เมื่อการประมูลรอบแรกจบไป
เอียจื่ออวิ๋นจึงแอบส่งสัญญาณให้กับทุกคน ทุ่มประมูลโดยไม่สนใจราคาเริ่มต้น
นั่นก็คือ ประมูลด้วยเงินจำนวนหนึ่งแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
ตั้งแต่เริ่มต้นการประมูลทันที ทางด้านเผ่าอสูรไม่เคยคิดเลยว่า
พวกมนุษย์จะมีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำมากถึงเพียงนี้
พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะทุ่มเงินประมูลด้วยศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำที่มีในมือตั้งแต่แรก
ทำให้ผลของการประมูลเก้ารอบที่เหลือ พวกเถ้าแก่ที่ร่วมมือกับเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ
เป็นฝ่ายชนะประมูลไป มีเพียงเถ้าแก่โหย่วเท่านั้นที่ไม่ได้ชนะประมูลในอีกเก้ารอบทีเหลือ
เมื่อการประมูลทั้งสิบรอบจบลง
ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป โดยที่ไม่ได้ลอบมาพบกัน เพราะเอียจื่ออวิ๋นมั่นใจว่า
เถ้าแก่ทุกคนจะต้องถูกพวกอสูรแอบจับตาอยู่เป็นแน่
เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยมของเถ้าแก่โหย่ว
ทั้งสามคนก็เข้าไปหารือกันเช่นเคย เถ้าแก่โหย่วถามด้วยความสงสัยว่า
“ที่พวกท่านกำลังอยู่นี้
ไม่ต่างจากการนำหินไปถมทะเล การจ่ายเงินไปถึงหนึ่งแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
เพื่อกิจการต่าง ๆ ที่มีราคาเพียงแค่ ไม่กี่หมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำนั้น
จะไม่เป็นการทำให้ฝ่ายนั้นร่ำรวยยิ่งขึ้นหรอกหรือ?”
คำถามของเถ้าแก่โหย่วนั้นตรงประเด็นยิ่งนัก
เอียจื่ออวิ๋นยิ้มและตอบกลับไปว่า
“เป้าหมายในวันนี้ของเรา
คือการขัดขวางมิให้พวกอสูรได้ครอบครองกิจการต่าง ๆ ของเมืองนี้ แม้ว่าจะต้องจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก
แต่ก็นับว่าบรรลุเป้าหมายขั้นแรกแล้ว”
“ข้าไม่เข้าใจ”
เถ้าแก่โหย่วยังคงทำหน้าสงสัย
“นางหมายความว่า
จากนี้ไปพวกเราจะใช้กิจการทั้งเก้าแห่งที่ซื้อมาได้
เริ่มทำการค้าเพื่อหาเงินทุนคืนมา และทำกำไรในอนาคต” เซี่ยวหนิงเอ๋อยิ้มและอธิบายให้เถ้าแก่โหย่วเข้าใจ
“กิจการทั้งเก้าแห่ง พวกเราจะใช้เพื่อทำการค้ากับพวกอสูร
อาหารและของใช้ต่าง
ๆในอาณาจักรแห่งนี้ราคาสูงกว่าอาณาจักรที่พวกข้าเดินทางมานับร้อยนับพันเท่า
เนื่องจากความยากลำบากในการเดินทาง แต่พวกเราสามารถนำอาหารและของใช้มาที่อาณาจักรแห่งนี้โดยที่ไม่ได้ลำบากอันใดเลย”
เอียจื่ออวิ๋นอธิบายต่อ
“พรุ่งนี้พวกเราต้องรบกวนเถ้าแก่โหย่วแล้ว
พวกเราจะพาท่านไปยังอาณาจักรซากมังกรและหาซื้ออาหาร
และของใช้ที่สามารถนำมาขายได้ในอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์แห่งนี้”
เซี่ยวหนิงเอ๋อพูดด้วยความยินดี เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่นางจะได้พบกับเนี่ยลี่อีกครั้ง
ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มอันแสนหวานขึ้นมา
“หากข้าสามารถออกจากอาณาจักรแห่งนี้ได้
ข้าคงจะออกไปนานแล้ว” เถ้าแก่โหย่วพูดพร้อมกับถอนหายใจ
เขานั้นอาศัยอยู่ที่อาณาจักรแห่งนี้มาตั้งแต่เกิด
มีเพียงยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรเท่านั้นที่จะสามารถออกจากอาณาจักรที่โหดร้ายนี้ไปได้
“ท่านไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้
การเดินทางจะไม่ลำบากดั่งที่ท่านคิด และหากพวกเราทำภารกิจได้สำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้นหากท่านต้องการไปอยู่ที่อาณาจักรอื่น
พวกเราก็ยินดีที่จะพาท่านไปได้” เอียจื่ออวิ๋นพูดออกไปเมื่อเห็นท่าทีที่เป็นกังวลของเถ้าแก่โหย่ว
เช้าวันต่อมา
เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ
ได้พาเถ้าแก่โหย่วไปยังที่นัดหมายกับเนี่ยลี่เอาไว้ และเมื่อเดินทางไปถึง
ก็พบว่าเนี่ยลี่นั้นยืนรออยู่แล้ว
รอบยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ
เนี่ยลี่นั้นแม้ว่าจะเป็นคนที่ทะลึ่งไปบ้าง
แต่เขาไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพวกนาง
เอียจื่ออวิ๋นหันไปมองเถ้าแก่โหย่ว
และเห็นว่าเขากำลังหนาวสั่น แม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าหนามากแล้ว
นางจึงรีบบอกกับเนี่ยลี่ทันทีว่า
“เนี่ยลี่
พาพวกเรากลับไปยังอาณาจักรขนนกศักดิ์สิทธิ์ พวกเราจะไปพูดคุยกันที่นั่น”
“เถ้าแก่โหย่ว
รบกวนท่านหลับตาสักครู่” เซี่ยวหนิงเอ๋อหันไปบอกแก่เถ้าแก่โหย่ว
และพยักหน้าให้เนี่ยลี่ทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น
เนี่ยลี่จึงเปิดเส้นทางสวรรค์ขึ้นมาทันที พวกนางทั้งสองจะต้องมีแผนอะไรบางอย่าง
ในการทำภารกิจเป็นแน่ เขาจึงยังไม่เอ่ยถามอันใด
หลังจากที่เดินผ่านเส้นทางสวรรค์มายังอาณาจักรซากมังกร
เถ้าแก่โหย่วนั้นเริ่มที่จะรู้สึกร้อน เนื่องจากเขาสวมใส่เสื้อผ้าหนาหลายชั้น
ในตอนนี้เหงื่อเริ่มที่จะไหลออกมาจากร่างกายของเขา ในตอนนี้พวกเขานั้นอยู่ในตำหนักของผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
ที่เนี่ยลี่ขอให้กู้หลานจัดเตรียมเอาไว้ สำหรับการเดินทางโดยใช้เส้นทางสวรรค์
“เถ้าแก่โหย่ว
ท่านลืมตาได้แล้ว และถอดเสื้อผ้ากันหนาวของท่านได้แล้ว
อากาศที่อาณาจักรแห่งนี้อบอุ่นกว่าอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์หลายเท่านัก”
เอียจื่ออวิ๋นหันไปพูดกับเถ้าแก่โหย่วที่ยืนเหงื่อท่วมอยู่
เถ้าแก่โหย่วรีบลืมตาขึ้นและหันไปมองโดยรอบ
พบว่าเขากำลังอยู่ในห้องโถงห้องหนึ่ง เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เมื่อชั่วเวลาก่อนหน้านี้ครู่เดียว เขายังอยู่ท่ามกลางพายุหิมะอันหนาวเหน็บ
แต่ในตอนนี้กลับมาอยู่ในที่แห่งนี้
หลังจากที่ยืนสับสนอยู่เขาก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จึงถอดเสื้อกันหนาวออก
“ไม่คิดเลยว่าที่อาณาจักรแห่งนี้จะอบอุ่นถึงเพียงนี้”
เถ้าแก่โหย่วพูดขึ้นมาด้วยความยินดี หากเทียบกับอาณาจักรแห่งนี้แล้ว อาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์นั้นจะเรียกว่านรกก็คงไม่เกินไปนัก
เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่โหย่ว
นั้นสงบสติได้แล้ว เอียจื่ออวิ๋นจึงหันไปพูดกับเนี่ยลี่ทันที
“ที่อาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์นั้น
พวกข้ายังไม่อาจหากระจกข้ามภพได้ ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าผู้ใดที่ครอบครองอยู่ อาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์นั้นปกครองด้วยเงินตรา
ข้าใช้เงินที่เจ้าให้มาในการประมูลซื้อกิจการต่าง ๆ ภายในเมือง
และการเดินทางกลับมายังอาณาจักรซากมังกรนี้ก็เพื่อที่จะ นำอาหารและเครื่องใช้ต่าง
ๆ ไปขายที่นั่น”
“แล้วเจ้าต้องการศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
เพิ่มหรือไม่ ในตอนนี้ข้ายังมีอยู่อีกนับร้อยล้านก้อน” เนี่ยลี่พยักหน้าหลังจากได้ยินสิ่งที่เอียจื่ออวิ๋นเล่า
วิธีการที่นางใช้นั้นนับว่าไม่เลวนัก
“ไม่จำเป็น
แม้ว่าจะมีเงินมากเท่านั้น การซื้อขายกิจการเพิ่มคงจะเป็นไปได้ยากแล้ว
จากนี้ไปจะเป็นสงครามทางการค้า ข้าจะนำอาหารและเครื่องใช้ต่าง ๆ ไปให้มากที่สุด
ข้าจะนำไปขายในราคาที่ถูกกว่ากิจการร้านค้าของพวกอสูร
เชื่อว่าจะสามารถทำกำไรได้อย่างงามเป็นแน่” เอียจื่ออวิ๋นโบกมือปฏิเสธพร้อมกับอธิบาย
“พวกท่านอย่าลืมว่า
พวกอสูรก็สามารถเดินทางออกมาซื้ออาหารและของใช้ไปขายได้ด้วยเช่นกัน”
เถ้าแก่โหย่วพูดแย้งขึ้นมา
“อาณาจักรที่อยู่ใกล้กับอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์มากที่สุด
ก็มีเพียงอาณาจักรกำแพงสวรรค์เท่านั้น
และหากเป็นที่นั่นข้าสามารถให้หลี่ชิงอวิ๋นกีดกันการค้ากับอสูรเหล่านั้นได้”
เนี่ยลี่หัวเราะและพูดออกไป จริง ๆ
แล้วอาณาจักรกำแพงสวรรค์นั้นไม่มีอสูรอาศัยอยู่แล้ว แต่ภายนอกอาณาจักรนั้นไม่มีใครรู้ความจริงในข้อนี้
“จากนี้ไปข้ากับจื่ออวิ๋นจะต้องไปหาซื้ออาหารและของใช้จำนวนมาก
เนี่ยลี่ เจ้าพอจะหาแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของจำนวนมากได้หรือไม่”
หนิงเอ๋อพูดออกไป ใบหน้าของนางมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
แม้ว่านางต้องการที่จะพบกับเนี่ยลี่เพียงใด แต่การที่จะพูดออกมาแต่ละคำ
นางก็ต้องต้องใช้ความพยายามไม่น้อย
“ในตอนนี้ข้ามีอยู่ราวหนึ่งร้อยวง
พวกเจ้าสามารถนำไปซื้อของก่อนได้ และในวันพรุ่งนี้ข้าจะพยายามหามาให้พวกเจ้าอีก”
เนี่ยลี่นำแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของเขาออกมาให้แก่หนิงเอ๋อ ในแหวนวงนี้มีแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของอยู่ด้านในอีกเกือบร้อยวง
เนี่ยลี่ยื่นไปพร้อมกับจับมือของหนิงเอ๋อเอาไว้ เพื่อแกล้งยั่วให้จื่ออวิ๋นหึงหวง
จื่ออวิ๋นรู้ทันทีว่าเนี่ยลี่ทำเช่นนี้เพราะต้องการสิ่งใด
นางจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ระหว่างนางกับหนิงเอ๋อ ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องหึงหวง
ซึ่งท่าทีของนางทำให้เนี่ยลี่รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ที่ไม่อาจแกล้งจื่ออวิ๋นได้ดั่งก่อนหน้านี้
หลังจากนั้น
เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อก็ได้พาเถ้าแก่โหย่ว ไปเดินดูตลาดในเมือง
ซึ่งก็ทำให้เถ้าแก่โหย่วรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ทั้งอาหาร สุรา ผงชา ผ้าไหม
และยาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ล้วนแต่คุณภาพดีกว่าที่ขายอยู่ในอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ยิ่งนัก
และราคาถูกกว่านับร้อยนับพันเท่า
เอียจื่ออวิ๋นขอให้เถ้าแก่โหย่วเลือกซื้อของที่สามารถจะนำไปขายให้แก่พวกอสูรได้
ส่วนของสำหรับมนุษย์นั้นพวกนางได้เลือกซื้อไปแค่สามในสิบส่วนเท่านั้น
เถ้าแก่โหย่วแนะนำว่า สิ่งที่สามารถนำไปขายได้ง่ายที่สุดคือสุรา
ยาและผ้าไหม เนื่องจากอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์นั้นหนาวเหน็บตลอดทั้งปี
การได้ดื่มสุรานั้นทำให้ร่างกายอบอุ่นและต้านความหนาวได้
ทำให้ในวันแรกพวกนางจึงกว้านซื้อของสามสิ่งนี้ไปจนเต็มแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของทั้งหมดที่ได้มาจากเนี่ยลี่
หลังจากนั้นพวกนางก็เดินทางกลับมาหาเนี่ยลี่
เพื่อให้เนี่ยลี่จัดเตรียมที่พักให้แก่พวกนางและ เถ้าแก่โหย่ว
ซึ่งแน่นอนว่าเนี่ยลี่ได้ขอให้กู้หลานจัดเตรียมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
เช้าวันต่อมาเนี่ยลี่ได้นำแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของมาให้แก่จื่ออวิ๋นและหนิงเอ๋ออีกสองร้อยวง
การหาแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของจำนวนมาก ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน
ก็เป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อยสำหรับเนี่ยลี่
หลังจากนั้นเอียจื่ออวิ๋น
เซี่ยวหนิงเอ๋อและเถ้าแก่โหย่ว ก็ออกไปหาซื้อของอีกครั้ง
แต่ในวันนี้เนี่ยลี่นั้นได้เดินตามไปด้วย หลังจากที่ได้พักผ่อนแล้ว
พลังของเขาในตอนนี้กลับมาเต็มเปี่ยม
เขาจึงต้องการที่จะใช้เวลาอยู่กับพวกนางให้ได้มากที่สุด
เมื่อได้ซื้อของจนเต็มแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของแล้ว
และกลับมายังตำหนักผู้นำนิกายแล้ว
พวกนางจึงขอให้เนี่ยลี่เปิดเส้นทางสวรรค์กลับไปยังอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ทันที เนี่ยลี่เองก็เศร้าใจยิ่งนักที่ต้องจากลาหญิงสาวทั้งสองอีกครั้ง
แต่เขาก็ทำตามความต้องการของพวกนางทันที โดยที่เขาขอให้เถ้าแก่โหย่วหลับตาก่อนที่จะเปิดเส้นทางสวรรค์ให้
ในตอนนี้เถ้าแก่โหย่วสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของเขาแล้ว
“อีกเจ็ดวันข้าจะไปรอพวกเจ้าที่เดิม
หวังว่าเถ้าแก่เนี้ยของข้าคงจะร่ำรวยกว่าผู้ใดในอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์แล้วนะ”
เนี่ยลี่พูดกับจื่ออวิ๋นพร้อมกับกุมมือของนางไว้
จื่ออวิ๋นนั้นใบหน้าแดงก่ำด้วยคำพูดของเนี่ยลี่
ก่อนที่จะสะบัดมือและเดินผ่านเส้นทางสวรรค์ไปด้วยความเขินอาย
“ข้าไปก่อนนะ”
หนิงเอ๋อหันมาพูดกับเนี่ยลี่ก่อนที่จะจูงมือเถ้าแก่โหย่ว เดินข้ามเส้นทางสวรรค์ไป
“หนิงเอ๋อช้าก่อน
รับสิ่งนี้ไป ข้าเขียนรายละเอียดเอาไว้ข้างในแล้ว”
เนี่ยลี่ส่งแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของอีกวงให้แก่หนิงเอ๋อ
ก่อนที่นางจะเดินข้ามเส้นทางสวรรค์ไป เนื่องจากมีเวลาไม่มากพอ
เนี่ยลี่จึงต้องเตรียมวัตถุดิบ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ใส่ไว้ในแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของแทน
หลังจากที่ทั้งสามคนเดินผ่านเส้นทางสวรรค์ไปแล้ว
เนี่ยลี่ก็ปิดเส้นทางพร้อมกับถอนหายใจ เขาต้องการที่จะอยู่กับพวกนางให้นานกว่านี้
แต่ด้วยหน้าที่สำคัญที่ชะตาได้กำหนด เขาจึงไม่อาจเห็นแก่ตัวได้
ตอนนี้ระดับพลังของเนี่ยลี่นั้นบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่แปดแล้ว
และอีกไม่นาน อาวุธของต้วนเจี้ยนก็จะตีเสร็จแล้ว
เนี่ยลี่จึงตัดสินใจที่จะเปิดเส้นทางสวรรค์ไปยังนิกายเร้นเมฆา เพื่อพาต้วนเจี้ยนไปพบกับเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
เมื่อเนี่ยลี่และต้วนเจี้ยนเข้าไปพบเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
ก็พบว่าดาบของต้วนเจี้ยนนั้นใกล้ที่จะตีเสร็จแล้ว ตัวดาบนั้นเป็นโลหะสีดำเงาวาว
เป็นประกาย เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงใช้ค้อนตีดาบอีกครั้ง
ดาบก็ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีดำก่อนที่จะหายไป
หลังจากนั้นมี่มือขวาของต้วนเจี้ยนก็มีเปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นมา
และค่อย ๆ มอดลงกลายเป็นมีดสีดำในมือของต้วนเจี้ยน
“นั่นคือดาบมังกรเพลิงทมิฬ!” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดขึ้นมาด้วยความพอใจ
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสยิ่งนัก”
ต้วนเจี้ยนประสานมือพร้อมกับกล่าวขอบคุณ
“จากนี้ไปเจ้าจงนำไปฝึกใช้ให้คล่องมือ
เมื่อถึงเวลาข้าจะส่งเจ้าไปยังอาณาจักรซากทมิฬ” เนี่ยลี่หันไปพูดกับต้วนเจี้ยน
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ต้วนเจี้ยนพยักหน้าตอบรับ.....จบตอน