เฮยหั่วเองก็มิได้คิดถึงเพียงนี้
เขาอาจจะมีพลังมากที่สุดในนิกายเทพอสูร แต่หากใช้เพียงกำลัง
คงไม่อาจนำพาให้นิกายเทพอสูรอยู่รอดต่อไปได้
เฮยหั่วจึงตัดสินใจประสานมือและคุกเข่าพูดกับอู่หยาจื่อว่า
“ข้าเฮยหั่ว
ขอให้อู๋หยาจื่อขึ้นเป็นประมุขนิกายเทพอสูร
เพื่อชี้นำพวกเราและฝึกฝนเพื่อล้างแค้นให้แก่ปรมาจารย์เทพทั้งสี่ด้วย”
เหล่าผู้อาวุโสแห่งนิกายเทพอสูรที่อยู่โดยรอบต่างก็หันมาสบตากัน
จากที่พวกเขาสัมผัสได้อู๋หยาจื่อนั้นก็อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่งแล้ว
ด้วยวัยเพียงเท่านี้สามารถบรรลุระดับเทพสงครามได้นับว่าอู่หยาจื่อเป็นผู้มีพรสวรรค์ยิ่งนัก
และเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าและความหลักแหลมในการตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนออกมาอย่างดีเยี่ยม
อู๋หยาจื่อจึงมีความเหมาะสมยิ่งนักในเวลานี้
“ประมุขอู๋! ประมุขอู๋! ประมุขอู๋!” เสียงตะโกนเรียกชื่อประมุขอู๋หยาจื่อดังกึกก้องไปทั่ว
ทำให้อู่หยาจื่ออดที่จะภูมิใจไม่ได้
“ข้าขอขอบใจท่านมาก
ท่านประมุขอู๋ แต่ท่านลืมไปหรือไม่ ก่อนการต่อสู้นี้พวกเราได้มีการวางเดิมพันกัน
หากฝ่ายข้าชนะ จะสามารถเลือกสมบัติชิ้นหนึ่งในนิกายเทพอสูรไปได้” เนี่ยลี่มองไปที่อู๋หยาจื่อและพูดแทรกขึ้นมา
“พวกเจ้าได้ชีวิตของปรมาจารย์เทพทั้งสี่ไปแล้ว
จะยังต้องการสิ่งใดอีก
ข้าจะไม่ยอมให้เจ้านำสมบัติอันใดออกไปจากนิกายเทพอสูรแม้แต่ชิ้นเดียว
รีบไสหัวออกไปซะ ถ้าไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่อาจที่จะหยุดเหล่าพี่น้องของข้า
มิได้จัดการกับพวกเจ้าได้” อู๋หยาจื่อตอบกลับมาอย่างกราดเกรี้ยว
ด้วยคำพูดของอู๋หยาจื่อ
ทำให้เหล่าศิษย์ของนิกายเทพอสูรรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก
แต่ทุกถ้อยคำที่อู๋หยาจื่อพูดออกมา
ล้วนแต่เป็นคำพูดที่เนี่ยลี่ได้เขียนบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เพื่อให้อู๋หยาจื่อได้รับการยอมรับจากศิษย์ในนิกาย
เขาจึงจำเป็นที่จะต้องให้อู๋หยาจื่อได้แสดงความเป็นผู้นำออกมา
หลังอู๋หยาจื่อพูดจบ
เนี่ยลี่และคนอื่น ๆ จึงเดินทางออกจากนิกายเทพอสูรไป
เหล่าศิษย์ของนิกายเทพอสูรมองตามหลังพวกเขาไปด้วยสายตาที่โกรธแค้น
สักวันพวกเขาจะต้องล้างแค้นให้กับปรมาจารย์เทพทั้งสี่
เมื่อลับตาคนพวกเขาก็เข้าไปหลบพักในตำหนักชมจันทร์เพื่อรอเวลานัดหมาย
เนี่ยลี่ได้เขียนสิ่งที่อู๋หยาจื่อต้องทำในสองถึงสามวันนี้
หลังจากนั้นให้หาทางมาพบกับเขาที่นี่
วันต่อมาอู๋หยาจื่อได้สั่งการให้ศิษย์ช่วยกันสร้างรูปปั้นของปรมาจารย์เทพทั้งสี่
เพื่อให้เป็นดั่งเทพที่คอยปกปักรักษานิกายเทพอสูร ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ศิษย์สายตรงของปรมาจารย์เทพทั้งสี่รู้สึกยินดียิ่งนัก
และไม่มีผู้ใดรู้สึกต่อต้านอู๋หยาจื่อในตำแหน่งประมุขนิกายเทพอสูรคนใหม่
และอู๋หยาจื่อยังได้นำศิลาจิตวิญญาณอีกนับพันล้านก้อน
มามอบให้เป็นสมบัติส่วนกลางของนิกายเทพอสูร
เพื่อให้เหล่าศิษย์สามารถมารับไปเพื่อบ่มเพาะพลัง
ซึ่งศิลาจิตวิญญาณเหล่านี้แน่นอนว่า เป็นสิ่งที่เนี่ยลี่มอบให้อู๋หยาจื่อ ทำให้อู๋หยาจื่อได้รับการยกย่องจากศิษย์ในนิกายเทพอสูรเป็นอย่างมาก
เมื่อครบสามวัน
อู๋หยาจื่อจะต้องทำการเข้ารับตำแหน่งผู้นำนิกายเทพอสูร โดยการเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร เพื่อเข้าพบกับบริวารแห่งเทพ
หากได้รับการยอมรับจากบริวารแห่งเทพ ประมุขคนใหม่จะได้รับสมบัติวิเศษระดับพระเจ้ารวมถึงยาทิพย์มังกรครามจากบริวารแห่งเทพ
และเมื่อนำมาแสดงต่อหน้าศิษย์ในนิกายเทพอสูร อู๋หยาจื่อก็จะได้ตำแหน่งผู้นำนิกายเทพอสูรอย่างแท้จริง
ก่อนจะเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร
อู่หยาจื่อได้ลอบมาหาเนี่ยลี่ตามที่ได้นัดหมาย เนี่ยลี่ได้บอกถึงสิ่งที่เขาต้องการ
“ข้านั้นต้องการกระจกข้ามภพที่ใช้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพ” เนี่ยลี่พูดออกไป
“ข้าจะมอบสิ่งนั้นให้กับเจ้าได้เช่นใดกัน
เมื่อข้าเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร ข้าต้องติดต่อบริวารแห่งเทพด้วยสิ่งนั้น
หากข้าไม่ได้รับการยอมรับจากบริวารแห่งเทพ
ข้าก็จะไม่ได้รับการยอมรับในตำแหน่งประมุขนิกายเทพอสูรอย่างแท้จริง”
อู่หยาจื่อรีบปฏิเสธในทันที
“เจ้าคิดหรือว่า
หากได้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพ พวกเขาจะยอมรับเจ้า หากพวกเขาไม่ยอมรับ
การไปติดต่อกับบริวารแห่งเทพก็เท่ากับการไปแสวงหาความตายเท่านั้น”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับส่ายหน้า
“หากไม่ได้รับสมบัติวิเศษและยาทิพย์มังกรครามจากบริวารแห่งเทพ
ข้าก็ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสและศิษย์ในนิกาย ถ้าเช่นนั้นจะมีความหมายอันใดกัน?” อู๋หยาจื่อพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“อาวุธและชุดเกราะวิเศษระดับพระเจ้านั้นข้ามีอยู่มากมายนัก
ส่วนยาทิพย์มังกรครามนั้นข้าสามารถทำขึ้นมาได้”
เนี่ยลี่นำอาวุธและชุดเกราะระดับพระเจ้า พร้อมกับยาทิพย์มังกรครามออกมา
เขาใช้เวลาระหว่างที่รออู๋หยาจื่อมาในการหลอมยานี้ขึ้นมา
“กระบี่เทพโลหิตกับเกราะเทพจิ้งจอก
นี่มันอาวุธและชุดเกราะระดับพระเจ้าอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ ”
อู่หยาจื่อหยิบขึ้นมาด้วยความยินดี เขาไม่เคยสัมผัสอาวุธวิเศษระดับพระเจ้ามาก่อน
อาวุธและชุดเกราะนี้แม้ว่าจะเป็นของวิเศษระดับพระเจ้า แต่ก็อยู่ในระดับต่ำเท่านั้น
“เจ้าสามารถนำของเหล่านี้
แสดงให้เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของนิกายเทพอสูรดูได้ ส่วนกระจกข้ามภพนั้น
หากยังมีอยู่จะเป็นภัยต่อเจ้าเสียมากกว่า
เพราะหากมีผู้ใดที่สามารถเข้าไปยังตำหนักเทพอสูรได้ และได้พูดคุยกับบริวารแห่งเทพ
ในตอนนั้นพวกเขาก็จะรู้ความจริง” เนี่ยลี่อธิบายพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าต้องการกระจกข้ามภพไปทำไมกัน?”
อู่หยาจื่อถามด้วยความสงสัย
“เจ้าไม่เป็นต้องรู้
ข้านั้นได้ทำตามที่ข้าได้ตกลงเอาไว้แล้ว
ดังนั้นเจ้าก็ควรที่จะทำตามที่ข้าร้องขอเช่นกัน” เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
อู๋หยาจื่อก็ได้แต่นิ่งเงียบ ที่เนี่ยลี่พูดมานั้นก็ไม่ผิดนัก
กระจกข้ามภพนั้นไม่มีประโยชน์อันใดกับเขา
และการที่ต้องไปพบกับบริวารแห่งเทพนั้นก็มีความเสี่ยงมากเกินไป
หากนำกระจกข้ามภพออกมาและปิดตายตำหนักเทพอสูรไป
เขาก็จะอยู่ในตำแหน่งประมุขนิกายเทพอสูรได้อย่างปลอดภัย
“ไม่เพียงเท่านั้น
นี่คือแผนที่ของอาณาจักรซากมังกร หลังจากนี้ทางด้านเหนือของอาณาจักร มนุษย์จะไม่ก้าวล้ำเข้าไปยังดินแดนเหล่านี้
เจ้าสามารถครอบครองได้ทั้งหมด” เนี่ยลี่เขียนการจัดแบ่งอาณาเขตใหม่ของอาณาจักรให้อู๋หยาจื่อดู
ซึ่งแผนที่นี้ทางด้านปรมาจารย์เทียนหั่วและปรมาจารย์อินเยวี่ยก็เห็นชอบด้วย
หากอู่หยาจื่อตกลงพวกเขาจะส่งข่าวไปยังนิกายต่าง ๆ
เพื่อห้ามมิให้ผู้ใดรุกล้ำไปยังอาณาเขตของนิกายเทพอสูรนี้
“หากสามารถขยายอาณาเขตของนิกายเทพอสูรได้มากถึงเพียงนี้
เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายเทพอสูรคงจะนับถือข้ายิ่งนัก ตกลง
พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปยังตำหนักเทพอสูร หลังจากที่เจ้านำกระจกข้ามภพออกมา
ข้าจะปิดตายตำหนักเทพอสูร เพื่อมิให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปได้อีก”
อู่หยาจื่อใช้มือทุบโต๊ะและตอบตกลง
“ถ้าเช่นนั้น
พวกข้าจะรีบเดินทางกลับไปยังนิกายของพวกข้า เพื่อแจ้งข่าวเรื่องอาณาเขตใหม่นี้
การใช้เส้นทางสวรรค์ในเวลานี้คงจะไม่ดีเป็นแน่
ดังนั้นพวกข้าจะเดินทางกลับไปด้วยตัวเอง” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าอู่หยาจื่อยอมรับในข้อเสนอแล้ว
“คงต้องลำบากพวกท่านแล้ว”
เนี่ยลี่ประสานมือและหันไปพูดกับทั้งสี่คน
“คนที่ลำบากที่สุดคงจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า
ข้าไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่ศิษย์ของข้าทั้งสองนั้นชื่นชมเจ้ายิ่งนัก”
ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดขึ้นมา
เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อนั้นเป็นที่ต้องตาของชายหนุ่มในนิกายอื่น ๆ มากมายนัก
แต่พวกนางไม่เคยสนใจชายคนใด คงเป็นเพราะชายในดวงใจของเขาผู้นี้
ปรมาจารย์อินเยวี่ยเชื่อว่าเนี่ยลี่จะต้องกลายเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว”
เนี่ยลี่กล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มราวกับเด็กหนุ่มไร้เดียงสา
“เนี่ยลี่ ดั่งที่ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่า
ข้าได้เห็นนิมิตรจึงได้รู้ว่าข้านั้นเป็นหนึ่งในหกคนที่กลับชาติมาเกิดและข้าก็ได้ทราบจากเจ้าเรื่องของสี่คนก่อนหน้า
สำหรับคนที่เหลือข้ามั่นใจว่าจะต้องเป็นเทพธิดาจินหยาน
แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขากลับมาเกิดเป็นผู้ใด แต่เจ้าจะสังเกตุได้อย่างชัดเจนถึงเปลวไฟสีทองของนาง”
เหยียนหยางหันไปพูดกับเนี่ยลี่
เขานั้นตั้งใจที่จะเตรียมพร้อมสำหรับต่อสู้อยู่ที่นิกายเทพอัคคีไปก่อน
และเมื่อสงครามครั้งใหญ่มาถึง เขาจะตามไปช่วยเหลือเนี่ยลี่อย่างแน่นอน
หลังจากที่ทั้งสี่คนเดินทางออกไปจากตำหนักชมจันทร์แล้ว
เนี่ยลี่และอู๋หยาจื่อก็เตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังตำหนักเทพอสูร
โดยให้เนี่ยลี่ใช้ความสามารถเร้นกายโดยผสานเข้ากับจิตอสูรเงาพราย
ซึ่งสามารถใช้ทักษะซ่อนเร้นได้ดีกว่าการใช้พลังสัจธรรม
ตำหนักเทพอสูร
เป็นตำหนักที่อยู่ด้านหลังนิกายเทพอสูร มีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติในการเป็นประมุขเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้
ภายในมีกับดักอยู่มากมาย หากยอดฝีมือระดับต่ำกว่าเทพสงครามเข้ามา
และถูกกับดักโจมตีแม้เพียงครั้งเดียว ก็จะไม่อาจรอดกลับไปได้
เมื่อก้าวเข้ามาก็เจอกับกับดักมากมาย
แม้แต่อู๋หยาจื่อก็ลำบากไม่น้อย หากเนี่ยลี่ไม่ช่วยปกป้อง
อู่หยาจื่อก็คงจะต้องตายไปหลายครั้งแล้ว หากอู่หยาจื่อเดินทางมาเพียงลำพัง
ก็คงไม่อาจไปถึงห้องที่ใช้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพเป็นแน่
ต้องใช้เวลาหลายวันในการเดินทางมาถึงหน้าห้องที่ใช้ติดต่อกับบริวารแห่งเทพ
เนี่ยลี่ตรวจสอบดูแล้วว่า บริวารแห่งเทพมิได้สอดส่องลงมาในเวลานี้
เพราะหากไม่มีผู้ใดติดต่อไป
บริวารแห่งเทพมักจะเก็บตัวเพื่อบ่มเพาะพลังตนเองเสียมากกว่า
หลังจากที่แน่ใจว่าปลอดภัย
เนี่ยลี่จึงรีบเข้าไปหยิบกระจกข้ามภพและออกมาจากห้องในทันที
และหลังจากที่ออกมานอกห้องเนี่ยลี่จึงใช้กุญแจอาคมผนึกประตูห้องเอาไว้
หลังจากเดินทางกลับออกมาด้านนอกตำหนัก เนี่ยลี่ได้ใช้พลังสัจธรรมแห่งมายา
สร้างภาพลวงตาเอาไว้ตลอดเส้นทาง หากมีผู้ใดที่คิดจะเข้ามายังตำหนักเทพอสูร
พวกเขาก็ต้องหลงอยู่ในภาพมายาเหล่านี้ ซึ่งด้วยพลังสัจธรรมของเนี่ยลี่
ภาพมายาเหล่านี้จะอยู่ได้นับพันปี
อู่หยาจื่อได้นำกระบี่เทพโลหิตกับเกราะเทพจิ้งจอกและยาทิพย์มังกรคราม
ออกมาให้เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของนิกายเทพอสูรดู เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า
อู๋หยาจื่อนั้นได้รับการยอมรับจากบริวารแห่งเทพแล้ว
เนี่ยลี่ยังได้มอบยาทิพย์ของเขาให้อู่หยาจื่อจำนวนสามขวด
หากอู๋หยาจื่อดื่มจนหมดระดับพลังของเขาก็จะบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่แปดหรือเก้าได้ไม่ยากนัก
แต่ไม่อาจที่จะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ใช้เส้นทางสวรรค์เดินทางกลับไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
เพื่อไปรับกู้เบ่ย ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย และหลงยู่อิน
โดยเนี่ยลี่เรียกพวกเขาไปพบที่ตำหนักผู้นำนิกาย
“พวกเจ้าจะนำกองกำลังไปเท่าใดกัน?” เนี่ยลี่หันไปถามกู้เบ่ยและลู่เพียว
“ข้าคิดว่าการเดินทางไปยังอาณาจักรที่ไม่รู้จัก
หากนำกองกำลังไปมากเกินไป คงจะไม่ดีนัก ข้าต้องการที่จะไปสำรวจภายในนิกายต่าง ๆ
ดูก่อน หากต้องใช้กำลังเท่าใดข้าจะติดต่อกลับมาในภายหลัง” กู้เบ่ยตอบกลับไป
อาณาจักรธาราสวรรค์ที่เขาต้องเดินทางไปนั้นอยู่ไม่ไกลจาก
อาณาจักรกำแพงสวรรค์มากเท่าใดนัก
การแจ้งข่าวเพื่อขอกำลังสนับสนุนจากหลี่ชิงอวิ๋นนั้นใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันก็สามารถได้รับข่าวที่แจ้งมาแล้ว
“ข้ายังไม่รู้เลยว่า
อาณาจักรวิญญาณสาบสูญนั้นอยู่ไกลเพียงไหน?”
ลู่เพียวถามด้วยความกังวล แต่การพากองกำลังไปเป็นจำนวนมาก
ก็ไม่ต่างจากการประกาศความเป็นศัตรูให้อีกฝ่ายได้เห็น
“อาณาจักรวิญญาณสาบสูญนั้นเป็นเกาะเล็ก
ๆ ที่อยู่ทางใต้ของนิกายขนกศักดิ์สิทธิ์
การเดินทางโดยทั่วไปต้องใช้เรือสำเภาเท่านั้น หากมิใช่ผู้มีวรยุทธที่เก่งกล้า
ก็ไม่อาจบินข้ามมหาสมุทรไปได้” เนี่ยลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะอธิบาย
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับลู่เพียวเพียงสองคน”
เซี่ยวซุ่ยพูดแทรกขึ้นมา
นางต้องการที่จะพิสูจน์ฝีมือของตนเองว่ามีความสามารถเพียงไหน
และการนำกองกำลังไปจำนวนมาก อาจจะลำบากเรื่องการหาที่พักอีกด้วย
“คะ..แค่สองคนเช่นนั้นหรือ?” ลู่เพียวพูดด้วยความเศร้าใจ หากไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย
เซี่ยวซุ่ยก็จะไม่ไว้หน้าเขาเท่าใดนัก
“เจ้ามีปัญหาอันใดกับการตัดสินใจของข้า” เซี่ยวซุ่ยจ้องไปที่ลู่เพียว
เมื่อเห็นเช่นนั้นลู่เพียวได้แต่ก้มหน้าและตอบกลับไปว่า
“ให้เป็นตามตามที่เซี่ยวซุ่ยพูด”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะเดินทางไปยังอาณาจักรกำแพงสวรรค์กันก่อน
จากนั้นข้าจะไปส่งพวกเจ้าที่อาณาจักรวิญญาณสาบสูญ” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้น
สำหรับกู้เบ่ยนั้นสามารถเดินทางไปยังอาณาจักรธาราสวรรค์ได้ด้วยตัวเอง
หลงยู่อินพาทุกคนไปยังตระกูลผนึกมังกร
เนื่องจากนางจะนำคนของตระกูลส่วนหนึ่งไปยังนิกายกำแพงสวรรค์
ดังนั้นเนี่ยลี่จึงต้อง เปิดใช้เคล็ดวิชาสร้างเส้นทางสวรรค์ที่ตำหนักของนาง
และพาทุกคนไปยังนิกายพิทักษ์สวรรค์...................จบตอน