test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

27 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.63 ลู่เพียว ปะทะ หงไห่


หลังจากการประลองของสามกลุ่มแรกจบไป ลู่เพียวก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา นั่นหมายความว่าเซี่ยวซุ่ยยังหากระจกข้ามภพไม่เจอ และลู่เพียวต้องลงประลองในรอบต่อไปแล้ว


“กลุ่มที่สี่ขึ้นมาบนลานประลองได้” มีเสียงประกาศเรียก ลู่เพียวจึงต้องขึ้นไปบนลานประลองทันที

เป้าหมายของข้ามิใช่คือการเอาชนะ แต่ต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดลู่เพียวยืนคิดอยู่ในใจขณะที่เริ่มการต่อสู้มีคนวิ่งเข้ามาต่อยลู่เพียวทันที


ลู่เพียวทำเพียงแค่หลบการโจมตีของคนอื่น ๆ โดยที่ไม่ได้ตอบโต้ ในบางครั้งก็ช่วยดึงผู้เข้าร่วมประลองที่จะหล่นลงไปจากลานประลองขึ้นมา ทำให้ผู้ชมหลายคนรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่ได้เห็น

“สงสัยว่าข้าคงจะแกล้งต่อสู้ได้ไม่สมจริงเท่าใดนัก” ลู่เพียวพูดขึ้นมาเมื่อเริ่มสังเกตุเห็นผู้คนชี้มายังเขา ที่ยืนอยู่บนลานประลอง ยิ่งจำนวนผู้เข้าร่วมการประลองลดลงมากเท่าใด ลู่เพียวก็ยิ่งเป็นจุดสังเกตุมากขึ้นไปเท่านั้น


ในตอนนี้เหลือคนอยู่ในลานประลองแค่แปดคนเท่านั้นลู่เพียวจึงตัดสินใจพูดออกไปว่า


“การประลองเช่นนี้น่าเบื่อยิ่งนัก พวกเจ้าทั้งแปดคนเข้ามาสู้กับข้าพร้อมกัน ข้าคงจะสนุกขึ้นไม่น้อย” หากปล่อยให้แยกกันไปต่อสู้จำนวนคนจะลดลงอย่างรวดเร็ว หากให้ทุกคนมุ่งเป้ามาที่เขาคงจะถ่วงเวลาได้ไม่น้อย


“เจ้าเด็กบ้าผู้นี้  อวดดียิ่งนัก” ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาต่อยหน้าลู่เพียวทันที แต่ลู่เพียวก็ใช้มือปัดหมัดของเขาอย่างไม่ยากนัก ชายคนที่สองเตะมาทางด้านหลังของลู่เพียวที่เป็นจุดอับสายตา แต่ลู่เพียวก็สามารถรับรู้ได้จากอากาศและสายลมที่เคลื่อนไหวอยู่ จึงสามารถกระดดหลบได้อย่างง่ายดาย


เจ็ดคนที่เหลือล้นมีความแข็งแกร่งในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ หากลู่เพียวประมาทก็อาจถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บได้ เมื่อปิดกั้นลมปราณเอาไว้ ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน


เมื่อเห็นว่าลู่เพียวกระโดดอยู่กลางอากาศ คงไม่อาจที่จะหลบการโจมตีได้ ชายอีกคนจึงกระโดดเตะไปที่ลู่เพียวทันที แต่ลู่เพียวก็สามารถพลิกตัวหลบได้พร้อมกับเตะสวนออกไปทำให้อีกฝ่ายตกลงไปนอกการประลองทันที


“โจมตีสวนกลับแรงเกินไปหรือนี่” ลู่เพียวบ่นกับตัวเองขณะที่ม้วนตัวกลับมายืนกลางลานประลอง


“ใช้ลมปราณจัดการกับเจ้าเด็กบ้านี่ซะ” ทั้งหกคนที่เหลือปล่อยลมปราณจากฝ่ามือใส่ลู่เพียวจากรอบทิศทางทันที


“ยะ..แย่แล้ว ฝ่ามือเคลื่อนสวรรค์!” ลู่เพียวใช้ฝ่ามือรับพลังลมปราณที่พุ่งเข้าหาตัวเองทีละจุดแล้วเหวี่ยงกลับไปยังทิศทางตรงข้าม ทำให้ทั้งหกคนนั้นถูกพลังของคนที่อยู่ตรงข้ามกระแทกตกลงไปจากลานประลองพร้อมกัน เคล็ดวิชานี้ปรมาจารย์เทียนอู่ถ่ายทอดให้ลู่เพียวใช้ ในยามที่ไร้อาวุธ


“ผู้ชนะในรอบที่สี่คือลู่เพียว” เสียงประกาศชื่อผู้ชนะดังขึ้น ลู่เพียวถอนหายใจออกมา เขาถ่วงเวลาได้ราวครึ่งชั่วยามจากการประลองในรอบนี้


ทางด้านเซี่ยวซุ่ยและไหไห่นั้นเดินทางไปยังภูเขาด้านหลัง และได้พบว่ามีกองกำลังยืนปกป้องตำหนักแห่งนี้อยู่ราวสิบคน ทั้งหมดนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับวิถีแห่งมังกร นางเก็บศิลาเร้นเมฆาเอาไว้และนำผีผามาบรรเลงเพลงขับกล่อมสวรรค์ นางใช้ลมปราณระดับเทพสงครามในการบรรเลงบทเพลงนี้ ยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรจึงไม่อาจต้านทานท่วงทำนองเพลงขับกล่อมสวรรค์ได้ จึงหลับไหลไปทั้งสิบคน


เมื่อลอบเข้าไปในตำหนักได้ ดูเหมือนว่าจะมีเส้นทางทอดยาวเข้าไปด้านใน เมื่อไหไห่ก้าวเข้าไปก็มีหอกและลูกธนูพุ่งออกมาจากด้านข้างเซี่ยวซุ่ยจึงรีบใช้มือปัดทิ้งอย่างรวดเร็ว ไหไห่นั้นรู้สึกตกใจยิ่งนัก หากเขามาเพียงลำพังจะจต้องจบชีวิตไปแล้วเป็นแน่ ดูเหมือนว่าในตำหนักแห่งนี้จะมีกับดักอยู่เป็นจำนวนมาก เซี่ยวซุ่ยต้องคอยปกป้องไหไห่จึงไม่สามารถบุกเข้าไปได้รวดเร็วนัก


ด้านลู่เพียวในตอนนี้มีผู้ชนะครบสี่คนแล้ว เดิมทีลู่เพียวคิดว่าจะต้องต่อสู้จนเหลือคนสุดท้าย แต่เขาคิดผิดผู้ชนะทั้งสี่นั้นได้เข้าร่วมในกองกำลังของนิกายเทพสมุทรทันที ลู่เพียงจึงรีบพูดออกไปว่า


“เมื่อข้าได้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังแล้ว ข้าขอเข้าร่วมในการแข่งขัดเพื่อจัดอันดับในกองกำลังด้วยขอรับ”


“นับว่าใจกล้าไม่เลว พวกเจ้าทั้งสี่นั้นเมื่อเป็นสมาชิกใหม่ของกองกำลัง จึงถูกจัดเอาไว้ในลำดับที่ต่ำที่สุด หากต้องการเลื่อนอยู่ในระดับที่สูงขึ้นเจ้าจะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในอันดับที่เหนือกว่า หากเอาชนะได้ก็จะได้ลำดับชั้นนั้นไป” ประมุขหงไห่พูดขึ้นมา เมื่อได้ยินคำร้องขอของลู่เพียว


“ขอบคุณท่านประมุข ถ้าเช่นนั้นข้าขอบังอาจประลองกับศิษย์ทุกคนตั้งแต่ลำดับล่างสุดจนกว่าจะพ่ายแพ้ ท่านประมุขจะอนุญาตหรือไม่?” ลู่เพียวแกล้งทำเป็นประสานมือและก้มหัวพูดอย่างนอบน้อม


“เจ้ารู้หรือไม่ กองกำลังของนิกายเทพสมุทรนั้นมีนับหมื่นคนเจ้าคิดจะสู้กับคนทั้งหมดเช่นนั้นหรือ? ข้าควรจะชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าหรือว่าควรจะลงโทษในความอวดดีของเจ้า!” ประมุขหงไห่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เขาดูการต่อสู้ของลู่เพียวก็รู้ได้ทันทีว่า ลู่เพียวต้องการถ่วงเวลา ในตอนนี้ลู่เพียวก็ร้องขอที่จะต่อสู้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมายแอบแฝงอยู่เป็นแน่


“ท่านประมุข อย่าได้เข้าใจผิด ข้าเพียงแค่ต้องการทดสอบฝีมือของตนเองเท่านั้น” ลู่เพียวรู้สึกตกใจกับคำพูดของประมุขหงไห่ ชายผู้นี้ไม่ได้โง่อย่างที่เขาคิด


“หลงไห่ เจ้าจงไปต่อสู้กับเจ้าเด็กอวดดีผู้นี้ และทำให้มันพูดทุกสิ่งที่ปกปิดเอาไว้ ส่วนข้าจะนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อท่านบริวารแห่งเทพ” ประมุขหงไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หลงไห่เป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังคนหนึ่ง ลำดับของเขานั้นอยู่ในลำดับที่ยี่สิบสามของกองกำลัง


“ขอรับ ท่านประมุข!” หลงไห่กระโดดขึ้นไปบนลานประลอง และใช้ลมปราณกระชากลู่เพียวขึ้นมาเช่นกัน


แย่แล้ว หากเขาไปรายงานบริวารแห่งเทพในตอนนี้ จะต้องพบกับเซี่ยวซุ่ยและไหไห่เป็นแน่เมื่อคิดได้เช่นนั้นลู่เพียวจึงแอบเก็บศิลาเร้นเมฆาเอาไว้และปลดปล่อยพลังระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่งออกมาพร้อมกับนำง้าวเทพนักรบสวรรค์


“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ลู่เพียวตวัดง้าวเทพนักรบสวรรค์เพียงเล็กน้อยก็ทำให้หลงไห่ถูกพัดลงจากลานประลองไป ชาวเมืองที่ชมการประลองอยู่ต่างก็วิ่งหนีเข้าที่พักไป


“เผยตัวจริงออกมาแล้วสินะ” ประมุขหงไห่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา


“ข้านั้นไม่ต้องการที่จะสังหารผู้ใด ยกเว้นเจ้า หงไห่” ลู่เพียวชี้ง้าวเทพนักรบสวรรค์ไปยังประมุขหงไห่และพูดออกไป


“ข้านั้นทำผิดอันใด และเจ้ามีความสามารถมากพอที่จะสังหารข้าเช่นนั้นหรือ” ประมุขหงไห่ปลดปล่อยลมปราณระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าออกมา ทำให้ลานประลองถูกพัดกระเด็นไปในทันที เป็นลมปราณที่เกรี้ยวกราดราวกับคลื่นทะเล และพายุเลยทีเดียว


“เป็นมนุษย์แต่กลับนับถือบริวารแห่งเทพที่เป็นสาวกแห่งจักรพรรดิปราชญ์ เหตุผลเพียงข้อเดียวนี้ก็มากพอที่ข้าจะต้องสังหารเจ้าแล้ว” ลู่เพียวตอบกลับไปด้วยความโกรธเกรี้ยว


“เจ้าเป็นใครกันแน่!” ประมุขหงไห่รู้สึกตกใจกับคำพูดของลู่เพียว เรื่องที่บริวารแห่งเทพเป็นสาวกแห่งจักรพรรดิปราชญ์เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้เรื่องนี้


“ข้าคือนักรบสวรรค์ ลู่เพียว ผู้ที่จะมาลงโทษเจ้าไงเล่า!” ลู่เพียวตอบกลับไปพร้อมกับฟันง้าวเทพนักรบสวรรค์ไปด้านหน้า คลื่นลมปราณจากง้าวเทพนักรบสวรรค์ตัดผ่านทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพุ่งไปหาประมุขหงไห่อย่างรวดเร็ว


“หอกเทพสมุทร!” ประมุขหงไห่เรียกอาวุธคู่กายของเขาออกมาและโจมตีสวนกลับไป คลื่นพลังทั้งสองปะทะกันจนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง


“หากเจ้าไม่ต้องการให้เมืองได้รับความเสียหาย จงไปสู้กับข้าที่ชายทะเลนอกเมือง” ลู่เพียวทะยานไปยืนรูปปั้นของบริวารแห่งเทพและหันไปพูดกับประมุขหงไห่


“เจ้ากล้าลบหลู่บริวารแห่งเทพ เมื่อเจ้าเลือกที่นั่นเป็นตายของเจ้า ข้าก็ยินดี” ประมุขหงไห่ทะยานออกไปที่ชายะเลด้านนอก เมื่อเห็นเช่นนั้นลู่เพียวจึงทะยานตามไปทันที


ประมุขหงไห่กระโดดขึ้นไปยืนบนทะเลตรงที่มีหินโสโครกอยู่ เมื่อลู่เพียวเห็นเช่นนั้นจึงกระโดดตามไปทันที ทางด้านประมุขหงไห่นั้นแอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยทันที


“หอกเจ้าสมุทรของข้า คืออาวุธที่ได้รับมาจากบริวารแห่งเทพ มันได้รับพลังเกื้อหนุนจากท้องทะเล มังกรเจ้าสมุทรกลืนแผ่นดิน!” ประมุขหงไห่ใช้ลมปราณสร้างมังกรจากทะเลพุ่งเข้าโจมตีลู่เพียวทันที


“เรื่องนั้นข้าทราบดี แต่ในท้องทะเลที่บ้าคลั่งนี้ก็มีพลังแห่งวายุเกื้อหนุนให้แก่ข้าเช่นกัน มังกรวายุโหมกระหน่ำ” ลู่เพียวกวัดแกว่งง้าวเทพนักรบสวรรค์ทำให้ปรากฏรูปร่างของมังกรวายุพุ่งเข้าปะทะกับมังกรเจ้าสมุทรของประมุขหงไห่ทันที


ตูมม! ตูมม!


เสียงของมังกรวายุปะทะเข้ากับมังกรเจ้าสมุทรจนระเบิดออกทั้งสองฝ่าย ในตอนนี้ลู่เพียวใช้ลมปราณในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเช่นกัน


“เพลงหอกร้อยดารา!” ประมุขหงไห่ใช้เพลงหอกที่แทงมาร้อยครั้งพร้อมกัน แต่ลู่เพียวก็สามารถใช้ปลายง้าวแทงสวนกลับได้ทั้งหมด ประกายแสงจากการกระทบกันของหอกและง้าว มองดูดาวกับดวงดาราที่ประสายแสงยามค่ำคืน


“มีฝีมือเพียงเท่านี้กลับกล้าที่จะตั้งตนเป็นประมุขเช่นนั้นหรือ?” ลู่เพียวพูดออกไปอย่างกับเย้ยหยัน


“เจ้าเด็กอวดดี ผสานจิตอสูร มังกรวารีห้วงทะเลลึก” ประมุขหงไห่เรียกจิตอสูรมังกรวารีห้วงทะเลลึกออกมาผสาน มังกรนี้อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกตามชื่อของมัน ตัวใหญ่หลายสิบเมตร มีเกล็ดทั่วทั้งร่าง และมีหนามงอกออกมาทั้วทั้งร่าง


“วันนี้ข้าจะใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์ล่ามังกรตัวใหญ่นี้” ลู่เพียวควงง้าวด้วยความลำพองใจ แม้ว่าจะผสานเข้ากับมังกรวารีห้วงทะเลลึก ระดับพลังของประมุขหงไห่ก็ยังอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่านั้น ลู่เพียวค่อย ๆ ปลดปล่อยลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมา


“ระเบิดมังกรวารี!” ประมุขหงไห่รวบรวมลมปราณไปที่ปากมังกรและพ่นน้ำออกมาราวกับปืนใหญ่ ทางด้านลู่เพียวใช้ง้าวฟันระเบิดน้ำที่พุ่งออกมาเป็นสองซีกอย่างง่ายดาย ทำให้ประมุขหงไห่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก


หลังจากนั้นประมุขหงไห่ก็ใช้หางมังกรวารีที่มีหนามแหลมคมฟาดไปที่ลู่เพียว แต่ลู่เพียวก็สามารถกระโดดม้วนตัวหลบได้ ไม่เพียงเท่านั้นลู่เพียวยังใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์จัดการมังกรวารีห้วงทะเลลึกขาดในคราวเดียว ทำให้ประมุขหงไห่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด


“จงสำนึกผิดในสิ่งที่เจ้าทำซะ!” ลู่เพียวกระโดดขึ้นไปพร้อมกับตวัดง้าวเทพนักรบสวรรค์ไปที่แขนขวาของประมุขหงไห่ ทำให้แขนขวาของประมุขหงไห่ถูกตัดขาดในทันที ร่างกายของประมุขหงไห่ค่อย ๆ คลายการผสานร่างกลับสู่ร่างมนุษย์ทันที แม้ว่าจะกลับมาสู่รูปลักษณ์ของมนุษย์แต่แขนขวาที่ขาดไปก็ไม่ได้กลับคืนมาดังเดิม


“ข้าสำนึกผิดแล้ว อย่าได้สังหารข้า” ประมุขหงไห่ใช้มือซ้ายกุมแขนขวาที่ถูกตัดขาดไปเพื่อห้ามเลือดและก้มหัวพูดกับลู่เพียว


“หากสำนึกผิดแล้วก็จงตามข้ากลับเข้าเมือง เจ้าจะถูกกักขังจนกว่าเพื่อนของข้าจะเดินทางมาถึง” ลู่เพียวพูดจบก็เดินมุ่งหน้ากลับไปยังเมือง


เจ้าเด็กโง่ แม้ว่าแขนข้าจะขาดไป ด้วยพลังระดับวิถีแห่งมังกรจะสามารถฟื้นฟูกลับคืนมาเช่นเดิมได้ หากชะตาวิญยาณยังไม่เสื่อมสลาย ประมุขหงไห่คิดในใจ แขนที่ขาดของเขาค่อย ๆ กลับคืนสภาพ เขาเรียกหอกเทพสมุทรออกมาอีกครั้งและเตรียมพุ่งไปยังด้านหลังของลู่เพียว ที่กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองทันที


“ตายซะ!” ประมุขหงไห่ปาหอกเทพสมุทรออกไปสุดแรง


ฉึกก!


กระบี่หยกเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่หน้าอกของประมุขหงไห่ทันที ในมือของเขายังคงถือหอกเทพสมุทรอยู่และหมดลมหายใจไปในทันที


กระบี่หยกนี้คือ กระบี่หยกคร่าวิญญาณของเซี่ยวซุ่ยนั่นเอง นางกลับมาพร้อมกับไหไห่และได้นำกระจกข้ามภพมาด้วยแล้ว นางใช้ลมปราณดึงกระบี่หยกคร่าวิญญาณกลับมาและเก็บไว้ที่ผีผาคร่าวิญญาณดังเดิม


“เหตุใดเจ้าจึงประมาทเช่นนี้ หากข้าไม่สังหารเขา หอกเล่มนั้นคงพุ่งปักด้านหลังเจ้าแล้ว” เซี่ยวซุ่ยบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ


“ข้าแค่หวังว่าเขาจะสำนึกผิดได้ หากเจ้าไม่ยืนมือเข้ามาข้าก็สามารถปัดป้องและสังหารเขาได้เช่นกัน” ลู่เพียวพูดพร้อมกับถอนหายใจ


“ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากใจที่ต้องสังหารมนุษย์ จากนี้ไปพวกเราจะทำเช่นใดกัน” เซี่ยวซุ่ยมองไปยังเมืองที่อยู่เบื้องหน้า


“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน” ลู่เพียวพูดขณะที่เดินเข้าไปในเมือง.......จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว




เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง