test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

16 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.83 กิเลนนรก





          ผู้สืบทอดอันดับที่หนึ่ง อันดับที่สองและอันดับที่สามยืนอยู่ด้วยกันพวกเขามีนามว่า จินฉีหลิง [金麒麟:กิเลนทอง] หยินฉีหลิง [银麒麟:กิเลนเงิน] และ ถงฉีหลิง [铜麒麟:กิเลนทองแดง] บุตรชายทั้งสามของผู้นำตระกูลต้าฉีหลิง พวกเขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาคมคาย อายุ ยี่สิบสาม ยี่สิบสอง และยี่สิบเอ็ดปีตามลำดับ ทุกคนล้วนสวมใส่ชุดสีขาว และสวมเสื้อคลุมสีทอง เงิน และทองแดง ตามชื่อของแต่ละคน

 

          “ถงฉีหลิง เจ้าอย่าได้ทำให้ท่านพ่อและพวกเข้าขายหน้าเป็นอันขาด” จินฉีหลิงผู้เป็นพี่ชายคนโตพูดพร้อมกับยืนกอดอก

 

          “พี่ใหญ่ ข้านั้นมิได้โง่เหมือนเจ้าสองคนนั้น ข้าจะแสดงฝีมือของข้าให้พวกท่านได้เห็น” ถงฉีหลิงกระโดดขึ้นไปบนลานประลองทันที

 

          ถงฉีหลิงปลดปล่อยลมปราณในระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เจ็ดออกมา คลื่นลมปราณทำให้เสี่ยวฉีหลิงยืนอยู่บนลานประลองด้วยความลำบากไม่น้อย กับคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังสูงกว่าถึงห้าขั้น เขาจะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย

 

          “เริ่มประลองท้าชิงอันดับผู้สืบทอดอันดับสามได้!” ผู้อาวุโสประกาศเริ่มการประลองในทันที

 

          ถงฉีหลิงยังคงยืนกอดอกอย่างสงบ หลังจากที่ปลดปล่อยลมปราณของเขาออกมา ไม่มีท่าทีที่จะเข้าจู่โจม เสี่ยวฉีหลิงเลยแม้แต่น้อย

 

          เมื่อคู่ต่อสู้ไม่คิดที่จะเป็นฝ่ายบุก การใช้เล่ห์เหลี่ยมในการตั้งรับของเสี่ยวฉีหลิงก็ไม่อาจอาจที่จะทำได้ และหากไม่มีฝ่ายใดเริ่มผลของการประลองก็จะไม่อาจตัดสินได้ ตามกฏของการประลองจะตัดสินให้เสมอกัน และการหากตัดสินว่าเสมอ จะถือว่าอันดับผู้สืบทอดจะยังคงเป็นของคนเดิม เสี่ยวฉีหลิงจึงจำเป็นต้องเป็นฝ่ายเข้าไปจู่โจมทันที

 

          “ฝ่ามือกิเลนทะลวงสวรรค์!” เสี่ยวฉีหลิงซัดฝ่ามือขวาไปที่หน้าอกของถงฉีหลิงทันที แต่ถงฉีหลิงก็สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับเตะสวนกลับมาทำให้เสี่ยวฉีหลิงถึงกับกลิ้งลงไปที่พื้นหลายตลบ

 

          “มีฝีมือเพียงเท่านี้เองหรือ? แม้ว่าระดับพลังจะสูงเมื่อเทียบกับผู้อื่น แต่ดูเหมือนประสบการณ์การต่อสู้ของเจ้าจะมีเพียงแค่น้อยนิด” ถงฉีหลิงพูดพร้อมกับมองเสี่ยวฉีหลิงด้วยสายตาที่ดูถูก

 

          “โต้กลับข้าได้เพียงแค่กระบวนท่าเดียว อย่าได้ดูถูกข้าให้มากนัก ฝ่ามือกิเลนหกวิถี!” เสี่ยวฉีหลิงพูดพร้อมกับพุ่งทะยานออกไป และซัดฝ่ามือออกไปด้วยแขนทั้งสองข้าง

 

          “จะหนึ่งหรือหกวิถี มันก็แค่ฝ่ามือที่อาบด้วยพลังสวรรค์เท่านั้น” ถงฉีหลิงค่อย ๆ โน้มตัวหลบทีละฝ่ามือ พร้อมกับใช้มือของเขาโจมตีตรงส่วนท่อนแขนด้านใน ทำให้ฝ่ามือของเสี่ยวฉีหลิงถูกปัดป้องออกไปพร้อมกัน ทำถงฉีหลิงไม่ถูกฝ่ามือของเสี่ยวฉีหลิงสัมผัสร่างกายเลยแม้แต่น้อย

 

          “การโจมตีของเจ้าล้วนเต็มไปด้วยช่องโหว่ แค่จับตามองการโคจรของพลังสวรรค์รอบ ๆ ตัวของเจ้า ข้าก็สามารถรู้ถึงตำแหน่งที่เจ้าคิดที่จะจู่โจมได้” ถงฉีหลิงพูดพร้อมกับหมุนตัวใช้เท้าแตะเสี่ยวฉีหลิงกลิ้งไปไม่เป็นท่าอีกครั้ง

 

          เมื่อโดนโต้กลับมาได้ถึงสองกระบวนท่า เสี่ยวฉีหลิงจึงหันไปมองตู่ซื่อ พร้อมกับพูดว่า

 

          “ท่านอาจารย์ข้าต้องขอนุญาตท่านแล้ว”

 

          เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตู่ซื่อจึงพยักหน้าตอบรับ เสี่ยวฉีหลิงได้ลองแสดงวรยุทธของตนให้ตู่ซื่อดู และได้บอกถึงการประสานวรยุทธของตนเองเข้ากับวรยุทธกิเลนสวรรค์ แม้ว่าตู่ซื่อจะไม่ชอบเท่าใดนัก เพราะเป็นการผิดกฏที่เขาตั้งเอาไว้ แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ คงไม่อาจเลี่ยงได้

 

          “ข้านั้นไม่ได้ดื่มมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ขอข้าดื่มให้ชื่นใจสักอึกก่อนนะ” เสี่ยวฉีหลิงนำขวดเหล้าที่ถูกไว้ที่เอวขึ้นมาดื่ม

 

          “คิดที่จะดูถูกข้าเช่นนั้นหรือ? เจ้าเด็กเหลือขอ!” ถงฉีหลิง เดินมาตรงหน้าเสี่ยวฉีหลิงอย่างช้า ๆ พร้อมกับใช้เท้าเตะขวดเหล้าในมือของเสี่ยวฉีหลิงลอยละลิ่วขึ้นไปด้านบน

 

          “เหล้าของข้านั้นยังไม่หมด เหตุใดเจ้าจึงเสียมารยาทเช่นนี้” เสี่ยวฉีหลิงใช้มือจับเท้าของถงฉีหลิงและใช้เป็นฐานในการทำให้ตัวของเขาตีหลังกาขึ้นไปถือขวดเข้าที่ลอยอยู่ และดื่มลงไปอีกอึกหนึ่ง

 

          “ลูกเตะกิเลนน้อย!” เสี่ยวฉีหลิงที่อยู่กลางอากาศหมุนตัวเตะลงมาที่ถงฉีหลิงทันที

 

          “ข้าบอกแล้วว่าการโจมตีของเจ้านั้นใช้ไม่ได้ผลกับข้า” ถงฉีหลิงสะบัดแขนเพื่อปัดเท้าของเสี่ยวฉีหลิง แต่จู่ ๆ ลูกเตะของเสี่ยวฉีหลิงก็หยุดค้างกลางอากาศพร้อมกับหมุนกลับมาอีกทางหนึ่ง เป็นการเตะโดยใช้ส้นเท้าเข้าที่ใบหน้าของถงฉีหลิงอย่างจัง

 

          “กิเลนน้อยสะบัดหาง!” เสี่ยวฉีหลิงพูดชื่อกระบวนท่าของตนขึ้นมาพร้อมกับยิ้มด้วยความภูมิใจ

 

          “การเคลื่อนไหวเช่นนั้น! เหตุใดข้าจึงสัมผัสการโคจรของพลังสวรรค์รอบ ๆ ตัวของเจ้า ว่าจะโจมตีเช่นนั้นไม่ได้?” ถงฉีหลิงใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปาก และถามออกไปด้วยความประหลาดใจ

 

          “นี่คือวรยุทธกิเลนร่ำสุรา เป็นเคล็ดวิชาของข้าเอง” เสี่ยวฉีหลิงพูดพร้อมกับยกเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง

 

          “บังอาจใช้เท้าอันโสโครกมาเตะที่หน้าของข้า ลูกเตะกิเลนทะลวงสวรรค์” ถงฉีหลิงกระโดดใช้ส้นเท้าฟาดลงที่หัวของเสี่ยวฉีหลิงอย่างรวดเร็ว ทำให้เสี่ยวฉีหลิงไม่อาจหลบได้ทัน เขาใช้แขนทั้งสองข้างต้านรับเอาไว้ แต่ด้วยพลังโจมตีของถงฉีหลิงนั้นเหนือกว่าเสี่ยวฉีหลิงหลายขั้น ทำให้เขาไม่อาจต้านไว้ด้วยกำลังกายของตน

 

          “กิเลนคลุมสวรรค์!” เสี่ยวฉีหลิงจำเป็นต้องใช้กระบวนท่ากิเลนคลุมสวรรค์ในการต้านรับแทน ทำให้เกิดม่านพลังขึ้นมาขวางกั้นเท้ากับเสี่ยวฉีหลิงเอาไว้

 

          “นั่นมันกระบวนท่ากิเลนคลุมสวรรค์ วรยุทธที่เสี่ยวฉีหลิงใช้คือวรยุทธกิเลนสวรรค์” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ การที่คนจากกิ่งตระกูลอย่างเสี่ยวฉีหลิงสามารถเรียนรู้วรยุทธกิเลนสวรรค์ เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน บุตรชายของเขาทั้งสาม และหลานชายอีกสองคน ได้รับการถ่ายทอดคือวรยุทธกิเลนสวรรค์ เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น ผู้ที่ได้เรียนรู้กระบวนท่าทั้งสามของวรยุทธกิเลนสวรรค์ในตระกูลมีเพียง ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงเท่านั้น

 

          “กรงเล็บกิเลนคู่!” เสี่ยวฉีหลิงรวบรวมพลังสวรรค์สร้างกงเล็บที่มือทั้งสองข้าง และใช้ตะปบไปที่หน้าอกของถงฉีหลิงทันที ทำให้เสื้อผ้าตรงส่วนอกของถงฉีหลิงขาดออก พร้อมกับมีรอยของกรงเล็บเป็นรูปกากบาดที่หน้าอกของถงฉีหลิงทันที

 

          “การประลองรู้ผลแล้ว หากข้าไม่ยั้งมือ เขาก็คงจะตายไปแล้ว” เสี่ยวฉีหลิงหันไปพูดกับผู้อาวุโสที่ดูแลการประลองและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง

 

          ผู้อาวุโสที่ดูแลการประลองหันไปมองถงฉีหลิงที่นอนจมกองเลือดอยู่ แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ถึงกับชีวิต

 

          “เสี่ยวฉีหลิงคือผู้ชนะ บัดนี้ ข้าขอประกาศให้เสี่ยวฉีหลิงกลายเป็นผู้สืบทอดลำดับที่สามแล้ว” ผู้อาวุโสที่ดูแลการประลองประกาศออกไป

 

          “น้องเล็ก เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง?” หยินฉีหลิงผู้เป็นพี่กระโดดขึ้นไปบนลานประลองและอุ้มถงฉีหลิงมา

 

          แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาแม้แต่น้อย ถงฉีหลิงในตอนนี้หมดสติไปแล้ว หยินฉีหลิงจึงอุ้มถงฉ๊หลิงไปวางตรงเก้าอี้ และเรียกให้หมอมาตรวจสอบอาการของถงฉีหลิง

 

          “ข้าจะล้างแค้นให้น้องเล็ก” หยินฉีหลิงกระโดดกลับไปบนลานประลองอีกครั้ง พร้อมกับชี้ไปที่หน้าของเสี่ยวฉีหลิงด้วยความเจ็บแค้น

 

          “ช้าก่อน” เสียงของผู้นำตระกูลต้าฉีหลิง ดังขึ้น จากนั้นเขาก็ทะยานออกมาจากห้องชมการประลองขึ้นไปบนลานประลองอีกคนหนึ่ง

 

          “ท่านพ่อ!” หยินฉีหลิงพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าบิดาของเขานั้นจะขึ้นมาบนลานประลองเช่นนี้

 

          ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงเดินไปที่เบื้องหน้าของเสี่ยวฉีหลิงและถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า

 

          “เจ้านั้นไปเรียนรู้วรยุทธกิเลนสวรรค์มาจากผู้ใดกัน?

 

          “ข้านั้นเป็นศิษย์มีครู ก็ย่อมได้รับถ่ายทอดมาจากอาจารย์ของข้าอยู่แล้ว” เสี่ยวฉีหลิงตอบกลับไปโดยที่ไม่หวาดหวั่นต่อผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงที่อยู่เบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

          ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงหันไปมองตู่ซื่อที่ยืนอยู่ข้างลานประลอง ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก วรยุทธลับของตระกูลกลับมีบุคคลภายนอกล่วงรู้ได้ เรื่องนี้เขาไม่อาจยอมรับได้อย่างแน่นอน

 

          “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอคำตอบจากเจ้า ว่าเจ้านั้นเรียนรู้วรยุทธกิเลนสวรรค์มาจากที่ใด ตระกูลฉีหลิงไม่เคยถ่ายทอดวรยุทธให้แก่บุคคลภายนอก โดยเฉพาะกระบวนท่ากิเลนคลุมสวรรค์นั้น มีเพียงผู้นำตระกูลแต่ละรุ่นเท่านั้นที่จะรับได้รับการถ่ายทอดมา” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใยดีเท่าใดนัก เพราะตู่ซื่อนั้นอายุน้อยกว่าเขาหลายสิบปีอีกด้วย

 

          “ข้าได้รับสืบทอดมาจากสายเลือดผู้ที่คิดค้นวรยุทธนี้ขึ้นมา หากเอ่ยนามไปท่านก็คงจะไม่รู้จัก” ตู่ซื่อตอบกลับไป ซึ่งคนที่ตู่ซื่อกล่าวถึงก็คือกิเลนฟ้านั่นเอง

 

          “ผู้คิดค้นวรยุทธกิเลนฟ้าคือบรรพชนของตระกูลฉีหลิง หากเป็นดั่งที่เจ้าพูด ก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่รู้จักคนผู้นั้น” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงแย้งกลับไป

 

          “ข้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของท่านไปมากกว่านี้” ตู่ซื่อตอบกลับไป เนื่องจากกิเลนฟ้าไม่ต้องการให้มีผู้ใดรับรู้เรื่องของเขา

 

          “เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะฏิเสธคำถามของข้า จงตอบมาซะ ถ้าเช่นนั้นอย่าได้กล่าวโทษข้าภายหลัง” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงจับจ้องตู่ซื่อด้วยความโมโห ที่ตู่ซื่อปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเขา

 

          “เรียนท่านผู้นำตระกูล ที่หน้าประตูเมืองเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ” สมาชิกของตระกูลฉีหลิงผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาในลานประลองด้วยความร้อนใจ เขารีบคุกเข่ารายงานสถานการณ์ต่อผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงทันที

 

          “มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น?” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงหันไปถามด้วยความสงสัย

 

          “พวกเมืองอสูรนำกองกำลังออกมาที่หน้าเมืองของเรา และบอกว่า พวกมนุษย์ลักลอบส่งพวกเลือดผสมเข้าไปสืบข่าวในเมืองอสูร ตอนนี้พวกเขาจับพวกสายเลือดผสมมาที่หน้าเมืองของเรา และต้องการพบกับผู้นำตระกูลต้าฉีหลิง เพื่อขอคำชี้แจงขอรับ” สมาชิกของตระกูลฉีหลิงรายงาน

 

          “พวกสายเลือดผสม เทพธิดาน้อย อาจารย์หญิง” เสี่ยวฉีหลิงหันไปมองตู่ซื่อด้วยความร้อนใจทันที

 

          “ข้าจะออกไปพบเขา พวกเจ้าต้องตามข้าไปด้วย ข้าจะไม่ยอมให้เจ้านั้นหลบหนีไปที่ไหน จนกว่าจะตอบคำถามของข้า และดูเหมือนว่าเรื่องในคราวนี้พวกเจ้าจะมีความเกี่ยวข้องด้วยสินะ” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงตอบกลับไปพร้อมกับหันมามองเสี่ยวฉีหลิงและตู่ซื่อ ท่าทีที่เป็นกังวลของเสี่ยวฉีหลิง ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาไปได้

 

          ด้านนอกเมือง ผู้นำของเมืองอสูร มีนามว่า กิเลนนรก  [地狱麒麟:ตี้ยวี่ฉีหลิงเขาเป็นกิเลนที่มีผิวกายสีดำสนิท เขานั้นยอมเป็นสมุนของบริวารแห่งเทพ เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ซึ่งหลังจากที่ได้ปกครองเมืองอสูรในอาณาจักรแห่งนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่า การเป็นสาวกของบริวารแห่งเทพก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอันใดนัก เพราะเขานั้นได้รับทั้งอำนาจและเงินทองจากบริวารแห่งเทพมาไม่น้อย

 

          ที่เบื้องหน้ามีพวกสายเลือดผสมถูกจับมัดเอาไว้ โดยมีเสี่ยวหนีเสิ่นที่ถูกจับไว้อย่างแน่นหนา และมัดติดไว้กับบนเสาไม้

 

          “นี่มันเรื่องอันใดกัน?” ผู้นำตระกูลต้าฉีหลิงเอ่ยถามออกไปเมื่อเดินมาที่หน้าประตูเมือง

 

          “พวกสายเลือดผสมเหล่านี้ พวกมันยอมรับว่าเป็นสายของพวกเจ้า โดยเฉพาะนังผู้หญิงที่ถูกจับมัดเอาไว้ตรงนั้น นางนั้นลอบเข้ามาในตำหนักของข้า และยังมีพวกมันอีกคนที่หลบหนีไปได้ เจ้าจงนำนางผู้นั้นออกมา ข้าจะทำการสังหารต่อหน้าพวกเจ้า ฐานที่เป็นสายของพวกมนุษย์” กิเลนนรก พูดออกมาราวกับเสียงคำราม

 

          “เทพธิดาน้อย” เสี่ยวฉีหลิงตะโกนออกไปทันทีที่เห็นว่านางถูกจับมัดเอาไว้ เขาพยายามที่จะทะยานออกไปช่วยแต่ถูกตู่ซื่อจับเอาไว้ และบอกให้นิ่งเฉยเอาไว้ก่อน

 

          “ด้วยท่าทีของเจ้าเด็กนั่น เจ้าคงไม่อาจที่จะปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์แล้วสินะ” กิเลนนรกพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 

          “ตู่ซื่อ ผู้นำของเมืองอสูรนั่นเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับข้า และดูเหมือนว่ามันจะสัมผัสถึงตัวตนของข้าได้แล้ว” กิเลนฟ้าพูดขึ้นมาในห้วงขอบเขตวิญญาณของตู่ซื่อ…….จบตอน

 


แต่งโดย นายมะพร้าว


 

 


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง