test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

10 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.77 เทพธิดาทั้งสอง

         ทางด้านเนี่ยลี่นั้นได้เดินทางไปหาตู่ซื่อและฮวาหั่ว พาเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เพื่อรับอาวุธจาก เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง

         

         “คารวะท่านผู้อาวุโสข้าคือตู่ซื่อ” ตู่ซื่อเข้าไปคารวะ เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงด้วยความสุภาพ

         

         “ส่วนข้าคือฮวาหั่ว” ฮวาหั่วก็แสดงท่าทีที่ไม่ต่างกันเท่าใดนัก

         

        “อาวุธของพวกเจ้านั้น แตกต่างจากผู้อื่น ข้าจึงเลือกที่จะทำเป็นสิ่งสุดท้าย จงรับไปสิ นี่คือถุงมือกิเลนคู่ และเสื้อคลุมจิตวิญญาณ” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงส่งให้แก่ฮวาหั่ว

         

        ตรงส่วนบนของข้อมือทั้งสองข้างมีช่องยิงลูกดอกเพื่อใช้โจมตีระยะไกล แต่ตัวลูกดอกนั้นต้องใช้พลังสวรรค์ในการสร้างขึ้นมา ซึ่งถูกใจฮวาหั่วยิ่งนัก เนื่องจากสามารถยิงออกไปได้เร็วกว่าธนูที่นางเคยใช้ ส่วนเสื้อคลุมนั้นจะแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะพลังวิญญาณของผู้สวมใส่

         

      “ของเจ้านั้นคือมีดวงพระจันทร์ และเกราะเทพจันทรา” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงมอบให้แก่ตู่ซื่อ

         

       สำหรับมีดวงพระจันทร์นั้นสามารถแยกออกเป็นสองเล่มได้ และเมื่อนำปลายสองด้านมาต่อกันก็จะสามารถใช้ปาออกไปเป็นอาวุธโจมตีระยะไกลได้ ส่วนเกราะเทพจันทรานั้น ยามที่ผสานเข้ากับกิเลนฟ้านั้น พลังจากเทพจันทราจะเกื้อหนุนพลังให้แก่กิเลนฟ้าได้

         

      “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสยิ่งนัก” ตู่ซื่อและฮวาหั่วก้มศีรษะกล่าวคำขอบคุณด้วยความนอบน้อม

         

      “จากนี้ไป ข้าจะสร้างอาวุธและชุดเกราะของข้าเอง เพื่อใช้ในสงครามที่ใกล้จะมาถึง ยามที่เจ้าเดินทางไปยังอาณาจักรบรรพชนแห่งเทพ จงพาผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหกไปด้วย นั่นย่อมรวมถึงตัวข้าด้วย เมื่อไปถึงที่นั่น จะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งสุดท้าย” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดกับเนี่ยลี่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

         

      “ข้าเข้าใจแล้ว” เนี่ยลี่ประสานมือตอบรับ แม้ว่าจะยังหาคนที่หกไม่พบ และไม่มีวิธีที่จะติดต่อกับจอมมาร แต่เขาก็ต้องทำเท่าที่ทำได้

         

       “อีกไม่กี่วันหลังจากนี้ ข้าจะพาพวกเจ้าไปยังอาณาจักรหุบเขาสวรรค์ ข้าคงต้องขอให้เจ้าพักอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ไปก่อน” เนี่ยลี่หันไปพูดกับตู่ซื่อและฮวาหั่ว

         

      “ข้าเข้าใจแล้ว เมื่อสงครามใกล้มาถึง พวกข้าก็ต้องรีบทำการเพิ่มระดับพลังให้สูงขึ้นให้เร็วที่สุด” ตู่ซื้อและฮวาหั่วพยักหน้าตอบรับ

         

      “ในตอนนี้ข้านั้นก็บรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าแล้ว อีกเพียงก้าวเดียวที่จะบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า เมื่อตอนนั้นมาถึง พวกเราจะเดินทางไปยังอาณาจักรบรรพชนแห่งเทพด้วยกัน” เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หากที่แห่งนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามดั่งที่เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง เขาก็ต้องพาสหายและกองกำลังทั้งหมดของเขาไปด้วย

        

       หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกมาจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ และกลับไปบ่มเพาะพลังกันที่ห้องพักที่ตำหนักของประมุข

         

       เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอนั้นมุ่งหน้าไปถึงถ้ำทางทิศเหนือ และพบว่านี่คือถ้ำที่มีกระจกข้ามภพติดอยู่ จึงเป็นถ้ำที่ใช้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพ

         

       “ข้าจะเอากระจกข้ามภพออกมา ส่วนเจ้า สำรวจดูว่าสิ่งที่เซียงตังบอกไว้นั้นอยู่ที่ใด” เอียจื่ออวิ๋นหันไปพูดกับหนิงเอ๋อ ขณะที่พยายามแกะเอากระจกข้ามภพออกมา

         

       “ดูเหมือนว่าผนังถ้ำนี้จะมีอะไรบางอย่าง” หนิงเอ๋อนั้นออกไปที่โลกภายนอกอยู่เสมอจึงคุ้นเคยกับค่ายกลประเภทต่าง ๆ นางเอื้อมมือไปตรงด้านหนึ่งของผนังและพบว่ามีกลไกซ่อนอยู่ เมื่อขยับกลไกแล้วผนังด้านในก็เปิดขึ้น

         

       “จื่ออวิ๋น เมื่อได้กระจกข้ามภพแล้วตามหลังข้ามา” หนิงเอ๋อหันไปบอกกับจื่ออวิ๋นทันที

         

       หนิงเอ๋อรีบมุ่งหน้าเข้าไปด้านใน จื่ออวิ๋นที่เก็บกระจกข้ามภพไปแล้ว จึงรีบตามเข้าไปทันที และพบว่าด้านในมีเส้นทางทอดยาวไปเพียงเส้นทางเดียว และที่ส่วนลึกนั้นมีแสงสว่างอยู่

         

      สุดปลายถ้ำนี้มีทะเลสาบแห่งหนึ่งอยู่ นี่คือทะเลสาบแห่งเทพขนาดใหญ่ นี่คือเหตุผลที่พวกอสูรมีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมาก

         

     ตรงกลางทะเลสาบแห่งเทพนี้มีแท่นศิลาหินตั้งอยู่ และบนแท่นนั้นดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งอยู่ด้านใน

         

     “ช่วยด้วย ช่วยพวกข้าด้วย” มีเสียงดังขึ้นมาจากภายในม่านพลัง

         

     เมื่อมองหาต้นเสียง ก็พบว่ามีเทพธิดาตัวเล็ก ๆ บินอยู่ด้านในม่านพลัง และดูเหมือนว่าเทพธิดาทั้งสองจะไม่กล้าสัมผัสกับม่านพลังนี้เช่นกัน

         

     “พวกเจ้าเป็นใครกัน” หนิงเอ๋อถามออกไปด้วยความสงสัย

         

     “พวกข้าคือ เทพธิดาแห่งวายุเหมันต์ และเทพธิดาแห่งวายุอัสนี พวกเราสองพี่น้องถูกพวกอสูรกักขังไว้ที่นี่ เพื่อให้พลังสวรรค์ของพวกข้าช่วยสร้างศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณขึ้นมา” เทพธิดาแห่งวายุอัสนีตอบกลับมา ส่วนเทพธิดาแห่งวายุเหมันต์นั้นดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก

         

     หนิงเอ๋อลองยื่นมือไปสัมผัสกับม่านพลัง ก็ถูกพบว่าม่านพลังนี้มีความร้อนเป็นอย่างมาก นางจึงรีบดึงมือออกมาทันที

         

      “ม่านพลังอัคคี” หนิงเอ๋อพูดขึ้นมา เมื่อรู้ว่าม่านพลังนี้คือสิ่งใด

         

      “ให้ข้าทดสอบดูได้หรือไม่?” จื่ออวิ๋นลองใช้ลมปราณสร้างน้ำแข็งห่อหุ้มมือของนางเอาไว้ และเอื้อมมือไปสัมผัสกับม่านพลัง ก็พบว่า น้ำแข็งที่สร้างจากลมปราณของนางละลายไปอย่างรวดเร็ว

         

     “จื่ออวิ๋นเจ้าคิดว่านี่คือสิ่งที่เซียงตังกล่าวไว้หรือไม่?” หนิงเอ๋อหันไปถามจื่ออวิ๋น

         

     “ข้าเองก็ไม่มั่นใจนัก แต่เจ้ามีหนทางในการทำลายม่านพลังนี้หรือไม่?” จื่ออวิ๋นส่ายหน้าพร้อมกับถามกลับไป

         

      “หากสามารถช่วยเทพธิดาทั้งสองได้ พวกนางอาจจะช่วยกำจัดอสูรจงอางขาวได้” หนิงเอ๋อพูดพร้อมกับตรวจสอบแท่นศิลาดู

         

      “พวกเรามีเวลาไม่มากนัก หากจะทำลายม่านพลังโดยวิธีที่ถูกต้องอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม ข้าเกรงว่าเซียงตังจะไม่อาจต้านเอาไว้ได้นานถึงเพียงนั้น” หนิงเอ๋อหันมาพูดกับจื่ออวิ๋น พร้อมกับใบหน้าที่จริงจัง

         

      “ข้าจะใช้กำลังเพื่อสลายม่านพลังนี้” หนิงเอ๋อใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่ม่านพลัง ทำให้มือของนางเริ่มร้อนเป็นไฟจนแทบลุกไหม้

         

      “หนิงเอ๋อเจ้าทำบ้าอันใดกัน ปล่อยมือออกมาเดี๋ยวนี้นะ” จื่ออวิ๋นตะโกนออกไปพร้อมกับพยายามดึงมือทั้งสองข้างของหนิงเอ๋อขึ้นมา

         

     “นี่คือหนทางเดียว หากพลังของข้ามากพอ ก็จะเปิดเส้นทางให้พวกนางออกมาได้” หนิงเอ๋อพูดด้วยความเจ็บปวด นางค่อย ๆ ใช้นิ้วฉีกม่านพลังออกเพื่อเปิดช่องทางหนีให้แก่เทพธิดาทั้งสอง

         

      “ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง” จื่ออวิ๋นใช้มือทั้งสองข้างช่วยเปิดช่องทางหนีให้แก่เทพธิดาทั้งสอง

         

   ทั้งสองคนช่วยกันเปิดทางหนีให้แก่เทพธิดาทั้งสอง ด้วยพลังที่เหลืออยู่โดยที่ไม่มีผู้ใดคิดที่จะปล่อยมือแม้แต่น้อย

         

     เมื่อมีช่องว่งพอที่จะลอดออกมาได้ เทพธิดาแห่งวายุอัสนีจึงพยุงเทพธิดาแห่งวายุเหมันต์บินออกออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้นหนิงเอ๋อและจื่ออวิ๋นจึงปล่อยมือจากม่านพลัง มือของทั้งสองคนกำลังลุกไหม้จากความร้อนของม่านพลัง แต่พวกนางในตอนนี้ไม่เหลือพลังที่จะดับมันได้

         

      “ฟงเหลย [风雷:วายุอัสนี] ข้าจะตอบแทนที่พวกนางช่วยเรา” เทพธิดาแห่งวายุเหมันต์พูดขึ้นมา นางมีรูปร่างราวสมส่วน ราวกับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี สวมชุดสีขาวราวกับหิมะ มีปีกสีขาวเล็ก ๆอยู่ด้านหลังใช้พลังน้ำแข็งของนางดับไฟที่กำลังลุกไหม้บนมือของทั้งสองคน

         

      “ฟงเสวี่ย [风雪:วายุเหมันต์] เจ้านั้นกำลังอ่อนแรง ข้าจะรักษาพวกเขาเอง” เทพธิดาแห่งวายุอัสนีที่มีหน้าตาเหมือนกันยิ่งนัก แต่ชุดที่นางสวมใส่อยู่เป็นชุดสีเหลืองอ่อน ใช้ลมปราณของนางทำการรักษาแผลให้แก่ทั้งสองอย่างช้า ๆ


   เทพธิดาทั้งสองเป็นธิดาของเทพวายุ และเทพธิดาจื้อเหลียว [:การรักษา]ที่มีพลังแห่งการรักษา ทำให้พวกนางสามารถใช้พลังในการรักษาได้


    แม้ว่าจะรักษาทั้งสองคนได้ แต่การฟื้นฟูพลังนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามากนัก


    “พวกนางช่วยเหลือเราโดยมิได้คำนึงถึงชีวิตตนเอง ข้าต้องการตอบแทนน้ำใจของพวกนาง” เทพธิดาฟงเสวี่ย สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของจื่ออวิ๋นนั้น เป็นธาตุเดียวกับนาง นางจึงทำการถ่ายทอดพลังของตนให้แก่เอียจื่ออวิ๋น


    “เมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น ข้าก็จะทำเช่นกัน” เทพธิดาฟงเหลย ก็ทำกับหนิงเอ๋อเช่นเดียวกัน การถ่ายทอดพลังเช่นนี้เป็นการฝืนบังคับ หากวิญญาณธาตุของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันก็จะไม่อาจทำได้


    ทางด้านเซียงตังที่ต่อสู้อยู่กับอสูรจงอางขาว เขากำลังเพลี่ยงพล้ำเป็นอย่างมาก เพราะพลังหลังจากการเลื่อนระดับนั้นยังไม่มั่นคงเท่าใด และระดับพลังของอีกฝ่ายก็เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด


    อสูรจงอางขาวใช้ลิ้นโจมตีเซียงตังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลิ้นของอสูรจงอางขาวก็คือแส้จงอางขาวที่ฟู่เพี่ยวเลี่ยงใช้ก่อนหน้านี้นั่นเอง ทำให้เซียงตังต้องปัดป้องเท่านั้น


    เมื่อเห็นว่าฟันของแส้จงอางขาว ไม่อาจที่จะกัดผ่านเกล็ดของมังกรภูเขาเกล็ดสีชาดได้ อสูรจงอางขาวจึงใช้หางฟาดใส่ร่างของ เซียงตังอย่างรุนแรง เสียงหากที่แหวกอากาศดังหวีดหวิว และปะทะร่างของเซียงตัง แต่เขาก็พยายามใช้มือจับรัดหางของอสูรจงอางขาวเอาไว้


    “ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นจงอางหางไหม้” เซียงตังใช้ลมปราณสร้างร่างอัคคีขึ้นมาอีกครั้ง และกอดรัดหางของอสูรจงอางขาวไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้หางของอสูรจงอางขาวเกิดไฟลุกขึ้น หากใช้ไอเย็นเพื่อดับไฟ ก็จะทำให้หางของมันถูกแช่แข็งไปด้วย


อสูรจงอางขาวจึงสะบัดหางไปมาอย่างรุนแรง ทำให้เซียงตังที่จับหาเอาไว้ถูกเหวี่ยงไปมาเขาใช้กรงเล็บของมังกรภูเขาเกล็ดสีชาดจิกที่หางของอสูรจงอางขาวเอาไว้ และไม่ยอมให้ถูกสะบัดหลุดเป็นอันขาด แต่การที่ต้องถูกฟาดไปกัดพื้นน้ำแข็งและภูเขาที่อยู่โดยรอบ ก็ทำให้เขาบดเจ็บไม่น้อย


สุดท้ายเซียงตังก็กลับคือสู่รูปลักษณ์ของมนุษย์ การผสานร่างถูกคลายออกเนื่องจากอาการบาดเจ็บของเขา และอสูรจงอางขาวก็สามารถดับไฟที่หางของตนได้


“เจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจ บังอาจทำให้หางของข้าถูกเผาจนเกรียม ข้าจะกัดกินเจ้าซะ” อสูรจงอางขาวพูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างมาก


อสูรจงอางขาวพุ่งไปเพื่อหมายที่จะกลืนกินเซียงตังให้หายแค้น แต่แค่พริบตาเดียว เซียงตังก็หายไปจากพื้นน้ำแข็งที่เขานอนสลบอยู่


หนิงเอ๋อและจื่อเข้าไปอุ้มเซียงตังและนำไปวางไว้บนกำแพงเมือง และบินมาด้านหน้าอสูรจงอางขาว


“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือพวกข้า” จื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋อพูดขึ้นมาพร้อมกัน ในตอนนี้พวกนางนั้นผสานเข้ากับดวงจิตของเทพธิดาทั้งสอง ที่ใกล้จะสลายไปจากการฟื้นฟูพลังให้พวกนาง พวกนางจึงตัดสินใจที่จะผสานร่างเข้ากับดวงจิตของเทพธิดาทั้งสองเพื่อทำการฟื้นฟูพลังวิญญาณให้แก่พวกนาง [เป็นการผสานในรูปแบบเดียวกับกิเลนฟ้า เทพธิดาทั้งสองจึงยังมีชีวิตอยู่]


“หนิงเอ๋อ เจ้าเห็นหรือไม่?” จื่ออวิ๋นหันไปถามหนิงเอ๋อ เมื่อเห็นแผลที่หางอสูรจงอางขาว แม้ว่าพลังของอสูรจงอางขาวจะแพ้ธาตุไฟ แต่เกราะสลายวายุเหมันต์ ไม่ได้มีเพียงคุณสมบัติในการสลายพลังเท่านั้น ยังสามารถสร้างพายุหิมะเพื่อใช้ป้องกันตัวเองได้ด้วย แต่หางของอสูรจงอางขาวนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ถูกปกป้องจากเกราะสลายวายุเหมันต์เลย


“หมายความว่าเกราะสลายวายุเหมันต์ และ ว่าผ้าคลุมอัสนีคืนกลับ นั้นปกป้องเพียงส่วนลำตัวของมันเท่านั้น”


หลังจากที่ผสานเข้ากับเทพธิดาทั้งสอง ทำให้พลังของเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อนั้นเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่สองแล้ว


“อัญเชิญเทพอัสนี! ”หนิงเอ๋อนำกระบี่เทพวายุอัสนีออกมาพร้อมกับชูขึ้นเพื่อรวบรวมพลังสายฟ้า จากเมฆเบื้องบน ฟ้าผ่าลงมาที่กระบี่เทพวายุอัสนี จนทำให้กระบี่เทพวายุอัสนีนั้นมีประกายสายฟ้าอยู่โดยรอบ จนดูน่ากลัวยิ่งนัก

“นี่คือผลจากการที่แกทำร้ายเซียงตัง กระบี่อัสนีทะลายสวรรค์” หนิงเอ๋อฟันกระบี่เทพวายุอัสนีไปด้านหน้า โดยเป้าหมายอยู่ที่หางที่ถูกเผาจนไหม้ของอสูรจงอางขาว คลื่นสายฟ้าจากกระบี่ที่พุ่งออกไป ตัดหางของอสูรจงอางขาวออกทันที ทำให้มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด


“วายุเหมันต์จงประสานเข้ากับกายข้า!” จื่ออวิ๋นรวบรวมพลังจากพายุหิมะที่อยู่โดยรอบเข้าไปไว้ในร่างกายของตน ก่อนที่ย้ายพลังทั้งหมดมาไว้ที่ปลายนิ้วของนาง


อสูรจงอางขาวเห็นดังนั้นจึงรีบพุ่งมา หมายที่จะกลืนกินเอียจื่ออวิ๋นก่อนที่จะใช้กระบวนท่าใดออกมา แต่ก็ช้าเกินไป เอียจื่ออวิ๋นหมุดตัวหลบและใช้ดัชนีจิ้มไปที่หน้าผากของอสูรจงอางขาวทันที


“ข้าต้องไม่พ่ายแพ้เช่นนี้ ข้าเป็นถึงเจตจำนงของบริวารแห่งเทพ” อสูรจงอางขาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายพูดออกมาก่อนที่ส่วนหัวจะถูกแช่แข็งไป


“ดัชนีเหมันต์ปลิดวิญญาณ!” เอียจื่ออวิ๋น พูดขึ้นมาพร้อมกับลงไปยืนที่พื้น


ไอเย็นที่ถูกปล่อยออกไปจากปลายนิ้วของเอียจื่ออวิ๋นนั้นจะทำให้ทุกสิ่งถูกแช่แข็งจากภายในร่างกาย ต่อให้อีกฝ่ายสวมใส่เกราะสลายวายุเหมันต์ แต่หากโจมตีจากส่วนอื่นที่มิได้สวมใส่เกราะอยู่ ก็จะสามารถแช่แข็งได้เช่นกัน


เมื่อร่างกายของอสูรจงอางขาวถูกแช่แข็งจนหมด ก็ค่อย ๆ แตกกระจายออกเป็นเศษน้ำแข็งส่องแสงประกายไปทั่ว หลังจากที่พายุหิมะ และสายฟ้าหายไปจากท้องฟ้า ดวงตะวันก็เริ่มทอแสงในรอบร้อยปี ความอบอุ่นเริ่มเกิดขึ้นในอาณาจักรแห่งนี้ ทำให้ผู้คนที่หลบอยู่ในถ้ำ ทะยอยออกมา เพื่อมองดูดวงอาทิตย์ที่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นในอาณาจักรแห่งนี้


เอียจื่ออวิ๋นก้มลงไปหยิบเกราะสลายวายุเหมันต์และผ้าคลุมอัสนีคืนกลับขึ้นมา นางตั้งใจที่จะมอบให้แก่เซียงตังเพื่อที่จะตอบแทนน้ำใจของเขา...............จบตอน

        

 

แต่งโดย นายมะพร้าว


  



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง