test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

24 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.60 ประมุขอู๋




เฮยหั่วเองก็มิได้คิดถึงเพียงนี้ เขาอาจจะมีพลังมากที่สุดในนิกายเทพอสูร แต่หากใช้เพียงกำลัง คงไม่อาจนำพาให้นิกายเทพอสูรอยู่รอดต่อไปได้ เฮยหั่วจึงตัดสินใจประสานมือและคุกเข่าพูดกับอู่หยาจื่อว่า
         

      “ข้าเฮยหั่ว ขอให้อู๋หยาจื่อขึ้นเป็นประมุขนิกายเทพอสูร เพื่อชี้นำพวกเราและฝึกฝนเพื่อล้างแค้นให้แก่ปรมาจารย์เทพทั้งสี่ด้วย”
        

        เหล่าผู้อาวุโสแห่งนิกายเทพอสูรที่อยู่โดยรอบต่างก็หันมาสบตากัน จากที่พวกเขาสัมผัสได้อู๋หยาจื่อนั้นก็อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่งแล้ว ด้วยวัยเพียงเท่านี้สามารถบรรลุระดับเทพสงครามได้นับว่าอู่หยาจื่อเป็นผู้มีพรสวรรค์ยิ่งนัก และเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าและความหลักแหลมในการตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนออกมาอย่างดีเยี่ยม อู๋หยาจื่อจึงมีความเหมาะสมยิ่งนักในเวลานี้
         

        “ประมุขอู๋! ประมุขอู๋! ประมุขอู๋!” เสียงตะโกนเรียกชื่อประมุขอู๋หยาจื่อดังกึกก้องไปทั่ว ทำให้อู่หยาจื่ออดที่จะภูมิใจไม่ได้
         

        “ข้าขอขอบใจท่านมาก ท่านประมุขอู๋ แต่ท่านลืมไปหรือไม่ ก่อนการต่อสู้นี้พวกเราได้มีการวางเดิมพันกัน หากฝ่ายข้าชนะ จะสามารถเลือกสมบัติชิ้นหนึ่งในนิกายเทพอสูรไปได้” เนี่ยลี่มองไปที่อู๋หยาจื่อและพูดแทรกขึ้นมา
         

        “พวกเจ้าได้ชีวิตของปรมาจารย์เทพทั้งสี่ไปแล้ว จะยังต้องการสิ่งใดอีก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้านำสมบัติอันใดออกไปจากนิกายเทพอสูรแม้แต่ชิ้นเดียว รีบไสหัวออกไปซะ ถ้าไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่อาจที่จะหยุดเหล่าพี่น้องของข้า มิได้จัดการกับพวกเจ้าได้” อู๋หยาจื่อตอบกลับมาอย่างกราดเกรี้ยว
         

        ด้วยคำพูดของอู๋หยาจื่อ ทำให้เหล่าศิษย์ของนิกายเทพอสูรรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก แต่ทุกถ้อยคำที่อู๋หยาจื่อพูดออกมา ล้วนแต่เป็นคำพูดที่เนี่ยลี่ได้เขียนบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อให้อู๋หยาจื่อได้รับการยอมรับจากศิษย์ในนิกาย เขาจึงจำเป็นที่จะต้องให้อู๋หยาจื่อได้แสดงความเป็นผู้นำออกมา
         

         หลังอู๋หยาจื่อพูดจบ เนี่ยลี่และคนอื่น ๆ จึงเดินทางออกจากนิกายเทพอสูรไป เหล่าศิษย์ของนิกายเทพอสูรมองตามหลังพวกเขาไปด้วยสายตาที่โกรธแค้น สักวันพวกเขาจะต้องล้างแค้นให้กับปรมาจารย์เทพทั้งสี่
        

      เมื่อลับตาคนพวกเขาก็เข้าไปหลบพักในตำหนักชมจันทร์เพื่อรอเวลานัดหมาย เนี่ยลี่ได้เขียนสิ่งที่อู๋หยาจื่อต้องทำในสองถึงสามวันนี้ หลังจากนั้นให้หาทางมาพบกับเขาที่นี่
        


     วันต่อมาอู๋หยาจื่อได้สั่งการให้ศิษย์ช่วยกันสร้างรูปปั้นของปรมาจารย์เทพทั้งสี่ เพื่อให้เป็นดั่งเทพที่คอยปกปักรักษานิกายเทพอสูร ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ศิษย์สายตรงของปรมาจารย์เทพทั้งสี่รู้สึกยินดียิ่งนัก และไม่มีผู้ใดรู้สึกต่อต้านอู๋หยาจื่อในตำแหน่งประมุขนิกายเทพอสูรคนใหม่
         

        และอู๋หยาจื่อยังได้นำศิลาจิตวิญญาณอีกนับพันล้านก้อน มามอบให้เป็นสมบัติส่วนกลางของนิกายเทพอสูร เพื่อให้เหล่าศิษย์สามารถมารับไปเพื่อบ่มเพาะพลัง ซึ่งศิลาจิตวิญญาณเหล่านี้แน่นอนว่า เป็นสิ่งที่เนี่ยลี่มอบให้อู๋หยาจื่อ ทำให้อู๋หยาจื่อได้รับการยกย่องจากศิษย์ในนิกายเทพอสูรเป็นอย่างมาก
         

       เมื่อครบสามวัน อู๋หยาจื่อจะต้องทำการเข้ารับตำแหน่งผู้นำนิกายเทพอสูร โดยการเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร เพื่อเข้าพบกับบริวารแห่งเทพ หากได้รับการยอมรับจากบริวารแห่งเทพ ประมุขคนใหม่จะได้รับสมบัติวิเศษระดับพระเจ้ารวมถึงยาทิพย์มังกรครามจากบริวารแห่งเทพ และเมื่อนำมาแสดงต่อหน้าศิษย์ในนิกายเทพอสูร อู๋หยาจื่อก็จะได้ตำแหน่งผู้นำนิกายเทพอสูรอย่างแท้จริง
         

       ก่อนจะเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร อู่หยาจื่อได้ลอบมาหาเนี่ยลี่ตามที่ได้นัดหมาย เนี่ยลี่ได้บอกถึงสิ่งที่เขาต้องการ
         

      “ข้านั้นต้องการกระจกข้ามภพที่ใช้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพ” เนี่ยลี่พูดออกไป
         

      “ข้าจะมอบสิ่งนั้นให้กับเจ้าได้เช่นใดกัน เมื่อข้าเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร ข้าต้องติดต่อบริวารแห่งเทพด้วยสิ่งนั้น หากข้าไม่ได้รับการยอมรับจากบริวารแห่งเทพ ข้าก็จะไม่ได้รับการยอมรับในตำแหน่งประมุขนิกายเทพอสูรอย่างแท้จริง” อู่หยาจื่อรีบปฏิเสธในทันที
         

       “เจ้าคิดหรือว่า หากได้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพ พวกเขาจะยอมรับเจ้า หากพวกเขาไม่ยอมรับ การไปติดต่อกับบริวารแห่งเทพก็เท่ากับการไปแสวงหาความตายเท่านั้น” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับส่ายหน้า
         

          “หากไม่ได้รับสมบัติวิเศษและยาทิพย์มังกรครามจากบริวารแห่งเทพ ข้าก็ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสและศิษย์ในนิกาย ถ้าเช่นนั้นจะมีความหมายอันใดกัน?” อู๋หยาจื่อพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
         

      “อาวุธและชุดเกราะวิเศษระดับพระเจ้านั้นข้ามีอยู่มากมายนัก ส่วนยาทิพย์มังกรครามนั้นข้าสามารถทำขึ้นมาได้” เนี่ยลี่นำอาวุธและชุดเกราะระดับพระเจ้า พร้อมกับยาทิพย์มังกรครามออกมา เขาใช้เวลาระหว่างที่รออู๋หยาจื่อมาในการหลอมยานี้ขึ้นมา
         

       “กระบี่เทพโลหิตกับเกราะเทพจิ้งจอก นี่มันอาวุธและชุดเกราะระดับพระเจ้าอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ ” อู่หยาจื่อหยิบขึ้นมาด้วยความยินดี เขาไม่เคยสัมผัสอาวุธวิเศษระดับพระเจ้ามาก่อน อาวุธและชุดเกราะนี้แม้ว่าจะเป็นของวิเศษระดับพระเจ้า แต่ก็อยู่ในระดับต่ำเท่านั้น
         

        “เจ้าสามารถนำของเหล่านี้ แสดงให้เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของนิกายเทพอสูรดูได้ ส่วนกระจกข้ามภพนั้น หากยังมีอยู่จะเป็นภัยต่อเจ้าเสียมากกว่า เพราะหากมีผู้ใดที่สามารถเข้าไปยังตำหนักเทพอสูรได้ และได้พูดคุยกับบริวารแห่งเทพ ในตอนนั้นพวกเขาก็จะรู้ความจริง” เนี่ยลี่อธิบายพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
         

        “เจ้าต้องการกระจกข้ามภพไปทำไมกัน?” อู่หยาจื่อถามด้วยความสงสัย
         

        “เจ้าไม่เป็นต้องรู้ ข้านั้นได้ทำตามที่ข้าได้ตกลงเอาไว้แล้ว ดังนั้นเจ้าก็ควรที่จะทำตามที่ข้าร้องขอเช่นกัน” เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

        เมื่อได้ยินเช่นนั้น อู๋หยาจื่อก็ได้แต่นิ่งเงียบ ที่เนี่ยลี่พูดมานั้นก็ไม่ผิดนัก กระจกข้ามภพนั้นไม่มีประโยชน์อันใดกับเขา และการที่ต้องไปพบกับบริวารแห่งเทพนั้นก็มีความเสี่ยงมากเกินไป หากนำกระจกข้ามภพออกมาและปิดตายตำหนักเทพอสูรไป เขาก็จะอยู่ในตำแหน่งประมุขนิกายเทพอสูรได้อย่างปลอดภัย
         

       “ไม่เพียงเท่านั้น นี่คือแผนที่ของอาณาจักรซากมังกร หลังจากนี้ทางด้านเหนือของอาณาจักร มนุษย์จะไม่ก้าวล้ำเข้าไปยังดินแดนเหล่านี้ เจ้าสามารถครอบครองได้ทั้งหมด” เนี่ยลี่เขียนการจัดแบ่งอาณาเขตใหม่ของอาณาจักรให้อู๋หยาจื่อดู ซึ่งแผนที่นี้ทางด้านปรมาจารย์เทียนหั่วและปรมาจารย์อินเยวี่ยก็เห็นชอบด้วย หากอู่หยาจื่อตกลงพวกเขาจะส่งข่าวไปยังนิกายต่าง ๆ เพื่อห้ามมิให้ผู้ใดรุกล้ำไปยังอาณาเขตของนิกายเทพอสูรนี้
         

       “หากสามารถขยายอาณาเขตของนิกายเทพอสูรได้มากถึงเพียงนี้ เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายเทพอสูรคงจะนับถือข้ายิ่งนัก ตกลง พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปยังตำหนักเทพอสูร หลังจากที่เจ้านำกระจกข้ามภพออกมา ข้าจะปิดตายตำหนักเทพอสูร เพื่อมิให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปได้อีก” อู่หยาจื่อใช้มือทุบโต๊ะและตอบตกลง
         

       “ถ้าเช่นนั้น พวกข้าจะรีบเดินทางกลับไปยังนิกายของพวกข้า เพื่อแจ้งข่าวเรื่องอาณาเขตใหม่นี้ การใช้เส้นทางสวรรค์ในเวลานี้คงจะไม่ดีเป็นแน่ ดังนั้นพวกข้าจะเดินทางกลับไปด้วยตัวเอง” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าอู่หยาจื่อยอมรับในข้อเสนอแล้ว
         

       “คงต้องลำบากพวกท่านแล้ว” เนี่ยลี่ประสานมือและหันไปพูดกับทั้งสี่คน
         

       “คนที่ลำบากที่สุดคงจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า ข้าไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่ศิษย์ของข้าทั้งสองนั้นชื่นชมเจ้ายิ่งนัก” ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดขึ้นมา เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อนั้นเป็นที่ต้องตาของชายหนุ่มในนิกายอื่น ๆ มากมายนัก แต่พวกนางไม่เคยสนใจชายคนใด คงเป็นเพราะชายในดวงใจของเขาผู้นี้ ปรมาจารย์อินเยวี่ยเชื่อว่าเนี่ยลี่จะต้องกลายเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
         

       “ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว” เนี่ยลี่กล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มราวกับเด็กหนุ่มไร้เดียงสา
         

       “เนี่ยลี่ ดั่งที่ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่า ข้าได้เห็นนิมิตรจึงได้รู้ว่าข้านั้นเป็นหนึ่งในหกคนที่กลับชาติมาเกิดและข้าก็ได้ทราบจากเจ้าเรื่องของสี่คนก่อนหน้า สำหรับคนที่เหลือข้ามั่นใจว่าจะต้องเป็นเทพธิดาจินหยาน แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขากลับมาเกิดเป็นผู้ใด แต่เจ้าจะสังเกตุได้อย่างชัดเจนถึงเปลวไฟสีทองของนาง” เหยียนหยางหันไปพูดกับเนี่ยลี่ เขานั้นตั้งใจที่จะเตรียมพร้อมสำหรับต่อสู้อยู่ที่นิกายเทพอัคคีไปก่อน และเมื่อสงครามครั้งใหญ่มาถึง เขาจะตามไปช่วยเหลือเนี่ยลี่อย่างแน่นอน
         

       หลังจากที่ทั้งสี่คนเดินทางออกไปจากตำหนักชมจันทร์แล้ว เนี่ยลี่และอู๋หยาจื่อก็เตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร โดยให้เนี่ยลี่ใช้ความสามารถเร้นกายโดยผสานเข้ากับจิตอสูรเงาพราย ซึ่งสามารถใช้ทักษะซ่อนเร้นได้ดีกว่าการใช้พลังสัจธรรม


ตำหนักเทพอสูร
         

     เป็นตำหนักที่อยู่ด้านหลังนิกายเทพอสูร มีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติในการเป็นประมุขเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ ภายในมีกับดักอยู่มากมาย หากยอดฝีมือระดับต่ำกว่าเทพสงครามเข้ามา และถูกกับดักโจมตีแม้เพียงครั้งเดียว ก็จะไม่อาจรอดกลับไปได้
         
      เมื่อก้าวเข้ามาก็เจอกับกับดักมากมาย แม้แต่อู๋หยาจื่อก็ลำบากไม่น้อย หากเนี่ยลี่ไม่ช่วยปกป้อง อู่หยาจื่อก็คงจะต้องตายไปหลายครั้งแล้ว หากอู่หยาจื่อเดินทางมาเพียงลำพัง ก็คงไม่อาจไปถึงห้องที่ใช้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพเป็นแน่
         

       ต้องใช้เวลาหลายวันในการเดินทางมาถึงหน้าห้องที่ใช้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพ เนี่ยลี่ตรวจสอบดูแล้วว่า บริวารแห่งเทพมิได้สอดส่องลงมาในเวลานี้ เพราะหากไม่มีผู้ใดติดต่อไป บริวารแห่งเทพมักจะเก็บตัวเพื่อบ่มเพาะพลังตนเองเสียมากกว่า
         

       หลังจากที่แน่ใจว่าปลอดภัย เนี่ยลี่จึงรีบเข้าไปหยิบกระจกข้ามภพและออกมาจากห้องในทันที และหลังจากที่ออกมานอกห้องเนี่ยลี่จึงใช้กุญแจอาคมผนึกประตูห้องเอาไว้ หลังจากเดินทางกลับออกมาด้านนอกตำหนัก เนี่ยลี่ได้ใช้พลังสัจธรรมแห่งมายา สร้างภาพลวงตาเอาไว้ตลอดเส้นทาง หากมีผู้ใดที่คิดจะเข้ามายังตำหนักเทพอสูร พวกเขาก็ต้องหลงอยู่ในภาพมายาเหล่านี้ ซึ่งด้วยพลังสัจธรรมของเนี่ยลี่ ภาพมายาเหล่านี้จะอยู่ได้นับพันปี
         
       อู่หยาจื่อได้นำกระบี่เทพโลหิตกับเกราะเทพจิ้งจอกและยาทิพย์มังกรคราม ออกมาให้เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของนิกายเทพอสูรดู เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า อู๋หยาจื่อนั้นได้รับการยอมรับจากบริวารแห่งเทพแล้ว
         

       เนี่ยลี่ยังได้มอบยาทิพย์ของเขาให้อู่หยาจื่อจำนวนสามขวด หากอู๋หยาจื่อดื่มจนหมดระดับพลังของเขาก็จะบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่แปดหรือเก้าได้ไม่ยากนัก แต่ไม่อาจที่จะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้
         

        หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ใช้เส้นทางสวรรค์เดินทางกลับไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ เพื่อไปรับกู้เบ่ย ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย และหลงยู่อิน โดยเนี่ยลี่เรียกพวกเขาไปพบที่ตำหนักผู้นำนิกาย
         

       “พวกเจ้าจะนำกองกำลังไปเท่าใดกัน?” เนี่ยลี่หันไปถามกู้เบ่ยและลู่เพียว
         

       “ข้าคิดว่าการเดินทางไปยังอาณาจักรที่ไม่รู้จัก หากนำกองกำลังไปมากเกินไป คงจะไม่ดีนัก ข้าต้องการที่จะไปสำรวจภายในนิกายต่าง ๆ ดูก่อน หากต้องใช้กำลังเท่าใดข้าจะติดต่อกลับมาในภายหลัง” กู้เบ่ยตอบกลับไป อาณาจักรธาราสวรรค์ที่เขาต้องเดินทางไปนั้นอยู่ไม่ไกลจาก อาณาจักรกำแพงสวรรค์มากเท่าใดนัก การแจ้งข่าวเพื่อขอกำลังสนับสนุนจากหลี่ชิงอวิ๋นนั้นใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันก็สามารถได้รับข่าวที่แจ้งมาแล้ว
         

      “ข้ายังไม่รู้เลยว่า อาณาจักรวิญญาณสาบสูญนั้นอยู่ไกลเพียงไหน?” ลู่เพียวถามด้วยความกังวล แต่การพากองกำลังไปเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ต่างจากการประกาศความเป็นศัตรูให้อีกฝ่ายได้เห็น
         
      “อาณาจักรวิญญาณสาบสูญนั้นเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ทางใต้ของนิกายขนกศักดิ์สิทธิ์ การเดินทางโดยทั่วไปต้องใช้เรือสำเภาเท่านั้น หากมิใช่ผู้มีวรยุทธที่เก่งกล้า ก็ไม่อาจบินข้ามมหาสมุทรไปได้” เนี่ยลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะอธิบาย
         

      “ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับลู่เพียวเพียงสองคน” เซี่ยวซุ่ยพูดแทรกขึ้นมา นางต้องการที่จะพิสูจน์ฝีมือของตนเองว่ามีความสามารถเพียงไหน และการนำกองกำลังไปจำนวนมาก อาจจะลำบากเรื่องการหาที่พักอีกด้วย
         

       “คะ..แค่สองคนเช่นนั้นหรือ?” ลู่เพียวพูดด้วยความเศร้าใจ หากไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย เซี่ยวซุ่ยก็จะไม่ไว้หน้าเขาเท่าใดนัก
         

        “เจ้ามีปัญหาอันใดกับการตัดสินใจของข้า” เซี่ยวซุ่ยจ้องไปที่ลู่เพียว เมื่อเห็นเช่นนั้นลู่เพียวได้แต่ก้มหน้าและตอบกลับไปว่า
         

        “ให้เป็นตามตามที่เซี่ยวซุ่ยพูด”
         

        “ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะเดินทางไปยังอาณาจักรกำแพงสวรรค์กันก่อน จากนั้นข้าจะไปส่งพวกเจ้าที่อาณาจักรวิญญาณสาบสูญ” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้น สำหรับกู้เบ่ยนั้นสามารถเดินทางไปยังอาณาจักรธาราสวรรค์ได้ด้วยตัวเอง
         

       หลงยู่อินพาทุกคนไปยังตระกูลผนึกมังกร เนื่องจากนางจะนำคนของตระกูลส่วนหนึ่งไปยังนิกายกำแพงสวรรค์ ดังนั้นเนี่ยลี่จึงต้อง เปิดใช้เคล็ดวิชาสร้างเส้นทางสวรรค์ที่ตำหนักของนาง และพาทุกคนไปยังนิกายพิทักษ์สวรรค์...................จบตอน


แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง