ทางด้านปรมาจารย์อินเยวี่ยกับปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย
[วิหคสีชาด] ที่มาต่อสู้กันอยู่ด้านบนเหนือลานประลอง
ปรมาจารย์อินเยวี่ยยังคงเป่าขลุ่ยโดยที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
และพยายามย้ายสถานที่ไปยังป่าด้านหน้านิกาย
“เจ้าคงเป็นอวินเยี่ย
แห่งนิกายเสียงสวรรค์ เสียงขลุ่ยของเจ้านั้นไพเราะยิ่งนัก
แต่ข้ามิได้ต้องการฟังเลยแม้แต่น้อย”
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยกระพือปีกของเขาสร้างพายุขึ้นมาเพื่อรบกวนเสียงขลุ่ยของปรมาจารย์อินเยวี่ย
เมื่อมีพายุพัดพามาทางปรมาจารย์อินเยวี่ย
นางจึงหยุดเป่าขลุ่ยและสะบัดแขนของทางเพียงครั้งเดียว
พายุของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยก็สลายไปในทันที จากนั้นนางก็หลับตาพร้อมกับเป่าขลุยของนางเช่นเดิม
ด้วยท่าทีของปรมาจารย์อินเยวี่ย
ทำให้ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
นางทำราวกับว่าไม่ต้องการที่จะสู้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
“แส้โลหิต!” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยนำแส้โลหิตออกมาและฟาดไปยังปรมาจารย์อินเยวี่ยทันที
แต่ราวกับว่ารอบกายของปรมาจารย์อินเยวี่ยนั้นจะมีกำแพงเสียงกั้นขวางเอาไว้
ทำให้แส้โลหิตไม่อาจสัมผัสถูกผิวนางได้เลย
“ดูถูกข้าเช่นนั้นหรือ
ข้าต้องการรู้เช่นกันว่ากำแพงเสียงของเจ้าจะกันแส้ของข้าได้สักเพียงไหนกัน!?” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยตะโกนออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
และฟาดแส้โลหิตออกไปอีกนับร้อยครั้ง
เสียงของแส้โลหิตที่ปะทะเข้ากับกำแพงเสียงของปรมาจารย์อินเยวี่ย
ราวกับเป็นเสียงเคาะจังหวะที่สอดรับกับขลุ่ยของนาง ในตอนนี้ราวกับว่าปรมาจารย์อินเยวี่ยและปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยกำลังบรรเลงดนตรีร่วมกัน
ยิ่งปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยฟาดเร็วและแรงขึ้นเท่าใด ปรมาจารย์อินเยวี่ยก้เป่าขลุ่ยเร่งจังหวะให้สอดคล้อยได้ทันที
เสียงดนตรีที่สอดประสานกันทำให้ต้นไม้และดอกไม้ ที่อยู่ในป่าแห่งนี้นี้เริ่มผลิออกออกผล
มีเสียงนกร้องขับขานราวกับต้องการร่วมบรรเลงบทเพลงแห่งสรวงสวรรค์นี้
เพี๊ยะ!
จากการสะบัดแส้นับร้อยครั้งของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย
ในที่สุดก็ได้ผล แส้ของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยสามารถผ่านกำแพงเสียงของปรมาจารย์อินเยวี่ยไปได้
และฟาดเข้าที่ใบหน้าของนางอย่างจัง เสียงขลุยของนางเงียบหายไปในทันที
“แส้ของข้ายิ่งสะบัดไปมากเท่าใดความเร็วก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เมื่อความเร็วก้าวล้ำเกินกว่าระดับความเร็วเสียง กำแพงเสียงของเจ้าก็ไม่อาจที่จะกั้นขวางเอาไว้ได้อีกต่อไป”
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดีที่สามารถ
โจมตีปรมาจารย์อินเยวี่ยได้
แก้มด้านหนึ่งของปรมาจารย์อินเยวี่ย
ถึงกับเป็นรอยสีแดงยาว หลังจากถูกแส้โลหิตของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยฟาดเข้าที่ใบหน้า
นางลืมตาขึ้นมาพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณของนางออกมาอย่างรุนแรง
ทำให้ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยถึงกับรู้สึกหวาดกลัว ระดับพลังของนางที่ปลดปล่อยออกมา
นั้นเหนือระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าของเขา อย่างเห็นได้ชัด
“ค่ายกลขนนกโลหิต”
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยปล่อยขนนกของตนพุ่งไปล้อมรอบปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยเอาไว้
ตรงส่วนขนนกมีความคมราวกับใบมีด ส่วนปลายของนกนั้นก็มีพิษวิหคเพลิงอยู่
“แม้ว่าระดับพลังของเจ้าจะเหนือกว่าข้า
แต่หากเจ้าไม่อาจที่จะขยับได้ เจ้าจะทำอันใดได้?”
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
ดวงตาของปรมาจารย์อินเยวี่ยจับจ้องไปยังปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย
นางเริ่มนำขลุ่ยมาจรดที่ปาก และเริ่มทำการเป่าขลุ่ยอีกครั้ง
ท่วงทำนองของบทเพลงในครั้งนี้แตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
เป็นบทเพลงที่มีท่วงทำนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
ค่ายกลขนนกที่รายล้อมตัวนางอยู่ก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหวตามท่วงทำนองดนตรีของนาง
ขนนกทั้งหมดพุ่งย้อนกลับไปทางปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยอย่างรวดเร็ว
เขารีบใช้แส้โลหิตสะบัดฟาดให้ขนนกเหล่านั้นร่วงหล่นทันที
แต่ด้วยจำนวนที่มากเกินไปจึงมีคนขนบางส่วนพุ่งเข้ามาเฉือนร่างกายของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย
ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย โชคดีที่พิษวิหคเพลิงนั้นคือเลือดของเขาเอง เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากพิษที่ปลายขนนก
“นังมนุษย์ตัวแสบ!” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยสะบัดแส้โลหิตออกไปอีกครั้ง
แม้ว่าจะเป็นการจู่โจมที่รวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วเสียง
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยนั้นเพียงแค่เอียงตัวเพียงเล็กน้อย
ก็สามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของแส้โลหิตได้
เสียงขลุ่ยของนางยังบรรเลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสังเกตุโดยรอบจะพบว่ามีสิ่งที่ต่างออกไปจากท่วงทำนองเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ท่วงทำนองของบทเพลงนี้มีความเร่าร้อนและสั่นไหว
และมิได้ทำให้ต้นไม้และดอกไม้ผลิดอกออกผล
แต่ใบไม้กลับร่วงหล่นลงไปจากต้นไม้จนแทบหมด และใบไม้พวกนั้นเริ่มที่จะหมุนวนรอบตัวของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย
ดูราวกับค่ายกลขนนกโลหิตที่ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยเคยใช้ก่อนหน้านี้
“นี่เจ้าใช้เวทย์มนต์บ้าอันใดกัน
เป็นไปไม่ได้ เข็มพิษวิหคเพลิง!”
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยสะบัดปีกของตนเองอีกครั้ง
ในคราวนี้มีเข็มพิษนับพันเล่มพุ่งกระจายออกมาทั่วทิศทาง
พุ่งไปปักใบไม้ที่ล่องลอยอยู่รอบตัวของเขา
แท้จริงแล้วใบไม้เหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ใบไม้ธรรมดา
หาได้มีความคมเหมือนกับขนของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยไม่
แต่เขากำลังรู้สึกหวาดกลัวจนคิดไปเองว่า
ใบไม้เหล่านั้นจะต้องคบกริบไม่ต่างไปจากขนนกของเขา
ท่วงทำนองที่ปรมาจารย์อินเยวี่ยกำลังบรรเลงอยู่นี้
คือท่วงทำนองขับกล่อมมายา ผู้ที่ได้ฟังจะถูกภาพมายาทำให้รู้สึกสับสนและหวาดกลัว
จนบ้าคลั่งดั่งที่ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
“ข้าไม่เชื่อว่านี่คือความจริง
จงลุกไหม้ขึ้นมากายาของข้า” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยหยิบยาทิพย์มังกรครามออกมาทาน
และใช้ลมปราณให้ร่างกายของวิหคสีชาดของเขาลุกไหม้ขึ้นมา
หลังจากที่ยาทิพย์มังกรครามระดับพลังของเขาก็สูงขึ้นจนเทียบเท่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
กายาสีชาดของเขาเป็นดั่งเปลวไฟที่ลุกโชน
ต้นไม้ที่อยู่โดยรอบเริ่มถูกเผาไหม้ เสียงนกร้องและบินหนีไปเป็นจำนวนมาก
เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนต้นไม้ในป่าแห่งนี้ยังคงเป็นเหมือนเดิม
มิได้ร่วงหล่นดั่งที่เขาเห็นก่อนหน้านี้เลย
“ใช้ภาพมายาหลอกลวงข้าเช่นนั้นหรือ?” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยพูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
หลังจากที่เพิ่มระดับพลังจนเทียบเท่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ภาพมายาของปรมาจารย์อินเยวี่ยก็หายไป
มีเพียงรอยแส้บนแก้มของนางเท่านั้นที่ยังคงเด่นชัด และมิใช่ภาพมายา
ปรมาจารย์อินเยวี่ยหยุดเป่าขลุ่ยและพูดออกไปว่า
“ภาพมายาของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกสนุกหรือไม่?”
“ท่วงทำนองของเจ้าไม่อาจที่จะสร้างภาพมายาได้อีกแล้ว
กรงเล็บวิหคสีชาด!” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยใช้กรงเล็บที่เท้า
พุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์อินเยวี่ยอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปรมาจารย์อินเยวี่ยจะหลบไปด้านข้าง
แต่กรงเล็บของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยยังโจมตีเข้าที่ไหล่ซ้ายของนาง
เป็นบาดแผลลึกจนทำให้เลือดของนางไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
“เลือดของข้าไหลไม่หยุด
นี่เจ้า!” ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดด้วยความตกใจ บาดแผลเพียงเท่านี้
ไม่น่าจะทำให้เลือดของนางไหลมากถึงเพียงนี้
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว
กรงเล็บของข้าอาบด้วยพิษ ที่จะทำให้เลือดของเจ้าไหลออกมาไม่หยุด
มันคือพิษโลหิตอาบนภา ตราบเท่าที่โลหิตในกายเจ้าไม่เหือดแห้ง
มันก็จะไหลออกมาไม่หยุด” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี
นี่เป็นการชดใช้ที่อินเยวี่ย ใช้ท่วงทำนองขับกล่อมมายากับเขา
“ค่ายกลขนนกเพลิงโลหิต”
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยปล่อยขนนกที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่พุ่งไปล้อมรอบปรมาจารย์อินเยวี่ยเอาไว้อีกครั้ง
เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปโจมตีอีกแล้ว
แค่เพียงครึ่งชั่วยามโลหิตในกายของปรมาจารย์อินเยวี่ยก็จะไหลออกไปจนหมด
และหากสัมผัสโดนขนนกเพลิงโลหิต ร่างกายของปรมาจารย์อินเยวี่ย
ก็จะมีเลือดไหลมากขึ้นกว่าเดิม และในตอนนี้ปรมาจารย์อินเยวี่ยไม่อาจที่จะเป่าขลุ่ยเพื่อควบคุมขนนกของเขาได้ดั่งเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ปรมาจารย์อินเยวี่ยกำลังพยายามใช้ลมปราณห้ามเลือดตรงไหล่ให้หยุดไหล
อย่างช้า ๆ โดยที่พยายามที่จะไม่ให้ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยรู้ตัว เนี่ยลี่นั้นรู้เกี่ยวกับพิษของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยเป็นอย่างดี
และได้แนะนำวิธีรับมือเอาไว้แล้ว ด้วยเลือดที่ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก่อนหน้านี้
ทำให้ไหล่ของนางเต็มไปด้วยเลือด
แม้ว่าจะทำให้เลือดหยุดไหลก็สามารถสังเกตุเห็นได้ยาก
และในตอนนี้นางยังมิได้ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงทั้งหมดออกมา
เนื่องจากยังมีศิษย์ของนิกายเทพอสูรจำนวนหนึ่งยังคงแอบสอดส่องการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยกับนาง
เนี่ยลี่ได้บอกเอาไว้ว่า ให้พยายามเอาชนะด้วยความยากลำบาก
เพื่อไม่ให้เหล่าศิษย์ในนิกายเทพอสูรมองเห็นความห่างชั้นมากเกินไป หากนางปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
ก็จะสามารถจัดการปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยได้อย่างไม่ยากนัก
ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ทางด้านปรมาจารย์เทียนหั่วเองก็ไม่ต่างกัน
เมื่อปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยเห็นปรมาจารย์อินเยวี่ยยืนนิ่งอยู่
และไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ก็ทำให้เขานั้นรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
หรือว่านางจะยอมแพ้โดยให้โลหิตไหลออกจากการจนหมด
“น่าสมเพชยิ่งนัก
หากเจ้าไม่คิดที่จะต่อสู้ ข้าก็จะช่วยส่งให้เจ้าไปลงนรก
ค่ายกลขนนกเพลิงโลหิตสังหาร!”
ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยควบคุมค่ายกลขนนกเพลิงโลหิตให้เคลื่อนไหว
หวุนไปโดยรอบละพุ่งเข้าใส่ปรมาจารย์อินเยวี่ยพร้อมกันจากทุกทิศทาง
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
ขนนกเพลิงโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนปักเข้าทั่วร่างของปรมาจารย์อินเยวี่ย
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวร่างของนางก็ทรุดลง ตอนนี้นางอยู่ในท่านั่งคุกเข่า
ขนนกเพลิงโลหิตเหล่านี้นั้นปัดเพียงแค่เสื้อผ้าของนางเท่านั้น แต่มิได้สัมผัสถึงผิวของนางแม้แต่น้อย
เนื่องจากทั่วร่างของนางมีกำแพงเสียงห่อหุ้มผิวกายของนางอยู่
เป็นเกราะเสียงที่นางค่อย ๆ
ใช้ลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าถักทอเอาไว้ปกป้องร่างกายของนาง
“ข้าเหลือใบหน้าของเจ้าเอาไว้
เพื่อให้ผู้คนรู้ว่าเจ้านั้นเป็นใคร ถือว่าเป็นน้ำใจจากข้า” ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยพูดออกไป
ขณะที่จ้องมองไปที่ปรมาจารย์อินเยวี่ยที่กำลังจะสิ้นลม
แท้จริงแล้วแม้ว่าปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยจะใช้ขนนกพุ่งมาที่ใบหน้าของนาง
นางก็สามารถหลบเลี่ยงได้เอง แต่การที่ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยตั้งใจที่จะทำเช่นนี้
ก็ทำให้นางทำตามแผนได้ง่ายขึ้น
ปรมาจารย์อินเยวี่ยค่อย
ๆ ยกแขนขวาขึ้นและชี้ไปยังปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย
ทันใดนั้นขนนกเพลิงโลหิตที่ปักอยู่บนร่างกายของนางขนหนึ่งก็พุ่งไปปักที่หน้าอกของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็ขนที่สอง สาม สี่ ห้า ที่ปักบนร่างของนางก็พุ่งย้อนกลับไปปักที่หน้าอกของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยจนหมด
“จะ...เจ้าทำได้เช่นใดกัน?” ขนนกเพลิงโลหิตที่พุ่งย้อนกลับมานั้น
ถูกอาบไปด้วยลมปราณของปรมาจารย์อินเยวี่ย ทำให้มีความคมยิ่งกว่าเดิม
และขนนกที่พุ่งกลับมา ล้วนพุ่งเข้าสู่จุดตายของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย
ปรมาจารย์อินเยวี่ยค่อย
ๆ เดินมาหาปรมาจารย์เทพจูเซวี่ย ในขณะที่ร่างกายที่ลุกไหม้ของเขาค่อย ๆ มอดดับลงไป
“เจ้าประมาทข้าเกินไป
ข้าจะตอบแทนน้ำใจของเจ้า ให้เจ้าได้ตายอย่างสงบ” ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดจบก็หยิบขลุ่ยมาจรดที่ปากของนางอีกครั้ง
และเริ่มบรรลงบทเพลงแห่งสวรรค์ขับกล่อมสู่สรวงสวรรค์ เพื่อให้ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยรู้สึกไม่เจ็บปวด
ดวงตาของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยค่อย ๆ หลับลงไป
ในตอนนี้เขากำลังรู้สึกราวกับอยู่ในความฝันและวิญญาณของเขาก็ค่อย ๆ สลายไป
“จงนำศพของปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยกลับไปยังนิกายเทพอสูร”
ปรมาจารย์อินเยวี่ยตะโกนบอกเหล่าศิษย์ของนิกายเทพอสูรที่แอบดูอยู่
นางนั้นต้องการที่จะให้ปรมาจารย์เทพจูเซวี่ยได้ตายอย่างสมเกียรติ.................จบตอน