test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

9 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.76 เจตจำนงของบริวารแห่งเทพ

         

      เมื่อได้ยินคำพูดของเซียงตัง ฟู่เพี่ยวเลี่ยงก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหว ด้วยระดับพลังของเขาหากทานยาทิพย์มังกรคราม ก็คงจะเหนือกว่า ซงซือและจั่วส่งไม่มากนัก แต่เขาก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว เขาจึงรีบหยิบยาทิพย์มังกรครามออกมาทานในทันที

         

     “เทพอัสนีสังหาร!” หนิงเอ๋อฟันกระบี่เทพวายุอัสนีออกไปทันที เพื่อทดสอบฝีมือของฟู่เพี่ยวเลี่ยง แต่ฟู่เพี่ยวเลี่ยงก็สะบัดผ้าคลุมสีเงินที่อยู่ด้านหลังของเขา เมื่อสายฟ้าจากกระบี่เทพวายุอัสนีปะทะเข้ากับ ผ้าคลุมอัสนีคืนกลับ สายฟ้านั้นก็สะท้อนกลับไปทางหนิงเอ๋อทันที และดูเหมือนว่าสายฟ้าที่สะท้อนกลับมาจะมีความเร็วและรุนแรงยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

         

     “กำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์!” เอียจื่ออวิ๋น สร้างกำแพงน้ำแข็งเพื่อป้องกันให้หนิงเอ๋อทันที กำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์สามารถป้องกันสายฟ้าที่สะท้อนกลับมาได้ แต่ก็เกิดรอยแตกขึ้นมาเป็นจำนวนมากเช่นกัน

         

     “สายฟ้าของเจ้าดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับข้านะ” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงพูดขึ้นด้วยความยินดี เขาเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าผ้าคลุมอัสนีคืนกลับ จะวิเศษถึงเพียงนี้

         

     “จงอางขาวอัสนีเหมันต์!” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงสะบัดแส้จงอางขาวออกไปทันที ด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้า ตรงส่วนปลายของแส้จงอางขาวจะมีลักษณะเป็นหัวจงอาง หากถูกฟันของจงอาง คนผู้นั้นจะโดนเขี้ยวพิษน้ำแข็ง ร่างกายจะเย็นลงจนกระทั่งกลายเป็นน้ำแข็งทั้งร่าง แต่หากถูกแส้รัดจะถูกสายสายฟ้าจู่โจมเข้าร่างกายทันที

         

      แส้จงอางขาว เข้าปะทะกับ กำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์ของเอียจื่ออวิ๋น เพียงแค่ครั้งเดียวกำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์ก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ  ทันที

         

     “กำแพงน้ำแข็งนิรันดิ์เช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าจะตั้งชื่อเกินความเป็นจริงไปมากเลยนะ” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงพูดพร้อมกับหัวเราะ ด้วยความเย้ยหยัน แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญด้านวรยุทธเท่าใดนัก แต่ด้วยระดับพลังและของวิเศษที่เขามีอยู่ ก็ทำให้เขาเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน ก็ไม่ใช่คำที่ยกยอเกินไปนัก

         

     “กระบี่วายุเหมันต์!” เอียจื่ออวิ๋นรวบรวมลมปราณสร้างกระบี่วายุเหมันต์ขึ้นมา พร้อมกับควบคุมให้พุ่งไปที่ฟู่เพี่ยวเลี่ยงทันที

         

     ทันทีที่กระบี่วายุเหมันต์ พุ่งปะทะหน้าอกของฟู่เพี่ยวเลี่ยง กระบี่วายุเหมันต์ก็แตกกระจายกลายเป็นเศษน้ำแข็งเท่านั้น เกราะสลายวายุเหมันต์ที่เขาสวมใส่อยู่นั้น สามารป้องกันพลังไอเย็น หรืออาวุธธาตุน้ำแข็งได้ทุกชนิด

         

     “จงอางขาวอัสนีเหมันต์!” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงสะบัดแส้จงอางขาวออกไปรัดแขนขวาของเอียจื่ออวิ๋นเอาไว้ และปล่อยสายฟ้าออกไปทันที แต่เนื่องนางแขนของเอียจื่ออวิ๋นอวิ๋นนั้นมีเกราะที่ถักทอจาลมปราณวายุเหมันต์ของนางเอาไว้ จึงสามารถป้องกันสายฟ้าได้บ้าง แต่ก็ทำให้แขนของนางมีรอยสีแดงคล้ายถูกไฟลวกขึ้นมารอบแขน

         

     “จื่ออวิ๋น!” หนิงเอ๋อรีบพุ่งเข้าไปช่วย ทำให้ฟู่เพี่ยวเลี่ยงจำต้องดึงแส้จงอางขาวกลับมา และสบัดไปที่หนิงเอ๋อทันที หนิงเอ๋อใช้กระบี่เทพวายุอัสนีปัดป้อง แต่แส้จงอางขาวกลับหลบได้ราวกับมีชีวิตและกัดไปที่มือขวาของนางทันที

         

     “เพียงเท่านี้เจ้าก็จะกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งของข้าแล้ว”  ฟู่เพี่ยวเลี่ยงพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี เขาไม่คิดมาก่อนว่า การเป็นยอดฝีมือจะทำให้เขามีความสุขถึงเพียงนี้

         

     “หนิงเอ๋อเจ้าเป็นเช่นใดบ้าง?” เอียจื่ออวิ๋นหันไปถามหนิงเอ๋อด้วยความกังวล

         

     “จื่ออวิ๋น เจ้าถอยห่างจากข้าไป ความเย็นเพียงเท่านี้ไม่อาจทำอันใดข้าได้” หนิงเอ๋อชูกระบี่เทพวายุอัสนีขึ้นไปด้านบน และเรียกสายฟ้าให้ผ่าลงมาที่ปลายกระบี่เทพวายุอัสนีทันที

         

“อัญเชิญเทพอัสนี!

         

      ทันทีที่ฟ้าผ่าลงมาที่ปลายกระบี่ ร่างกายของหนิงเอ๋อก็มีประกายสายฟ้าอยู่โดยรอบ พิษน้ำแข็งที่เข้าไปในร่างของนางถูกดึงออกมาจากร่างกายของนางทันที แต่การเรียกสายฟ้ามาผ่าร่างกายเช่นนี้ ก็ทำให้นางสิ้นเปลืองพลังไม่น้อย

         

     “หากใช้น้ำแข็งและสายฟ้าเล่นงานมันไม่ได้ ก็ใช้ดนตรีจัดการมัน กู่เจิ้งเสียงสวรรค์!” เอียจื่ออวิ๋นเรียกกู่เจิ้งเสียงสวรรค์ออกมา และเริ่มนั่งลงทันที

         

     “ท่วงทำนองนิทราสวรรค์!” เอียจื่ออวิ๋นเริ่มใช้นิ้วกรีดกรายลงบนสายกู้เจ้ง และบรรเลงท่วงทำนองนิทราสวรรค์ ที่ผู้ใดได้ยินแล้วจะหลับไหลลงไปอย่างไม่รู้ตัว

         

      แต่ด้วยเกราะและผ้าคลุมวิเศษของฟู่เพี่ยวเลี่ยง จึงเกิดม่านพลังป้องกันเสียงบางส่วนเอาไว้ได้ แม้ว่าฟู่เพี่ยวเลี่ยงจะตกอยู่ในห้วงภวังไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงกับหลับไหล

         

     “จื่ออวิ๋น ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง” หนิงเอ๋อรีบนำหร่วนเทพธิดาออกมาและร่วมบรรเลงท่วงทำนองนิทราสวรรค์กับจื่ออวิ๋นทันที

         

      ด้วยเสียงจากเครื่องดนตรีทั้งสอง ทำให้ท่วงทำนองนี้มีอาณุภาพสูงขึ้นหลายเท่า ม่านพลังของฟู่เพี่ยวเลี่ยง จึงไม่อาจป้องกันได้อีกต่อไป ดวงตาของเขาเริ่มจะปิดลง แต่วรยุทธของพวกนางยังคงแพ้ทางของวิเศษทั้งสอง จึงไม่อาจปลิดชีพฟู่เพี่ยวเลี่ยงได้ พวกนางจึงหันมองไปทางเซียงตัง

         

     โดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยอันใด เซียงตังรับรู้ทันทีว่าพวกนางต้องการพูดสิ่งใด เขาจึงทะยานลงมาจากบนกำแพงเมืองพร้อมกับหมุนตัวใช้กระบี่ฟันไปที่คอของฟู่เพี่ยวเลี่ยงทันที คอของฟู่เพี่ยวเลี่ยงค่อย ๆ ร่วงหล่นลงกับพื้น แต่การที่ได้สิ้นลมในขณะที่หลับไหลจากท่วงทำนองนิทราสวรรค์ นับว่าเมตตาเขายิ่งนัก เนื่องจากเขานั้นจะรู้สูกราวกับล่องลอยอยู่บนทรวงสวรรค์ และไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองนั้นได้สิ้นลมไปแล้ว

         

     “จบแล้วสินะ” เอียจื่ออวิ๋นพูดพร้อมกับถอนหายใจ การบรรเลงท่วงทำนองนิทราสวรรค์นั้นต้องใช้พลังไม่น้อย นางหันไปมองเซี่ยวหนิงเอ๋อที่กำลังเหนื่อยหอบไม่ต่างจากนาง

         

    “ขอบใจท่านมาก หากข้าจำไม่ผิด ท่านนั้นมีนามว่าเซียงตังใช่หรือไม่?” หนิงเอ๋อหันไปขอบคุณเซียงตังที่ช่วยจบชีวิตของฟู่เพี่ยวเลี่ยง

         

     “เซียงตังคือนามของข้า สำหรับเรื่องนี้ ข้าควรจะเป็นฝ่ายขอบใจพวกท่านเสียมากกว่า หากไม่ได้ท่านทั้งสอง ข้าคงไม่อาจกำจัดคนทรยศได้” เซียงตังประสานมือขอบคุณอย่างสุภาพ

         

     “เซียงตังหลบไป!” จื่ออวิ๋นตะโกนออกไปเมื่อเห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวที่ด้านหลังของเซียงตัง

        

      ร่างกายที่ไร้ศีรษะของฟู่เพี่ยวเลี่ยง สะบัดแส้จงอางขาวมาที่เซียงตัง ด้วยเสียงเตือนของจื่ออวิ๋นทำให้เซียงตังกระโดดหลบไปได้ แต่แส้จงอางขาวก็เคลื่อนไหวตามการหลบของเซียงตังและกัดที่มือซ้ายของเขาทันที

        

     “ฟู่เพี่ยวเลี่ยง ยังไม่ตายเช่นนั้นหรือ?” เซี่ยวหนิงเอ๋อพูดขึ้นมาด้วยความตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า

         

     “ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาร่างที่ไร้ศีรษะ ลมปราณสีดำค่อย ๆ ก่อรูปเป็นศีรษะอสูรขึ้นมาแทนที่ศีรษะที่ขาดไป หัวของอสูรนี้เป็นหัวของจงอางขาว ที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก

         

     “ฟู่เพี่ยวเลี่ยง ที่พวกเจ้าสู้ด้วยก่อนหน้านี้ มันได้ตายไปแล้ว ข้าคืออสูรจงอางขาว เป็นเจตจำนงของบริวารแห่งเทพ ที่ถ่ายทอดพลังให้แก่มัน เจ้าคิดหรือว่าแค่คลายจุดชีพจรจะทำให้ฟู่เพี่ยวเลี่ยงนั้นบรรลุถึงระดับเทพสงครามขั้นสูงสุดเช่นนี้ได้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะ ข้านั้นแฝงตัวอยู่ในร่างของมันต่างหากเล่า” เจตจำนงของบริวารแห่งเทพพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี เมื่อฟู่เพี่ยวเลี่ยงตายไป มันจึงสามารถออกมาควบคุมร่างนี้ได้ดั่งใจ ไม่มีทางที่อสูรอย่างมันจะเชื่อใจให้ มนุษย์อย่างฟู่เพี่ยวเลี่ยงปกครองอาณาจักรแห่งนี้

         

       เจตจำนงของบริวารแห่งเทพนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริวารแห่งเทพ ที่แบ่งร่างลงมา ทำให้มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง มิได้ถูกร่างหลักควบคุม แต่ก็ยังคงซื่อสัตย์ต่อร่างต้นเนื่องเพราะต้องใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งเจตจำนงของบริวารแห่งเทพนี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่สอง และใกล้ที่จะบรรลุขั้นที่สามแล้ว

         

      เซียงตังที่ถูกแส้จงอางขาวกัดที่มือ แขนของเขาค่อย ๆ กลายเป็นน้ำแข็งทีละนิด แต่มือขวาของเขายังคงถือกระบี่เตรียมเผชิญหน้ากับ อสูรจงอางขาว

         

      “นั่นคือการลงโทษที่เจ้าสังหาร สาวกของบริวารแห่งเทพ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถขับพิษน้ำแข็งออกมาได้ ดั่งมนุษย์ผู้หญิงคนนั้น” อสูรจงอางขาว พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

         

      “จริงอยู่ว่าข้านั้นไม่อาจขับพิษออกไปได้ แต่ข้าก็มีวิธีที่จะจัดการกับพิษของเจ้า” เซียงตังตอบกลับไป พร้อมกับใช้กระบี่ในมือจัดแขนซ้ายของตัวเองออกไปทันที

         

“อ๊ากกกก”

         

     เซียงตังร้องด้วยความเจ็บปวด เขาฉีกเสื้อของตนเองออกและพันห้ามเลือดแขนซ้ายเอาไว้

         

      “เซียงตัง!” เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสิ่งที่เซียงตังทำ พวกนางไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีนี้ในการกำจัดพิษน้ำแข็ง

         

      “ในตอนนี้พวกเจ้าใช้พลังจนแทบไม่เหลือแล้ว จงรีบมุ่งหน้าไปยังถ้ำทางเหนือ จากความทรงจำของบรรพชน ที่นั่นมีสิ่งที่เหมาะสมสำหรับพวกเจ้า จงรีบไปนำมาให้เร็วที่สุด ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้” เซียงตังส่งเสียงผ่านลมปราณไปที่เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ

         

      “ท่านคิดว่า พวกข้าจะปล่อยให้ท่านตายเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ?” เอียจื่ออวิ๋นตอบกลับไป พวกนางมิใช่คนเห็นแก่ตัวเช่นนั้น

         

      “ข้าไม่คิดที่จะตายที่นี่เป็นแน่ แต่หากพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่ พวกเราอาจจะตายด้วยกันทั้งหมด จงรีบไป จากนั้นค่อยกลับมาช่วยเหลือข้า” เซียงตังตอบกลับไปด้วยท่าทีที่มุ่งมั่นเป็นอย่างมาก

         

     “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารับสิ่งนี้ไป” หนิงเอ๋อตอบกลับไป พร้อมกับนำยาทิพย์โยนให้เซียงตังหนึ่งขวด นี่คือยาทิพย์จากผลไม้แห่งพระเจ้า เมื่อดื่มไปแล้วจะทำให้พลังของเซียงตังเพิ่มสูงขึ้น และอาจจะรับมืออสูรจงอางขาวได้ชั่วคราว แต่หากต้องต่อสู้กันจริง ๆ การเอาชนะอสูรจงอางขาวนั้น ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก

         

     เมื่อหนิงเอ๋อตัดสินใจเช่นนั้น เอียจื่ออวิ๋นจึงยอมพยักหน้าตอบรับ พวกนางตัดสินใจที่จะรอให้แขนซ้ายของเซียงตังคืนสภาพกลับมาดังเดิม จึงจะรีบเดินทางไปตามทิศทางที่เซียงตังได้บอกไว้ พวกนางมั่นใจว่าจะต้องเป็นจุดเดียวกับที่มีกระจกข้ามภพอยู่เป็นแน่

         

      “มังกรภูเขาเกล็ดสีชาด!” เซียงตัง ดื่มยาทิพย์ที่หนิงเอ๋อส่งให้ และรีบทำการดูดซับทันที ร่างกายของเขาร้อนรุ่มราวกับไฟลุกแต่ก็สามารถดูดซับได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากอากาศที่หนาวเหน็บจากภายนอกช่วยปรับสมดุลความร้อนจากภายใน ซึ่งทำให้เขานั้นบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ในที่สุด  จากนั้นเขาก็เรียกจิตอสูรสายเลือดมังกรของเขาออกมาผสานทันที ทำให้แขนซ้ายของเขาคืนสภาพกลับมารวดเร็วยิ่งขึ้น มังกรภูเขาเกล็ดสีชาด มีขนาดสูงใหญ่ราวสามสิบเมตร เกล็ดสีชาดนั้นมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ ด้านหลังมีปีกสีแดงเพลิง ยามที่โบกสะบัดนั้น มีความรุนแรงไม่ด้อยไปกว่าพายุหิมะที่พัดผ่านอยู่โดยรอบ

         

     “ไปได้!” เซียงตังตระโกนบอกทั้งสองคน ขณะที่พุ่งเข้าโจมตีอสูรจงอางขาวทันที

         

        “ข้าคิดว่าจะใหญ่โตสักเพียงไหน ชั่งเล็กน้อยยิ่งนัก” อสูรจงอางขาวที่ดูเหมือนกับว่ายืนนิ่งอยู่ แต่จริง ๆ แล้วเขากำลังรวบรวมพลังเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนร่างกายมนุษย์ของฟู่เพี่ยวเลี่ยง ให้กลับสู่รูปลักษณ์ของอสูรจงอางขาว ร่างกายของมันค่อยแตกออกราวกับงูที่กำลังลอกคราบ แม้ว่าจะมองดูเป็นจงอางขาวธรรมดา แต่ร่างกายของมันใหญ่โตกว่าห้าสิบเมตร ส่วนเกราะและผ้าคลุมวิเศษนั้นก็กลายเป็นเกราะห่อหุ้มเกล็ดของจงอางขาวอีกชั้นหนึ่ง

         เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อรีบทะยานไปทางทิศเหนือทันที เพราะร่างกายอันใหญ่โตของอสูรจงอางขาว จึงไม่ทันสังเกตุเห็นทั้งสองคน

         

        “หนิงเอ๋อเจ้าคิดว่า เซียงตังจะต้านทานไว้ได้นานสักเท่าใด” เอียจื่ออวิ๋นหันไปมองร่างกายอันใหญ่โตของอสูรจงอางขาว ด้วยความกังวล

         

       “ถ้ำทางเหนือนั้น มิได้อยู่ไกลนัก พวกเราควรที่จะไปเอากระจกข้ามภพมาก่อน จากนั้นก็รับหาสิ่งที่เซียงตังบอกไว้ คงใช้เวลาไม่มากนัก” หนิงเอ๋อตอบกลับไป นางเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปเอาสิ่งใดและใช้เวลาเท่าใด แต่นางจะไม่ยอมให้มีผูใดต้องสละชีวิตเพื่อนางเป็นแน่ พวกนางจึงรีบมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุด

         

       “ร่างอัคคี!” เซียงตังใช้ลมปราณปลุกให้เปลวไฟห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ อสูรจงอางขาวนั้นเป็นอสูรธาตุอัสนีเหมันต์ การใช้ร่างอัคคี อาจจะทำให้อสูรจงอางขาดไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา


         

       “เปลวไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจะทำอันใดข้าได้” อสูรจงอางขาวพ่นลมหายใจออกมา ทำให้เปลวไฟของเซียงตังดับลงทันที เกล็ดมังกรของเขาก็ค่อย ๆ ถูกหิมะเกาะไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าเขาจะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว แต่ความห่างชั้นก็ยังมีมากเกินไป..........จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง