test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

17 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.84 คนทรยศ


          กิเลนนรกชำเลืองมามองที่ตู่ซื่อครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปมองที่ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิง

 


          ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงรีบพูดขึ้นมาว่า “คนเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเมืองของเรา หากท่านต้องการจัดการกับพวกเขา ข้าก็จะไม่ขัดขวางอันใด แต่คนที่ท่านตามหามิได้อยู่ในเมืองของเรา ข้าคงไม่อาจยอมให้พวกท่านเข้าไปในเมืองได้”

 


          เมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำตระกูลต้าฉีหลิง เสี่ยวฉีหลิงก็จ้องมองไปด้วยความเจ็บแค้น ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงคิดที่จะหาทางเอาตัวรอดโดยการโยนพวกเขาให้ศัตรู

 


          “กิเลนน้อย อาจารย์หญิงของเจ้ากำลังจะลงมือ อย่าได้สนใจเรื่องอื่น ให้มีสมาธิกับการช่วยเหลือเทพธิดาน้อยเท่านั้น” ตู่ซื่อส่งเสียงผ่านลมปราณไปยังเสี่ยวฉีหลัง หลังจากที่สัมผัสถึงลมปราณของฮวาหั่ว

 


          ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 


          ลูกศรเพลิงพุ่งออกมาจากทางป่า และพุ่งตรงไปยังเสี่ยวหนีเสิ่น ตัดเชือกที่มัดนางเอาไว้จนขาด ทำให้นางหล่นลงมาจากเสาไม้

 


          “กิเลนน้อย!” ตู่ซื่อสงสัญญาณให้เสี่ยวฉีหลิง ไปช่วยรับนางทันที ซึ่งเขาก็ทะยานออกไปก่อนที่ตู่ซื่อจะพูดออกมาจบประโยคเสียอีก

 


          เสี่ยวฉีหลิงทะยานไปรับเสี่ยวหนีเสิ่นเอาไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับใช้เท้าถีบเสาไม้ เพื่อพาตัวเองกลับมาที่เดิม จากนั้นเขาก็นั่งลงและทำการถ่ายเทลมปราณเพื่อรักษานางทันที

 


          แม้ว่าจะมีอสูรบางตนที่จะเข้ามาขัดขวาง แต่ก็ถูกกิเลนนรกห้ามเอาไว้

 


          “หากข้าจำไม่ผิด เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็น ทายาทของตระกูลฉีหลิง แล้วเหตุใด เจ้าจึงบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองของเจ้า” กิเลนนรกพูดกับผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 


          “ยังคิดจะเล่นละครอันใดกันอีก” ฮวาหั่วทะยานออกมาจากป่า ไปทางตัวประกันที่ถูกจับไว้ พร้อมกับใช้เท้าเตะพวกกองกำลังที่เฝ้าตัวประกันอยู่ จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ซึ่งตัวประกันเหล่านี้ก็คือพวกสายเลือดผสม พี่น้องของเสี่ยวหนีเสิ่นนั่นเอง

 


          “หลบซ่อนอยู่ในป่าเช่นนั้นหรือ? สมแล้วที่เป็นเจ้า กิเลนเพลิง” กิเลนนรกพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 


          “นี่เจ้ารู้จักกับมันเช่นนั้นหรือ?” ฮวาหั่วเอ่ยถามกิเลนเพลิง

 


          “ไม่เพียงแต่ข้า กิเลนฟ้าเองก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเป็นสหายของท่านปู่กิเลนสวรรค์ ที่เป็นปู่ของกิเลนฟ้า” กิเลนเพลิงตอบกลับไป

 


          “ข้าคิดว่าหากจะให้เจ้าเล่าคงต้องใช้เวลาไม่น้อย ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้ข้าจะช่วยเหลือสหายของศิษย์ข้าก่อน” ฮวาหั่วพูดออกไปพร้อมกับยิงลูกศรออกไปตัดเชือกให้พวกตัวประกันและพูดออกไปว่า

 


          “พวกเจ้าหลบไปตรงพื้นที่ว่างก่อน แต่อย่าได้ไปทางที่มีมนุษย์และอสูรอยู่”

 


          “ข้าเป็นผู้วางยาพิษท่าน เหตุใดท่านจึงคิดที่จะช่วยเหลือข้าอีก” สหายของเสี่ยวหนีเสิ่นพูดพร้อมกับก้มหน้า นางไม่กล้าที่จะสบตาฮวาหั่ว เพราะนางทำผิดกับฮวาหั่วไว้เป็นอย่างมาก

 


          “หากช่วยเหลือสหายของศิษย์ข้าไม่ได้ ข้าจะสู้หน้าศิษย์ข้าได้เช่นใดกัน สิ่งที่เจ้าทำนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิด หากเป็นข้า ข้าก็คงทำไม่ต่างกับเจ้า” ฮวาหั่วตอบกลับไปด้วยความเอ็นดู

 


          “ขอบคุณพี่สาวยิ่งนัก” สหายของเสี่ยวหนีเสิ่นพูดออกไปพร้อมน้ำตา ก่อนที่จะพากันวิ่งไปตรงที่ว่าง

 


          เมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันตรงที่ว่างหมดแล้ว ฮวาหั่วจึงใช้กระบวนท่ากิเลนคลุมสวรรค์สร้างม่านพลัง ล้มรอบเหล่าสหายของเสี่ยวหนีเสิ่นเอาไว้ ซึ่งการสร้างม่านพลังเช่นนี้ นางต้องใช้พลังสวรรค์ไปไม่น้อย แม้ว่าจะใช้พลังระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า การสร้างม่านพลังขนาดใหญ่ ทำให้ระดับพลังของนางที่จะใช้ต่อสู้ เหลือเพียงแค่ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่านั้น

 


          “คิดหรือว่าม่านพลังเพียงเท่านั้นจะสามารถปกป้องพวกเลือดผสมเหล่านั้นได้ ข้ารอดูอยู่ว่าเจ้านั้นจะทำอันใดต่อไปอีก” กิเลนนรกพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 


          “ก่อนที่จะสู้กัน ข้าคิดว่าคงต้องมีใครสักคนที่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้” ฮวาหั่วยิงลูกศรไปทางรูปปั้นที่อยู่หน้าเมืองอสูร ทำให้หัวของรูปปั้นหล่นลงมากับพื้น พวกอสูรที่อยู่ใกล้กับรูปปั้นต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน

 


          “นั่นเจ้าทำอะไรกัน? รูปปั้นทั้งสองเป็นพันธสัญญาสงบศึกของเมืองทั้งสอง การที่เจ้าทำเช่นนั้น เท่ากับว่าเป็นการก่อสงครามนะ!” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงพูดด้วยความตกใจที่เห็นภาพตรงเบื้องหน้า

 


          “ข้าเข้าใจแล้ว” ตู่ซื่อพูดพร้อมกับนำ มีดวงพระจันทร์สองเล่มมาประกบกัน พร้อมกับปาไปที่รูปปั้นที่อยู่หน้าเมืองของมนุษย์ และตัดคอของรูปปั้นให้ร่วงลงมาเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่ตัดคอรูปปั้นได้แล้ว มีดวงพระจันทร์ก็โค้งกลับมาที่มือของตู่ซื่อ

 


          “พวกเจ้าจงดูที่ดวงตาของรูปปั้นทั้งสอง ว่านั่นใช่ศิลาข้ามภพหรือไม่?” ฮวาหั่วพูดพร้อมกับชี้ไปยังรูปปั้นที่กองอยู่กับพื้น ผลิกแก้วที่อยู่ที่ดวงตาของรูปปั้นทั้งสองหลุดออกมา และแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ มันเป็นแค่ผลึกแก้วธรรมดาเท่านั้น

 


          ทางฝั่งอสูรนั้นดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ตกใจเท่าใดนัก แต่ทางฝั่งมนุษย์ทุกคนต่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก สิ่งที่พวกเขาเชื่อมันมานัร้อยปีเป็นเรื่องที่โกหกเช่นนั้นหรือ? มีเพียงผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงเท่านั้นที่มีท่าทีที่สงบ

 


          “ท่านต้าฉีหลิง นี่มันเรื่องอันใดกันแน่ ตระกูลฉีหลิงเป็นผู้ดูแลเมืองนี้มานับร้อยปี และมีหน้าที่ปกป้องผลึกแก้วที่ดวงตารูปปั้นมิใช่หรือ?” ผู้อาวุโสของเมืองมนุษย์เอ่ยถาม

 


          “ชายผู้นั้น นำดวงตาของรูปปั้น ไปมอบให้กับกิเลนนรก เพื่อขอแลกกับจิตอสูรสายเลือดกิเลน” เสี่ยวหนีเสิ่นที่เพิ่งได้สติพูดออกไป พร้อมกับชี้ไปที่ต้าฉีหลิง

 


          “นางอสูร อย่าได้มาพูดจาใส่ร้ายบิดาของข้า!” จินฉีหลิง และ หยินฉีหลิง ตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจที่บิดาถูกกล่าวหาเช่นนั้น

 


          “หากเจ้าเชื่อเช่นนั้น ก็จงถามความจริงจากบิดาของเจ้า” เสี่ยวหนีเสิ่นตอบโต้กลับไป เสี่ยวฉีหลิงพยายามห้ามไม่ให้นางพูดมากกว่านี้ เนื่องจากยังฟื้นพลังได้ไม่เต็มที่ ตู่ซื่อส่งยาทิพย์ให้แก่เสี่ยวหนีเสิ่นและเสี่ยวฉีหลิง เพื่อเพิ่มระดับพลัง และฟื้นพลังให้เร็วที่สุด

 


ในตอนนี้ระดับพลังของทั้งสองคนอยู่ที่ระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่หนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเสี่ยวฉีหลิงต้องถ่ายทอดพลังในร่างกายของตนให้แก่เสี่ยวหนีเสิ่น เพื่อให้ระดับพลังของทั้งสองคนสมดุลกัน

 


          แต่ด้วยวรยุทธกิเลนสวรรค์ ทำให้การดูดซับพลังของทั้งสองนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น เดิมทียาทิพย์แต่ละขวดนั้นต้องใช้เวลาในการดูดซับถึงสามวัน แต่ยามที่พวกเขาดูดซับพลังพร้อมกัน จะสามารถดูดซับพลังทั้งหมดโดยใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น ทำให้หลังจากที่ดูดซับพลังจากยาทิพย์ในครั้งนี้ทำให้ทั้งสองคน เพิ่มระดับพลังจนถึงขั้นวิถีแห่งมังกรขั้นที่ห้าได้

 


          “เหตุใดเจ้าจึงไม่ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของศิษย์ข้าเล่า?” ฮวาหั่วชี้ไปที่ต้าฉีหลิง และถามออกไป

 


          “ข้ามิได้ทำอันใดผิด เมื่อข้าผสานกับจิตอสูรสายเลือดกิเลน ข้าก็จะสามารถเรียนรู้วรยุทธกิเลนสวรรค์ได้ทั้งสามกระบวนท่า และข้าก็จะปกป้องเมืองนี้เอาไว้ได้ ก็แค่ผลึกแก้วอันไร้ค่านั้น จะมีค่าสักเท่าใดกัน?” ต้าฉีหลิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่ลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขากลับรุนแรงยิ่งนัก

 


          ร่างกายของต้าฉีหลิงเริ่มมีเกล็ดของมังกรปรากฏขึ้นมา ที่หน้าผากของเขาก็เริ่มมีเขาของกิเลนงอกขึ้นมา เขากำลังผสานเข้ากับจิตอสูรของเขา

 


          “นั่นมัน กิเลนเมฆาพี่สาวของข้า ฮวาหั่วศึกนี้ขอข้าเป็นผู้สู้เอง ข้าจะนำดวงจิตของพี่สาวข้ากลับมา” กิเลนเพลิงพูดขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น นางนั้นขอให้ฮวาหั่วและตู่ซื่อช่วยตามหาจิตอสูรของพี่สาวของนางในที่สุดก็ได้มาพบแล้ว

 


          ทันทีที่รับรู้ได้ถึงจิตสังหารจากฮวาหั่ว จินฉีหลิง และ หยินฉีหลิงจึงเข้าไปขวางทันที เพราะพวกเขารับรู้ได้ว่า จิตสังหารจากร่างกายของฮวาหั่วนั้นมุ่งตรงไปยังบิดาของเขา

 


          “คู่ต่อสู้ของเจ้าคือพวกข้า” เสี่ยวฉีหลิงและเสี่ยวหนีเสิ่น ที่ฟื้นพลังอย่างสมบูรณ์แล้วเข้าไปขวางจินฉีหลิง และ หยินฉีหลิงเอาไว้

 


          “กิเลนเพลิง ข้าจะไม่ขัดขวางการแก้แค้นของเจ้า แต่จงอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด พลังของข้าในตอนนี้ ไม่ได้เหนือกว่าเขาเท่าใดนัก” ฮวาหั่วพูดกับกิเลนเพลิงก่อนที่จะให้กิเลนเพลิงควบคุมร่างกายของนาง

 


          ในตอนนี้กิเลนเพลิงนั้นไม่ได้ยินเสียงของฮวาหั่วเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของนางกำลังลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้น

 


          “เสี่ยวฉีหลิง นี่เจ้าคิดที่จะร่วมมือกับอสูร แล้วต่อสู้กับพวกข้าเช่นนั้นหรือ เจ้านั้นเป็นผู้ทรยศของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง” หยินฉีหลิงชี้ไปที่เสี่ยวฉีหลิงแล้วพูดออกไป

 


          “เจ้ายังมีสิทธิ์พูดเช่นนั้นหรือ? บิดาของเจ้ามิใช่หรือที่เป็นผู้ทรยศ และยังเป็นโจร ที่ขโมยศิลาข้ามภพไปแลกกับจิตอสูร เพื่อสนองความต้องการของตน” เสี่ยวฉีหลิงแย้งกลับไป ทำให้หยินฉีหลิงนั้นทำได้เพียงแต่นิ่งเงียบ เพราะไม่อาจที่จะหาสิ่งใดมาโต้แย้งได้อีก

 


          ในตอนนี้ ทุกฝ่ายต่างจับจ้องกันด้วยความตึงเครียด หากมีฝ่ายใดที่ประมาทแม้เพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายจะเริ่มเข้าโจมตีในทันที

 


          เสี่ยวฉีหลิงและเสี่ยวหนีเสิ่น ก็เริ่มทำการผสานเข้ากับจิตอสูรของตนทันที ยามที่ผสานเข้ากับ กิเลนวารีและกิเลนวายุ จะทำให้ระดับพลังของทั้งสองคนนั้นพุ่งทะยานไปถึงระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เก้า ซึ่งทัดเทียมกับ

 


“ตู่ซื่อ ข้าต้องการพูดกับกิเลนนรก ข้าขอควบคุมร่างของเจ้าก่อน” กิเลนฟ้าพูดขึ้นมาในห้วงขอบเขตวิญญาณของตู่ซื่อ

 


          “กิเลนนรก ท่านกับปู่ของข้านั้นเป็นสหายกัน เหตุใดท่านจึงบอกที่ซุกซ่อนของพวกเราแก่พวกอสูร” กิเลนฟ้าถามออกไป

 


          “ในตอนนั้น ข้าได้ถูกพวกนิกายเทพอสูรที่เป็นสาวกของบริวารแห่งเทพจับตัวไป และได้พบกับท่านบริวารแห่ง  และท่านบริวารแห่งเทพได้ให้คำมั่นกับข้า หากข้านั้นยอมบอกที่ซ่อนของเผ่าพันธุ์กิเลน ข้าจะมีชีวิตรอดและได้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นานพวกนิกายเทพอสูรที่เป็นสาวกของบริวารแห่งเทพ ก็ได้บุกไปสังหารกิเลนพวกนั้น และนำดวงจิตของกิเลนเหล่านั้นมามอบให้แก่ข้า เพราะข้ารู้ดีว่าสักวันข้าจะต้องได้ใช้ประโยชน์จากพวกมันเป็นแน่” กิเลนนรกตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะ เมื่อได้พูดถึงเรื่องราวในอดีต

 


          “เพียงเพื่อให้ตัวเองรอด เจ้าถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อนพ้องและเผ่าพันธุ์ของตนเอง เลวเกินไปแล้ว กิเลนนรก!” กิเลนฟ้าพูดด้วยความโกรธแค้น

 


          “กิเลนสวรรค์ปู่ของเจ้ามันโง่เง่านัก เพียงเพื่อตอบแทนมนุษย์ที่เคยช่วยชีวิต จึงถ่ายทอดวรยุทธที่ตนคิดค้นให้แก่มนุษย์ สุดท้ายก็ถูกสังหารไปพร้อมกับมนุษย์ผู้นั้น และดุเหมือนว่า หลานเช่นเจ้าก็โง่เง่าไม่ต่างกันเท่าใดนัก ยอมที่จะถูกผนึกในร่างกายของมนุษย์ทั้งที่ยังมีชีวิต เจ้าจะต้องพบจุดจบไม่ต่างจากปู่ของเจ้า” กิเลนนรกพูดพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณสีดำออกมาทั่วทั้งร่างของเขา พลังของกิเลนสวรรค์นั้นอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นสูงสุดแล้ว

 


          “กิเลนสะบัดหาง!” กิเลนนรกสะบัดหางของตนไปยังทิศทางที่ ฮวาหั่วได้ใช้กระบวนท่ากิเลนคลุมสวรรค์สร้างม่านพลังเอาไว้ และดูเหมือนว่าหางของกิเลนนรกจะมีความแข็งแกร่งกว่าม่านพลังนั้น

 


          “กิเลนคลุมสวรรค์!” กิเลนฟ้ารีบใช้พลังสวรรค์เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ม่านพลังของฮวาหั่ว จึงสามารถต้านรับการโจมตีของกิเลนนรกเอาไว้ได้

 


          “ยามที่เจ้าลดการป้องกันของม่านพลังลง ข้าจะทำการสังหารพวกลูกผสมเหล่านั้นทันที นั่นคือเหตุผลที่ข้ายอมปล่อยให้พวกเจ้าแย่งชิงตัวประกันไป” กิเลนนรกพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความลำพองใจ

 


          “หากต้องสร้างม่านพลังเอาไว้ตลอดเวลา พลังที่ใช้ต่อสู้ของพวกเราก็จะเหลือเพียงแค่ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่านั้น” ตู่ซื่อพูดกับกิเลนฟ้า

 


          “ข้ารู้แล้ว ข้าจะไม่ยอมให้มันหลบหลู่ท่านปู่ของข้า ข้าจะล้างแค้นให้กับเผ่าพันธุ์ของข้า และจะปกป้องพวกเลือดผสมพวกนั้นด้วย เจ้าจงดูการต่อสู้ของข้าให้ดี และข้าจะให้เจ้าได้เห็น กระบวนท่าสุดท้ายของวรยุทธกิเลนสวรรค์!” กิเลนฟ้าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง..............จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง