test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

29 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.65 อาณาจักรธาราสวรรค์




ทางด้านกู้เบ่ยที่เดินทางไปยังอาณาจักรธาราสวรรค์นั้น ได้บพว่า นิกายธาราสวรรค์นั้นอยู่ในหุบเขาที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ ราวกับว่าเป็นน้ำตกที่ร่วงหล่นมาจากสวรรค์จริง ๆ


ซึ่งน้ำตกแห่งนี้เป็นดั่งน้ำตกที่กั้นอยู่ระหว่างนิกายอสูร และนิกายของมนุษย์ ซึ่งได้มีข้อตกลงร่วมกันว่า โดยรอบบริเวณน้ำตก ห้ามมิให้มีการต่อสู้กันอย่างเด็ดขาด หากฝ่ายใดฝ่าฝืน จะถูกสังหารทันที


นิกายของมนุษย์มีชื่อว่า นิกายสายธารสวรรค์ ส่วนนิกายของอสูรชื่อว่านิกายแม่น้ำอสูร แม้ว่าจะต้องใช้สายน้ำร่วมกัน แต่นิกายทั้งสองแทบไม่มีความขัดแย้งกันเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้กู้เบ่ยประหลาดใจไม่น้อย


ในบางครั้งโดยรอบของน้ำตกก็มีการนำของวิเศษมาซื้อขายกันโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นมนุษย์หรืออสูร เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรที่สงบสุขยิ่งนัก


กู้เบ่ยรู้สึกแปลกใจ อาณาจักรที่สงบสุขแห่งนี้ จะมีเหล่าผู้บูชาบริวารแห่งเทพอยู่เช่นนั้นหรือ จากนั้นเขาก็พยายามที่จะสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ จากทั้งทางมนุษย์และอสูร ซึ่งกู้เบ่ยก็ได้รับรู้เรื่องราวจากทั้งสองฝ่ายด้วยความยินดี


เดิมทีอาณาจักรแห่งนี้แห้งแล้งยิ่งนัก มนุษย์และอสูรต่างรบราฆ่าฟันกันเพื่อเสาะหาแหล่งน้ำ จนวันหนึ่งน้ำตกแห่งนี้มีน้ำไหลลงมา อาณาจักรแห่งนี้ก็กลายเป็นอาณาจักรที่ชุ่มชื่น และมีพืชพรรณงอกงามเต็มไปหมด หลังจากนั้นนิกายทั้งสองต่างก็พยายามที่จะยึดครองน้ำตกนี้ มีการรบรากันนานนับปี จนสุดท้ายประมุขของทั้งสองนิกายได้มาทำข้อตกลงสงบศึก ทำให้สงครามจบลง ในตอนแรกก็มีความหวาดระแวงกันบ้าง แต่เกือบร้อยปีที่ผ่านมา ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำตามข้อตกลงเป็นอย่างดี ที่นี่จึงกลายเป็นดินแดนที่สงบศึกที่ มนุษย์และอสูรสามารถอยู่ร่วมกันได้ราวกับเป็นมิตรสหาย


เมื่อกู้เบ่ยลองพูดถึงบริวารแห่งเทพ ผู้คนต่างส่ายหน้า ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินชื่อบริวารแห่งเทพมาก่อน กู้เบ่ยรับรู้ได้ว่าพวกเขานั้นมิได้โกหก จึงทำให้เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก


กู้เบ่ยคิดว่าศัตรูอาจจะแอบแฝงอยู่ที่ใดสักแห่งในอาณาจักรแห่งนี้ หากเป็นเช่นนั้น เขาก็คงรับมือได้ยากลำบากเป็นแน่ นั่นหมายความว่าฝ่านศัตรูอาจจะนำเรื่องที่เขาพยายามสอมถามข้อมูลไปแจ้งกับบริวารแห่งเทพเมื่อไหร่ก็ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะหยุดสอบถามจากผู้คน


กู้เบ่ยรู้สึกสงสัยน้ำตกแห่งนี้เป็นอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ที่จู่ ๆ จะมีน้ำตกร่วงหล่นลงมานับร้อยปี ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้ เขาจึงทะยานขึ้นไปเพื่อตรวจสอบน้ำตกด้านบน


น้ำตกด้านบนนี้อยู่เหนือพื้นดินหลายพันเมตร เมื่อมองออกไปจะพบว่า เป็นลำธารที่ทอดยาวมาและมาตรงน้ำตรงคือส่วนปลายสุดของแม่น้ำ


“ถ้าเช่นนั้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำสายนี้ จะต้องมีความลับบางอย่างอยู่เป็นแน่” กู้เบ่ยพูดกับตัวเอง จากนั้นก็ทะยานออกไปตามเส้นทางของแม่น้ำนี้


กู้เบยทะยานออกไปราวสองชั่วยามก็ได้มาถึงต้นน้ำของแม่น้ำสายนี้


เขาจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ต้นน้ำของแม่น้ำสายนี้คือทะเลสาบแห่งหนึ่งที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก และดูเหมือนว่าจะไม่มีแม่น้ำสายใดที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบแห่งนี้เลย เช่นนั้นก็หมายความว่าทะเลสาบแห่งนี้เป็นต้นน้ำอย่างแท้จริง


“ผู้ใดกันที่กล้ามารุกล้ำทะเลสาบของข้า” มีอสูรตนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากในกลางทะเลสาบ มีลักษณะราวกับงูขนาดใหญ่ แต่ก็มีมือที่ดูเหมือนมนุษย์ แต่ที่ด้านหลังของมันมีลักษณะราวกับเป็นน้ำพุที่มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา


“ข้าคือสุ่ยเสอ ผู้ครอบครองทะเลสาบแห่งนี้ เจ้าเป็นใครกัน” [水蛇:อสรพิษต้นน้ำ] อสูรตนนั้นเอ่ยถาม


“ข้าคือเทพกระบี่กู้เบ่ย ข้านั้นแค่สงสัยว่าน้ำตกในอาณาจักรธาราสวรรค์นั้นมาจากที่ใด จึงได้มาถึงทะเลสาบแห่งนี้ หาได้ตั้งใจมารุกล้ำทะเลสาบของเจ้าไม่” กู้เบ่ยตอบกลับไป


สุ่ยเนั้นไม่ได้มีท่าทางที่จะทำร้ายเขาแม้แต่น้อย นั่นก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเช่นกัน หรือว่าอาณาจักรแห่งนี้จะไม่มีผู้นับถือบริวารแห่งเทพอยู่จริง ๆ


“เจ้าหมายถึงอาณาจักรที่อยู่เบื้องล่างนี้สินะ เมื่อราวร้อยปีก่อนเป็นเพียงอาณาจักรที่แห้งแล้ง หลังจากที่ข้าได้มาอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ ข้าจึงแบ่งปันน้ำในทะเลสาบแก่พวกเขา เพราะข้าเบื่อหน่ายที่ต้องได้ยินเสียงคนเหล่านั้นต่อสู้กัน” สุ่ยเพูดขณะที่ชูคอด้วยความภูมิใจ


“เดิมทีเจ้านั้นมาจากที่ใดกัน?” กู้เบ่ยถามด้วยความสงสัย


“ข้าเป็นบุตรของบริวารแห่งเทพ บิดาข้าบอกว่า ยามที่ข้าบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า บิดาข้าจะเดินทางมารับข้า” สุ่ยเตอบกลับอย่างไม่สนใจใยดีนัก ทะเลสาบแห่งนี้เป็นจุดนัดหมายที่บิดาของเขาได้แจ้งเอาไว้


“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็มีกระจกข้ามภพ” กู้เบ่ยถามพร้อมกับนำกระบี่มาถือไว้ในมือ


“กระจกสำหรับติดต่อบิดาข้า แน่นอนว่าข้าต้องมีอยู่แล้ว” สุ่ยเหยิบกระจกข้ามภพออกมาให้กู้เบ่ยดู


“ข้าต้องการของสิ่งนั้น” กู้เบ่ยชักกระบี่ออกจากฝักและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


“เจ้าคิดจะสู้กับข้า คิดดีแล้วเช่นนั้นหรือ” สุ่ยเพูดพร้อมน้ำเสียงเย้ยหยัน พร้อมกับปลดปล่อยลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมา


“ลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ดูเหมือนว่าเรื่องที่เป็นบุตรของบริวารแห่งเทพจะไม่ใช่เรืองโกหกสินะ” กู้เบ่ยพูดพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมาเช่นกัน


“กระบี่ร้อยวิญญาณบรรพชน!” กู้เบ่ยใช้เจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนผสานเข้ากับกระบี่ธาราสวรรค์และแทงกระบี่ไปด้านหน้า คลื่นลมปราณที่พุ่งออกไปพร้อมกับเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชน การแทงกระบี่หนึ่งครั้ง จะเทียบเท่ากับการแทงกระบี่ออกไปหนึ่งร้อยครั้ง


“มีความสามารถเพียงเท่านี้เองรึ?สุ่ยเฟาดหางลงในทะเลสาบ ทำให้เกิดม่านน้ำขึ้นมาป้องกันกระบี่ร้อยวิญญาณบรรพชนของกู้เบ่ยเอาไว้


“กระบี่แหวกสมุทร!” กู้เบ่ยตวัดกระบี่ตัดม่านน้ำออกเป็นสองส่วนทันที และใช้ปลายกระบี่ตวัดแย่งเอากระจกข้ามภพที่อยู่ในมือของสุ่ยเมาได้


“จงคืนของสิ่งนั้นมาให้ข้า หาไม่แล้วข้าจะหยุดปล่อยน้ำลงในทะเลสาบแห่งนี้ และอาณาจักรเบื้องล่างจะเข้าสู่กลียุคอีกครั้ง” สุ่ยเพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว ที่ถูกกู้เบ่ยแย่งกระจกข้ามภพไป


“ข้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับเจ้าอีก” กู้เบ่ยที่สามารถแย่งกระจกข้ามภพมาได้ ก็กระโดดถอยออกมา


“เจ้าไม่ฟังที่ข้าพูดก็จงดูซะ!สุ่ยเสูบน้ำในทะเลสาบออกจนหมด ทำให้น้ำที่ไหลออกไปยังแม้น้ำเหือดแห้งไปในทันที


เมื่อเห็นเช่นนั้นกู้เบ่ยก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก หากไม่มีน้ำตกสงครามที่สงบไปแล้วจะต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง และหากเกิดขึ้นมาอีกแม้จะต้องใช้เวลานับร้อยปี ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าจะสงบเช่นทุกวันนี้


“กระบี่ธาราสวรรค์!” กู้เบ่ยตัดสิ่นใจพุ่งกระบี่ลงไปที่แม่น้ำที่กำลังจะเหือดแห้งและใช้ลมปราณทำให้กระบี่ธาราสวรรค์สร้างน้ำออกมา เพื่อไม่ให้น้ำตกหยุดไหล


“ไม่คิดเลยว่าจะมีอาวุธวิเศษที่สามารถสร้างน้ำได้เช่นนี้ แต่น้ำทุกหยดที่สร้างขึ้นมาต้องแลกไปด้วยลมปราณของเจ้า เจ้าจะทนได้นานสักเท่าใดกัน ฮ่าฮ่าฮ่า” สุ่ยเหัวเราะด้วยความสะใจเมื่อเห็นกู้เบ่ยทำเช่นนั้น


“เจตจำนงแห่งกระบี่บรรชน!” กู้เบ่ยใช้ลมปราณสร้างเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนขึ้นมา ในตอนนี้เขาไม่อาจใช้กระบี่ธาราสวรรค์ในการต่อสู้ได้ ก็เหลือเพียงเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนเท่านั้น


กู้เบ่ยหยิบเศษไม้แท่งหนึ่งขึ้นมาและใช้ลมปราณเขียนเป็นจดหมายขึ้นมา โดยใช้แท่งไม้นั้น และปล่อยให้ไหลลงไปเบื้องล่าง หากโชคดีมีคนเก็บได้และนำไปส่งที่นิกายพิทักษ์สวรรค์ แห่งนิกายกำแพงสวรรค์ เขาก็จะได้ชัยชนะอย่างแท้จริง


“การต่อสู้ครั้งนี้คงจะยืดเยื้อเป็นแน่”กู้เบ่ยควบคุมเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนพุ่งไปโจมตีสุ่ยเทันที สุ่ยเใช้หางของเขาต้านรับกระบี่เอาไว้ หางของสุ่ยเนั้นเต็มไปด้วยเกล็ดที่แข็งแกร่ง ส่วนคลีบตรงปลายหางนั้นมีความคมไม่ต่างจากกระบี่เช่นกัน


การต่อสู้ยิ่งผ่านไปนานเท่าใด ลมปราณของกู้เบ่ยก็ยิ่งลดน้อยลง เนื่องจากต้องใช้ลมปราณในการสร้างน้ำลงไปเบื้องล่าง ทำให้กู้เบ่ยถึงกับเหนื่อยหอบเป็นอย่างมาก



ในตอนนี้กู้เบ่ยต่อสู้ไปกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว เศษไม้ของกู้เบ่ยนั้นร่วงหล่นลงไปยังอาณาจักรเบื้องล่างแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ที่สังเกตุเห็น


กู้เบ่ยตัดสินใจถือเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนเข้าโจมตีสุ่ยเ เนื่องจากการใช้ลมปราณควบคุมนั้นสิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมาก


แต่ดูเหมือนว่าสุ่ยเต้องการให้กู้เบ่ยทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ทันทีที่กู้เบ่ยกระโจนเข้าไปประชิดตัว สุ่ยเ ก็ใช้ปากงับและกลินกินกู้เบ่ยลงไปในท้องทันที


“หลังจากย่อยเจ้าจนหมดแล้ว ข้าก็จะขับถ่ายกระจกข้ามภพออกมาในภายหลัง” สุ่ยเหัวเราะกับชัยชนะที่ได้รับ


กู้เบ่ยที่ถูกกลืนลงท้องของสุ่ยเนั้น ทำให้เจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนนั้นสลายไป แต่ร่างกายของกู้เบ่ยยังคงได้รับการปกป้องจากเกราะธาราสวรรค์ แม้ว่าจะอยู่ในท้องของสุ่ยเ กระบี่ธาราสวรรค์ที่อยู่ด้านนอกก็ยังคงปล่อยน้ำออกมา ทำให้สุ่ยเอดที่จะแปลกใจไม่ได้


และการที่ยังย่อยร่างของกู้เบ่ยไม่หมด จึงทำให้สุ่ยเไม่อาจเคลื่อนที่ไหนไหนได้ดั่งใจ ลมปราณของกู้เบ่ยนั้นค่อย ๆ เหือดแห้งไปเรื่อย ๆ


กู้เบ่ยอยู่ในท้องของสุ่ยเเป็นเวลาสองวันจึงได้สติ เขาพบว่าร่างกายของเขายังไม่ถูกย่อยสลายไปเนื่องจากได้รับการปกป้องจากเกราะธาราสวรรค์ กู้เบ่ยจึงเริ่มแผ่ลมปราณไปโดยรอบเกราะธาราสวรรค์ ทันใดนั้นเกราะธาราสวรรค์ก็ปลดปล่อยลมปราณอันแข็งแกร่งออกมาให้กู้เบ่ยได้ดูดซับ แม้จะเหลือลมปราณเพียงน้อยนิดเกราะธาราสวรรค์ก็สามารถปลดปล่อยลมปราณออกมาได้ดั่งน้ำบ่อน้อย ที่ไม่มีวันเหือดแห้ง กู้เบ่ยรับรู้ได้ถึงคุณสมบัติพิเศษข้อนี้ของเกราะธาราสวรรค์แล้ว


เมื่อกู้เบ่ยสามารถดูดซับลมปราณกลับคืนไปได้ ด้านนอกสุ่ยเกำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากลมปราณที่แผ่ออกมาจากเกราะธาราสวรรค์นั้น ทำให้ร่างกายของสุ่ยเพองขึ้นจนแทบจะระเบิดออก


กู้เบ่ยจึงรวบรวมลมปราณสร้างเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนขึ้นมาอีกครั้ง และใช้ทะลวงท้องของสุ่ยเออกมา


“อ๊ากกกก” สุ่ยเร้องด้วยความเจ็บปวด


“เหตุใดเจ้าจึงยังมีชีวิตอยู่ได้?สุ่ยเตะโกนถามออกไป


“หามีชีวิตอยู่เพื่อสังหารเจ้าไงเล่า เจ้าอสูรชั่ว” กู้เบ่ยกระโดดหมุนตัวตวัดเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชน ดัดที่หัวของสุ่ยเทันที


สุ่ยเที่ได้รับบาดเจ็บนั้นไม่อาจปลดปล่อยพลังในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมาได้อย่างเต็มที่ จึงไม่อาจป้องกันเจตจำนงแห่งกระบี่บรรชนเอาไว้ได้


กู้เบ่ยไปนั่งอยู่กลางทะเลสาบและใช้ลมปราณดึงกระบี่ธาราสวรรค์กลับมา และปักลงใกล้ ๆ กับที่เขานั่งอยู่ และใช้ลมปราณสร้างน้ำให้ไหลออกไปเช่นเดิม


กู้เบ่ยนั่งอยู่ในบ่อน้ำและดูดซับพลังจากน้ำนั้น พร้อมกับสร้างน้ำออกไป ทำให้มีพลังหมุนเวียนเรียกได้ว่าสามารถอยู่เช่นนี้ได้เป็นนิรันดิ์



แต่เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ยาวนานถึงเพียงนั้น หลายวันต่อมา มีชาวเมืองพบเศษไม้ที่กู้เบ่ยส่งมาอยู่ที่ปลายน้ำ พบว่ามีถ้อยกำแกะสลักบนแผ่นไม้เอาไว้ว่า  นิกายพิทักษ์สวรรค์ และอีกด้านหนึ่งแกะสลักคำว่า ตาน้ำ จึงได้มีคนนำไปส่งให้แก่นิกายพิทักษ์สวรรค์ หลังจากที่หลี่ชิงอวิ๋นได้รับข้อความจากกู้เบ่ย จึงรีบแจ้งให้กับเนี่ยลี่ทราบ เนี่ยลี่จึงรีบเดินทางมาหากู้เบ่ยทันที.........จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง