ทางด้านหมิงเยี่ยวู่ซวงกับปรมาจารย์เทพไป๋หู่ [พยัคฆ์ขาว] ที่มาต่อสู้กันที่ภูเขาด้านหลังนิกายเทพอสูร
หมิงเยี่ยวู่ซวงถือพิณเมฆาสวรรค์เอาไว้ในมือ
และเตรียมรับมือปรมาจารย์เทพไป๋หู่ ปรมาจารย์เทพไป๋หู่นั้นเป็นอสูรที่มีรูปลักษณ์ดั่งพยัคฆ์ขาวตามชื่อของเขา
แต่ก็มีลำตัวตั้งตรงดั่งมนุษย์ เดิมทีแล้วเขาใช้กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวเป็นศาสตราวุธคู่กาย
หลังจากที่มอบให้แก่หลีหั่วไปแล้ว เขาจึงต้องใช้กรงเล็บในการต่อสู้
เรียกได้ว่าเป็นวรยุทธดั้งเดิมของเขา
“กรงเล็บพยัคฆ์ขาว” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่รวบรวมลมปราณใช้ที่กรงเล็บของตน
ทำให้กรงเล็บมีความเหลมคมยิ่งขึ้น [เป็นวรยุทธที่ถูกดัดแปลงมาจากวรยุทธกิเลนฟ้า]
จากนั้นก็ตวัดกรงเล็บไปยังหมิงเยี่ยวู่ซวงที่อยู่ห่างออกไปทันที
ตูมม!
หมิงเยี่ยวู่ซวงกระโดดหมุนตัวหลบไปอย่างรวดเร็ว
ลมปราณจากกรงเล็บของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ พุ่งเข้าปะทะภูเขาด้านหลังอย่างรุนแรง
ภูเขามีรอยแยกราวกับว่าถูกกรงเล็บของพยัคฆ์ขนาดใหญ่ฝากรอยเล็บทิ้งเอาไว้
หมิงเยี่ยวู่ซวงรวบรวมลมปราณใช้ที่มือเช่นกัน
ปลายนิ้วของนางค่อย ๆ สัมผัสลงบนสายพิณเมฆาสวรรค์ ทันทีที่กรีดนิ้วสะบัดออกไปทางด้านหน้า
ก็ปรากฏคลื่อนลมปราณพุ่งออกไปจากนิ้วที่บรรจงดีดสายพิณทั้งเจ็ดสาย
ตูมม! ตูมม! ตูมม!
ลมปราณของหมิงเยี่ยวู่ซวง
ปะทะเข้ากับร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ และพื้นดินโดยรอบ เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง
ฝุ่นคละคลุ้งปกคลุมร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่จนมองไม่เห็น
“นับว่าไม่เลว” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดขึ้นมาจากในฝุ่นควัน
พร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปาก เขาต้องการที่จะทดสอบพลังของนาง จึงไม่คิดที่จะหลบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
หมิงเยี่ยวู่ซวงจึงรวบรวมลมปราณของนางอีกครั้ง และเริ่มใช้นิ้วอันเรียวงามของนางกรีดบรรเลงเพลงพิณอีกครั้ง
วรยุทธที่นางใช้คือ ท่วงทำนองทะลายสวรรค์ ในครั้งนี้นางบรรเลงท่วงทำนองทะลายสวรรค์
ถึงสองบททำให้มีลมปราณที่พุ่งออกไปจากนิ้วของนางมากขึ้นเป็นสองเท่า
ไม่เพียงเท่านั้นนางยังบรรเลงท่วงทำนองทะลายสวรรค์โดยการบินไปโดยรอบภูเขาที่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ยืนอยู่ ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ถูกจู่โจมจากรอบทิศทาง
ตูมม! ตูมม! ตูมม!
เสียงลมปราณของหมิงเยี่ยวู่ซวง
พุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์เทพไป๋หู่ อย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ฝุ่นที่ปกคลุมอยู่เริ่มจางลงไป นางก็มองเห็นปรมาจารย์เทพไป๋หู่ ที่แทบไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ร่างกายของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ราวกับมีลมปราณห่อหุ้มปกป้องเอาไว้
“นี่คือ ปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์
พลังอันน้อยนิดของเจ้าไม่อาจที่จะทะลวงผ่านมันมาได้อย่างแน่นอน” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดพร้อมกับหัวเราะดังกึกก้อง
เสียงหัวเราะของเขานั้นสะท้อนไปทั่วทั้งภูเขา
ฟุ่บ!
เพียงพริบตาปรมาจารย์เทพไป๋หู่ก็หายไปจากตำแหน่งที่ยืน
และปรากฏตัวด้านหน้าของหมิงเยี่ยวู่ซวงและใช้ กรงเล็บพยัคฆ์ขาวตะบบมาที่นางทันที
หมิงเยี่ยวู่ซวงรีบใช้มือทั้งสองข้างหมุนพิณเมฆาสวรรค์ และใช้สายพิณต้านรับกรงเล็บพยัคฆ์ขาวเอาไว้
สายพิณของพิณเมฆาสวรรค์
นั้นทำมาจากเหล็กที่ใช้ตีดาบเมฆาสวรรค์ไร้ลักษณ์
มันจึงมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากดาบ และใช้ต้านรับกรงเล็บพยัคฆ์ขาวของปรมาจารย์เทพไป๋หู่เอาไว้ได้
ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“พิณของข้ามิได้บอบบางอย่างที่เจ้าคิด” หมิงเยี่ยวู่ซวงพูดขึ้นมาพร้อมกับใช้ลมปราณควบคุมพิณเมฆาสวรรค์ให้หมุนวนตามแนวนอน ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ต้องดึงมือกลับจากท่วงท่าโจมตี
หมิงเยี่ยวู่ซวงใช้มือขวากระแทกพิณเมฆาสวรรค์ ให้พุ่งไปกระแทกปรมาจารย์เทพไป๋หู่ ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ถึงกับกระเด็นไปหลายก้าว
ทันทีที่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ สามารถยืนตั้งหลักได้
เขาก็รวบรวมลมปราณใช้ที่มือของเขาและต่อยออกไป
“ปราณพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์!” เป็นการต่อยลมปราณออกไปจากหมัดที่ต่อยออกไป อย่างรุนแรง
หมิงเยี่ยวู่ซวงใช้ลมปราณควบคุมพิณเมฆาสวรรค์ให้หมุนตามแนวตั้งให้เป็นดั่งกำแพงต้านรับปราณพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์
ของปรมาจารย์เทพไป๋หู่
“ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมนุษย์เช่นเจ้า
จะมีวิธีการบ่มเพาะพลังได้เหนือล้ำยิ่งกว่าเผ่าอสูรเช่นข้า” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดออกไป
แม้ว่าจะเป็นคนมุทะลุแต่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ก็มิใช่คนโง่
การที่พวกเขาทั้งสี่สามารถบรรลุขึ้นสูงสุดของระดับเทพสงคราม
เพราะได้รับคำชี้แนะจากบริวารแห่งเทพ [หลี่หั่วเป็นผู้นำคำชี้แนะมาบอกต่อ] และเป็นที่ทราบกันดีว่า
บริวารแห่งเทพนั้นเป็นผู้รับใช้ของจักรพรรดิปราชญ์ที่รังเกียจมนุษย์ยิ่งนัก
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าพวกมนุษย์ได้รับคำชี้แนะจากผู้ใดกัน
“มนุษย์ก็ย่อมมีหนทางของมนุษย์
อย่าได้คิดว่ามีเพียงเผ่าอสูรเท่านั้นที่สามารถบ่มเพาะพลังจนสามารถบรรลุขั้นที่เหนือกว่าระดับเทพสงครามได้”
หมิงเยี่ยวู่ซวงตอบกลับไป ในตอนนี้นางปลดปล่อยพลังออกมาให้เหนือกว่าปรมาจารย์เทพไป๋หู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“วิถีแห่งมนุษย์กับวิถีแห่งอสูร
หากต้องมาบรรจบกัน ก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่ต้องดับสูญ” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่
พูดขึ้นมาพร้อมกับหยิบยาทิพย์มังกรครามออกมาทานทันที ระดับพลังของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ค่อย ๆ
เพิ่มสูงขึ้นจนเทียบเท่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ลมปราณที่แผ่ออกมา
ทำให้ฝุ่นถูกพัดกระจายออกไปจนหมด
เมื่อเห็นเช่นนั้น
หมิงเยี่ยวู่ซวงจึงค่อย ๆ ปลดปล่อยลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมา
แต่ดูเหมือนว่าพลังทั้งหมดของนางจะยังด้อยกว่าปรมาจารย์เทพไป๋หู่อยู่เล็กน้อย
“ข้าคิดเอาไว้แล้ว
ว่าเจ้าต้องมีพลังที่ยังปกปิดเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าแม้จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
ก็ไม่อาจที่จะเทียบกับข้าในตอนนี้ได้ กรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์!” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดพร้อมกับรวบรวมลมปราณใช้ที่มือและเล็บของเขา
และจู่โจมไปยังหมิงเยี่ยวู่ซวงทันที
กรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์เป็นวรยุทธที่ผสานจากวรยุทธกรงเล็บพยัคฆ์ขาวและปราณพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์ทำให้โจมตีได้รุนแรงมากขึ้น
และมีพลังในการโจมตีที่ทะลุทะลวงได้ทุกสิ่ง
ลมปราณที่มีลักษณะเป็นกรงเล็บของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ พุ่งมาทางหมิงเยี่ยวู่ววงอย่างรวดเร็ว
นางทำให้เพียงรวบรวมลมปราณใช้กลายฝ่ามือและโจมตีสวนกลับไปเท่านั้น
ตูมม! ตูมม! ตูมม!
เสียงลมปราณปะทะกันจนเกิดระเบิดขึ้น
ลมปราณจากฝ่ามือของหมิงเยี่ยวู่ซวงไม่อาจที่จะต้านรับกรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์เอาไว้ได้ นางถูกกระแทกกระเด็นไปหลายเมตร
และได้รับบาดเจ็บจนถึงกับกระอักเลือดออกมา
“ผสานดวงจิตอสูรมังกรวิหคสวรรค์”
หมิงเยี่ยวู่ซวงเรียกจิตอสูรออกมาผสานร่าง
ร่างกายของหมิงเยี่ยวู่ซวงขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
แขนทั้งสองข้างของนางมีเกล็ดมังกรปรากฏขึ้น และด้านหลังของนางมีปีกที่ใสจนสามารถมองทะลุผ่านไปได้ปรากฏขึ้นมา
เมื่อผสานร่างเข้ากับมังกรวิหคสวรรค์ทำให้ระดับพลังของนางเพิ่มสูงขึ้นจนทัดเทียมกับปรมาจารย์เทพไป๋หู่
นางหยิบพิณขึ้นมาและเริ่มทำการบรรเลงอีกครั้ง
นางรวบรวมลมปราณไว้ที่มือของนางและบรรเลงท่วงทำนองทะลายสวรรค์
จากนั้นก็บินวนไปโดยรอบพร้อมกับเตรียมจู่โจมใส่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่
“กรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์!” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่เริ่มใช้วรยุทธกรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์อย่างต่อเนื่องและโจมตีไปยัง
หมิงเยี่ยวู่ซวงที่บินวนเป็นวงกลมอยู่ด้านบน เมื่อปรมาจารย์เทพไป๋หู่พยายามจับจ้อง
ก็มองเห็นร่างของหมิงเยี่ยวู่ซวงที่บินอยู่แยกกลายเป็นนับร้อยนับพันร่าง
เขาไม่อาจระบุตำแหน่งตัวจริงของนางได้ว่าอยู่ตรงตำแหน่งใด
“ท่วงทำนองทะลายสวรรค์”
หมิงเยี่ยวู่ซวงเริ่มทำการปล่อยพลังจากนิ้วมือของนางผ่านท่วงทำนองทะลายสวรรค์
ลมปราณที่แผ่พุ่งลงมาของนาง โจมตีใส่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ราวกับห่าฝนที่โปรยลงมาจากสรวงสวรรค์
เมื่อเห็นเช่นนั้น ปรมาจารย์เทพไป๋หู่จึงเริ่มใช้ปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ป้องกันเอาไว้ทันที แม้ว่าจะต้องใช้พลังไม่น้อย
แต่ก็สามารถป้องกันการโจมตีของหมิงเยี่ยวู่ซวงเอาไว้ได้
การโจมตีของหมิงเยี่ยวู่ซวงในคราวนี้
มีความรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก แต่ปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ก็ยังสามารถป้องกันเอาไว้ได้
ทันทีที่การโจมตีของท่วงทำนองทะลายสวรรค์จบลง
หมิงเยี่ยวู่ซวงก็บินลงมาหาปรมาจารย์เทพไป๋หู่และใช้พิณเมฆาสวรรค์กระแทกไปที่ร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่อีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจอาจโจมตีผ่านปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ไปได้
นางจึงรวบรวมลมปราณไว้ที่ผ่ามือก่อนที่จะกระแทกไปที่ด้านข้าวของพิณเมฆาสวรรค์
ทันใดนั้นสายพิณทั้งเจ็ดก็พุ่งออกมาจากอีกด้านและแทงไปที่ร่างกายของปรมาจารย์เทพไป๋หู่จนทะลุไปด้านหลัง ก่อนที่จะกลับมาอยู่บนพิณดังเดิม
“นี่คือ พิณเจ็ดสายทะลวงกายา!” หมิงเยี่ยวู่ซวงพูดชื่อกระบวนท่าของนางออกมา
“เป็นไปไม่ได้ สายพิณเล็ก ๆ
เหตุใดจึงทะลวงผ่านปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ของข้าได้?” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ใช้มือกุมแผลเอาไว้และพูดออกไปด้วยความเจ็บปวด
“สายพิณของข้าทำมาจากเหล็กที่ใช้ตีอาวุธวิเศษระดับพระเจ้า
ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าอาวุธระดับพระเจ้า
วรยุทธของเจ้านั้นจึงไม่อาจที่จะป้องกันเอาไว้ได้” หมิงเยี่ยวู่ซวงตอบกลับไป
ขณะที่คลายการผสานดวงจิตอสูรกลับสู่รูปลักษณ์เดิม
“ไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์แห่งเทพเช่นข้าจะพ่ายแพ้แก่มนุษย์เช่นเจ้า
แต่ชิงหลงจะต้องไม่พ่ายแพ้แก่พวกเจ้า
เขานั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ปรมาจารย์เทพทั้งสี่” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่รวบรวมพลังเพื่อพูดประโยคสุดท้ายออกไป
ก่อนที่จะหมดลมหายใจ
“ข้าจะนำร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่กลับไป” เสียงของอสูรตนหนึ่งพูดขึ้นมา
เขาก็คืออู่หยาจื่อนั่นเอง อู่หยาจื่อแอบตามมาดูการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์เทพไป๋หู่และหมิงเยี่ยวู่ซวง
โดยที่พกศิลาเร้นเมฆาของหมิงเยี่ยวู่ซวงเอาไว้
“คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” หมิงเยี่ยวู่ซวงตอบกลับไป
นางใช้กำลังไปไม่น้อยในการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะพิณเมฆาสวรรค์ นางคงจะเอาชนะไม่ได้เป็นแน่
“นี่ป้ายศิลาของเจ้า”
อู๋หยาจื่อโยนป้ายศิลาเร้นเมฆาคืนแก่หมิงเยี่ยวู่ซวง
เขานั้นไม่รู้ว่าศิลานี้คือสิ่งใดกันแน่
เมื่อเขาพกเอาไว้ระดับพลังของเขานั้นหายไปจนหมด ไม่ต่างจากผู้ไร้วรยุทธ
แม้ว่าเขาไม่ต้องการคืนให้แก่นาง
แต่ถึงอย่างไรเนี่ยลี่ก็ต้องมาทวงคืนภายหลังเป็นแน่
เขาจึงตัดสินใจคืนให้แก่นางก่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่คิดทรยศ
การต่อสู้ของทุกคนเริ่มต้นและจบลงในเวลาที่ใกล้เคียงกัน
หมิงเยี่ยวู่ซวงและอู่หยาจื่อจึงรีบมุ่งหน้ากลับไปยังนิกายเทพอสูรเพื่อรวมตัวกันและ
ดำเนินการตามแผนต่อไป
และเพื่อให้แผนการณ์ทุกอย่างสมบูรณ์มากขึ้น
จะต้องทำให้อู๋หยาจื่อนั้นบรรลุระดับเทพสงครามให้เร็วที่สุด
หลังจากการดูดซับพลังจากยาทิพย์
ระดับพลังของอู่หยาจื่อยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในคืนที่ผ่านมาเขาทำการดูดซับพลังจากยาทิพย์ที่หลงเหลืออยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขา
ทำให้อู๋หยาจื่อนั้นเพิ่มระดับพลังไปจนถึงขั้นวิถีแห่งมังกรขั้นที่เก้าแล้ว
หากไม่อาจบรรลุระดับเทพสงครามได้
ก่อนที่การต่อสู้จะจบลง
โอกาสที่อู่หยาจื่อจะขึ้นเป็นประมุขนิกายเทพอสูรได้ก็จะน้อยลงไป ดังนั้นแม้แต่ในตอนที่กำลังนำร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่กลับไปยังนิกายเทพอสูร
เขาก็ยังคงพยายามดูดซับพลังจากยาทิพย์ของเนี่ยลี่อย่างต่อเนื่อง.............จบตอน