test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

22 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.58 หมิงเยี่ยวู่ซวง ปะทะ ไป๋หู่



ทางด้านหมิงเยี่ยวู่ซวงกับปรมาจารย์เทพไป๋หู่ [พยัคฆ์ขาว] ที่มาต่อสู้กันที่ภูเขาด้านหลังนิกายเทพอสูร


หมิงเยี่ยวู่ซวงถือพิณเมฆาสวรรค์เอาไว้ในมือ และเตรียมรับมือปรมาจารย์เทพไป๋หู่ ปรมาจารย์เทพไป๋หู่นั้นเป็นอสูรที่มีรูปลักษณ์ดั่งพยัคฆ์ขาวตามชื่อของเขา แต่ก็มีลำตัวตั้งตรงดั่งมนุษย์ เดิมทีแล้วเขาใช้กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวเป็นศาสตราวุธคู่กาย หลังจากที่มอบให้แก่หลีหั่วไปแล้ว เขาจึงต้องใช้กรงเล็บในการต่อสู้ เรียกได้ว่าเป็นวรยุทธดั้งเดิมของเขา


“กรงเล็บพยัคฆ์ขาว” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่รวบรวมลมปราณใช้ที่กรงเล็บของตน ทำให้กรงเล็บมีความเหลมคมยิ่งขึ้น [เป็นวรยุทธที่ถูกดัดแปลงมาจากวรยุทธกิเลนฟ้า] จากนั้นก็ตวัดกรงเล็บไปยังหมิงเยี่ยวู่ซวงที่อยู่ห่างออกไปทันที


ตูมม!


หมิงเยี่ยวู่ซวงกระโดดหมุนตัวหลบไปอย่างรวดเร็ว ลมปราณจากกรงเล็บของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ พุ่งเข้าปะทะภูเขาด้านหลังอย่างรุนแรง ภูเขามีรอยแยกราวกับว่าถูกกรงเล็บของพยัคฆ์ขนาดใหญ่ฝากรอยเล็บทิ้งเอาไว้


หมิงเยี่ยวู่ซวงรวบรวมลมปราณใช้ที่มือเช่นกัน ปลายนิ้วของนางค่อย ๆ สัมผัสลงบนสายพิณเมฆาสวรรค์ ทันทีที่กรีดนิ้วสะบัดออกไปทางด้านหน้า ก็ปรากฏคลื่อนลมปราณพุ่งออกไปจากนิ้วที่บรรจงดีดสายพิณทั้งเจ็ดสาย


ตูมม! ตูมม! ตูมม


ลมปราณของหมิงเยี่ยวู่ซวง ปะทะเข้ากับร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ และพื้นดินโดยรอบ เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ฝุ่นคละคลุ้งปกคลุมร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่จนมองไม่เห็น


“นับว่าไม่เลว” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดขึ้นมาจากในฝุ่นควัน พร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปาก เขาต้องการที่จะทดสอบพลังของนาง จึงไม่คิดที่จะหลบ


เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมิงเยี่ยวู่ซวงจึงรวบรวมลมปราณของนางอีกครั้ง และเริ่มใช้นิ้วอันเรียวงามของนางกรีดบรรเลงเพลงพิณอีกครั้ง วรยุทธที่นางใช้คือ ท่วงทำนองทะลายสวรรค์ ในครั้งนี้นางบรรเลงท่วงทำนองทะลายสวรรค์ ถึงสองบททำให้มีลมปราณที่พุ่งออกไปจากนิ้วของนางมากขึ้นเป็นสองเท่า ไม่เพียงเท่านั้นนางยังบรรเลงท่วงทำนองทะลายสวรรค์โดยการบินไปโดยรอบภูเขาที่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ยืนอยู่ ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ถูกจู่โจมจากรอบทิศทาง


ตูมม! ตูมม! ตูมม


เสียงลมปราณของหมิงเยี่ยวู่ซวง พุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์เทพไป๋หู่ อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ฝุ่นที่ปกคลุมอยู่เริ่มจางลงไป นางก็มองเห็นปรมาจารย์เทพไป๋หู่ ที่แทบไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ร่างกายของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ราวกับมีลมปราณห่อหุ้มปกป้องเอาไว้


“นี่คือ ปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ พลังอันน้อยนิดของเจ้าไม่อาจที่จะทะลวงผ่านมันมาได้อย่างแน่นอน” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดพร้อมกับหัวเราะดังกึกก้อง เสียงหัวเราะของเขานั้นสะท้อนไปทั่วทั้งภูเขา


ฟุ่บ!


เพียงพริบตาปรมาจารย์เทพไป๋หู่ก็หายไปจากตำแหน่งที่ยืน และปรากฏตัวด้านหน้าของหมิงเยี่ยวู่ซวงและใช้ กรงเล็บพยัคฆ์ขาวตะบบมาที่นางทันที หมิงเยี่ยวู่ซวงรีบใช้มือทั้งสองข้างหมุนพิณเมฆาสวรรค์ และใช้สายพิณต้านรับกรงเล็บพยัคฆ์ขาวเอาไว้


สายพิณของพิณเมฆาสวรรค์ นั้นทำมาจากเหล็กที่ใช้ตีดาบเมฆาสวรรค์ไร้ลักษณ์ มันจึงมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากดาบ และใช้ต้านรับกรงเล็บพยัคฆ์ขาวของปรมาจารย์เทพไป๋หู่เอาไว้ได้ ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย 


“พิณของข้ามิได้บอบบางอย่างที่เจ้าคิด” หมิงเยี่ยวู่ซวงพูดขึ้นมาพร้อมกับใช้ลมปราณควบคุมพิณเมฆาสวรรค์ให้หมุนวนตามแนวนอน ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ต้องดึงมือกลับจากท่วงท่าโจมตี หมิงเยี่ยวู่ซวงใช้มือขวากระแทกพิณเมฆาสวรรค์ ให้พุ่งไปกระแทกปรมาจารย์เทพไป๋หู่ ทำให้ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ถึงกับกระเด็นไปหลายก้าว


ทันทีที่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ สามารถยืนตั้งหลักได้ เขาก็รวบรวมลมปราณใช้ที่มือของเขาและต่อยออกไป


ปราณพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์!” เป็นการต่อยลมปราณออกไปจากหมัดที่ต่อยออกไป อย่างรุนแรง


หมิงเยี่ยวู่ซวงใช้ลมปราณควบคุมพิณเมฆาสวรรค์ให้หมุนตามแนวตั้งให้เป็นดั่งกำแพงต้านรับปราณพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์ ของปรมาจารย์เทพไป๋หู่


“ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมนุษย์เช่นเจ้า จะมีวิธีการบ่มเพาะพลังได้เหนือล้ำยิ่งกว่าเผ่าอสูรเช่นข้า” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดออกไป 


แม้ว่าจะเป็นคนมุทะลุแต่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ก็มิใช่คนโง่ การที่พวกเขาทั้งสี่สามารถบรรลุขึ้นสูงสุดของระดับเทพสงคราม เพราะได้รับคำชี้แนะจากบริวารแห่งเทพ [หลี่หั่วเป็นผู้นำคำชี้แนะมาบอกต่อ] และเป็นที่ทราบกันดีว่า บริวารแห่งเทพนั้นเป็นผู้รับใช้ของจักรพรรดิปราชญ์ที่รังเกียจมนุษย์ยิ่งนัก เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าพวกมนุษย์ได้รับคำชี้แนะจากผู้ใดกัน


“มนุษย์ก็ย่อมมีหนทางของมนุษย์ อย่าได้คิดว่ามีเพียงเผ่าอสูรเท่านั้นที่สามารถบ่มเพาะพลังจนสามารถบรรลุขั้นที่เหนือกว่าระดับเทพสงครามได้” หมิงเยี่ยวู่ซวงตอบกลับไป ในตอนนี้นางปลดปล่อยพลังออกมาให้เหนือกว่าปรมาจารย์เทพไป๋หู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


“วิถีแห่งมนุษย์กับวิถีแห่งอสูร หากต้องมาบรรจบกัน ก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่ต้องดับสูญ” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ พูดขึ้นมาพร้อมกับหยิบยาทิพย์มังกรครามออกมาทานทันที ระดับพลังของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นจนเทียบเท่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ลมปราณที่แผ่ออกมา ทำให้ฝุ่นถูกพัดกระจายออกไปจนหมด


เมื่อเห็นเช่นนั้น หมิงเยี่ยวู่ซวงจึงค่อย ๆ ปลดปล่อยลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมา แต่ดูเหมือนว่าพลังทั้งหมดของนางจะยังด้อยกว่าปรมาจารย์เทพไป๋หู่อยู่เล็กน้อย


“ข้าคิดเอาไว้แล้ว ว่าเจ้าต้องมีพลังที่ยังปกปิดเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าแม้จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ก็ไม่อาจที่จะเทียบกับข้าในตอนนี้ได้ กรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์!ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดพร้อมกับรวบรวมลมปราณใช้ที่มือและเล็บของเขา และจู่โจมไปยังหมิงเยี่ยวู่ซวงทันที


กรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์เป็นวรยุทธที่ผสานจากวรยุทธกรงเล็บพยัคฆ์ขาวและปราณพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์ทำให้โจมตีได้รุนแรงมากขึ้น และมีพลังในการโจมตีที่ทะลุทะลวงได้ทุกสิ่ง


ลมปราณที่มีลักษณะเป็นกรงเล็บของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ พุ่งมาทางหมิงเยี่ยวู่ววงอย่างรวดเร็ว นางทำให้เพียงรวบรวมลมปราณใช้กลายฝ่ามือและโจมตีสวนกลับไปเท่านั้น


 ตูมม! ตูมม! ตูมม


เสียงลมปราณปะทะกันจนเกิดระเบิดขึ้น ลมปราณจากฝ่ามือของหมิงเยี่ยวู่ซวงไม่อาจที่จะต้านรับกรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์เอาไว้ได้ นางถูกกระแทกกระเด็นไปหลายเมตร และได้รับบาดเจ็บจนถึงกับกระอักเลือดออกมา


“ผสานดวงจิตอสูรมังกรวิหคสวรรค์” หมิงเยี่ยวู่ซวงเรียกจิตอสูรออกมาผสานร่าง ร่างกายของหมิงเยี่ยวู่ซวงขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างของนางมีเกล็ดมังกรปรากฏขึ้น และด้านหลังของนางมีปีกที่ใสจนสามารถมองทะลุผ่านไปได้ปรากฏขึ้นมา เมื่อผสานร่างเข้ากับมังกรวิหคสวรรค์ทำให้ระดับพลังของนางเพิ่มสูงขึ้นจนทัดเทียมกับปรมาจารย์เทพไป๋หู่


นางหยิบพิณขึ้นมาและเริ่มทำการบรรเลงอีกครั้ง นางรวบรวมลมปราณไว้ที่มือของนางและบรรเลงท่วงทำนองทะลายสวรรค์ จากนั้นก็บินวนไปโดยรอบพร้อมกับเตรียมจู่โจมใส่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่


“กรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์!ปรมาจารย์เทพไป๋หู่เริ่มใช้วรยุทธกรงเล็บพยัคฆ์ขาวทะลวงสวรรค์อย่างต่อเนื่องและโจมตีไปยัง หมิงเยี่ยวู่ซวงที่บินวนเป็นวงกลมอยู่ด้านบน เมื่อปรมาจารย์เทพไป๋หู่พยายามจับจ้อง ก็มองเห็นร่างของหมิงเยี่ยวู่ซวงที่บินอยู่แยกกลายเป็นนับร้อยนับพันร่าง เขาไม่อาจระบุตำแหน่งตัวจริงของนางได้ว่าอยู่ตรงตำแหน่งใด


“ท่วงทำนองทะลายสวรรค์” หมิงเยี่ยวู่ซวงเริ่มทำการปล่อยพลังจากนิ้วมือของนางผ่านท่วงทำนองทะลายสวรรค์ ลมปราณที่แผ่พุ่งลงมาของนาง โจมตีใส่ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ราวกับห่าฝนที่โปรยลงมาจากสรวงสวรรค์


เมื่อเห็นเช่นนั้น ปรมาจารย์เทพไป๋หู่จึงเริ่มใช้ปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ป้องกันเอาไว้ทันที แม้ว่าจะต้องใช้พลังไม่น้อย แต่ก็สามารถป้องกันการโจมตีของหมิงเยี่ยวู่ซวงเอาไว้ได้


การโจมตีของหมิงเยี่ยวู่ซวงในคราวนี้ มีความรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก แต่ปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ของปรมาจารย์เทพไป๋หู่ก็ยังสามารถป้องกันเอาไว้ได้


ทันทีที่การโจมตีของท่วงทำนองทะลายสวรรค์จบลง หมิงเยี่ยวู่ซวงก็บินลงมาหาปรมาจารย์เทพไป๋หู่และใช้พิณเมฆาสวรรค์กระแทกไปที่ร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่อีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจอาจโจมตีผ่านปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ไปได้


นางจึงรวบรวมลมปราณไว้ที่ผ่ามือก่อนที่จะกระแทกไปที่ด้านข้าวของพิณเมฆาสวรรค์ ทันใดนั้นสายพิณทั้งเจ็ดก็พุ่งออกมาจากอีกด้านและแทงไปที่ร่างกายของปรมาจารย์เทพไป๋หู่จนทะลุไปด้านหลัง ก่อนที่จะกลับมาอยู่บนพิณดังเดิม


“นี่คือ พิณเจ็ดสายทะลวงกายา!” หมิงเยี่ยวู่ซวงพูดชื่อกระบวนท่าของนางออกมา


“เป็นไปไม่ได้ สายพิณเล็ก ๆ เหตุใดจึงทะลวงผ่านปราณพยัคฆ์ขาวคลุมสวรรค์ของข้าได้?ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ใช้มือกุมแผลเอาไว้และพูดออกไปด้วยความเจ็บปวด


“สายพิณของข้าทำมาจากเหล็กที่ใช้ตีอาวุธวิเศษระดับพระเจ้า ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าอาวุธระดับพระเจ้า วรยุทธของเจ้านั้นจึงไม่อาจที่จะป้องกันเอาไว้ได้” หมิงเยี่ยวู่ซวงตอบกลับไป ขณะที่คลายการผสานดวงจิตอสูรกลับสู่รูปลักษณ์เดิม


“ไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์แห่งเทพเช่นข้าจะพ่ายแพ้แก่มนุษย์เช่นเจ้า แต่ชิงหลงจะต้องไม่พ่ายแพ้แก่พวกเจ้า เขานั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ปรมาจารย์เทพทั้งสี่” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่รวบรวมพลังเพื่อพูดประโยคสุดท้ายออกไป ก่อนที่จะหมดลมหายใจ


“ข้าจะนำร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่กลับไป” เสียงของอสูรตนหนึ่งพูดขึ้นมา เขาก็คืออู่หยาจื่อนั่นเอง อู่หยาจื่อแอบตามมาดูการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์เทพไป๋หู่และหมิงเยี่ยวู่ซวง โดยที่พกศิลาเร้นเมฆาของหมิงเยี่ยวู่ซวงเอาไว้


“คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” หมิงเยี่ยวู่ซวงตอบกลับไป นางใช้กำลังไปไม่น้อยในการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะพิณเมฆาสวรรค์ นางคงจะเอาชนะไม่ได้เป็นแน่


“นี่ป้าศิลาของเจ้า” อู๋หยาจื่อโยนป้ายศิลาเร้นเมฆาคืนแก่หมิงเยี่ยวู่ซวง เขานั้นไม่รู้ว่าศิลานี้คือสิ่งใดกันแน่ เมื่อเขาพกเอาไว้ระดับพลังของเขานั้นหายไปจนหมด ไม่ต่างจากผู้ไร้วรยุทธ แม้ว่าเขาไม่ต้องการคืนให้แก่นาง แต่ถึงอย่างไรเนี่ยลี่ก็ต้องมาทวงคืนภายหลังเป็นแน่ เขาจึงตัดสินใจคืนให้แก่นางก่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่คิดทรยศ


การต่อสู้ของทุกคนเริ่มต้นและจบลงในเวลาที่ใกล้เคียงกัน หมิงเยี่ยวู่ซวงและอู่หยาจื่อจึงรีบมุ่งหน้ากลับไปยังนิกายเทพอสูรเพื่อรวมตัวกันและ ดำเนินการตามแผนต่อไป


และเพื่อให้แผนการณ์ทุกอย่างสมบูรณมากขึ้น จะต้องทำให้อู๋หยาจื่อนั้นบรรลุระดับเทพสงครามให้เร็วที่สุด หลังจากการดูดซับพลังจากยาทิพย์ ระดับพลังของอู่หยาจื่อยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในคืนที่ผ่านมาเขาทำการดูดซับพลังจากยาทิพย์ที่หลงเหลืออยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขา ทำให้อู๋หยาจื่อนั้นเพิ่มระดับพลังไปจนถึงขั้นวิถีแห่งมังกรขั้นที่เก้าแล้ว


หากไม่อาจบรรลุระดับเทพสงครามได้ ก่อนที่การต่อสู้จะจบลง โอกาสที่อู่หยาจื่อจะขึ้นเป็นประมุขนิกายเทพอสูรได้ก็จะน้อยลงไป ดังนั้นแม้แต่ในตอนที่กำลังนำร่างของปรมาจารย์เทพไป๋หู่กลับไปยังนิกายเทพอสูร เขาก็ยังคงพยายามดูดซับพลังจากยาทิพย์ของเนี่ยลี่อย่างต่อเนื่อง.............จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว







เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง