เนี่ยลี่รีบเดินทางมายังอาณาจักรธาราสวรรค์
จากข้อความที่กู้เบ่ยได้ส่งมา เนี่ยลี่ทราบได้ทันทีว่าจะต้องบนขึ้นไปหาตาน้ำ
ที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกนี้ เมื่อเนี่ยลี่บินไปตามแม่น้ำก็ได้พบกับกู้เบ่ยที่นั่งอยู่ใน
ทะเลสาบโดยมีกระบี่ธาราสวรรค์ปักอยู่ใกล้ ๆ
นับตั้งแต่กู้เบ่ยเดินทางมาอาณาจักรแห่งนี้
ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เขานั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลายี่สิบกว่าวัน
แต่ดูราวกับว่าเขามิได้อ่อนแรงลงไปแม้แต่น้อย
“กู้เบ่ยเจ้าเป็นเช่นใดบ้าง?” เนี่ยลี่ไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วเอ่ยถาม
“เนี่ยลี่ นั่นเจ้าหรือ?” กู้เบ่ยลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียง
“เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง? แล้วเหตุใดจึงมานั่งอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย
“ข้าได้สังหารอสูรที่ครอบครองกระจกข้ามภพมาแล้ว
ปัญหาก็คืออสูรตนนี้เป็นต้นกำเนิดของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ เมื่อข้าสังหารมันไป
น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็จะเหือดแห้ง และน้ำตกที่เบื้องล่างก็จะหยุดไหลไปด้วย”
กู้เบ่ยอธิบายพร้อมกับนำกระจกข้ามภพมอบให้เนี่ยลี่
“ข้าไม่เข้าใจ
หากไร้ซึ่งน้ำตก พวกเขาก็หาแหล่งนี้ใหม่ได้
ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องมานั่งเป็นตาน้ำเช่นนี้” เนี่ยลี่ไม่เข้าใจในสิ่งที่กู้เบ่ยกำลังทำอยู่
“เจ้าคงมิได้สังเกตุอาณาจักรเบื้องล่างน้ำตกนี้
มนุษย์และอสูรต่างอยู่ร่วมกันได้เพราะน้ำตกนี้ หากไร้ซึ่งน้ำตก
อาณาจักรนี้จะเกิดสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรอีกครั้ง” กู้เบ่ยตอบกลับไป
“ในชีวิตที่แล้วของข้า
อาณาจักรแห่งนี้ ก็เป็นเช่นนั้น ยามที่น้ำตกสวรรค์เหือดแห้ง
พื้นแผ่นดินแห้งแล้งลุกเป็นไฟ สงครามยาวนานอสงไขย ทุกฝ่ายล้วนปราชัยจนสิ้นกาล นี่คือบทกวีที่กล่าวถึงอาณาจักรแห่งนี้”
เนี่ยลี่พูดถึงอาณาจักรแห่งนี้ที่เขาเคยได้ยินมาในชาติภพก่อน
“นั่นเป็นเพราะในตอนนั้น
อสูรสุ่ยเสอได้ออกจากทะเลสาบแห่งนี้ไป ทำให้ทะเลสาบเหือดแห้ง
หากสามารถทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีน้ำอยู่ตลอดไป สงครามก็จะไม่เกิดขึ้นเป็นแน่”
กู้เบ่ยตอบกลับไป
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น
ข้าก็สามารถทำได้” เนี่ยลี่เริ่มใช้พลังสัจธรรมแห่งวารี
และเขียนลวดลายอาคมไว้บนผิวน้ำ เมื่อลวดลายอาคมค่อย ๆจมลงสู่พื้นดินใต้ทะเลสาบ
มันก็เปร่งแสงออกมา หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ มีน้ำไหลออกมาจากลวดลายอาคมนั้น
“นี่คือลวดลายอาคม
ที่ข้าใช้พลังสัจธรรมแห่งวารีเขียนขึ้นมา
หากไม่ถูกทำลายไปจะมีน้ำไหลออกมาจากลวดลายอาคมนี้ได้นับแสนปี”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้กู้เบ่น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้เบ่ยก็ถอนหายใจออกมา
พร้อมกับลุกขึ้น ทันทีที่เขาหยิบกระบี่ธาราสวรรค์มาไว้ในมือ
ก็ปรากฏคลื่นน้ำโคจรไปโดยรอบร่างกายของกู้เบ่ย
จากนั้นก็หายไปราวกับถูกร่างกายของกู้เบ่ยดูดซับเอาไว้
ระดับพลังของกู้เบ่ยเพิ่มสูงขึ้นจนบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่สองในทันที
เป็นเพราะการใช้ลมปราณสร้างน้ำขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
จึงทำให้กู้เบ่ยก้าวข้ามระดับพลังของตนเองได้เช่นนี้
“ดูเหมือนว่าอาณาจักรแห่งนี้คงไม่จำเป็นที่จะต้องมีประมุขเช่นข้า”
กู้เบ่ยพูดออกไป อาณาจักรที่สงบเช่นนี้ เขาต้องการให้มันคงอยู่ตลอดไป ไม่จำเป็นที่จะต้องดึงพวกเขามาเข้าร่วมในสงครามที่กำลังจะมาถึง
“ก็ตามแต่ใจเจ้า
ถึงอย่างไรเป้าหมายของเราคือการรวบรวมกระจกข้ามภพ ซึ่งเจ้าก็ทำได้สำเร็จแล้ว”
เนี่ยลี่พยักหน้า การยึดครองอาณาจักรนั้น เนี่ยลี่ต้องการทำเพื่อ
หาแนวร่วมในสงครามที่กำลังจะมาถึง และดูเหมือนอาณาจักรแห่งนี้มิได้มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าร่วมในสงครามได้
แต่ที่เนี่ยลี่และกู้เบ่ยไม่ทราบก็คือ
ไม่ไกลจากทะเลสาบแห่งนี้มีกลุ่มคนที่จับตามองการต่อสู้ของกู้เบ่ย
และสิ่งที่เนี่ยลี่ได้ทำลงไป พวกเขาได้ยินทุกสิ่งที่เนี่ยลี่และกู้เบ่ยพูดคุยกัน
แต่พวกเขาไม่ต้องการที่จะแสดงตัวในตอนนี้ แต่พวกเขาสาบานเอาไว้ว่า
ยามที่สงครามนั้นมาถึง
พวกเขาจะเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อตอบแทนน้ำใจของกู้เบ่ยและเนี่ยลี่อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็พากู้เบ่ยกลับไปพักผ่อนที่นิกายพิทักษ์สวรรค์
ทางหลี่ชิงอวิ๋นก็จัดหาหญิงสาวมาดูแลกู้เบ่ยเป็นอย่างดี
ทำให้กู้เบ่ยเริ่มที่จะมองหาภรรยาเพิ่มในขณะที่พักผ่อนอยู่ในเมืองนี้
หลายวันต่อมา
ก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ย ไปอยู่ที่อาณาจักรวิญญาณสาบสูญ
และเนี่ยลี่ได้นัดหมายเอาไว้ว่าจะเดินทางไปหาเมื่อครบหนึ่งเดือน
เขาจึงเปิดเส้นทางสวรรค์เพื่อเดินทางไปในทันที
เมื่อไปถึงอาณาจักรวิญญาณสาบสูญ
เนี่ยลี่ได้พบกับไหไห่ ลู่เพียวได้ขอให้ไหไห่มายืนรอที่จุดนัดหมาย
ซึ่งไหไห่ก็ยินดียิ่งนัก
เขามีความสุขที่ได้ตกปลาที่ริมชายหาดมากกว่าที่ต้องอุดอู้อยู่ในเมือง
“ท่านคงเป็นสหายของท่านลู่เพียว”
ไหไห่วิ่งหาหาเนี่ยลี่พร้อมกับยิ้มด้วยความยินดี
“ถูกต้องแล้ว
ไม่ทราบว่าสหายข้าอยู่ที่ใดกัน เหตุใดจึงไม่มารอพบข้าที่ตรงนี้”
เนี่ยลี่ตอบกลับไปด้วยความสงสัย
“ท่านลู่เพียว
และพี่เซี่ยวซุ่ย กำลังวุ่นวายอยู่ในเมือง เขาจึงขอให้ข้ามารอรับท่าน เชิญท่านตามข้ามาทางนี้
ข้าจะพาท่านไปหาพวกเขา” ไหไห่ รีบเดินนำทางไป
เมื่อมาจนมองเห็นเมือง
เนี่ยลี่ก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นผู้คนกำลังช่วยกันทุบกำแพงทิ้ง
และเริ่มทำการรื้อสิ่งก่อสร้างในเมือง ราวกับว่าจะทำการอพยพไปที่อื่น
ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยเองก็ช่วยทำลายพวกสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่
และให้ชาวเมืองช่วยกันนำเศษหินเศษไม้ไปทิ้ง
เมื่อเห็นทั้งสองคนเนี่ยลี่จึงทะยานไปหาลู่เพียวทันที
“เนี่ยลี่
เจ้ามองดูอาณาจักรของข้าสิ มันกำลังจะกลายเป็น อาณาจักรที่งดงามที่สุด” ทันทีที่เห็นเนี่ยลี่ ลู่เพียวก็รีบพูดออกไป
“ที่ข้ามองเห็นคือเจ้ากำลังทำลายอาณาจักรของเจ้าอยู่
เจ้าต้องการทำอันใดกันแน่?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย
หรือลู่เพียวคิดที่จะทำลายเมืองเดิมแล้วสร้างเมืองใหม่เช่นนั้นหรือ เนี่ยลี่คิด
เมื่อเห็นสีหน้าของเนี่ยลี่
เซี่ยวซุ่ยก็หัวเราะออกมา ราวกับรู้ว่าเนี่ยลี่คิดสิ่งใดอยู่และพูดออกไปทันที
“เจ้าคงไม่คิดว่า
สามีข้ากำลังทุบเมืองทิ้ง เพื่อสร้างเมืองใหม่ให้สมเกียรติหรอกนะ?”
“จากที่ข้ารู้จักลู่เพียวมา
ปกติแล้วเขาก็คงคิดได้เพียงเท่านั้น” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“เจ้าบ้าเนี่ยลี่
เหตุใดจึงมองข้าเช่นนี้ ข้านั้นจะทำลายเมืองนี้ทิ้ง และให้อาณาจักรแห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าวิญญาณ”
ลู่เพียวพูดออกไปพร้อมกับ
มีใบหน้าที่เศร้าใจที่สหายรักอย่างเนี่ยลี่พูดกับเขาเช่นนั้น
“ข้าไม่เข้าใจ?” เนี่ยลี่ยังคงสงสัย
“เจ้าคงไม่รู้ว่า
เดิมทีอาณาจักรแห่งนี้เคยมีชื่อว่าเกาะวิญญาณล่องลอย และเป็นเพียงที่ฝังศพเท่านั้น จนวันหนึ่งมีคนเข้ามาบุกยึดครอง
และได้สร้างนิกายเทพสมุทรขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้ประกาศออกไปว่านี่คืออาณาจักรวิญญาณสาบสูญ
และประมุขของนิกายเทพสมุทรนี้ที่เป็นสาวกของบริวารแห่งเทพ”
เซี่ยวซุ่ยอธิบายออกไปอย่างช้า ๆ
เมื่อได้ยินเรื่องที่เซี่ยวซุ่ยเล่า
เนี่ยลี่ก็คิดถึงในชาติภพที่แล้ว
ในตอนนั้นไม่มียอดฝีมือจากนิกายเทพสมุทรเข้าร่วมในการต่อสู้
คงเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า
ฝ่ายศัตรูจะมีมนุษย์ให้การสนับด้วยเช่นนี้
“เมื่อข้าสามารถยึดครองอาณาจักรนี้มาได้
ข้าจึงตั้งใจที่จะคืนเกาะนี้ให้แก่เหล่าวิญญาณ และจะพาผู้คนออกจากเกาะนี้ไป
ซึ่งเรื่องนี้คงต้องลำบากเจ้าแล้ว” ลู่เพียวพูดขึ้นมา
พร้อมกับยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
“เหล่าวิญญาณได้มอบดวงจิตแห่งเทพสองดวงให้แก่พวกเราอีกด้วย
ข้าได้รับดวงจิตเทพวิญญาณ ส่วนลู่เพียวนั้นได้รับดวงจิตเทพสมุทร”เซี่ยวซุ่ยบอกแก่เนี่ยลี่
“วิเศษยิ่งนัก
ดวงจิตทั้งสองคงจะสามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่งให้กับพวกเจ้าได้สินะ”
เป็นเรื่องที่ดีเกินกว่าที่เขาได้คาดเอาไว้
“ส่วนนี่ กระจกข้ามภพ
รับไปสิ” เซี่ยวซุ่ยนำกระจกข้ามภพมอบให้แก่เนี่ยลี่
เนี่ยลี่เอื้อมมือรับมา
ในตอนนี้เขาก็มีกระจกข้ามภพมาแล้วสี่ชิ้น
อีกเพียงห้าชิ้นเขาก็จะสามารถบุกไปต่อสู้กับเหล่าบริวารแห่งเทพได้
และเมื่อกำจัดบริวารแห่งเทพได้ จักรพรรดิปราชญ์จะต้องปรากฏตัวออกมา
นั่นจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของเขา
“พวกเจ้าให้ชาวเมืองออกมารวมตัวกันที่ชายหาด
และให้นำสิ่งของที่พวกเขาต้องการนำกลับไปมาเตรียมไว้ให้พร้อม
ส่วนที่เหลือข้าจะจัดการให้เอง” เนี่ยลี่หันไปบอกกับลู่เพียวและเซี่ยวหยู่
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่เพียวจึงสั่งการออกไป
ให้ชาวเมืองหยุดมือและเคลื่อนย้ายไปยังชายหาด เพื่อเดินทางกลับสู่แผ่นดินใหญ่
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ชาวเมืองต่างดีใจและเก็บสมบัติที่จะนำกลับไป และไปรวมตัวกันที่ชายหาด
เหล่ากองกำลังของนิกายเทพสมุทรนั้น
แม้ว่าบางคนจะสามารถใช้วรยุทธในการข้ามทะเลกลับไปได้ แต่ทุกคนล้วน
ยอมอยู่ใต้คำสั่งของลู่เพียว ทำให้ลู่เพียวนั้นมีกองกำลังของตนเองแล้วในตอนนี้
โดยลู่เพียวได้ตั้งชื่อกองกำลังนี้ว่า กองกำลังนักรบสวรรค์
“กองกำลังนักรบสวรรค์
ผู้ที่ยินดีที่จะติดตามข้า พวกเราจะไปอาศัยอยู่ที่นิกายพิทักษ์สวรรค์
แห่งอาณาจักรกำแพงสวรรค์ ข้าจะฝึกฝนให้พวกเจ้าทุกมีความแข็งแกร่งในระดับเทพสงคราม”
ลู่เพียวประกาศออกไปเมื่อ กองกำลังนักรบสวรรค์มารวมตัวกันที่ชายหาด
เสียงของผู้คนในกองกำลังกู่ร้องด้วยความยินดี
ลู่เพียวนั้นได้แจกจ่ายศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำให้กับพวกเขาคนละหนึ่งก้อน
ซึ่งมันมีค่าเท่ากับศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งล้านก้อน
ทำให้พวกเขายินดีที่จะติดตามลู่เพียวยิ่งนัก
“ตอนนี้ในเมืองนั้นไม่เหลือผู้ใดแล้ว
เจ้าจะทำเช่นใดต่อ?” ลู่เพียวหันไปถามเนี่ยลี่
“เจ้าคอยดูด้วยตาของเจ้าเอง”
เนี่ยลี่ยิ้มและบินไปยังใจกลางเมือง จากนั้นก็ผสานเข้ากับดวงจิตแห่งความว่างเปล่า
เนี่ยลี่ใช้พลังสัจธรรมแห่งปฐพีในการฝังเมืองลงไปใต้เกาะ และใช้พลังสัจธรรมแห่งพฤกษาปลูกดอกไม้ขึ้นมาจนเต็มไปหมด
ราวกับเป็นทุ่งดอกไม้ในสรวงสวรรค์ เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องสะท้อนกับละอองน้ำ
ปรากฏเป็นรุ้งขนาดใหญ่เปร่งประกาย อย่างงดงาม
ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
“หากเจ้าทำเช่นนี้ได้
ก็ควรที่จะบอกข้าเอาไว้ก่อน ข้าจะได้ไม่ต้องลงแรง
ทำลายเมืองระหว่างที่รอเจ้าเดินทางมา” ลู่เพียวบ่นออกไป
“ก็เจ้าไมเคยถามข้า”
เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะ
ลู่เพียวได้มอบหอกเทพสมุทร ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ และยาทิพย์ส่วนหนึ่งไว้ให้ไหไห่ เพื่อที่เขาจะได้ใช้ฝึกวรยุทธ เผื่อว่าในภายภาคหน้าไหไห่ต้องการที่จะออกจากเกาะ จะได้สามารถใช้วรยุทธข้ามผ่านมหาสมุทรไปได้
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็เปิดเส้นทางสวรรค์
พาทุกคนไปยังหน้าประตูเมืองอาณาจักรกำแพงสวรรค์
หากใครต้องการเดินทางไปยังอาณาจักรแห่งอื่น ก็สามารถร้องขอให้
นิกายพิทักษ์สวรรค์จัดเตรียมรถม้าให้ได้
ทางด้านกองกำลังนักรบสวรรค์ของลู่เพียว
หลี่ชิงอวิ๋นได้จัดแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองเอาไว้ให้
ทำให้เนี่ยลี่ครอบครองดินแดนส่วนหนึ่งของนิกายพิทักษ์สวรรค์
และสามารถใช้พื้นที่นี้ฝึกฝนกองกำลังของเขาได้
เนี่ยลี่เองก็ได้มอบยาทิพย์จำนวนมากไว้ให้ลู่เพียว เพื่อแบ่งปันให้สมาชิกในกองกำลังของเขา
เนี่ยลี่เริ่มคิดที่จะให้สหายคนอื่น
ๆ ได้เดินทางไปยังอาณาจักรอีกห้าแห่งที่เหลือ แต่เขาก็รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย
เพราะดูเหมือนว่า อาณาจักรแต่ละแห่งนั้น
ล้วนต่างจากที่เขาเคยได้ยินมาในชาติภพที่แล้ว ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ของแต่ละอาณาจักรที่เขามี
ไม่อาจใช้ข้อมูลที่เขามีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้เท่าใดนัก...................จบตอน