test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

4 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.71 สุราเลิศรส

หลังจากที่กลับมายังอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อและเถ้าแก่โหย่วก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมและเริ่มเตรียมการที่จะทำการค้า โดยเริ่มจากโรงเตี๊ยมเหรินโหย่วแห่งนี้ ซึ่งจะนำชาเลิศรสจากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์มาขายให้แก่ลูกค้าในโรงเตี๊ยม แม้ว่าจะเป็นชาเกรดต่ำสุดที่นำมา ก็ยังหอมหวลยิ่งกว่าชาที่ดีที่สุดของเมืองนี้


เอียจื่ออวิ๋นให้เถ้าแก่โหย่วตั้งราคาของผงชา เท่ากับผงชาชั้นเลิศที่ขายอยู่ในเมือง แต่ด้วยคุณภาพที่เหนือกว่าหลายเท่า จึงมีผู้คนมาขอซื้อ แน่นอนว่าแม้แต่เจ้าของโรงน้ำชาของเผ่าอสูร ยังต้องมาขอซื้อผงชาจากโรงเตี๊ยมเหรินโหย่วเช่นกัน


แต่เนื่องจากเดิมทีโรงเตี๊ยมเหรินโหย่วนั้นรับลูกค้าที่เป็นมนุษย์เท่านั้น เอียจื่ออวิ๋นจึงขอให้เถ้าแก่โหย่ว จัดพื้นที่หน้าร้านเพื่อทำการค้ากับเผ่าอสูรซึ่งก็ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ผงชาที่ซื้อมาในราคาห่อละ หนึ่งศิลาจิตวิญญาณ สามารถขายออกไปได้ในราคาถึง ห้าศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณ ซึ่งจื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋อได้นำมาขายสิบล้านห่อ [ต้นทุนสิบล้านศิลาจิตวิญญาณ ขายได้ห้าสิบล้านศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณ หากขายหมดจะได้กำไรสี่สิบเก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณหรือสี่หมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ]


แม้ว่าจะเป็นจำนวนที่ดูว่ามากมายนัก แต่ด้วยจำนวนประชากรของเมืองแห่งนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เมื่อนับรวมประชากรทั้งหมดในเมืองนี้ก็มีนับล้านคน และเมื่อผงชาของโรงเตี๊ยมเหรินโหย่วมีชื่อเสียง โรงเตี๊ยมอื่น ๆ ทั้งของมนุษยืและอสูรจึงต้องมาขอซื้อเพราะลูกค้าไม่ต้องการดื่มชาชนิดอื่น


หลังจากนั้นจื่ออวิ๋นจึงเริ่มให้ร้านค้าอื่น ๆ ที่ประมูลมาเริ่มเปิดร้านค้าขาย ซึ่งร้านเหล้าที่ประมูลมาได้ มีความพร้อมมากที่สุด  โดยจะแบ่งพื้นที่ในร้านเป็นสองส่วน เพื่อต้อนรับทั้งมนุษย์และอสูร และสุราชนิดแรกที่นำมาขายที่ร้านคือ สุราชีเฟิ่ง [西:วิหคเพลิงแห่งตะวันตก:เป็นสุราโบราณอันเลื่องชื่อของจีนที่ว่ากันว่ากลิ่นอันหอมหวลของสุรานี้จะล่องลอยออกไปได้ไกลนับสิบลี้] ยามที่มีลูกค้าสั่งมาดื่ม กลิ่นหอมจะกระจายไปทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว ราคาของสุราชีเฟิ่งที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ที่ไหละหนึ่งศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณ  แต่สามารถนำออกมาขายได้ในราคาถึงหนึ่งศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ซึ่งจื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋อได้นำมาถึงหนึ่งแสนไห


หนิงเอ๋อได้นำแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของทีได้รับมาจากเนี่ยลี่ออกมาให้จื่ออวิ๋นดู และพบว่าด้านในแหวนนั้นมีสูตรยาและขั้นตอนการปรุงยาที่ใช้ต้านความหนาวเย็นที่ชื่อว่า ยาผนึกไอเย็น  พร้อมทั้งสมุนไพรที่เป็นวัตถุดิบ และอุปกรณ์ที่ใช้ปรุงยาอีกด้วย เนื่องจากต้องใช้ความร้อนในการหลอมปรุงยาเนี่ยลี่จึงมอบมันให้กับหนิงเอ๋อ จื่ออวิ๋นจึงมอบหมายให้หนิงเอ๋อผลิตยาดังกล่าวซึ่งเนี่ยลี่ได้เขียนบอกเอาไว้ว่า ให้นำออกขายในเวลาที่เหมาะสม


เพียงแค่ไม่กี่วัน การค้าของร้านเหล้าและโรงเตี๊ยมเหรินโหย่ว ก็สามารถทำกำไรให้กับจื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋อนับแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ทำให้อันดับของเถ้าแก่โหย่ว และเถ้าแก่จิ่วที่เป็นเจ้าของร้านเหล้า มีอันดับที่สูงขึ้นแต่ก็ยังไม่อาจขึ้นไปอยู่เหนือตระกูลของพวกอสูรได้ ในตอนนี้เถ้าแก่จิ่วนั้นมีทรัพย์สินมากที่สุดในกลุ่มสหายของเถ้าแก่โหย่ว เขาอยู่ในดันดับที่เจ็ดโดยมีอยู่ทั้งหมด หนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ตามหลังอันดับที่สี่ ห้า และหก อยู่ราว ๆ ห้าถึงหกหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำเท่านั้น [อันดับสี่ ห้า และหก มีทรัพย์สินอยู่ประมาณ สองแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำใกล้เคียงกัน] ส่วนเถ้าแก่โหย่วนั้นอยู่ในอันดับที่แปด มีทรัพย์สินอยู่หกหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ


วันต่อมาจื่ออวิ๋นลอบส่งข่าวไปให้แก่เถ้าแก่ปู้ เจ้าของกิจการขายผ้า เพื่อให้นำผ้าไหมที่นางได้จัดเตรียมมาไปวางขาย ผ้าไหมที่นางได้จัดเตรียมมานั้นถักทอมาจากใยไหมสวรรค์ ที่เพาะเลี้ยงได้จากดินแดนที่อบอุ่นเท่านั้น ซึ่งมีคุณสมบัติในการปกป้องอากาศหนาวเย็นได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงผ้าไหมผืนบาง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าผ้าไหมชนิดนี้จะมีราคาสูงยิ่งนัก โดยที่ผ้าหนึ่งพับนั้นจะมีราคาสูงถึงหนึ่งร้อยศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ แต่ราคาที่พวกนางซื้อมานั้นอยู่ที่พับละหนึ่งศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำเท่านั้น


เพียงแค่สามวัน ในอาณาจักรแห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก ทั้งชาชั้นดี สุราเลิศรส ผ้าไหมอันล้ำค่า แม้ว่าของเหล่านี้จะมีราคาสูง แต่ก็มีมนุษย์และอสูรจำนวนมากที่สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อหาได้ แต่ก็ทำให้พวกเผ่าอสูรที่ทำการค้าประเภทเดียวกันเริ่มรู้สึกไม่พอใจ พวกตระกูลอสูรทั้งห้าและฟู่เพี่ยวเลี่ยง ตัวแทนตระกูลฟู่จึงได้มารวมตัวกัน


“เจ้ามนุษย์พวกนั้นไปหาชา สุรา และผ้าไหมเหล่านั้นมาจากที่ใดกัน?


ตัวแทนจากตระกูลซง ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองแห่งนี้พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากกิจการร้านน้ำชา ร้านเหล้า และร้านขายผ้าของเขาได้รับผลกระทบจากร้านทั้งสามเป็นอย่างมาก เขามีร่างกายไม่ต่างจากมนุษย์แต่ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยขนราวกับใบหน้าของพญาราชสีห์


“พวกข้าเองก็เดือดร้อนเช่นกัน หากไม่ไปซื้อผงชาและสุรามาจากร้านของมนุษย์เหล่านั้น ลูกค้าก็จะไม่ยอมเข้าร้าน เมื่อไปขอซื้อจากพวกมัน พวกมันก็ขายให้ในราคาไม่ต่างจากที่ขายในร้าน แล้วพวกเราจะหากำไรได้จากที่ใดกัน” ตัวแทนจากตระกูลจั่ว ทุบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่พูดออกมา เขานั้นมีใบหน้าเหมือนหมีสีน้ำตาล กรงเล็บที่มือของเขาดูแหลมคมและน่าหวาดกลัวยิ่งนัก


“ข้าลองไปสอบถามที่ร้านเหล้าและร้านขายผ้า แต่พวกเขาก็บอกเพียงว่า มีพ่อค้าพเนจรนำมาขายให้แก่พวกเขาที่นอกเมืองก่อนที่จะเดินทางจากไป” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเถ้าแก่ร้านค้าต่าง ๆ จะดูไม่เป็นมิตรกับเขาเลย


“ถ้าเช่นนั้นพวกเราต้องส่งคนไปหาซื้อผงชา สุราและผ้าไหมที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาจากอาณาจักรอื่น ๆ มาขาย ข้าเคยเห็นของที่ไม่แตกต่างกันนักอยู่ที่อาณาจักรกำแพงสวรรค์” ตัวแทนจากตระกูลซงพูดขึ้นมา หากไม่มีสินค้าที่ดีกว่าก็ไม่อาจที่จะทำการค้าแข่งขันได้


“แต่การเดินทางไปอาณาจักรกำแพงสวรรค์และกลับมานั้น ต้องใช้เวลานับสัปดาห์ และคงจะนำสินค้ากลับมาได้ไม่มากนัก”  ตัวแทนจากตระกูลจั่วพูดขึ้นมา แหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของนั้น นับเป็นของวิเศษที่ล้ำค่ายิ่งนักของอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ หนึ่งวงนั้นสามารถขายได้ถึงหนึ่งพันหรือหนึ่งหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ขึ้นอยู่กับว่ามีพื้นที่ในการจัดเก็บมากแค่ไหน


“ถ้าเช่นนั้นข้าจะพยายามสืบหาอีกครั้งว่า พวกมันได้สุราและผ้าไหมพวกนั้นมาจากที่ใดกันแน่ เมื่อพวกท่านกลับมาข้าจะมาแจ้งข่าวอีกครั้ง” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หากเขาไม่อาจทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลฟู่ได้ เขาก็เป็นเพียงแค่คนไร้ค่า ที่รอวันที่จะถูกสังหารเท่านั้น


วันต่อมา เมื่อมีคนแจ้งข่าวมาว่า ตระกูลอสูรทั้งห้าได้ออกเดินทางไปนอกเมือง เพื่อไปยังอาณาจักรกำแพงสวรรค์ จื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋อก็แอบยิ้มด้วยความยินดี พวกนางจึงตัดสินใจเปิดร้านค้าที่เหลือทั้งหมดพร้อมกัน โดยกระจายสินค้าไปยังร้านค้าที่ทำการค้าประเภทเดียวกัน ทำให้ในเบื้องหลังนั้นจื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋อ เป็นผู้ครอบครองการค้าทั้งหมดในเวลานี้


เมื่อผ่านไปอีกสามวัน ก็ครบเจ็ดวันตามที่ได้นัดหมายกับเนี่ยลี่ สินค้าที่ได้เตรียมมานั้นถูกขายไปจนใกล้ที่จะหมดแล้ว พวกนางจึงให้ขอเนี่ยลี่พาไปที่นิกายกำแพงสวรรค์ เพื่อหาทางรับมือตระกูลอสูรที่กำลังเดินทางมา


หลังจากที่เนี่ยลี่ได้ฟัง เขานำแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของจำนวนมากออกมา เนี่ยลี่นั้นได้หาซื้อของที่พวกนางซื้อมาเมื่อครั้งก่อนมาเป็นจำนวนมาก และมอบให้แก่พวกนาง และบอกให้พวกนางจัดการเรื่องภายในเมืองนี้ เขาจะเดินทางไปยังอาณาจักรกำแพงสวรรค์และจัดการเรื่องนี้ให้เอง


จื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋อจึงยอมกลับเข้าเมืองไป ส่วนเนี่ยลี่นั้นแอบยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะเปิดเส้นทางสวรรค์เพื่อเดินทางไปยังอาณาจักรกำแพงสวรรค์


เนี่ยลี่ได้ไปพบกับหลี่ชิงอวิ๋นและหลงยู่อินเพื่อที่จะวางแผนเพื่อรับมือตระกูลอสูรทั้งห้าจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์


“เจ้าจะให้ข้าจัดเตรียมกองกำลังเพื่อสังหารพวกเขาหรือไม่?” หลี่ชิงอวิ๋นถามออกไปเมื่อได้ยินว่า ตระกูลอสูรทั้งห้าจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์กำลังเดินทางมาที่อาณาจักรแห่งนี้


“พี่ชิงอวิ๋น ไม่จำเป็นที่ต้องทำเช่นนั้น พวกเขามาเพื่อทำการค้า พวกเราก็แค่หาสินค้าให้แก่พวกเขาเท่านั้น” เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย


“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะให้ข้าจัดเตรียมสิ่งใดบ้าง ก็จงบอกมาได้” หลี่ชิงอวิ๋นรู้ว่าเนี่ยลี่ต้องวางแผนอะไรบางอย่างไว้ ไม่ว่าจะเป็นแผนอันใดเขาก็ยินดีที่จะให้การช่วยเหลือ


“ข้าต้องการให้ท่านจัดเตรียมสุราชีเฟิ่ง จำนวนหนึ่งล้านไห และผงชาจำนวนสิบล้านถุง ข้าจะขายให้แก่พวกเขา” เนี่ยลี่พูดออกไปพร้อมกับหัวเราะ สิ่งที่เขาต้องทำคือลดจำนวนเงินของพวกตระกูลอสูรทั้งห้าจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์


“เรื่องนั้นหาใช่ปัญหาไม่ แต่ว่าเจ้าจะให้พวกเขาเข้ามาในเขตกำแพงเมืองเช่นนั้นหรือ?” หลี่ชิงอวิ๋นถามด้วยความสงสัย หากปล่อยให้พวกเขาเข้ามาได้ ความลับเรื่องที่อสูรฟ้าในนิกายแห่งนี้ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้วก็จะไม่อาจปกปิดได้อีก


“พวกเราจะทำการค้าที่ด้านนอกกำแพงเมือง ข้าจะสร้างโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ด้านนอกกำแพงด้วยพลังสัจธรรมแห่งพฤกษา เพื่อใช้ต้อนรับพวกเขา หากท่านจัดเตรียมสุราและผงชาได้ ก็ให้คนนำไปส่งให้ข้าที่นอกประตูเมืองทางทิศเหนือ หากทำได้ข้าต้องการสินค้าทั้งหมดในวันนี้” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกยืนขึ้น เขามีเวลาเตรียมตัวอีกไม่นาน พวกตระกูลอสูรทั้งห้าจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์นั้นคงจะมาถึงในวันพรุ่งนี้เช้า


“ตกลง ข้าจะให้คนไปจัดหาและส่งมอบให้เจ้าแน่นอน” หลี่ชิงอวิ๋นให้คำมั่นก่อนที่จะสั่งการให้คนไปจัดหาสิ่งที่เนี่ยลี่ร้องขอ


เนี่ยลี่ทะยานออกไปนอกเมืองทางประตูทิศเหนือ และใช้พลังสัจธรรมแห่งพฤกษา สร้างโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ขึ้นมาจากต้นไม้นับสิบต้น จากนั้นเนี่ยลี่ก็นำไม้มาแกะสลักป้ายชื่อโรงเตี๊ยมว่า โรงเตี๊ยมอสูรฟ้า เพื่อให้ดูเหมือนว่าเป็นโรงเตี๊ยมในสังกัดของนิกายอสูรฟ้า  และแค่เพียงหนึ่งชั่วยามหลี่ชิงอวิ๋นก็ได้ให้คนนำ ผงชาและสุรามาส่งให้แก่เนี่ยลี่ ซึ่งเนี่ยลี่ก็ได้แจ้งกลับไปว่า อย่าให้ผู้ใดปรากฏตัวที่ประตูกำแพงฝั่งทิศเหนือ ที่เคยเป็นประตูเมืองของพวกนิกายอสูรฟ้า หากไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะสงสัยขึ้นมาได้


เช้าวันต่อมา เนี่ยลี่ได้ใช้พลังสัจธรรมแห่งมายา เปลี่ยนตนเองให้เป็นอสูร และสร้างภาพมายาเป็นทหารอสูรยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูเมือง เพื่อรอต้อนรับตระกูลอสูรทั้งห้าจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์


ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามตระกูลอสูรทั้งห้าจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ ก็ได้เดินทางมาถึง เนี่ยลี่มายืนรอที่หน้าโรงเตี๊ยมและตะโกนออกไปทันที


“สวัสดี พวกท่านคงเป็นพ่อค้าจากอาณาจักรอื่น ตอนนี้อาณาจักรกำแพงสวรรค์ กำลังมีสงครามภายในอยู่ จึงไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปโดยเด็ดขาด หากท่านไม่เชื่อก็จงสอบถามแก่เหล่าทหารได้”


เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก เมื่อราวหนึ่งปีก่อนที่พวกเขาเดินทางมาไม่เคยมีโรงเตี๊ยมอยู่ตรงนี้มาก่อน และไม่มีครั้งใดที่ประตูของกำแพงเมืองจะปิดกั้นไม่ให้ผู้ใดเข้าไปเช่นนี้

“พวกข้าต้องการซื้อสินค้า เพื่อนำไปขายที่อาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ มีหนทางใดบ้างที่จะเข้าไปด้านในได้” ตัวแทนจากตระกูลซง มีนามว่าซงซือ [ราชสีห์ที่ดุร้าย] เอ่ยถามกับทหารยาม


“คำสั่งของประมุขห้ามมิให้คนนอกเข้าไปโดยเด็ดขาด!” เนี่ยลี่ใช้พลังสัจธรรมแห่งมายา สร้างภาพมายาให้ดูราวกับว่าทหารยามตอบกลับมา


“ข้าบอกพวกท่านแล้ว หากต้องการผงชาและสุรา ข้าก็พอที่จะแบ่งขายให้แก่พวกท่านได้นะ” เนี่ยลี่ตะโกนออกไปอีกครั้ง


“ข้าคือซงซือ เป็นพ่อค้าจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ ที่ข้าต้องการคือผงชา และสุราชนิดนี้” ซงซือนำผงชาและสุราชีเฟิ่ง ที่ซื้อมาจากเถ้าแก่โหย่ว และเถ้าแก่จิ่ว ออกมาให้เนี่ยลี่ดู


“ผงชาชั้นยอด กับสุราชีเฟิ่ง ข้านั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก หากท่านต้องการข้าก็ยินดีที่จะขายให้ในราคาที่ไม่แพงนัก” เนี่ยลี่ตอบกลับไป เขารู้ดีว่าผงชานี้เป็นเพียงผงชาคุณภาพปานกลางเท่านั้น ไม่ใช่ชาชั้นดีแต่อย่างใด ปกติแล้วพวกเขาเคยซื้อผงชาและสุราเกรดต่ำสุดเท่านั้น


เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่พวกเขาก็แปลกใจยิ่งนัก โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ แต่กลับมีผงชาและสุราจำนวนมากถึงเพียงนี้


“เจ้าจะขายให้ข้าในราคาเท่าใดกัน” ซงซือพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อค้ามานาน แต่เขาก็ไม่ทราบราคาที่แท้จริงของผงสาและสุราที่ว่ามานี้


“สำหรับผงชา ข้าขายให้ท่านถุงละสี่ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณ ส่วนสุราชีเฟิ่งข้าขายในราคาหนึ่งศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ต่อจำนวนสุราชีเฟิ่งสองไห” เนี่ยลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป


“นี่มันแพงเกินไปแล้ว! เจ้าคิดว่าพวกข้าโง่หรืออย่างไร” ซงซือตะโกนกลับมาด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะนำไปขายต่อและได้กำไรอยู่บ้าง แต่มันก็น้อยเกินไปสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เขาไม่เชื่อว่าราคาของผงชาและสุรานี้จะสูงถึงเพียงนั้น ................จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว



        


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง