test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

25 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.61 อาณาจักรวิญญาณสาบสูญ




เมื่อเดินทางมาถึงนิกายพิทักษ์สวรรค์ และมาพบกับหลี่ชิงอวิ๋นแล้ว กู้เบ่ยจึงขอตัวแยกตัวไปยังอาณาจักรธาราสวรรค์ทันที จากนั้นเนี่ยลี่ได้พาหลี่ชิงอวิ๋นเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เนื่องจากดาบของเขานั้นตีเสร็จแล้ว



เมื่อเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ และเดินไปหาเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงที่กำลังทำอาวุธชิ้นต่อไปอยู่นั้น เมื่อเห็นพวกเนี่ยลี่เดินเข้ามา เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงก็หยุดมือและพูดออกไปว่า


“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่ต้องการมันเสียแล้ว”


หลังพูดจบเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงได้โยนฝักดาบไปให้แก่หลี่ชิงอวิ๋น หลี่ชิงอวิ๋นใช้มือซ้ายรับฝักดาบมา ก็พบว่านี่เป็นเพียงฝักดาบเท่านั้น แต่มิได้มีดาบอยู่เลย


“ชักดาบออกมาสิ” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดพร้อมกับหัวเราะที่เห็นท่าทีของหลี่ชิงอวิ๋น


หลี่ชิงอวิ๋นใช้มือขวาจับไปยับด้านบนของฝักดาบที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นในมือของเขาก็มีดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา


“ชื่อของมันคือดาบเมฆาสวรรค์ไร้ลักษณ์ รูปร่างของมันจะเปลี่ยนไปดั่งใจของเจ้า” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดด้วยความภาคภูมิใจในผลงานชิ้นนี้


หลี่ชิงอวิ๋นลองกวัดแกว่าดาบเมฆาสวรรค์ไร้ลักษณ์ พบว่ามีน้ำหนักเบามาก คมมีดสามารถทำให้มีรูปร่างหรือไม่ก็ได้ หากใช้ในการตั้งรับก็สามารถให้ใบมีดมีรูปลักษณ์ที่แข็งดั่งเหล็กกล้าได้ แต่ในยามโจมตีสามารถใช้คมมีดที่เป็นดั่งเมฆหมอกตัดผ่านการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามได้ เป็นกระบี่วิเศษอย่างแท้จริงทำให้หลี่ชิงอวิ๋นรู้สึกยินดียิ่งนัก


“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง ข้าจะให้นามของดาบเมฆาสวรรค์ไร้ลักษณ์สร้างชื่อเสียงในยุทธภพนี้ให้จงได้” หลี่ชิงอวิ๋นประสานมือและก้มหัวขอบคุณเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงอย่างสุภาพ


“ข้านั้นมิได้ต้องการชื่อเสียง ข้าเพียงแค่ต้องการตีดาบที่คู่ควรให้เหล่าจอมยุทธที่มีคุณธรรมเท่านั้น และเป้าหมายที่สำคัญที่สุด คือการกำจัดจักรพรรดิปราชญ์เท่านั้น” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา เขาเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่า สงครามนี้จะจบลงเช่นใด


จากนี้ไปเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงจะต้องทำอาวุธอีกห้าชิ้นสำหรับ เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อ ต้วนเจี้ยน ตู่ซื่อ และฮวาหั่ว คงต้องใช้เวลาอีกราวหนึ่งเดือนครึ่ง จึงจะสามารถทำได้ครบทุกชิ้น โชคดีที่เนี่ยลี่ได้เตรียมวัตถุดิบในการสร้างอาวุธเหล่านี้ไว้จนครบแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้อวัตถุดิบเหล่านั้น

“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าคงไม่รบกวนท่านผู้อาวุโสแล้ว พวกข้าลาก่อน” เนี่ยลี่และหลี่ชิงอวิ๋นกล่าวลาเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง และแวะไปทักทายเซี่ยวซุ่ยและเทพธิดายู่หยาน ดูเหมือนว่าระดับพลังของเทพธิดายู่หยานใกล้ที่จะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าเต็มทีแล้ว ส่วนจินตานที่กลับเข้ามาอยู่ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ยังคงเกาอยู่ที่ต้องไม้แห่งพระเจ้าและทานผลไม้แห่งพระเจ้าเป็นอาหาร


หลังจากนั้นทั้งสองออกจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไป


เนี่ยลี่ หลี่ชิงอวิ๋น หลงยู่อิน ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยได้เดินทางไปยังร้านตีอาวุธของฮัวเตี่ย เพื่อรับอาวุธของหลงยู่อิน เมื่อมาถึงหน้าร้านฮัวเตี่ย ยังไม่ทันที่จะเข้าไปในร้าน มีดสองเล่มพุ่งออกมาทันที หลงยู่อินใช้มือรับมีดทั้งสองเล่มทันที


“อย่าได้ตกใจ ข้าก็แค่ต้องการเลียนแบบท่านปู่บ้างเท่านั้น” เสียงของฮัวเตี่ยหัวเราะดังออกมาจากในร้าน นางนั้นตีอาวุธของหลงยู่อินเสร็จแล้ว และมีการปรับแต่งเพิ่มเติมจากแบบแปลนเดิมอีกเล็กน้อย


“เป็นมีดที่งดงามยิ่งนัก” หลงยู่อินตรวจสอบดูมีดทั้งสองเล่ม และพบว่ามีผลึกแก้วฝังอยู่ตรงปลายด้ามมีดทั้งสองเล่ม เล่มหนึ่งมีผลึกสีแดง อีกเล่มเป็นผลึกสีเขียว


“ตรงส่วนนั้นข้าเป็นผู้ทำเพิ่มให้เอง ข้าได้รับผลึกทั้งสองมาระหว่างที่กำลังตีมีดทั้งสองเล่มให้เจ้า ผลึกสีแดงสามารถใช้พลังแห่งอัคคีได้ ส่วนผลึกสีเขียวมีพลังแห่งสายฟ้าสถิตอยู่ ชื่อของมีดทั้งสองเล่มนี้คือ มีดเขี้ยวมังกรเพลิง และ มีดเขี้ยวมังกรอัสนี ข้ารับรองว่าจะต้องไม่ด้อยกว่าผลงานของท่านปู่เป็นแน่” ฮัวเตี่ยอธิบายด้วยความภาคภูมิใจ นางดัดแปลงทั้งตัวมีดและชื่อของมัน แต่ผลงานชิ้นก็มิได้ด้อยกว่าแบบแปลนเดิมที่เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง ดั่งที่นางพูดเอาไว้


“สมแล้วที่เป็นมีดวิเศษระดับพระเจ้า” หลงยู่อินพึงพอใจกับมีดสองเล่มนี้เป็นอย่างมาก


“จากนี้ไปคงต้องฝากอาณาจักรแห่งนี้ไว้กับพี่อวิ๋นและยู่อินแล้ว หากกู้เบ่ยร้องของกำลังสนับสนุน ข้าคงต้องให้พี่ชิงอวิ๋นช่วยเหลือแล้ว” เนี่ยลี่หันไปพูดกับหลี่ชิงอวิ๋น


“หากมีเรื่องใดให้ข้าช่วยเหลือ เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ” หลี่ชิงอวิ๋นตอบกลับไป เขาติดหนี้บุญคุณมากมายเกิดกว่าที่จะชดใช้ได้หมด


“ข้าคิดว่าจะส่งลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยไปยังอาณาจักรวิญญาณสาบสูญ และคงต้องรอให้อาวุธของคนอื่น ๆ สำเร็จก่อนจึงจะให้ออกเดินทาง ซึ่งในช่วงนี้ข้าคงต้องทำการบ่มเพาะพลังให้ถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าให้เร็วที่สุด” เนี่ยลี่ตอบกลับไป ในตอนนี้เหลือเพียงเทพธิดายู่หยาน และตัวเขาเท่านั้นที่ยังไม่บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า


“หากกู้เบ่ยร้องขอกำลังสนับสนุนมา ข้าจะดำเนินการให้ทันที เจ้าไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้” หลี่ชิงอวิ๋นรับปากอย่างหนักแน่น


หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ได้เปิดเส้นทางสวรรค์ เพื่อเดินทางไปยังอาณาจักรวิญญาณสาบสูญ โดยจุดหมายอยู่ตรงชายฝั่งนอกเขตเมือง


อาณาจักรวิญญาณสาบสูญเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลอันบ้าคลั่ง มีเพียงเรือขนาดใหญ่ที่แวะเข้ามาในบางครั้ง เนี่ยลี่ได้มอบศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำให้ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยไว้จำนวนหนึ่งล้านก้อน เท่ากับที่มอบให้กู้เบ่ยไป ในการทำศึกเงินทุนนับเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่น้อย


“ข้าจะกลับมาที่นี่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พวกเจ้าจงทำเท่าที่สามารถทำได้” เนี่ยลี่พูดก่อนที่จะเดินทางผ่านเส้นทางสวรรค์กลับไป


“ทำเท่าที่ทำได้ คำพูดเช่นนี้หมายความเช่นใดกัน นี่ดูราวกับเนี่ยลี่ไม่เชื่อในความสามารถของข้าเช่นนั้นหรือ?” ลู่เพียวบ่นกับเซี่ยวซุ่ยหลังจากที่เนี่ยลี่กลับไป


“หากเนี่ยลี่ไม่ไว้ใจเจ้า ก็คงไม่มอบภารกิจนี้ให้แก่เจ้า เขาพูดเช่นนั้นเพื่อเจ้าจะได้ไม่กดดันมากนัก” เซี่ยวซุ่ยพูดปลอบใจลู่เพียว


“ถ้าเช่นนั้น ในเวลาหนึ่งเดือนพวกเราจะยึดครองอาณาจักรแห่งนี้ ให้เนี่ยลี่ได้เห็นฝีมือของข้า” ลู่เพียวพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกมุ่งมั่นเต็มที่


“ปัญหาก็คือ พวกเราไม่มีข้อมูลอันใดเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งนี้แม้แต่น้อย” เซี่ยวซุ่ยนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่พร้อมกับครุ่นคิด


“ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงต้องหาทางเข้าไปในเมืองกันก่อน” ลู่เพียวพยักหน้าตอบรับ


“หากต้องการเข้าไปในเมืองข้าสามารถนำทางให้พวกท่านได้นะ!” มีเสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา จากริมชายฝั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก


“เจ้าเป็นใครกัน?” ลู่เพียวหันไปมองและพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเด็กชายอายุราวสิบสามปี หน้าตามอมแมม สวมชุดชาวประมง ถือคันเบ็ดอยู่ในมือพร้อมกับปลาอีกหลายตัว


“ข้าชื่อว่า ไหไห่ [ลูกทะเล] เป็นชาวประมงที่พักอยู่ใกล้ ๆ นี่” ไหไห่ชี้ไปยังกระท่อมของตนที่อยู่ไกลออกไป


“เจ้าสามารถพาพวกเข้าไปในเมืองได้เช่นนั้นหรือ?” ลู่เพียวถามออกไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กลู่เพียวจึงคลายกังวล


“หากท่านมีเงิน ข้าก็จะนำทางให้” ไห่ไห่พูดพร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้า


“เจ้าต้องการเท่าใดกัน?” เซี่ยวซุ่ยเดินมาหาไหไห่และถามออกไป


“ข้าต้องการศิลาจิตวิญญาณจำนวนห้าก้อน” ไหไห่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป


เมื่อได้ยินคำพูดของไหไห่ ลู่เพียวก็อดที่จะแอบยิ้มไม่ได้ ศิลาจิตวิญญาณแค่ห้าก้อนนั้น เป็นเพียงแค่เงินจำนวนน้อยนิดสำหรับเขาในตอนนี้


“ไหไห่ พี่สาวยินดีที่จะให้เจ้านำนวนหนึ่งร้อยก้อน หากเจ้ายอมให้พี่สาวและพี่ชายผู้นี้ ไปพักที่บ้านของเจ้าสักคืน” เซี่ยวซุ่ยยิ้มและตอบกลับไป


“ข้านั้นพักอยู่เพียงลำพัง หากพวกท่านไม่รังเกียจข้าก็ไม่มีปัญหาอันใด” ไหไห่ตอบรับด้วยความยินดี ศิลาจิตวิญญาณจำนวนร้อยก้อนนั้น ปกติเขาต้องหาปลาหลายสิบตัวจึงจะเอาไปขายได้เงินมากถึงเพียงนั้น


หลังจากที่ได้รับศิลาจิตวิญญาณร้อยก้อนจากเซี่ยวซุ่ย ไหไห่ก็พาทั้งสองไปยังกระท่อม ที่ไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็กั้นห้องเอาไว้อย่างเป็นอย่างดี เป็นกระท่อมที่สามารถพักอยู่ได้สี่ถึงห้าคนเลยทีเดียว


ไหไห่นำปลาที่เขาจับได้ไปย่างเป็นอาหารมาให้แก่ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ย


เมื่อทานอาหารกันเสร็จแล้ว เซี่ยวซุ่ยจึงเรียกไหไห่มาสอบถามเกี่ยวกับสภาพทั่ว ๆ ไปของอาณาจักรวิญญาณสาบสูญ และได้ความว่า


อาณาจักรวิญญาณสาบสูญ เป็นหมู่เกาะที่ถูกปกครองด้วยนิกายสองนิกาย คือนิกายเทพสมุทร ของมนุษย์ และนิกายเทพวิญญาณ ของเผ่าอสูร เกาะใหญ่ที่อาศัยอยู่นี้เป็นพื้นที่ของนิกายเทพสมุทร และเกาะที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักเป็นพื้นที่ของนิกายเทพวิญญาณ ทั้งสองเกาะมีเส้นทางใต้ดินที่เชื่อมต่อกัน แต่มีลักษณะเป็นเขาวงกตที่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถผ่านออกไปได้ ดังนั้นการเผชิญหน้ากันระหว่างสองนิกายจึงมักจะเป็นทางทะเลเป็นหลัก


“บนเกาะทั้งสองยอดฝีมือส่วนใหญ่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับใดกัน?” ลู่เพียวอดไม่ได้ที่จะถามออกไป


“ส่วนใหญ่ก็อยู่ในระดับทั่ว ๆ ไปคือ ชะตาสวรรค์ ดาราสวรรค์ หรือแก่นแท้แห่งสวรรค์ ยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรและระดับเทพสงครามนั้นมีไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น แต่ท่านต้องทราบเอาไว้เรื่องหนึ่ง พวกนิกายเทพวิญญาณส่วนใหญ่นั้นไร้ซึ่งร่างกาย เป็นอสูรประเภทวิญญาณ ไม่สามารถใช้อาวุธทั่วไปในการโจมตีพวกมันได้” ไหไห่รีบอธิบายออกไป



“ถ้าเช่นนั้แล้วนิกายเทพสมุทร ใช้วิธีใดในการรับมือพวกนิกายเทพวิญญาณ” เซี่ยวซุ่ยถามด้วยความประหลาดใจ หากไม่สามารถโจมตีพวกอสูรได้ เหตุใดนิกายแห่งนี้จึงยังอยู่รอดมาได้ หากไม่สามารถโจมตีพวกอสูรได้นิกายนิกายเทพสมุทรควรจะล่มสลายไปนานแล้ว


“ในนิกายเทพสมุทรมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ หากนำน้ำศักดิ์สิทธิ์มาราดลงอาวุธ ก็จะสามารถโจมตีอสูรพวกนั้นได้ แต่ไม่อนุญาตให้คนนอกนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปใช้โดยเด็ดขาด” ไหไห่นิ่งเงียบไปราวกับไม่ต้องการตอบ แต่สุดท้ายก็พูดขึ้นมา


“มีหนทางแต่ก็ไม่อาจใช้ได้ ดุเหมือนว่าหากคิดที่จะยึดครองอาณาจักรแห่งนี้ คงต้องใช้กำลังยึดครองบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาก่อน” ลู่เพียวพูดออกไปด้วยความเบื่อหน่าย


“เนี่ยลี่บอกว่าด้วยวรยุทธของข้าจะสามารถยึดครองอาณาจักรแห่งนี้ได้ หมายความว่าข้าสามารถใช้เสียงในการต่อสู้กับพวกมันได้” เซี่ยวซุ่ยคิดถึงคำพูดของเนี่ยลี่ขึ้นมาได้จึงและเผลอพูดออกไปเช่นกัน

“พวกท่านคิดจะยึดครองอาณาจักรแห่งนี้ หมายความว่าเช่นใดกัน?” ไหไห่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ


“ไหไห่ฟังข้าพูดก่อน” เซี่ยวซุ่ยรีบพูดปฏิเสธในทันที


“หากพวกท่านคิดที่จะยึดครองนิกายเทพวิญญาณ ก็จงข้ามศพข้าไปก่อน” ไหไห่วิ่งไปหยิบเบ็ดมา เพื่อใช้ต่อสู้กับทั้งสองคน


เมื่อได้ยินคำพูดของไหไห่ ทั้งสองคนก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เหตุใดไหไห่ที่เป็นมนุษย์จึงคิดที่จะปกป้องนิกายเทพวิญญาณที่เป็นของพวกอสูร............จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง