เมื่อเห็นท่าทีของปรมาจารย์เทพทั้งสี่
ปรมาจารย์เทียนหั่วจึงรีบตะโกนออกไปทันที
“เหยียนหยาง
เจ้าจะต้องทำการปรับแต่งห้วงขอบเขตวิญญาณของเจ้าให้มั่นคงก่อน จากนี้ไป
พวกข้าจะจัดการเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหยียนหยางจึงรีบนั่งลงและทำการปรับแต่งห้วงขอบเขตวิญญาณของของตน
ทางด้านเนี่ยลี่
หมิงเยี่ยวู่ซวง ปรมาจารย์เทียนหั่ว และ ปรมาจารย์อินเยวี่ย
ต่างก็ยืนขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทันที
“จากนี้ไป
จะต้องแยกกันต่อสู้ตามแผน” เนี่ยลี่บอกกับทุกคนขณะที่สายตาจับจ้องไปยังปรมาจารย์แห่งเทพทั้งสี่
“เสวียนหมิง[เต่าดำ]กับข้านั้น มีเรื่องที่ต้องสะสางกัน
ดังนั้นให้ข้าจัดการเอง” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่เบื้องหน้า
“ถ้าเช่นนั้นขอข้าเล่นสนุกกับจูเชวี่ย [วิหคสีชาด]เอง
เข็มพิษของเขานั้นไม่อาจสัมผัสร่างกายข้าได้แม้แต่เล่มเดียว”
ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันงดงาม
“ปรมาจารย์เทพไป๋หู่
[พยัคฆ์ขาว] ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”
หมิงเยี่ยวู่ซวงพูดขณะที่นำพิณเมฆาสวรรค์ออกมา
“ตกลง! ข้าจะจัดการกับ ปรมาจารย์เทพชิงหลง
[มังกรคราม]เอง อย่าลืมแผนที่คุยกันเอาไว้”
เนี่ยลี่พยักหน้าพร้อมกับบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือลานประลอง
“เจ้าเด็กนั่นคิดจะหนีงั้นรึ
ไม่มีทาง!” ปรมาจารย์เทพจูเชวี่ยตะโกนออกไปพร้อมกับบินขึ้นไปหาเนี่ยลี่ แต่ก็ถูกปรมาจารย์อินเยวี่ยขวางเอาไว้
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าจูเชวี่ย”
ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดพร้อมกับหยิบขลุ่ยออกมาเป่าเป็นบทเพลงอันไพเราะ
เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์เทพจูเชวี่ยถูกขวางเอาไว้ ปรมาจารย์เทพชิงหลงจึงบินตามเนี่ยลี่ไปทันที
เนี่ยลี่นั้นมิได้บินหนีไปที่ใด เพียงแค่บินตรงขึ้นไปด้านบนเท่านั้น
แตร๊งงงงง
หมิงเยี่ยวู่ซวง
ใช้นิ้วอันเรี้ยวยาวกรีดไปบนสายพิณ และปล่อยลมปราณที่ดูราวกับเข็มพุ่งไปยังปรมาจารย์เทพไป๋หู่
เพื่อดึงความสนใจ และบินไปทางภูเขาด้านหลังนิกายเทพอสูรทันที
ในตอนนี้ปรมาจารย์เทพทั้งสู่รับรู้ได้ทันทีว่า
ฝ่ายเนี่ยลี่ต้องการที่จะแยกพวกเขาไปสู้ตามลำพัง
ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าพวกเราคงจะต้องสะสางความแค้นทั้งหมดในวันนี้”
ปรมาจารย์เทียนหั่วค่อย ๆ
เดินไปยังลานประลองที่ถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดีเบื้องหน้าอย่างสงบ
“ข้าจะเอาเลือดเจ้ามาเซ่นสังเวยให้แก่หลีหั่วศิษย์ของข้า!” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตะโกนออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว เขาเรียกอาวุธของเขาขึ้นมาในมือ
มันคือตะขอพรากวิญญาณ
ตรงด้านหนึ่งจะมีตะขอขนาดใหญ่ที่ส่วนปลายมีลักษณะคล้ายเคียวที่มีความคมกริบ
ส่วนปลายของตะขอมีโซ่ขนาดใหญ่อยู่ และปลายอีกด้านของโซ่ก็มีลูกตุ้มเหล็กอยู่
เขาเหวี่ยงตะขอมาทางปรมาจารย์เทียนหั่วทันที
กึก!
ปลายตะขอถูกหยุดด้วยปลายนิ้วเพียงสองนิ้วของปรมาจารย์เทียนหั่ว
เขารวบรวมเพลิงศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ที่ปลายนิ้วทั้งสอง และใช้นิ้วทั้งสองคีบตรงส่วนปลายของตะขอพรากวิญญาณเอาไว้
“พลังในระดับเทพสงครามขั้นที่แปดนั้นไม่อาจที่จะทำอันใดข้าได้หรอกนะ”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สงบ ในตอนนี้เขาเก็บศิลาเร้นเมฆาเอาไว้แต่
แต่ยังคงปิดกั้นพลังของตนเองเอาไว้ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าด้วยพลังของตนเอง
“อย่าดูถูกข้า!” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตะโกนกลับไปพร้อมกับแผ่ลมปราณเพลิงทมิฬลงไปยังโซ่ที่ผูกติดกับตะขอพรากวิญญาณ
เพลิงทมิฬค่อย ๆ ลุกไหม้ไปตามสายโซ่จนไปถึงปลายตะขอ
ทำให้ปรมาจารย์เทียนหั่วต้องรีบปล่อยมือจากตะขอพรากวิญญาณทันที
“เมื่อจับตะขอของข้าไม่ได้
เจ้าจะทำเช่นใดได้อีก ตะขอเพลิงทมิฬ!” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดพร้อมกับเหวี่ยงตะขอพรากวิญญาณไปที่ปรมาจารย์เทียนหั่วอีกครั้ง
ในตอนนี้ตะขอพรากวิญญาณลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงทมิฬ
“หากจับไม่ได้
ข้าก็แค่ไม่ต้องจับเท่านั้น”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตะขอพรากวิญญาณจึงพุ่งผ่านไปโดยที่ไม่สัมผัสปรมาจารย์เทียนหั่วแม้เพียงชายเสื้อ
“ตะขอเพลิงพรากวิญญาณ!” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงกระชากตะขอกลับมาอย่างรวดเร็วทำให้ส่วนปลายตะขอที่มีลักษณะคล้ายเคียวพุ่งกลับมาทางด้านหลังปรมาจารย์เทียนหั่ว
แกร้งง!
เสียงของเหล็กปะทะกันดังกึกก้อง
ตะขอพรากวิญญาณที่อาบด้วยลมปราณเพลิงทมิฬ ถูกขวางเอาไว้ด้วยกระบี่เพลิงสวรรค์
กระบี่เพลิงสวรรค์พุ่งออกมาจากฝักกระบี่ที่อยู่ข้างกายของเหยียนหยาง
ที่นั่งปรับแต่งห้วงขอบเขตวิญญาณอยู่
และพุ่งขึ้นมาปกป้องปรมาจารย์เทียนหั่วราวกับมีชีวิต
“ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้ใช้เจ้าอีกครั้ง”
ปรมาจารย์เทียนหั่วยื่นมือไปจับกระบี่เพลิงสวรรค์
เขานั้นใช้กระบี่เล่มนี้มานับร้อยปี ก่อนที่จะมอบให้แก่เหยียนหยาง
เมื่อปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง ได้เห็นปรมาจารย์เทียนหั่ว
เขาก็เริ่มที่จะระมัดระวังมากขึ้น เขารู้ดีว่ายามที่ปรมาจารย์เทียนหั่วถือกระบี่เพลิงสวรรค์นั้นร้ายกาจเพียงใด
“ยามที่ข้าถือกระบี่เพลิงสวรรค์
เจ้าคงพร้อมที่จะมอดไหม้แล้วสินะ” ปรมาจารย์เทียนหั่วค่อย ๆ
ใช้ลมปราณอัคคีห่อหุ้มกระบี่เพลิงสวรรค์เอาไว้
“อย่าคิดว่า
ข้าจะหวาดกลัวเจ้า! ตุ้มโลกันตร์” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงเหวี่ยงปลายอีกด้านของตะขอพรากวิญญาณ
ไปทางปรมาจารย์เทียนหั่วอย่างรุนแรง
“วรยุทธของเจ้านั้น
มิได้ต่างจากที่เคยต่อสู้กันเมื่อหลายสิบปีก่อนเลยนะ”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดพร้อมกับใช้กระบี่เพลิงสวรรค์ที่อาบด้วยลมปราณอัคคีฟันลงไปที่ตุ้มเหล็กทันที
ลูกต้มเหล็กและโซ่ถูกตัดขาดออกเป็นแนวยาวสองส่วนทันที
“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ
อสรพิษสองเศียร!” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงยิ้มเยาะเมื่อเห็นการโต้กลับของปรมาจารย์เทียนหั่ว
เขาสะบัดโซ่ในมือ แค่ครั้งเดียว โซ่ใหญ่พร้อมกับลูกตุ้มเหล็กที่ถูกตัดเป็นสองส่วน
ก็แปรสภาพกลายเป็นโซ่เหล็กและลูกตุ้มเหล็กสองเส้นแทน
และพุ่งเข้าไปมัดแขนทั้งสองข้างของปรมาจารย์เทียนหั่วราวกับมีชีวิต
เหล่ากองกำลังของนิกายเทพอสูรเมื่อเห็นเช่นนั้นต่างก็กู่ร้องด้วยความสะใจ
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะซุกซ่อนวรยุทธเช่นนี้เอาไว้”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพยายามดิ้นรน
แต่ดูเหมือนว่าโซ่เหล็กนั้นจะรัดตัวของเขาแน่นมากยิ่งขึ้น
“ด้วยพลังที่ด้อยกว่า
แม้ว่าข้าจะโจมตีรุนแรงเท่าใด ก็คงทำได้เพียงแค่ให้เจ้านั้นได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
การที่จะสังหารเจ้าได้นั้นข้าคงต้องใช้สิ่งนี้” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงหยิบยาทิพย์มังกรครามออกมาและทานเข้าไป
ระดับพลังของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงในตอนนี้
แม้จะไม่อาจเทียบได้กับตอนที่หลีหั่วทานยาทิพย์มังกรครามเข้าไป
แต่พลังของเขาในตอนนี้ก็เทียบเท่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้วเช่นกัน
“ด้วยพลังของข้าในตอนนี้
การตัดคอเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก ศิษย์ข้า
ข้ากำลังจะล้างแค้นให้เจ้าแล้ว” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงใช้มือจับตะขอพรากวิญญาณด้านที่มีส่วนปลายคล้ายกับเคียวอันคมกริบ
ฟันลงไปตรงส่วนคอของปรมาจารย์เทียนหั่วทันที
แกร้งง!
มีเสียงดังกึกก้อง
โซ่ที่รัดตัวของปรมาจารย์เทียนหั่ว กระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ลมปราณที่แผ่ออกมา ทำให้ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงถูกพัดถอยออกมา ร่างกายของปรมาจารย์เทียนหั่วในตอนนี้
ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเขาจะมิได้สวมใส่เกราะเพลิงสวรรค์สีชาด
แต่เขาก็สามารถสร้างเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยลมปราณในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
“นี่มันอะไรกัน?” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดขึ้นด้วยความตกใจ
ระดับพลังของปรมาจารย์เทียนหั่วนั้นเพิ่มขึ้นมาในระดับเดียวกับเขาโดยไม่ต้องใช้ยาทิพย์มังกรคราม
“เสวียนหมิงเอ๋ย เจ้าจะยอมแพ้เพียงเท่านี้หรือไม่?” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
แต่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ห่อหุ้มร่างกายเขาอยู่กลับร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
“หุบปาก!” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตะโกนออกไปพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณออกมา ในตอนนี้ร่างกายของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทมิฬสีดำ
ที่ลุกโชนไม่ต่างจาก เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เทียนหั่ว
“เสวียนหมิง เจ้าทำได้ถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจไม่น้อย
เนื่องจากกว่าที่เขาจะสามารถใช้เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มร่างกายของตนเองได้
เขาต้องใช้เวลาหลายเดือนหลังจากที่บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า การที่ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงสามารถทำเช่นนี้ได้ทันที
นับว่าพรสวรรค์ของเขานั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าปรมาจารย์เทียนหั่วเสียอีก
“หากชำระแค้นได้
ข้ายอมที่จะทำทุกอย่าง” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์เทียนหั่วอีกครั้ง
ในครั้งนี้ปรมาจารย์เทียนหั่วต้องใช้กระบี่เพลิงสวรรค์ต้านรับ
เพราะเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้น
ไม่อาจต้านทานการโจมตีจากตะขอพรากวิญญาณที่ห่อหุ้มเพลิงทมิฬในตอนนี้ได้อีกต่อไป
แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าเท่ากัน
แต่ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงดูเหมือนว่า จะเหนือกว่าปรมาจารย์เทียนหั่วเล็กน้อย เนื่องจากปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจึงสามารถรีดเร้นความแข็งแกร่งออกมาได้มากกว่า
ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงยังคงใช้ตะขอพรากวิญญาณโจมตีใส่ปรมาจารย์เทียนหั่วอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนี้ปรมาจารย์เทียนหั่วทำได้เพียงแค่ใช้กระบี่เพลิงสวรรค์ในการต้านรับเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง
ก็มีงูขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากพื้นดินและเริ่มรัดปรมาจารย์เทียนหั่วจากขาขึ้นมา
งูตัวนี้ก็คือหางของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงนั่นเอง [ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงมีหางเป็นงู อธิบายไว้ใน บทที่
444.19 บริวารแห่งเทพ]
“มันจะจบลงเพียงเท่านี้เทียนหั่ว” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงใช้ตะขอพรากวิญญาณ
โจมตีใส่ปรมาจารย์เทียนหั่วสุดแรง
ตูมม!
แม้ว่าปรมาจารย์เทียนหั่วจะใช้กระบี่เพลิงสวรรค์ต้านเอาไว้ได้
แต่การที่ขาไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง ทำให้ได้รับแรงปะทะจากการโจมตีไม่น้อย
แม้แต่งูที่เป็นหางของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงที่รัดขาของปรมาจารย์เทียนหั่วเอาไว้ ด้วยความรุนแรงจากการโจมตีของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง ก็ถึงกับระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ เลยทีเดียว
ในตอนนี้
ปรมาจารย์เทียนหั่วได้รับบาดเจ็บจนแทบจะลุกไม่ขึ้น
เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เคยลุกโชนอยู่ก็ดับมอดไป ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงจ้องมองมาและหัวเราะด้วยความสะใจ
“ข้าเอาชนะเจ้าได้แล้ว
ข้าชนะแล้ว ข้าล้างแค้นให้แก่ศิษย์ของข้าได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
ร่างกายของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง ยังคงมีเปลวเพลิงทมิฬห่อหุ้มอยู่
และดูเหมือนว่ามันจะลุกโชนมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะมอดดับลงไป ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงยังคงหัวเราะด้วยความยินดีกับชัยชนะ
ขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มถูกเปลวเพลิงทมิฬเผาไหม้
แค่เพียงไม่นานร่างกายของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงก็ถูกเปลวเพลิงทมิฬ เผาไหม้ไปจนหมด
ปรมาจารย์เทียนหั่วเดินขึ้นมายัง
ตำแหน่งที่ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงเคยยืนอยู่ และพูดขึ้นมาว่า
“เจ้ายอมที่จะถูกเปลวเพลิงทมิฬเผาจนสิ้นซาก เพียงเพื่อที่จะเอาชนะข้า ข้ายอมรับในความมุ่งมั่นของเจ้า”.................จบตอน