test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

30 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.66 ผิดเพี้ยนไปจากเดิม




เนี่ยลี่รีบเดินทางมายังอาณาจักรธาราสวรรค์ จากข้อความที่กู้เบ่ยได้ส่งมา เนี่ยลี่ทราบได้ทันทีว่าจะต้องบนขึ้นไปหาตาน้ำ ที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกนี้ เมื่อเนี่ยลี่บินไปตามแม่น้ำก็ได้พบกับกู้เบ่ยที่นั่งอยู่ใน ทะเลสาบโดยมีกระบี่ธาราสวรรค์ปักอยู่ใกล้ ๆ


นับตั้งแต่กู้เบ่ยเดินทางมาอาณาจักรแห่งนี้ ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เขานั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลายี่สิบกว่าวัน แต่ดูราวกับว่าเขามิได้อ่อนแรงลงไปแม้แต่น้อย


“กู้เบ่ยเจ้าเป็นเช่นใดบ้าง?” เนี่ยลี่ไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วเอ่ยถาม


“เนี่ยลี่ นั่นเจ้าหรือ?” กู้เบ่ยลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียง


“เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง? แล้วเหตุใดจึงมานั่งอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย


“ข้าได้สังหารอสูรที่ครอบครองกระจกข้ามภพมาแล้ว ปัญหาก็คืออสูรตนนี้เป็นต้นกำเนิดของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ เมื่อข้าสังหารมันไป น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็จะเหือดแห้ง และน้ำตกที่เบื้องล่างก็จะหยุดไหลไปด้วย” กู้เบ่ยอธิบายพร้อมกับนำกระจกข้ามภพมอบให้เนี่ยลี่


“ข้าไม่เข้าใจ หากไร้ซึ่งน้ำตก พวกเขาก็หาแหล่งนี้ใหม่ได้ ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องมานั่งเป็นตาน้ำเช่นนี้” เนี่ยลี่ไม่เข้าใจในสิ่งที่กู้เบ่ยกำลังทำอยู่

“เจ้าคงมิได้สังเกตุอาณาจักรเบื้องล่างน้ำตกนี้ มนุษย์และอสูรต่างอยู่ร่วมกันได้เพราะน้ำตกนี้ หากไร้ซึ่งน้ำตก อาณาจักรนี้จะเกิดสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรอีกครั้ง” กู้เบ่ยตอบกลับไป


“ในชีวิตที่แล้วของข้า อาณาจักรแห่งนี้ ก็เป็นเช่นนั้น ยามที่น้ำตกสวรรค์เหือดแห้ง พื้นแผ่นดินแห้งแล้งลุกเป็นไฟ สงครามยาวนานอสงไขย ทุกฝ่ายล้วนปราชัยจนสิ้นกาล  นี่คือบทกวีที่กล่าวถึงอาณาจักรแห่งนี้” เนี่ยลี่พูดถึงอาณาจักรแห่งนี้ที่เขาเคยได้ยินมาในชาติภพก่อน


“นั่นเป็นเพราะในตอนนั้น อสูรสุ่ยเสอได้ออกจากทะเลสาบแห่งนี้ไป ทำให้ทะเลสาบเหือดแห้ง หากสามารถทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีน้ำอยู่ตลอดไป สงครามก็จะไม่เกิดขึ้นเป็นแน่” กู้เบ่ยตอบกลับไป


“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็สามารถทำได้” เนี่ยลี่เริ่มใช้พลังสัจธรรมแห่งวารี และเขียนลวดลายอาคมไว้บนผิวน้ำ เมื่อลวดลายอาคมค่อย ๆจมลงสู่พื้นดินใต้ทะเลสาบ มันก็เปร่งแสงออกมา หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ มีน้ำไหลออกมาจากลวดลายอาคมนั้น


“นี่คือลวดลายอาคม ที่ข้าใช้พลังสัจธรรมแห่งวารีเขียนขึ้นมา หากไม่ถูกทำลายไปจะมีน้ำไหลออกมาจากลวดลายอาคมนี้ได้นับแสนปี” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้กู้เบ่น


เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้เบ่ยก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับลุกขึ้น ทันทีที่เขาหยิบกระบี่ธาราสวรรค์มาไว้ในมือ ก็ปรากฏคลื่นน้ำโคจรไปโดยรอบร่างกายของกู้เบ่ย จากนั้นก็หายไปราวกับถูกร่างกายของกู้เบ่ยดูดซับเอาไว้ ระดับพลังของกู้เบ่ยเพิ่มสูงขึ้นจนบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่สองในทันที เป็นเพราะการใช้ลมปราณสร้างน้ำขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้กู้เบ่ยก้าวข้ามระดับพลังของตนเองได้เช่นนี้


“ดูเหมือนว่าอาณาจักรแห่งนี้คงไม่จำเป็นที่จะต้องมีประมุขเช่นข้า” กู้เบ่ยพูดออกไป อาณาจักรที่สงบเช่นนี้ เขาต้องการให้มันคงอยู่ตลอดไป ไม่จำเป็นที่จะต้องดึงพวกเขามาเข้าร่วมในสงครามที่กำลังจะมาถึง


“ก็ตามแต่ใจเจ้า ถึงอย่างไรเป้าหมายของเราคือการรวบรวมกระจกข้ามภพ ซึ่งเจ้าก็ทำได้สำเร็จแล้ว” เนี่ยลี่พยักหน้า การยึดครองอาณาจักรนั้น เนี่ยลี่ต้องการทำเพื่อ หาแนวร่วมในสงครามที่กำลังจะมาถึง และดูเหมือนอาณาจักรแห่งนี้มิได้มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าร่วมในสงครามได้


แต่ที่เนี่ยลี่และกู้เบ่ยไม่ทราบก็คือ ไม่ไกลจากทะเลสาบแห่งนี้มีกลุ่มคนที่จับตามองการต่อสู้ของกู้เบ่ย และสิ่งที่เนี่ยลี่ได้ทำลงไป พวกเขาได้ยินทุกสิ่งที่เนี่ยลี่และกู้เบ่ยพูดคุยกัน แต่พวกเขาไม่ต้องการที่จะแสดงตัวในตอนนี้ แต่พวกเขาสาบานเอาไว้ว่า ยามที่สงครามนั้นมาถึง พวกเขาจะเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อตอบแทนน้ำใจของกู้เบ่ยและเนี่ยลี่อย่างแน่นอน


หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็พากู้เบ่ยกลับไปพักผ่อนที่นิกายพิทักษ์สวรรค์ ทางหลี่ชิงอวิ๋นก็จัดหาหญิงสาวมาดูแลกู้เบ่ยเป็นอย่างดี ทำให้กู้เบ่ยเริ่มที่จะมองหาภรรยาเพิ่มในขณะที่พักผ่อนอยู่ในเมืองนี้


หลายวันต่อมา ก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ย ไปอยู่ที่อาณาจักรวิญญาณสาบสูญ และเนี่ยลี่ได้นัดหมายเอาไว้ว่าจะเดินทางไปหาเมื่อครบหนึ่งเดือน เขาจึงเปิดเส้นทางสวรรค์เพื่อเดินทางไปในทันที


เมื่อไปถึงอาณาจักรวิญญาณสาบสูญ เนี่ยลี่ได้พบกับไหไห่ ลู่เพียวได้ขอให้ไหไห่มายืนรอที่จุดนัดหมาย ซึ่งไหไห่ก็ยินดียิ่งนัก เขามีความสุขที่ได้ตกปลาที่ริมชายหาดมากกว่าที่ต้องอุดอู้อยู่ในเมือง


“ท่านคงเป็นสหายของท่านลู่เพียว” ไหไห่วิ่งหาหาเนี่ยลี่พร้อมกับยิ้มด้วยความยินดี


“ถูกต้องแล้ว ไม่ทราบว่าสหายข้าอยู่ที่ใดกัน เหตุใดจึงไม่มารอพบข้าที่ตรงนี้” เนี่ยลี่ตอบกลับไปด้วยความสงสัย


“ท่านลู่เพียว และพี่เซี่ยวซุ่ย กำลังวุ่นวายอยู่ในเมือง เขาจึงขอให้ข้ามารอรับท่าน เชิญท่านตามข้ามาทางนี้ ข้าจะพาท่านไปหาพวกเขา” ไหไห่ รีบเดินนำทางไป


เมื่อมาจนมองเห็นเมือง เนี่ยลี่ก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นผู้คนกำลังช่วยกันทุบกำแพงทิ้ง และเริ่มทำการรื้อสิ่งก่อสร้างในเมือง ราวกับว่าจะทำการอพยพไปที่อื่น


ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยเองก็ช่วยทำลายพวกสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ และให้ชาวเมืองช่วยกันนำเศษหินเศษไม้ไปทิ้ง เมื่อเห็นทั้งสองคนเนี่ยลี่จึงทะยานไปหาลู่เพียวทันที


“เนี่ยลี่ เจ้ามองดูอาณาจักรของข้าสิ มันกำลังจะกลายเป็น อาณาจักรที่งดงามที่สุด”  ทันทีที่เห็นเนี่ยลี่ ลู่เพียวก็รีบพูดออกไป


“ที่ข้ามองเห็นคือเจ้ากำลังทำลายอาณาจักรของเจ้าอยู่ เจ้าต้องการทำอันใดกันแน่?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย หรือลู่เพียวคิดที่จะทำลายเมืองเดิมแล้วสร้างเมืองใหม่เช่นนั้นหรือ เนี่ยลี่คิด


เมื่อเห็นสีหน้าของเนี่ยลี่ เซี่ยวซุ่ยก็หัวเราะออกมา ราวกับรู้ว่าเนี่ยลี่คิดสิ่งใดอยู่และพูดออกไปทันที


“เจ้าคงไม่คิดว่า สามีข้ากำลังทุบเมืองทิ้ง เพื่อสร้างเมืองใหม่ให้สมเกียรติหรอกนะ?


“จากที่ข้ารู้จักลู่เพียวมา ปกติแล้วเขาก็คงคิดได้เพียงเท่านั้น” เนี่ยลี่ตอบกลับไป


“เจ้าบ้าเนี่ยลี่ เหตุใดจึงมองข้าเช่นนี้ ข้านั้นจะทำลายเมืองนี้ทิ้ง และให้อาณาจักรแห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าวิญญาณ” ลู่เพียวพูดออกไปพร้อมกับ มีใบหน้าที่เศร้าใจที่สหายรักอย่างเนี่ยลี่พูดกับเขาเช่นนั้น


“ข้าไม่เข้าใจ?” เนี่ยลี่ยังคงสงสัย


“เจ้าคงไม่รู้ว่า เดิมทีอาณาจักรแห่งนี้เคยมีชื่อว่าเกาะวิญญาณล่องลอย  และเป็นเพียงที่ฝังศพเท่านั้น จนวันหนึ่งมีคนเข้ามาบุกยึดครอง และได้สร้างนิกายเทพสมุทรขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้ประกาศออกไปว่านี่คืออาณาจักรวิญญาณสาบสูญ และประมุขของนิกายเทพสมุทรนี้ที่เป็นสาวกของบริวารแห่งเทพ” เซี่ยวซุ่ยอธิบายออกไปอย่างช้า ๆ


เมื่อได้ยินเรื่องที่เซี่ยวซุ่ยเล่า เนี่ยลี่ก็คิดถึงในชาติภพที่แล้ว ในตอนนั้นไม่มียอดฝีมือจากนิกายเทพสมุทรเข้าร่วมในการต่อสู้ คงเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฝ่ายศัตรูจะมีมนุษย์ให้การสนับด้วยเช่นนี้


“เมื่อข้าสามารถยึดครองอาณาจักรนี้มาได้ ข้าจึงตั้งใจที่จะคืนเกาะนี้ให้แก่เหล่าวิญญาณ และจะพาผู้คนออกจากเกาะนี้ไป ซึ่งเรื่องนี้คงต้องลำบากเจ้าแล้ว” ลู่เพียวพูดขึ้นมา พร้อมกับยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ


“เหล่าวิญญาณได้มอบดวงจิตแห่งเทพสองดวงให้แก่พวกเราอีกด้วย ข้าได้รับดวงจิตเทพวิญญาณ ส่วนลู่เพียวนั้นได้รับดวงจิตเทพสมุทร”เซี่ยวซุ่ยบอกแก่เนี่ยลี่


“วิเศษยิ่งนัก ดวงจิตทั้งสองคงจะสามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่งให้กับพวกเจ้าได้สินะ” เป็นเรื่องที่ดีเกินกว่าที่เขาได้คาดเอาไว้


“ส่วนนี่ กระจกข้ามภพ รับไปสิ” เซี่ยวซุ่ยนำกระจกข้ามภพมอบให้แก่เนี่ยลี่


เนี่ยลี่เอื้อมมือรับมา ในตอนนี้เขาก็มีกระจกข้ามภพมาแล้วสี่ชิ้น อีกเพียงห้าชิ้นเขาก็จะสามารถบุกไปต่อสู้กับเหล่าบริวารแห่งเทพได้ และเมื่อกำจัดบริวารแห่งเทพได้ จักรพรรดิปราชญ์จะต้องปรากฏตัวออกมา นั่นจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของเขา


“พวกเจ้าให้ชาวเมืองออกมารวมตัวกันที่ชายหาด และให้นำสิ่งของที่พวกเขาต้องการนำกลับไปมาเตรียมไว้ให้พร้อม ส่วนที่เหลือข้าจะจัดการให้เอง” เนี่ยลี่หันไปบอกกับลู่เพียวและเซี่ยวหยู่


เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่เพียวจึงสั่งการออกไป ให้ชาวเมืองหยุดมือและเคลื่อนย้ายไปยังชายหาด เพื่อเดินทางกลับสู่แผ่นดินใหญ่


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชาวเมืองต่างดีใจและเก็บสมบัติที่จะนำกลับไป และไปรวมตัวกันที่ชายหาด เหล่ากองกำลังของนิกายเทพสมุทรนั้น แม้ว่าบางคนจะสามารถใช้วรยุทธในการข้ามทะเลกลับไปได้ แต่ทุกคนล้วน ยอมอยู่ใต้คำสั่งของลู่เพียว ทำให้ลู่เพียวนั้นมีกองกำลังของตนเองแล้วในตอนนี้ โดยลู่เพียวได้ตั้งชื่อกองกำลังนี้ว่า กองกำลังนักรบสวรรค์


“กองกำลังนักรบสวรรค์ ผู้ที่ยินดีที่จะติดตามข้า พวกเราจะไปอาศัยอยู่ที่นิกายพิทักษ์สวรรค์ แห่งอาณาจักรกำแพงสวรรค์ ข้าจะฝึกฝนให้พวกเจ้าทุกมีความแข็งแกร่งในระดับเทพสงคราม” ลู่เพียวประกาศออกไปเมื่อ กองกำลังนักรบสวรรค์มารวมตัวกันที่ชายหาด


เสียงของผู้คนในกองกำลังกู่ร้องด้วยความยินดี ลู่เพียวนั้นได้แจกจ่ายศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำให้กับพวกเขาคนละหนึ่งก้อน ซึ่งมันมีค่าเท่ากับศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งล้านก้อน ทำให้พวกเขายินดีที่จะติดตามลู่เพียวยิ่งนัก


“ตอนนี้ในเมืองนั้นไม่เหลือผู้ใดแล้ว เจ้าจะทำเช่นใดต่อ?” ลู่เพียวหันไปถามเนี่ยลี่


“เจ้าคอยดูด้วยตาของเจ้าเอง” เนี่ยลี่ยิ้มและบินไปยังใจกลางเมือง จากนั้นก็ผสานเข้ากับดวงจิตแห่งความว่างเปล่า เนี่ยลี่ใช้พลังสัจธรรมแห่งปฐพีในการฝังเมืองลงไปใต้เกาะ และใช้พลังสัจธรรมแห่งพฤกษาปลูกดอกไม้ขึ้นมาจนเต็มไปหมด ราวกับเป็นทุ่งดอกไม้ในสรวงสวรรค์ เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องสะท้อนกับละอองน้ำ ปรากฏเป็นรุ้งขนาดใหญ่เปร่งประกาย อย่างงดงาม ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น


“หากเจ้าทำเช่นนี้ได้ ก็ควรที่จะบอกข้าเอาไว้ก่อน ข้าจะได้ไม่ต้องลงแรง ทำลายเมืองระหว่างที่รอเจ้าเดินทางมา” ลู่เพียวบ่นออกไป


“ก็เจ้าไมเคยถามข้า” เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะ

ลู่เพียวได้มอบหอกเทพสมุทร ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ และยาทิพย์ส่วนหนึ่งไว้ให้ไหไห่ เพื่อที่เขาจะได้ใช้ฝึกวรยุทธ เผื่อว่าในภายภาคหน้าไหไห่ต้องการที่จะออกจากเกาะ จะได้สามารถใช้วรยุทธข้ามผ่านมหาสมุทรไปได้

หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็เปิดเส้นทางสวรรค์ พาทุกคนไปยังหน้าประตูเมืองอาณาจักรกำแพงสวรรค์ หากใครต้องการเดินทางไปยังอาณาจักรแห่งอื่น ก็สามารถร้องขอให้ นิกายพิทักษ์สวรรค์จัดเตรียมรถม้าให้ได้


ทางด้านกองกำลังนักรบสวรรค์ของลู่เพียว หลี่ชิงอวิ๋นได้จัดแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองเอาไว้ให้ ทำให้เนี่ยลี่ครอบครองดินแดนส่วนหนึ่งของนิกายพิทักษ์สวรรค์ และสามารถใช้พื้นที่นี้ฝึกฝนกองกำลังของเขาได้ เนี่ยลี่เองก็ได้มอบยาทิพย์จำนวนมากไว้ให้ลู่เพียว เพื่อแบ่งปันให้สมาชิกในกองกำลังของเขา


เนี่ยลี่เริ่มคิดที่จะให้สหายคนอื่น ๆ ได้เดินทางไปยังอาณาจักรอีกหาแห่งที่เหลือ แต่เขาก็รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่า อาณาจักรแต่ละแห่งนั้น ล้วนต่างจากที่เขาเคยได้ยินมาในชาติภพที่แล้ว ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ของแต่ละอาณาจักรที่เขามี ไม่อาจใช้ข้อมูลที่เขามีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้เท่าใดนัก...................จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง