test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

1 ม.ค. 2560

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.68 แผนการณ์ร้าย




เมื่อเห็นท่าทีของจื่ออวิ๋น หนิงเอ๋อก็สามารถเข้าใจได้ทันที นางหยิบถ้วยน้ำชา ที่น้ำกระฉอกกลายเป็นน้ำแข็งขึ้นมา และใช้ลมปราณอัสนีให้ความร้อนแก่ถ้วยน้ำชา ทำให้น้ำชาที่แข็งอยู่ค่อย ๆ ละลายกลับมาในชามดังเดิมและยกขึ้นดื่ม ลมปราณที่เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อแผ่ออกมามีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง


“เจ้าทั้งสองกล้าดีอย่างไรจึงพูดเช่นนี้กับข้า ผู้ใดก็ตามที่อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หากใครสั่งสองแม่นางทั้งสองนี้ได้ ข้าจะให้ค่าตอบแมนเป็นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำหนึ่งก้อน” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงหันไปพูดกับคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมด้วยเสียงที่ดังมาก


แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่สนใจคำพูดของฟู่เพี่ยวเลี่ยงแม้แต่น้อย ทำให้ฟู่เพี่ยวเลี่ยงรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ฟู่เพี่ยวเลี่ยงนั้นเป็นผู้ไร้วรยุทธ ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ได้ก็เป็นเพราะอำนาจแห่งเงินของตระกูลเท่านั้น


“พวกเจ้าไม่ต้องการศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำของข้าหรืออย่างไร?” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงตะโกนออกไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้แต่พวกลูกน้องของเขาก็ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ลูกน้องของของฟู่เพี่ยวเลี่ยง ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์


“คุณชายฟู่ ไม่ใช่ว่าผู้คนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะไม่สนใจศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำของท่าน แต่ท่านเป็นผู้ไร้วรยุทธ จึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังของพวกนาง ชาวยุทธที่อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดที่กล้าสบตามมองแม่นางทั้งสองเสียด้วยซ้ำ” ยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งระดับวิถีแห่งมังกรคนผู้หนึ่งพูดขึ้นมา เขาต้องการที่จะทานอาหารให้เสร็จและออกจากโรงเตี๊ยมนี้ไปให้เร็วที่สุด


“คุณชายฟู่ ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้ แม้ว่าโรงเตี๊ยมของข้าจะเป็นสิ่งที่ค้ำประกันเงินกู้ไว้กับตระกูลฟู่ แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์มาก่อเรื่องที่นี่ได้” เถ้าแก่โหย่ว พูดกับฟู่เพี่ยวเลี่ยงอย่างสุภาพ


“เถ้าแก่โหย่ว หุบปากไปซะ ถ้าต้องการไล่ข้าออกไปจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ก็จงจ่ายเงินกู้มาสองหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ โรงเตี๊ยมของเจ้านั้นมีค่าน้อยกว่าเงินที่เจ้ากู้เสียด้วยซ้ำ ข้าจะยึดโรงเตี๊ยมแห่งนี้เมื่อไหร่ก็ได้” ท่าทีของฟู่เพี่ยวเลี่ยงต่างไปจากเดิมยิ่งนัก เขาดูเป็นคนเจ้าอารมณ์ที่หาเรื่องเถ้าแก่โหย่วอย่างไร้เหตุผล


“ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ตามสัญญาเงินกู้ยังเหลือเวลาชำระหนี้อีกสามเดือนมิใช่หรือ?” เถ้าแก่โหย่วแย้งกลับไป


“นั่นมันเรื่องของข้า สัญญาข้าสามารถเขียนขึ้นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ข้าต้องการเงินของข้าคืนในวันพรุ่งนี้พร้อมดอกเบี้ยวตามสัญญา หากหาเงินมาคืนขึ้นข้าไม่ได้ข้าจะยึดโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นของตระกูลฟู่ซะ” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงพูดพร้อมกับเดินออกจากโรงเตี๊ยมไป


เถ้าแก่โหย่วร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บแค้น เขานั้นทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์ โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นของตระกูลเขา หากลูกของเขาไม่ล้มป่วย เขาคงจะไม่นำไปค้ำประกันเงินกู้เป็นแน่ ในตอนนี้กำไรส่วนใหญ่ของร้านก็หมดไปกับการซื้อยามารักษาลูกของเขา


เมื่อเห็นเช่นนั้นเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อจึงพาเถ้าแก่โหย่ว ไปยังห้องด้านหลังจากนั้นเอียจื่ออวิ๋นก็หยิบแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของออกมาวงหนึ่ง ให้แก่เถ้าแก่โหย่ว


 “เถ้าแก่โหย่ว ในแหวนวงนั้นมีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำจำนวนห้าหมื่นก้อน ท่านจงนำไปชำระหนี้ของคุณชายฟู่ เงินที่เหลือนั้นข้าขอจ่ายเป็นค่าซื้อโรงเตี๊ยมแห่งนี้ แน่นอนว่าหากท่านต้องการก็สามารถทำงานอยู่ที่นี่ได้เช่นเดิม และเมื่อใดที่ท่านหาเงินมาคืนข้าได้ ข้าก็จะคืนโรงเตี๊ยมแห่งนี้ให้กับท่าน” เอียจื่ออวิ๋นพูดออกไป ท่าทางของนางดูสูงศักดิ์ และงดงามยิ่งนัก แม้จะดูเย็นชา แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความเมตตา


“ขอบคุณแม่นางยิ่งนัก ข้ายินดีที่ทำสัญญาเงินกู้กับท่านและนำไปส่งให้แก่ส่วนกลาง” เถ้าแก่โหย่วพูดทั้งน้ำตา หญิงงามสองคนจากอาณาจักรอื่น กลับมีน้ำใจให้แก่เขาถึงเพียงนี้ เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก


“ส่วนกลาง ท่านหมายถึงอันใดกัน?” เอียจื่ออวิ๋นถามด้วยความสงสัยสัย


“ส่วนกลางคือ ร้านแลกเงินที่รวบรวมข้อมูลทางการเงินของผู้คนในอาณาจักรแห่งนี้ และเป็นผู้จัดอันดับความร่ำรวยของผู้คนในอาณาจักรแห่งนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้นว่าเป็นมนุษย์หรืออสูร ผู้ที่ร่ำรวยมากที่สุดจะมีอำนาจไม่ต่างจากประมุขของอาณาจักรแห่งนี้เลยทีเดียว” เถ้าแก่โหย่วอธิบายอย่างช้า ๆ เนื่องจากในอาณาจักรอื่นไม่มีที่ใดที่ปกครองกันเช่นอาณาจักรแห่งนี้


“ถ้าเช่นนั้น เถ้าแก่โหย่วช่วยแจ้งไปยังส่วนกลางด้วยว่า โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นสมบัติของแม่นางเซี่ยวหนิงเอ๋อ สัญญาเงินกู้ระหว่างเรา ข้ากำหนดไว้เพียงว่า เมื่อใดที่ท่านนำเงินทั้งหมดมาคืนข้า ท่านจะได้รับโรงเตี๊ยมแห่งนี้คืนไป รายได้ของโรงเตี๊ยมที่ได้รับในแต่ละวัน ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ดูแลทั้งหมด กำไรหลักจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั่นคือค่าแรงของท่าน ข้าต้องการเพียงที่พักหนึ่งห้องพร้อมอาหารเท่านั้นเป็นค่าออกเบี้ย” เอียจื่ออวิ๋นพูดกับเถ้าแก่โหย่วอย่างเป็นมิตร


หนิงเอ๋อรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินที่จื่ออวิ๋นพูด แต่จื่อวิ๋นก็ยกมือห้ามไม่ให้นางพูดอะไรออกไป

เถ้าแก่โหย่วร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี เขาประสานมือและพูดออกไปว่า “แม่นางทั้งสองดั่งเทพธิดาลงมาโปรด ข้าจะทำทุกอย่างตามที่แม่นางทั้งสองบัญชา”


ในวันนี้ ข้อมูลที่ได้จากเถ้าแก่โหย่ว ก็มากพอที่พวกนางไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาทางที่อื่น ๆ พวกนางจึงกลับไปที่ห้องพัก


“จื่ออวิ๋น เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของข้าในการแจ้งส่วนกลางด้วย” หนิงเอ๋อถามออกไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย


“ข้าจะให้เจ้ากลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ เจ้าจะได้รู้จักวิธีการปกครองเอาไว้ เมื่อใดที่แต่งงานกับเนี่ยลี่ เจ้ากับข้าจะต้องเป็นผู้ปกครองเขา ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคงต้องถูกเนี่ยลี่รังแกตลอดไปแน่” จื่ออวิ๋นตอบกลับไปพร้อมกับถอนหายใจ


เซี่ยวหนิงหนิงเอ๋อคิดอยู่ในใจว่า นางนั้นยินดีที่จะถูกเนี่ยลี่รังแก หลังจากนั้นใบหน้าของนางก็เริ่มมีสีแดง นางจึงขอตัวนอนพักผ่อนพื่อไม่ให้เอียจื่ออวิ๋นสังเกตุเห็นใบหน้าของนาง
[วันที่สองนับจากการเดินทางมาอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์]
        

    เช้าวันต่อมา ฟู่เพี่ยวเลี่ยงกลับมาที่โรงเตี๊ยมอีกครั้ง เถ้าแก่โหย่วยืนรอที่หน้าโรงเตี๊ยมและมอบศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำจำนวนสองหมื่นห้าพันก้อนให้แก่ฟู่เพี่ยวเลี่ยง


“นี่คือเงินที่ข้ากู้มาจากตระกูลฟู่ พร้อมดอกเบี้ยตามสัญญา จงนำสัญญาเงินกู้มาคืนให้แก่ข้าแล้วท่านจงออกไปจากโรงเตี๊ยมของข้า” เถ้าแก่โหย่วพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปขอสัญญาเงินกู้


ฟู่เพี่ยวเลี่ยงจำต้องหยิบสัญญาเงินกู้ออกมาและ ส่งให้แก่เถ้าแก่โหย่วด้วยความไม่พอใจ เขาไม่เคยถูกผู้ใดเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน


ฟู่เพี่ยวเลี่ยงเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปพร้อมกับลูกน้องของเขาด้วยความไม่พอใจ เขาคงไม่กล้าที่จะเข้ามาวางอำนาจในโรงเตี๊ยมแห่งนี้อีกต่อไป


“เถ้าแก่โหย่ว ข้ามีเรื่องที่ต้องคุยกับท่าน” เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมา เมื่อเห็นเถ้าแก่โหย่วกลับเข้ามาในร้าน


“ถ้าเช่นนั้นเชิญไปยังห้องของข้า” เถ้าแก่โหย่วเห็นว่าลูกค้าในร้านอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเชิญไปคุยเป็นการส่วนคัว ซึ่งเอียจื่ออวิ๋นก็ต้องการเช่นเดียวกัน


“ข้าตรวจอาการลูกของท่านแล้ว เขามิได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่าสมุนไพรที่อาณาจักรแห่งนี้จะคุณภาพไม่ดีนัก ข้าจึงใช้สมุนไพรที่พกติดตัวมาต้มให้เขาดื่ม อีกไม่นานเขาก็จะหายดี ท่านสบายใจได้” เอียจื่ออวิ๋นพูดออกไปพร้อมกับยิ้ม


“ขอบคุณแม่นางยิ่งนัก บุญคุณของแม่นางทั้งสองข้าจะจดจำไปชั่วชีวิต” เถ้าแก่โหย่ว ประสานมือและก้มศีรษะ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด


“หากท่านต้องการที่ตอบแทน ข้าก็มีเรื่องที่ต้องขอให้ท่านช่วยเหลือ” เอียจื่ออวิ๋นพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลเล็กน้อย


“เชิญท่านบอกข้ามาได้” เถ้าแก่โหย่วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หากมีโอกาสได้ตอบแทนทั้งสองคน เขาก็ยินดี


“พวกข้าต้องการอันดับความร่ำรวยของอาณาจักรแห่งที่ ที่ส่วนกลางได้จัดอันดับ”  เซี่ยวหนิงเอ๋อพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งฟังมานานพอสมควร


“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้” เถ้าแก่โหย่วตอบพร้อมกับถอนหายใจ


“หรือว่ามันเป็นความลับ ถ้าเช่นนั้นเหตุใดฟู่เพี่ยวเลี่ยงจึงสามารถนำมาใช้อวดอ้างได้” เอียจื่ออวิ๋นถามด้วยความสงสัย


“ผู้ที่ถูกจัดอันดับ จะทราบเพียงอันดับของตนเองเท่านั้น ตระกูลส่วนใหญ่จะลงทะเบียนในนามตระกูล เพื่อที่จะนำสมบัติมาคิดคำนวนรวมกันได้  อาณาจักรแห่งนี้จะเปิดเผยอันดับของตระกูลที่ร่ำรวยสิบอันดับแรกเท่านั้น” เถ้าแก่โหย่วตอบกลับไป การที่เปิดเผยสิบอับดันดับเพื่อที่ป้องกันไม่ให้มีผู้ใดสามารถแอบอ้างสิบอันดับตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดได้


“เพียงเท่านั้นก็พอแล้ว ข้าต้องการให้ท่านหาข้อมูลของตระกูลทั้งสิบที่ครองอันดับอยู่และ มูลทรัพย์สินของพวกเขาทั้งหมด” เอียจื่ออวิ๋นพูดออกไปด้วยความยินดี


หลังจากนั้น เถ้าแก่โหย่วขอเวลาหนึ่งวันในการตรวจสอบข้อมูล เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อจึงเดินออกไปสำรวจรอบ ๆ เมืองและได้พบว่า สิ่งของต่าง ๆในอาณาจักรแห่งนี้ราคาสูงยิ่งนัก โดยเฉพาะยาและอาหารที่หาได้ยากยิ่ง สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่มาจากต่างอาณาจักร จึงไม่แปลกที่ราคาจะสูงมาก


แม้ว่าในเมืองนี้ มนุษยและอสูรจะอยู่ร่วมกันได้ แต่ภายนอกเมืองยังมีมนุษย์และอสูรที่อาศัยอยู่กันตามถ้ำด้านนอก เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเผ่าพันธ์อื่นที่ต่างจากตนเอง


จากข้อมูลที่หามาได้ ทั้งสองคนก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ใดที่เป็นสาวกของบริวารแห่งเทพ พวกนางจึงมุ่งเป้าไปยังตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้เป็นอันดับแรก


เย็นวันนั้น เถ้าแก่โหย่วได้รวบรวมข้อมูลมาให้แก่ทั้งสอง ทั้งสองคนจึงรีบหยิบมาดูทันที


“ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นเผ่าอสูร คือตระกูลซง [:ดุร้าย ชั่วร้าย] มีทรัพย์สินราว ๆ แปดแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับสองนั้นนก็เป็นตระกูลของอสูรเช่นกัน คือตระกูลจั่ว [:กรงเล็บ] มีทรัพย์สินราว ๆ ห้าแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ส่วนตระกูลฟู่นั้น มีทรัพย์สินราว ๆ สามแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ” เถ้าแก่โหย่วอธิบายขณะที่ทั้งสองคนกำลังดูข้อมูลที่เขานำมา


“ตระกูลฟู่ มีทรัพย์สินเพียงเท่านี้ กลับอวดดีได้ถึงเพียงนั้นเชียวรึ?” เอียจื่ออวิ๋นอดแปลกใจไม่ได้


“อันดับสี่ ห้า และหก ก็เป็นพวกอสูร แต่ละอันดับมีทรัพย์สินไม่ต่างกันเท่าใดนักคือ ราว ๆ สองแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ” เซี่ยวหนิงเอ๋อรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ในหกอันดับแรก มีอสูรที่ติดอันดับถึงห้าอันดับ


“พวกอสูรนั้นร่ำรวยจนดูผิดสังเกตุ เถ้าแก่โหย่วทราบหรือไม่ว่า พวกเขามีรายได้มาด้วยวิธีใดกัน” เอียจื่ออวิ๋นหันไปถามเถ้าแก่โหย่ว


“ไม่มีผู้ใดทราบ แต่ส่วนกลางนั้นมีทั้งมนุษย์และอสูรเป็นผู้ตรวจสอบ ดังนั้นข้อมูลทรัพย์สินเหล่านี้มีความถูกต้องและตรวจสอบได้” เถ้าแก่โหย่วตอบพร้อมกับส่ายหน้า


“จื่ออวิ๋น เจ้าไม่รู้สึกแปลกใจหรือว่า เหตุใดตระกูลฟู่ จึงมีทรัพย์สินมากพอที่จะแย่งชิงอันดับสามมาได้” หนิงเอ๋อรู้สึกแปลกใจเมื่อตรวจสอบดูโดยละเอียด แม้ว่าอันดับเจ็ดถึงสิบจะเป็นตระกูลของมนุษย์ แต่ก็มีทรพัย์สินเพียงแค่ไม่กี่หมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำเท่านั้น


เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเอ๋อ จื่ออวิ๋นก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเช่นกัน


“หากพวกท่านต้องการทราบ เดิมทีโรงเตี๊ยมของข้านั้น ถูกประเมินราคาไว้ที่ราว ๆ สองหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ ในเวลานั้นข้าเคยอยู่ในอันดับที่ยี่สิบ และการที่มีอสูรติดอันดับเพียงแค่ห้าอันดับ ก็เป็นเพราะในอาณาจักรแห่งนี้มีอสูรอยู่เพียงห้าตระกูลเท่านั้น” เถ้าแก่โหย่วพูดออกไป


ห้องโถงใหญ่ตระกูลฟู่
        

   “เพี่ยวเลี่ยง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำให้ตระกูลของเรา พลาดโอกาสที่จะได้ครอบครองโรงเตี๊ยมเหรินโหย่ว นี่เจ้าทำบ้าอันใดกัน?” ผู้นำตระกูลฟู่ เป็นชายที่อยู่ใต้ผ้าคลุมตะโกนต่อว่าฟู่เพี่ยวเลี่ยงอย่างรุนแรง
         

     “ท่านพ่อบุญธรรม ข้าขออภัย ข้าไม่คิดเลยว่า เถ้าแก่โหย่วจะหาเงินมาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้” ฟู่เพี่ยวเลี่ยงคุกเข่าขอโทษด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากพ่อบุญธรรมของเขาหาใช่มนุษย์ไม่


“ข้ารับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม เพื่อให้ออกหน้าแทน เพื่อที่คนทั่วไปจะได้เข้าใจว่าตระกูลของเราเป็นมนุษย์ เป้าหมายของเราคือการยึดครองกิจการของพวกมนุษย์ทั้งหมด เจ้าลืมเรื่องนี้ไปแล้วรึ?” ผู้นำตระกูลฟู่ ยังคงต่อว่าฟู่เพี่ยวเลี่ยง เขาถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่จำความไม่ได้ เขารักและนับถือผู้นำตระกูลฟู่อย่างใจจริง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกยุทธ แต่เขาก็ได้รับเงินทองใช้จ่ายราวกับเป็นคุณชายตั้งแต่เด็ก


ผู้นำตระกูลฟู่มีเป้าหมายที่จะ ยึดครองกิจการของมนุษย์ทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะว่าจ้างให้มนุษย์ทำงานดั่งทาส แต่หากให้อสูรเข้าไปกว้านซื้อ พวกมนุษย์ก็จะต้องปฏิเสธเป็นแน่ เขาจึงคิดที่จะใช้ฟู่เพี่ยวเลี่ยง ที่เป็นมนุษย์ทำหน้าที่กว้านซื้อ และปล่อยเงินกู้แทน จนกว่าเป้าหมายจะลุล่วง ฟู่เพี่ยวเลี่ยงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในตอนนี้


“หากพวกมนุษย์รู้ว่า อสูรครอบครองกิจการทุกอย่างในอาณาจักรแห่งนี้ พวกมันจะต้องคิดต่อต้านเป็นแน่ แต่ตราบใดที่ตระกูลของมนุษย์ยังครอบครองอันดับที่สามอยู่ พวกมันก็ไม่อาจที่จะทำเช่นนั้นได้” ผู้นำตระกูลฟู่พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว.................จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง