้อย

 


          “การฝืนแยกออกมาจากร่างมนุษย์เช่นนี้ เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ไม่นานเท่านั้น คิดจะแลกชีวิตกับข้าเช่นนี้มันคุ้มแล้วหรือ?” กิเลนนรกตะโกนออกไป การถูกโจมตีต่อเนื่องทำให้เขาเริ่มได้รับบาดเจ็บ และรอยแผลที่ได้รับจากกิเลนฟ้านั้น จะมีสายฟ้าแฝงอยู่ด้วย ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา

 


          “การล้างแค้นให้กับคนทรยศของเผ่าพันธุ์กิเลนเช่นเจ้า มันย่อมคุ้มค่าอยู่แล้ว” กิเลนฟ้าตอบกลับไป พร้อมกับใช้ปากงับเข้าที่คอของกิเลนนรกทันที จากนั้นก็หมุนตัวกระโดดสูงขึ้นไปบนฟ้า ดั่งชื่อของกระบวนท่า กิเลนคืนสวรรค์

 


          “ข้าไม่ยอมตายพร้อมกับเจ้าเป็นแน่!” กิเลนนรกตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกับใช้กรงเล็บแทงเข้าที่ลำตัวของกิเลนฟ้า

 


          แม้ว่าจะเจ็บปวดจากบาดแผลที่ลำตัว แต่กิเลนฟ้ายังคงกัดคอของกิเลนนรกไว้ไม่ยอมปล่อย และพุ่งทะยานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ

 


          “หากเจ้าและข้าตายไป จะมีเพียงกิเลนเพลิงเท่านั้นที่มีชีวิต เจ้าคิดที่จะให้สายเลือดกิเลนสูญสิ้นไปเช่นนั้นหรือ?” กิเลนนรกยังคงดิ้นรน และใช้กรงเล็บแทงไปทั่วร่างของกิเลนฟ้า ทั่วทั้งร่างของกิเลนฟ้าในตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด

 


          ในตอนนี้กิเลนฟ้านั้นได้หมดสติไปแล้ว แต่ฟันของเขายังคงกัดแน่นที่คอของกิเลนนรก และดูเหมือนว่าเวลายิ่งผ่านไป ฟันของกิเลนฟ้าก็ยิ่งกัดลึกลงไปมากยิ่งขึ้น

 


          “ผู้ที่นำพาพวกอสูร ให้มาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กิเลนเช่นเจ้า กล้าพูดว่าหลานข้าคิดจะทำให้สายเลือดกิเลนสูญสิ้นไปเช่นนั้นหรือ? เมื่อใดกันที่เจ้าจะสำนึกในความผิดของตน” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของกิเลนนรก เป็นเสียงที่เขายังคงจดจำได้ดี นี่คือเสียงของสหายของเขากิเลนสวรรค์นั่นเอง

 


          “กิเลนสวรรค์ เจ้าคงเหลือเจตจำนงของตนเองไว้ไว้ที่ร่างหลานชายของเจ้าเช่นนั้นหรือ?” กิเลนนรกถามกลับไป

 


          “ข้าเพียงแค่ผนึกเจตจำนงเอาไว้ ให้ปรากฏขึ้นมายามที่มีผู้ใช้กระบวนท่ากิเลนคืนสวรรค์เท่านั้น บังเอิญว่าคนผู้นั้นกลับเป็นหลานของข้าก็เท่านั้น” กิเลนสวรรค์ตอบกลับไป

 


          “แต่เจ้าคงจะผิดหวังที่ไม่ได้คุยกับหลานของเจ้า เพราะเจ้าเด็กโง่นั้นหมดสติไปแล้ว” กิเลนนรกตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน

 


          ในตอนนี้กิเลนฟ้าและกิเลนนรกนั้นลอยขึ้นไปสูงหลายพันลี้แล้ว

 


          “หลานชายข้านั้นมิได้โง่เง่า แต่เป็นเด็กหนุ่มที่กล้าหาญ เจ้าต่างหากเล่าที่โง่เขลา เมื่อไหร่จะตาสว่างเสียที” กิเลนสวรรค์ตะโกนกลับไป

 


          “ข้านั้นมิได้ทำอะไรผิด หากข้าไม่ทำเช่นนั้นข้าก็ไม่อาจมีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้ ความเจ็บแค้นที่เผ่าพันธุ์ของเราถูกสังหารข้านั้นมีอยู่เต็มหัวใจ ในตอนนั้นไม่ว่าข้าจะเลือกหนทางใด เผ่าพันธุ์กิเลนของเราก็ต้องถูกพวกอสูรล่าสังหารอยู่ดี” กิเลนนรกตอบกลับไปด้วยความคับแค้นใจ ไม่ว่าจะหนทางใดเผ่าพันธุ์กิเลนก็ต้องสูญสิ้น เขาจึงเลือกที่จะเอาตัวรอดและเฝ้ารอวันที่จะล้างแค้นด้วยตัวเอง

 


          “เจ้านั้นต้องใช้วิธีการดูดกลืนชีวิตผู้อื่นมากมาย เพื่อที่จะบรรลุระดับพลังถึงขั้นนี้ได้ แต่หลานชายของข้าและสหายสามารถบรรลุพลังระดับนี้ได้โดยที่ไม่ต้องสังเวยชีวิตของผู้ใด” กิเลนสวรรค์แย้งกลับไป

 


          ด้วยคำพูดของกิเลนสวรรค์ นั้นราวกับเข็มนับหมื่นที่พุ่งเข้าทิ่มแทงหัวใจของเขา หากเขามีความกล้าเพียงเศษเสี้ยวของกิเลนฟ้า และต่อสู้เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์กิเลน บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่ต้องจบลงดั่งที่เป็นมาก็ได้

 


          น้ำตาสีดำค่อย ๆ ไหลออกมาจากดวงตาของกิเลนนรก ตั้งแต่วันที่เขาทรยศเผ่าพันธุ์ของตนเอง เขาก็ไม่เคยหลั่งน้ำตาเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้เขาเริ่มรับรู้ถึงความผิดที่เขาได้เคยก่อขึ้นมา

 


          กิเลนนรกปล่อยให้เขากิเลนสีดำของเราหล่นลงไปที่ตัวของกิเลนฟ้า และพูดขึ้นว่า

 


          “เจ้าหลานชาย เขานี้คือชีวิตของข้า เจ้าเป็นฝ่ายชนะจงรับสิ่งนี้ไป” ร่างกายของกิเลนนรกค่อย ๆ กลายเป็นเมฆหมอกสีดำและเข้าไปอยู่ในเขาคู่นั้น

 


          “หลานชายของข้า เจ้านั้นยังไม่อาจเข้าถึงพลังที่แท้จริงของเจ้า ฟ้าและสวรรค์นั้นคือสิ่งเดียวกัน ยามที่เจ้าเข้าถึงพลังที่แท้จริง เจ้าจะสามารถควบคุมพลังได้ทุกธาตุ เจตจำนงที่เหลือของข้าจะส่งเจ้ากลับลงไปเบื้องล่าง เจ้าจงทำให้เผ่าพันธุ์กิเลนของเราคงอยู่ต่อไป จงอย่าได้ลืมหน้าที่อันสำคัญนี้” เจตจำนงสุดท้ายของกิเลนสวรรค์กลายเป็นแสงห่อหุ้มร่างกายของกิเลนฟ้าเอาไว้ จากนั้นร่างกายของกิเลนฟ้าก็ค่อย ๆ ลอยลงไปยังพื้นโลก [คำว่าฟ้าและสวรรค์คือสิ่งเดียวกันนั้น เนื่องจากใช้ตัวอักษรคำว่า เทียน เหมือนกัน ]



 

          หลังจากที่ได้เห็นกิเลนฟ้าลอยลงมาจากฟ้า พวกตู่ซื่อก็รับรู้ได้ทันทีว่าการต่อสู้นั้นจบลงไปแล้ว เมฆหมอกสีดำ และสายฟ้าที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ก็สลายไปจนหมดแล้ว

 

          ตู่ซื่อและคนอื่น ๆ รีบไปรวมตัวกันที่ร่างของกิเลนนรก และได้เห็นว่าเขาสีดำของกิเลนนรกนั้นค่อย ๆ หายเข้าร่างกิเลนฟ้าไป และเหลือเพียงแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของวงหนึ่งวางเอาไว้แทน

 

          ในตอนนั้นเอง ร่างกายของกิเลนฟ้านั้นกลับค่อย ๆ มีสีซีดลง ราวกับเป็นร่างวิญญาณที่กำลังจะสลายไป

 

          ตู่ซื่อหันไปทางฮวาหั่วและเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ “กิเลนเพลิง ข้าต้องทำเช่นใดจึงจะนำกิเลนฟ้ากลับเข้ามาในร่างได้?

 

          “การฝืนแยกออกไปเช่นนั้น ทำให้กิเลนฟ้าอยู่ในสภาพร่างวิญญาณ ต้องทำให้เขาฟื้นและกลับเข้าร่างของเจ้าด้วยตัวเอง” กิเลนเพลิงพูดขึ้นมาด้วยความร้อนใจ

 

          “เจ้าก็เห็นว่า เขาได้รับบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ หากรอให้เขาได้สติข้าเกรงว่ามันจะช้าเกินไป” ตู่ซื่อพูดกลับไป

 

          “ถ้าเช่นนั้นก็ต้องใช้การดูดซับเข้ามาด้วยกิเลนกลืนสวรรค์ แต่เจ้านั้นไร้ซึ่งกิเลนที่สถิตอยู่ในร่าง จะสามารถใช้กระบวนท่านั้นได้หรือ?” กิเลนเพลิงพูดออกไปทันทีที่คิดขึ้นมาได้

 

          “ได้หรือไม่ข้าก็จะลองดู” ตู่ซื่อนับมือไปวางที่ร่างของกิเลนฟ้า และเริ่มใช้กระบวนท่ากิเลนกลืนสวรรค์ เพื่อดูดกลืนร่างของกิเลนฟ้าเข้าไป

 

          ทุกอย่างยังคงนิ่งเฉย ร่างกายของกิเลนฟ้าซีดจางลงไปเรื่อย ๆ แต่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของตู่ซื่อได้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น พลังสวรรค์ในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขานั้นรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน ราวกับตอนที่ก่อรูปชะตาวิญญาณขึ้นมา แต่ในครั้งนี้กลับเป็นรูปปั้นกิเลนตัวเล็ก ๆ แทน เมื่อบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าผู้ฝึกวรยุทธกิเลนสวรรค์จะสามารถสร้างดวงจิตกิเลนขึ้นมาได้ ทำให้สามารถใช้กระบวนท่ากิเลนกลืนสวรรค์ได้โดยไม่ต้องผสานเข้ากับจิตอสูรสายเลือดกิเลนอีก แต่จะไม่ได้รับคุณสมบัติการควบคุมธาตุต่าง ๆ ดั่งการผสานเข้ากับจิตอสูรกิเลนทั่ว ๆ ไป

 

          ทันทีที่สัมผัสได้ถึงดวงจิตกิเลนที่อยู่ภายในห้วงขอบเขตวิญญาณของตน ตู่ซื่อจึงเริ่มใช้กระบวนท่ากิเลนกลืนสวรรค์อีกครั้ง

 

          ร่างวิญญาณของกิเลนฟ้าค่อย ๆ ถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของตู่ซื่ออีกครั้ง และเข้าไปก่อรูปภายในห้วงขอบเขตวิญญาณของตู่ซื่อ เขาของกิเลนฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ และมีลักษณะเหมือนกับเขาของกิเลนนรก จากนั้นกิเลนฟ้าก็เริ่มได้สติ

 

          “ดูเหมือนว่าข้าจะรอดมาได้เพราะท่านปู่ และเจ้านะตู่ซื่อ” กิเลนฟ้าพูดขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ รักษาอาการบาดเจ็บตามร่างกาย

 

          “ท่านปู่? เจ้าหมายถึงใครกัน” ตู่ซื่อถามด้วยความสงสัย

 

          “ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังในภายหลัง” กิเลนฟ้าตอบกลับไป เขาคิดอยู่ในใจว่า

 

          ท่านปู่ ยามที่ข้านั้นไม่ได้สติ ข้าได้ยินเสียงของท่านอย่างชัดเจน ข้าสัญญาว่าจะทำให้เผ่าพันธุ์กิเลนของเราคงอยู่ต่อไป

 

          “ท่านอาจารย์ในแหวนวงนั้นมีอะไรอยู่ขอรับ?” เสี่ยวหนีเสิ่นถามออกไปด้วยความสงสัย

 

          ฮวาหั่วหยิบแหวนขึ้นมาและมองเข้าไปด้านใน นางต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก

 

          “นี่มัน มีกระจกข้ามภพอยู่ด้านใน และยังมีดวงจิตกิเลนอยู่อีกเป็นจำนวนมากอีกด้วย” ฮวาหั่วหันไปพูดกับตู่ซื่อ

 

          “กิเลนนรกรวบรวบดวงจิตกิเลนที่ถูกสังหารเอาไว้ มิน่าเล่าพวกเราจึงรวบรวมมาได้แค่สองดวงเท่านั้น” ตู่ซื่อพูดเมื่อได้ยินคำพูดของฮวาหั่ว

 

ทั้งสองคนนั้นเสาะหาดวงจิตกิเลนจากทุกย่านการค้าที่พวกเขารู้จัก และหาซื้อมาได้เพียงดวงจิตกิเลนวารีและกิเลนวายุเท่านั้น เนื่องจากเป็นจิตอสูรสายเลือดโบราณที่หาได้ยากยิ่ง ทำให้ต้องจ่ายเงินไปไม่น้อย โชคดีที่ตู่ซื่อและฮวาหั่วนั้นได้รับเงินจำนวนมากมาจากเนี่ยลี่ ทำให้สามารถจ่ายเงินซื้อมาได้

 

“จากนี้ไป อาณาจักรแห่งนี้ก็สงบเสียที เพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีอสูรเหลืออยู่แม้แต่ตนเดียวแล้ว” ฮวาหั่วพูดด้วยความยินดี

 

“พวกเจ้าสามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์ได้นะ หากมีใครรังแกพวกเจ้า ข้าจะจัดการพวกมันเอง” เสี่ยวฉีหลิงหันไปพูดกับเหล่าเลือดผสม

 

“พวกข้าจะอยู่ที่เมืองอสูร และจำทำให้มันรุ่งเรืองไม่ด้อยไปกว่าเมืองมนุษย์ของพวกเจ้า” สหายของเสี่ยวหนีเสิ่นพูดพร้อมกับส่ายศีรษะเพื่อปฏิเสธ การอยู่ร่วมกับมนุษย์นั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกนางต้องการ

 

“จากนี้ไปเมืองอสูรจะเปลี่ยนเมืองสรวงสวรรค์ของพวกสายเลือดผสมอย่างพวกเรา ข้าก็จะอยู่กับพวกเขา” เสี่ยวหนีเสิ่นพูดขึ้นมา

 

“เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้านะ เหตุใดจึงไม่มาอยู่กับข้าเล่า?” เสี่ยวฉีหลิง แย้งออกไปทันที

 

“เจ้ากิเลนน้อยบ้า ข้านั้นหมั้นหมายกับเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน?” เสี่ยวหนีเสิ่นผลักเสี่ยวฉีหลิงออกไปด้วยความเขินขาย

 

“เมืองทั้งสองก็อยู่ตรงกันข้ามกันเพียงเท่านี้ เจ้าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไมกัน กิเลนน้อย” ตู่ซื่อหันไปต่อว่าเสี่ยวฉีหลิง

 

“ขอรับท่านอาจารย์ แต่ท่านต้องเป็นเถ้าแก่สู่ขอให้เทพธิดาน้อยให้กับข้า ข้าจึงจะยอมรับได้” เสี่ยวฉีหลิงก้มหน้ารับฟังแต่ก็ยังมีข้อเรียกร้องอยู่บ้าง

 

“หากเจ้าตั้งใจฝึกฝน และเลิกดื่มเหล้า ข้าจะลองคิดเรื่องนี้ดู” ตู่ซื่อตอบกลับไปอย่างไม่สนใจใยดีเท่าใดนัก

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวฉีหลิงก็หน้าเสีย ทำให้คนอื่น ๆ นั้นอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

 

ชาวเมืองมนุษย์นั้นต่างก็ยอมรับให้เสี่ยวฉีหลิงขึ้นเป็นผู้นำตระกูล ฉีหลิง เพราะผู้นำตระกูลและผู้สืบทอดอันดับที่สูงกว่าเขานั้น ไม่มีผู้ใดที่มีชีวิตเหลือรอดอีกแล้ว เขาได้แก้ไขกฏของเมือง โดยให้พวกสายเลือดผสมสามารถข้ามมาซื้อขายสิ้นค้าภายในเมืองได้ และขอให้ทุกคนมองพวกสายผสมไม่ต่างจากมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ห้ามให้ผู้ใดรังแกพวกเขาเป็นอันขาด

 

ทางด้านเมืองอสูรนั้น ตู่ซื่อและฮวาหั่วช่วยกันตรวจสอบว่ายังมีอสูรหลบซ่อนอยู่หรือไม่ และได้พบกับห้องสมบัติที่มีศิลาจิตวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงมอบหมายให้เสี่ยวหนีเสิ่นดูแลสมบัติเหล่านี้

 

หลังจากนั้น ตู่ซื่อก็ทำหน้าที่เป็นเถ้าแก่ให้เสี่ยวฉีหลิง ในการหมั้นหมายกับเสี่ยวหนีเสิ่น เนื่องจากทั้งสองยังเด็กเกินไป ตู่ซื่อจึงให้พวกเขาหมั้นหมายกันไว้ก่อนเท่านั้น

 

ตู่ซื่อได้บอกกับทั้งสองคนไปว่า อีกไม่นานจะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้น หากพวกเขาไม่อาจบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ อย่าได้เข้าร่วมในสงครามขั้นนี้เป็นอันขาด จากนั้นตู่ซื่อก็ได้มอบยาทิพย์ที่เหลืออยู่แก่ทั้งสองคน เพื่อใช้ในการบ่มเพาะพลังต่อไป

 

หลังจากที่ผ่านไปสิบห้าวัน เนี่ยลี่ก็ได้มารับตู่ซื่อและฮวาหั่วกลับ จากการเดินทางในครั้งนี้ทำให้ตู่ซื่อและฮวาหั่นนั้นสามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่สองได้ และใกล้ที่จะบรรลุขั้นที่สามแล้วอีกด้วย เนื่องจากกิเลนฟ้าและกิเลนเพลิงนั้นมีพลังสูงขึ้นมาก.......จบตอน



แต่งโดย นายมะพร้าว




 

         

         


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง