Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.84 คนทรยศ
กิเลนนรกชำเลืองมามองที่ตู่ซื่อครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปมองที่ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิง
ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงรีบพูดขึ้นมาว่า
“คนเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเมืองของเรา หากท่านต้องการจัดการกับพวกเขา
ข้าก็จะไม่ขัดขวางอันใด แต่คนที่ท่านตามหามิได้อยู่ในเมืองของเรา
ข้าคงไม่อาจยอมให้พวกท่านเข้าไปในเมืองได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำตระกูลต้าฉีหลิง
เสี่ยวฉีหลิงก็จ้องมองไปด้วยความเจ็บแค้น ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงคิดที่จะหาทางเอาตัวรอดโดยการโยนพวกเขาให้ศัตรู
“กิเลนน้อย อาจารย์หญิงของเจ้ากำลังจะลงมือ
อย่าได้สนใจเรื่องอื่น ให้มีสมาธิกับการช่วยเหลือเทพธิดาน้อยเท่านั้น”
ตู่ซื่อส่งเสียงผ่านลมปราณไปยังเสี่ยวฉีหลัง หลังจากที่สัมผัสถึงลมปราณของฮวาหั่ว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ลูกศรเพลิงพุ่งออกมาจากทางป่า
และพุ่งตรงไปยังเสี่ยวหนีเสิ่น ตัดเชือกที่มัดนางเอาไว้จนขาด
ทำให้นางหล่นลงมาจากเสาไม้
“กิเลนน้อย!”
ตู่ซื่อสงสัญญาณให้เสี่ยวฉีหลิง ไปช่วยรับนางทันที
ซึ่งเขาก็ทะยานออกไปก่อนที่ตู่ซื่อจะพูดออกมาจบประโยคเสียอีก
เสี่ยวฉีหลิงทะยานไปรับเสี่ยวหนีเสิ่นเอาไว้ในอ้อมแขน
พร้อมกับใช้เท้าถีบเสาไม้ เพื่อพาตัวเองกลับมาที่เดิม จากนั้นเขาก็นั่งลงและทำการถ่ายเทลมปราณเพื่อรักษานางทันที
แม้ว่าจะมีอสูรบางตนที่จะเข้ามาขัดขวาง
แต่ก็ถูกกิเลนนรกห้ามเอาไว้
“หากข้าจำไม่ผิด เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็น
ทายาทของตระกูลฉีหลิง แล้วเหตุใด เจ้าจึงบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองของเจ้า”
กิเลนนรกพูดกับผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ยังคิดจะเล่นละครอันใดกันอีก”
ฮวาหั่วทะยานออกมาจากป่า ไปทางตัวประกันที่ถูกจับไว้
พร้อมกับใช้เท้าเตะพวกกองกำลังที่เฝ้าตัวประกันอยู่ จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง
ซึ่งตัวประกันเหล่านี้ก็คือพวกสายเลือดผสม พี่น้องของเสี่ยวหนีเสิ่นนั่นเอง
“หลบซ่อนอยู่ในป่าเช่นนั้นหรือ? สมแล้วที่เป็นเจ้า
กิเลนเพลิง” กิเลนนรกพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“นี่เจ้ารู้จักกับมันเช่นนั้นหรือ?”
ฮวาหั่วเอ่ยถามกิเลนเพลิง
“ไม่เพียงแต่ข้า
กิเลนฟ้าเองก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเป็นสหายของท่านปู่กิเลนสวรรค์
ที่เป็นปู่ของกิเลนฟ้า” กิเลนเพลิงตอบกลับไป
“ข้าคิดว่าหากจะให้เจ้าเล่าคงต้องใช้เวลาไม่น้อย
ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้ข้าจะช่วยเหลือสหายของศิษย์ข้าก่อน”
ฮวาหั่วพูดออกไปพร้อมกับยิงลูกศรออกไปตัดเชือกให้พวกตัวประกันและพูดออกไปว่า
“พวกเจ้าหลบไปตรงพื้นที่ว่างก่อน
แต่อย่าได้ไปทางที่มีมนุษย์และอสูรอยู่”
“ข้าเป็นผู้วางยาพิษท่าน
เหตุใดท่านจึงคิดที่จะช่วยเหลือข้าอีก” สหายของเสี่ยวหนีเสิ่นพูดพร้อมกับก้มหน้า
นางไม่กล้าที่จะสบตาฮวาหั่ว เพราะนางทำผิดกับฮวาหั่วไว้เป็นอย่างมาก
“หากช่วยเหลือสหายของศิษย์ข้าไม่ได้
ข้าจะสู้หน้าศิษย์ข้าได้เช่นใดกัน สิ่งที่เจ้าทำนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
หากเป็นข้า ข้าก็คงทำไม่ต่างกับเจ้า” ฮวาหั่วตอบกลับไปด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณพี่สาวยิ่งนัก”
สหายของเสี่ยวหนีเสิ่นพูดออกไปพร้อมน้ำตา ก่อนที่จะพากันวิ่งไปตรงที่ว่าง
เมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันตรงที่ว่างหมดแล้ว
ฮวาหั่วจึงใช้กระบวนท่ากิเลนคลุมสวรรค์สร้างม่านพลัง
ล้มรอบเหล่าสหายของเสี่ยวหนีเสิ่นเอาไว้ ซึ่งการสร้างม่านพลังเช่นนี้
นางต้องใช้พลังสวรรค์ไปไม่น้อย แม้ว่าจะใช้พลังระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
การสร้างม่านพลังขนาดใหญ่ ทำให้ระดับพลังของนางที่จะใช้ต่อสู้
เหลือเพียงแค่ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่านั้น
“คิดหรือว่าม่านพลังเพียงเท่านั้นจะสามารถปกป้องพวกเลือดผสมเหล่านั้นได้
ข้ารอดูอยู่ว่าเจ้านั้นจะทำอันใดต่อไปอีก” กิเลนนรกพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ก่อนที่จะสู้กัน ข้าคิดว่าคงต้องมีใครสักคนที่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้”
ฮวาหั่วยิงลูกศรไปทางรูปปั้นที่อยู่หน้าเมืองอสูร
ทำให้หัวของรูปปั้นหล่นลงมากับพื้น
พวกอสูรที่อยู่ใกล้กับรูปปั้นต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน
“นั่นเจ้าทำอะไรกัน?
รูปปั้นทั้งสองเป็นพันธสัญญาสงบศึกของเมืองทั้งสอง การที่เจ้าทำเช่นนั้น
เท่ากับว่าเป็นการก่อสงครามนะ!” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงพูดด้วยความตกใจที่เห็นภาพตรงเบื้องหน้า
“ข้าเข้าใจแล้ว” ตู่ซื่อพูดพร้อมกับนำ
มีดวงพระจันทร์สองเล่มมาประกบกัน พร้อมกับปาไปที่รูปปั้นที่อยู่หน้าเมืองของมนุษย์
และตัดคอของรูปปั้นให้ร่วงลงมาเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่ตัดคอรูปปั้นได้แล้ว
มีดวงพระจันทร์ก็โค้งกลับมาที่มือของตู่ซื่อ
“พวกเจ้าจงดูที่ดวงตาของรูปปั้นทั้งสอง
ว่านั่นใช่ศิลาข้ามภพหรือไม่?” ฮวาหั่วพูดพร้อมกับชี้ไปยังรูปปั้นที่กองอยู่กับพื้น
ผลิกแก้วที่อยู่ที่ดวงตาของรูปปั้นทั้งสองหลุดออกมา และแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
มันเป็นแค่ผลึกแก้วธรรมดาเท่านั้น
ทางฝั่งอสูรนั้นดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ตกใจเท่าใดนัก
แต่ทางฝั่งมนุษย์ทุกคนต่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก
สิ่งที่พวกเขาเชื่อมันมานัร้อยปีเป็นเรื่องที่โกหกเช่นนั้นหรือ? มีเพียงผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงเท่านั้นที่มีท่าทีที่สงบ
“ท่านต้าฉีหลิง นี่มันเรื่องอันใดกันแน่
ตระกูลฉีหลิงเป็นผู้ดูแลเมืองนี้มานับร้อยปี
และมีหน้าที่ปกป้องผลึกแก้วที่ดวงตารูปปั้นมิใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสของเมืองมนุษย์เอ่ยถาม
“ชายผู้นั้น นำดวงตาของรูปปั้น
ไปมอบให้กับกิเลนนรก เพื่อขอแลกกับจิตอสูรสายเลือดกิเลน”
เสี่ยวหนีเสิ่นที่เพิ่งได้สติพูดออกไป พร้อมกับชี้ไปที่ต้าฉีหลิง
“นางอสูร
อย่าได้มาพูดจาใส่ร้ายบิดาของข้า!” จินฉีหลิง และ หยินฉีหลิง
ตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจที่บิดาถูกกล่าวหาเช่นนั้น
“หากเจ้าเชื่อเช่นนั้น
ก็จงถามความจริงจากบิดาของเจ้า” เสี่ยวหนีเสิ่นตอบโต้กลับไป
เสี่ยวฉีหลิงพยายามห้ามไม่ให้นางพูดมากกว่านี้ เนื่องจากยังฟื้นพลังได้ไม่เต็มที่
ตู่ซื่อส่งยาทิพย์ให้แก่เสี่ยวหนีเสิ่นและเสี่ยวฉีหลิง เพื่อเพิ่มระดับพลัง
และฟื้นพลังให้เร็วที่สุด
ในตอนนี้ระดับพลังของทั้งสองคนอยู่ที่ระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่หนึ่งเท่านั้น
เนื่องจากเสี่ยวฉีหลิงต้องถ่ายทอดพลังในร่างกายของตนให้แก่เสี่ยวหนีเสิ่น
เพื่อให้ระดับพลังของทั้งสองคนสมดุลกัน
แต่ด้วยวรยุทธกิเลนสวรรค์
ทำให้การดูดซับพลังของทั้งสองนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น
เดิมทียาทิพย์แต่ละขวดนั้นต้องใช้เวลาในการดูดซับถึงสามวัน
แต่ยามที่พวกเขาดูดซับพลังพร้อมกัน
จะสามารถดูดซับพลังทั้งหมดโดยใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น ทำให้หลังจากที่ดูดซับพลังจากยาทิพย์ในครั้งนี้ทำให้ทั้งสองคน
เพิ่มระดับพลังจนถึงขั้นวิถีแห่งมังกรขั้นที่ห้าได้
“เหตุใดเจ้าจึงไม่
ปฏิเสธข้อกล่าวหาของศิษย์ข้าเล่า?” ฮวาหั่วชี้ไปที่ต้าฉีหลิง และถามออกไป
“ข้ามิได้ทำอันใดผิด
เมื่อข้าผสานกับจิตอสูรสายเลือดกิเลน
ข้าก็จะสามารถเรียนรู้วรยุทธกิเลนสวรรค์ได้ทั้งสามกระบวนท่า
และข้าก็จะปกป้องเมืองนี้เอาไว้ได้ ก็แค่ผลึกแก้วอันไร้ค่านั้น
จะมีค่าสักเท่าใดกัน?” ต้าฉีหลิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
แต่ลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขากลับรุนแรงยิ่งนัก
ร่างกายของต้าฉีหลิงเริ่มมีเกล็ดของมังกรปรากฏขึ้นมา
ที่หน้าผากของเขาก็เริ่มมีเขาของกิเลนงอกขึ้นมา เขากำลังผสานเข้ากับจิตอสูรของเขา
“นั่นมัน กิเลนเมฆาพี่สาวของข้า
ฮวาหั่วศึกนี้ขอข้าเป็นผู้สู้เอง ข้าจะนำดวงจิตของพี่สาวข้ากลับมา” กิเลนเพลิงพูดขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น
นางนั้นขอให้ฮวาหั่วและตู่ซื่อช่วยตามหาจิตอสูรของพี่สาวของนางในที่สุดก็ได้มาพบแล้ว
ทันทีที่รับรู้ได้ถึงจิตสังหารจากฮวาหั่ว
จินฉีหลิง และ หยินฉีหลิงจึงเข้าไปขวางทันที เพราะพวกเขารับรู้ได้ว่า
จิตสังหารจากร่างกายของฮวาหั่วนั้นมุ่งตรงไปยังบิดาของเขา
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือพวกข้า”
เสี่ยวฉีหลิงและเสี่ยวหนีเสิ่น ที่ฟื้นพลังอย่างสมบูรณ์แล้วเข้าไปขวางจินฉีหลิง และ
หยินฉีหลิงเอาไว้
“กิเลนเพลิง
ข้าจะไม่ขัดขวางการแก้แค้นของเจ้า แต่จงอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด
พลังของข้าในตอนนี้ ไม่ได้เหนือกว่าเขาเท่าใดนัก”
ฮวาหั่วพูดกับกิเลนเพลิงก่อนที่จะให้กิเลนเพลิงควบคุมร่างกายของนาง
ในตอนนี้กิเลนเพลิงนั้นไม่ได้ยินเสียงของฮวาหั่วเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายของนางกำลังลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้น
“เสี่ยวฉีหลิง
นี่เจ้าคิดที่จะร่วมมือกับอสูร แล้วต่อสู้กับพวกข้าเช่นนั้นหรือ
เจ้านั้นเป็นผู้ทรยศของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง” หยินฉีหลิงชี้ไปที่เสี่ยวฉีหลิงแล้วพูดออกไป
“เจ้ายังมีสิทธิ์พูดเช่นนั้นหรือ?
บิดาของเจ้ามิใช่หรือที่เป็นผู้ทรยศ และยังเป็นโจร
ที่ขโมยศิลาข้ามภพไปแลกกับจิตอสูร เพื่อสนองความต้องการของตน”
เสี่ยวฉีหลิงแย้งกลับไป ทำให้หยินฉีหลิงนั้นทำได้เพียงแต่นิ่งเงียบ
เพราะไม่อาจที่จะหาสิ่งใดมาโต้แย้งได้อีก
ในตอนนี้
ทุกฝ่ายต่างจับจ้องกันด้วยความตึงเครียด หากมีฝ่ายใดที่ประมาทแม้เพียงเล็กน้อย
อีกฝ่ายจะเริ่มเข้าโจมตีในทันที
เสี่ยวฉีหลิงและเสี่ยวหนีเสิ่น
ก็เริ่มทำการผสานเข้ากับจิตอสูรของตนทันที ยามที่ผสานเข้ากับ
กิเลนวารีและกิเลนวายุ
จะทำให้ระดับพลังของทั้งสองคนนั้นพุ่งทะยานไปถึงระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เก้า
ซึ่งทัดเทียมกับ
“ตู่ซื่อ ข้าต้องการพูดกับกิเลนนรก ข้าขอควบคุมร่างของเจ้าก่อน”
กิเลนฟ้าพูดขึ้นมาในห้วงขอบเขตวิญญาณของตู่ซื่อ
“กิเลนนรก
ท่านกับปู่ของข้านั้นเป็นสหายกัน เหตุใดท่านจึงบอกที่ซุกซ่อนของพวกเราแก่พวกอสูร”
กิเลนฟ้าถามออกไป
“ในตอนนั้น ข้าได้ถูกพวกนิกายเทพอสูรที่เป็นสาวกของบริวารแห่งเทพจับตัวไป
และได้พบกับท่านบริวารแห่ง และท่านบริวารแห่งเทพได้ให้คำมั่นกับข้า
หากข้านั้นยอมบอกที่ซ่อนของเผ่าพันธุ์กิเลน ข้าจะมีชีวิตรอดและได้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้
หลังจากนั้นไม่นานพวกนิกายเทพอสูรที่เป็นสาวกของบริวารแห่งเทพ
ก็ได้บุกไปสังหารกิเลนพวกนั้น และนำดวงจิตของกิเลนเหล่านั้นมามอบให้แก่ข้า
เพราะข้ารู้ดีว่าสักวันข้าจะต้องได้ใช้ประโยชน์จากพวกมันเป็นแน่”
กิเลนนรกตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะ เมื่อได้พูดถึงเรื่องราวในอดีต
“เพียงเพื่อให้ตัวเองรอด
เจ้าถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อนพ้องและเผ่าพันธุ์ของตนเอง เลวเกินไปแล้ว กิเลนนรก!”
กิเลนฟ้าพูดด้วยความโกรธแค้น
“กิเลนสวรรค์ปู่ของเจ้ามันโง่เง่านัก
เพียงเพื่อตอบแทนมนุษย์ที่เคยช่วยชีวิต จึงถ่ายทอดวรยุทธที่ตนคิดค้นให้แก่มนุษย์
สุดท้ายก็ถูกสังหารไปพร้อมกับมนุษย์ผู้นั้น และดุเหมือนว่า หลานเช่นเจ้าก็โง่เง่าไม่ต่างกันเท่าใดนัก
ยอมที่จะถูกผนึกในร่างกายของมนุษย์ทั้งที่ยังมีชีวิต
เจ้าจะต้องพบจุดจบไม่ต่างจากปู่ของเจ้า”
กิเลนนรกพูดพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณสีดำออกมาทั่วทั้งร่างของเขา
พลังของกิเลนสวรรค์นั้นอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นสูงสุดแล้ว
“กิเลนสะบัดหาง!”
กิเลนนรกสะบัดหางของตนไปยังทิศทางที่
ฮวาหั่วได้ใช้กระบวนท่ากิเลนคลุมสวรรค์สร้างม่านพลังเอาไว้
และดูเหมือนว่าหางของกิเลนนรกจะมีความแข็งแกร่งกว่าม่านพลังนั้น
“กิเลนคลุมสวรรค์!”
กิเลนฟ้ารีบใช้พลังสวรรค์เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ม่านพลังของฮวาหั่ว จึงสามารถต้านรับการโจมตีของกิเลนนรกเอาไว้ได้
“ยามที่เจ้าลดการป้องกันของม่านพลังลง
ข้าจะทำการสังหารพวกลูกผสมเหล่านั้นทันที
นั่นคือเหตุผลที่ข้ายอมปล่อยให้พวกเจ้าแย่งชิงตัวประกันไป”
กิเลนนรกพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความลำพองใจ
“หากต้องสร้างม่านพลังเอาไว้ตลอดเวลา
พลังที่ใช้ต่อสู้ของพวกเราก็จะเหลือเพียงแค่ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่านั้น”
ตู่ซื่อพูดกับกิเลนฟ้า
“ข้ารู้แล้ว
ข้าจะไม่ยอมให้มันหลบหลู่ท่านปู่ของข้า ข้าจะล้างแค้นให้กับเผ่าพันธุ์ของข้า
และจะปกป้องพวกเลือดผสมพวกนั้นด้วย เจ้าจงดูการต่อสู้ของข้าให้ดี และข้าจะให้เจ้าได้เห็น
กระบวนท่าสุดท้ายของวรยุทธกิเลนสวรรค์!”
กิเลนฟ้าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง..............จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
Scroll to Top