เหยียนหยางใช้กระบี่ยันตัวเองให้ขึ้น
ระดับพลังของเขาค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นทีละนิด
จนถึงขีดสุดของระดับเทพสงครามขั้นที่เก้า
“กระบี่เพลิงคลื่นสวรรค์”
เหยียนหยางฟันกระบี่ออกไปทางด้านหน้า
คลื่นลมปราณจากกระบี่พุ่งออกไปโดยมีเปลวไฟลุกโชนไปพร้อมกับคลื่นลมปราณนั้น
“กระบองเล็บพยัคฆ์!” หลีหั่วใช้กระบวนท่าเดิมโจมตีสวนกลับไป
เสียงระเบิดดังกึกก้องยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
คลื่นลมปราณของทั้งสองฝ่ายที่เข้าปะทะกันกระจายออกไปด้านข้าง
เป็นดั่งคลื่นลมพายุอันร้อนแรง
ยอดฝีมือที่มีระดับต่ำกว่าเทพสงครามจะไม่อาจลืมตามองการต่อสู้ครั้งนี้ได้เลย
พื้นลานประลองค่อย ๆ
แตกออกจากกัน ในตอนนี้ลานประลองที่เคยตั้งอยู่เหนือพื้นดิน
ในตอนนี้ราบเรียบไปกับพื้นดิน เศษซากของลานประลองกระจัดกระจายไปทั่ว
ทำให้กองกำลังที่ยืนอยู่ต้องหาทางหลบ
เนื่องจากด้วยระดับพลังของพวกเขาไม่อาจต้านรับได้
“กระดองเพลิงทมิฬ!” หลีหั่วกระโดดม้วนตัวแล้วพุ่งไปด้วยความเร็วสูง
หนามแหลมจากเกราะด้านหลังทำให้ร่างของหลีหั่วดูราวกับบอลหนามขนาดใหญ่
ที่มีเปลวไฟสีดำลุกไหม้โดยรอบ พุ่งเข้าหาเหยียนหยางในทันที
“กระบี่เพลิงทะลวงสวรรค์!” เหยียนหยางหมุนตัวเข้าปะทะอย่างไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย
ร่างกายของทั้งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
ตูมม!
เสียงจากการปะทะกันดังสนั่น
ลมปราณที่ปะทะกันยิ่งแผ่ขยายวงกว้างออกไปพัดพาทุกสิ่งที่อยู่ในลานประลองไปจนแทบหมดสิ้น
ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงหมุนค้างอยู่กลางอากาศ
แต่ดูเหมือนว่าความเร็วของการหมุนของทั้งสองฝ่ายจะเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นเอง
เปรี๊ยะ!
เกราะกระดองทมิฬของหลีหั่วเริ่มที่จะมีรอยแตก
ทำให้หลีหั่วตกใจยิ่งนัก
เขาจึงเปลี่ยนทิศทางการหมุนเพื่อให้ตัวเขาหลุดจากการปะทะไปทางด้านข้างแทน
เมื่อทั้งสองแยกจากกัน
เหยียนหยางหยุดการหมุนตัวและยืนหอบอยู่ทางด้านหนึ่ง
ส่วนหลีหั่วยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ เกราะกระดองทมิฬเป็นเกราะวิเศษในระดับพระเจ้า
แต่กลับมีรอยแตกขึ้นมาด้วยกระบี่ของเหยียนหยางที่เป็นกระบี่วิเศษระดับเก้าเท่านั้น
“เหยียนหยาง
เจ้ามีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” หลีหั่วจับจ้องไปทางเหยียนหยาง
ด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น
เหตุใดมนุษย์เช่นเหยียนหยางที่ไม่ได้รับคำชี้แนะจากบริวารแห่งเทพ
จึงมีฝีมือทัดเทียมกับเขาได้
“ขอแค่ฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่น
แม้จะเป็นเพียงแค่แสงเทียน ก็ลุกโชติช่วงได้ดั่งดวงตะวัน” เหยียนหยางตอบกลับไปอย่างสงบ
“แสงเทียน
มันก็แค่ลุกไหม้ได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น!”
หลีหั่วหยิบยาทิพย์มังกรคราม ที่ได้รับมาจากปรมาจารย์เทพชิงหลงมากลื่นลงไป
ร่างกายของหลีหั่วก็มีพลังแผ่พุ่งออกมาราวกับกาต้มน้ำ ระดับพลังของหลีหั่วในตอนนี้เทียบเท่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
“อะไรกัน?” เหยียนหยางพูดด้วยด้วยความตกใจ
กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“คราวนี้แสงเทียนของเจ้ายังจะปกป้องเจ้าได้อีกหรือไม่?”
หลีหั่วเดินเข้ามาเหยียนหยางพร้อมกับลมปราณที่กำลังแผ่พุ่งขึ้นสู่ด้านบน
จากนั้นก็ใช้กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวฟาดไปที่เหยียนหยางที่ยืนหอบอยู่
ตูมม!
ในตอนนี้เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มร่างกายของเหยียนหยางอยู่
ไม่อาจที่จะป้องกันได้อีกต่อไป
เหยียนหยางลอยละลิ่วออกไปหลายเมตรก่อนที่จะร่วงลงไปบนพื้น
“ผสานจิตอสูรมังกรเขาทองคำ!” เหยียนหยางตะโกนออกมาด้วยความลำบาก ร่างกายของเขาค่อย ๆ
มีเกล็ดมังกรปรากฏขึ้นมา และทั่วทั้งร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
เมื่อผสานเข้ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าแล้ว
ระดับพลังของเหยียนหยางเองก็เพิ่มสูงขึ้นจนเทียบเท่าระดับขอบเขตพระเจ้าเช่นกัน
[แค่เทียบเท่ายังไม่ถือว่าบรรลุ]
“บังอาจผสานกับจิตอสูรต่อหน้าข้าเป็นครั้งที่สองเช่นนั้นหรือ”
การที่ได้เห็นมนุษย์ผสานเข้ากับจิตอสูร เป็นสิ่งที่หลีหั่วรังเกียจยิ่งนัก
แม้ว่าจะเป็นอสูรต่างเผ่าพันธุ์กัน แต่การที่มนุษย์สังหารอสูรและ
นำดวงจิตอสูรไปใช้ ไม่ต่างจากการเหยียดหยามเผ่าอสูร
หลีหั่วจึงระเบิดลมปราณออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวมากยิ่งขึ้น
เหยียนหยางพยายามรวบรวมสมาธิ
แม้ว่าจะผสานเข้ากับจิตอสูรมังเขาทองคำ
ร่างกายของเขาก็มิได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปมากเท่าใดนัก
เขากำกระบี่เพลิงสวรรค์เอาไว้ในมือ และเตรียมที่จะต่อสู้กับหลีหั่วอีกครั้ง
ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง
อาวุธของทั้งสองฝ่ายกระทบกันจนมีแสงเป็นประกายไปทั่ว
ระดับพลังของพวกเขาในเวลานี้ใกล้เคียงกันยิ่งนัก
“กระบองเหล็กร้อยชั่ง!” หลีหั่วกระโดดถอยหลังพร้อมกับใช้ลมปราณขยาย กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวให้ใหญ่ขึ้นหลายเท่าและฟาดลงไปตรงเหยียนหยางทันที
“กระบี่เพลิงค้ำสวรรค์!” เหยียนหยางใช้สองมือจับกระบี่และใช้ลมปราณตรงส่วนปลายประบี่ต้านรับการโจมตีของหลีหั่ว
แม้ว่าจะต้านรับเอาไว้ได้ แต่ด้วยความรุนแรงของกระบองเหล็กร้อยชั่ง ทำให้พื้น
ที่เหยียนหยางยืนอยู่เป็นหลุมลึกลงไป
ฟุ่บบ!
เสียงของเข็มเล่มหนึ่งแหวกกลางอากาศและปักเข้าที่มือของเหยียนหยาง
ทันใดนั้นมือของเขาก็ไม่อาจที่จะถือกระบี่เพลิงสวรรค์ได้อีกต่อไป
กระบี่เพลิงสวรรค์ร่วงลงพื้นในขณะที่ร่างกายของเหยียนหยางค่อย ๆ
กลับคืนสู่สภาพเดิม
“ขะ...เข็มพิษ!” เหยียนหยางมองไปที่มือของเขา ที่มีเข็มปักอยู่
“ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นฝ่ายชนะ”
หลีหั่วเดินมาใกล้ ๆ เหยียนหยาง และพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างลำพองใจ
“เจ้าเคยบอกว่ามนุษย์น่ารังเกียจที่ใช้ดวงจิตอสูร
แล้วการที่เจ้าใช้พิษนี่ มันไม่น่ารังเกียจเช่นนั้นหรือ” เหยียนหยางโต้กลับไป
ในตอนนี้เขาแทบจะไม่มีแรงพูดเสียด้วยซ้ำ
“พวกมันใช้เข็มพิษ
แต่พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขารีบผสานเข้ากับดวงจิตแห่งความว่างเปล่า และใช้พลังสัจธรรมแห่งพิษทันที
“พิษวิหคเพลิง
เป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดของนิกายเทพอสูร แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับพลังสัจธรรมของข้า
และข้ามีวิธีการใช้พิษวิหคเพลิงในหนทางอื่นด้วย” เนี่ยลี่ค่อย ๆ ทำการปรับแต่งพิษวิหคเพลิงในร่างกายของเหยียนหยางที่อยู่ห่างออกไป
“เจ้าต้องการพูดสิ่งใดก็จงพูดออกมา
ข้าหาได้สนใจไม่ ที่ข้ารู้คือข้าเป็นฝ่ายชนะ
และเจ้าจะตายไปพร้อมกับความพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพช” หลีหั่วมองเหยียนหยางด้วยสายตาที่ดูถูกและพูดออกไป
พร้อมกับถ่มน้ำลายลงไปข้าง ๆ
“อ๊ากก!” เหยียนหยางตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
ร่างกายของเขาเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้จากด้านใน ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากพิษวิหคเพลิง
แต่เนี่ยลี่ทำการปรับแต่งให้มันมีพิษรุนแรงมากยิ่งขึ้น
และสามารถใช้ในการกระตุ้นพลังให้แก่ผู้ใช้ลมปราณธาตุอัคคีเช่นเหยียนหยางได้
“นั่นเจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน?” ปรมาจารย์เทียนหั่วหันไปมองเนี่ยลี่ด้วยความประหลาดใจ
ที่เนี่ยลี่ทำไม่ใช่การถอนพิษ
“ข้าปรับแต่งพิษในร่างกายของศิษย์พี่เหยียนหยางให้มีความรุนแรงมากขึ้น
หากศิษย์พี่เหยียนหยางสามารถผ่านพ้นไปได้
เขาจะต้องบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าอย่างแน่นอน” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
ตอนนี้เขาเองก็ทำได้แต่มองดูเท่านั้น
ในตอนนี้เหยียนหยางดิ้นรนอยู่กับพื้น
แต่มือของเขายังพยายามเอื้อมไปหยิบกระบี่เพลิงสวรรค์มาไว้ในมือ
เขายังไม่ยอมแพ้แม้ว่าพิษกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา
“การต่อสู้ยังไม่รู้ผล!” เหยียนหยางกัดฟันลุกยืนขึ้นมา แม้ว่าจะเจ็บปวด
เขายังคงมีความมุ่งมั่น และมีความองอาจสมกับเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายเทพอัคคี
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างสมเกียรติ”
หลีหั่วเห็นความมุ่งมั่นของเหยียนหยางแล้ว เขาก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้
“กระบองเหล็กร้อยชั่ง!” หลีหั่วกระโดดขึ้นไปใช้กระบวนท่าเดิมอีกครั้ง
ฟาดลงไปที่เหยียนหยางที่ยืนอยู่ด้านล่าง
ตูมม! ตูมม! ตูมม!
เสียงพื้นดินระเบิดออก
ทันทีที่กระบองของหลีหั่วฟาดลงพื้น ที่เหยียนหยางยืนอยู่ เศษฝุ่นกระจายคลุ้งไปทั่ว
จนมองไม่เห็นร่างของเหยียนหยาง
ไม่มีใครรู้เลยว่าหลังจากถูกโจมตีแล้วเหยียนหยางนั้นจะเป็นเช่นใด
ฝุ่นที่ปกคลุมอยู่ค่อย ๆ
จางลง มองเห็นร่างของเหยียนหยางที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวนั้นถูกเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบกายของเหยียนหยางป้องกันเอาไว้อีกครั้ง
บัดนี้ เปลวไฟที่ห้อมล้อมกายของเหยียนหยางลุกไหม้ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ดวงตาของเหยียนหยางค่อย ๆ เปิดขึ้น เขามองไปทางเนี่ยลี่และพูดขึ้นมาว่า
“ไม่คิดเลยว่า
ข้าจะเป็นผู้ที่มีพันธสัญญากับเจ้า ข้าคือหนึ่งในหกคนที่กลับชาติมาเกิด”
เนี่ยลี่ยืนนิ่งเงียบ
เขาเคยคิดว่าเหยียนหยางอาจจะเป็นหนึ่งในหกคนที่เขาตามหาอยู่
เนื่องจากสามในสี่คนที่ผ่านมา ล้วนแต่เป็นคนที่มีชะตาต้องกันกับเขา จอมมาร
ต้วนเจี้ยน กู้หลาน มีเพียงเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงที่แตกต่างออกไป และคนสุดท้ายอาจจะเป็นหมิงเยี่ยวู่ซวงก็เป็นได้
แต่เมื่อนางนั้นก็บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า นางก็มิได้พูดถึงเรื่องนี้กับเขา
ดังนั้นเขาคงต้องหาคนสุดท้ายอีกต่อไป
“ข้ารู้สึกยินดียิ่งนัก
แต่ท่านคงต้องจบการประลองนี้ก่อน จากนั้นเราค่อยมาคุยกันภายหลัง” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
“ข้าคงไม่ต้องให้เจ้ารอนาน
แค่เพียงกระบวนท่าเดียวก็จบแล้ว”
เหยียนหยางใช้กระบี่เพลิงสวรรค์ในมือปัดกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาว
ที่ฟาดลงมาใส่เค้าและถูกเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบกายเขากั้นเอาไว้ออกไป และทะยานขึ้นมาจากพื้นที่ถูกฟาดจนยุบ
“อสูรเช่นข้า
ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้แก่มนุษย์!”
หลีหั่วฟาดกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวลงไปที่เหยียนหยางอีกครั้ง
พลังที่เพิ่มขึ้นจากยาทิพย์มังกรครามในตอนนี้หมดไปแล้ว ระดับพลังของหลีหั่วจึงกลับมาแค่ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าชีวิตของเจ้านั้นจะเป็นดั่งแสงเทียนที่กำลังจะดับลงไป
กระบี่เพลิงคลื่นสวรรค์!”
เหยียนหยางใช้แรงเพียงเล็กน้อยตวัดกระบี่เพลิงสวรรค์ไปทางด้านหน้า
คลื่นลมปราณจากกระบี่ของเขาพุ่งผ่านกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวและร่างของหลีหั่วไป จากนั้นกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวก็ถูกตัดออกเป็นสองท่อน
ร่างของหลีหั่วเองก็เช่นกัน บัดนี้เหยียนหยาง กระบี่เพลิงสวรรค์
และเกราะเพลิงสวรรค์สีชาด ได้ผสานกันเป็นหนึ่ง หากไม่นับกู้เบ่ยแล้ว
เหยียนหยางก็เป็นผู้หนึ่งที่เหมาะสมกับฉายาเทพกระบี่ยิ่งนัก
หลังจากนั้นเหยียนหยางก็บินไปหาเนี่ยลี่และคนอื่น
ๆ อย่างช้า ๆ ในลานประลองเหลือเพียงความเงียบงันเท่านั้น
“หลีหั่ว
ศิษย์ของข้า” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
เขาปลดปล่อยลมปราณออกมา แม้ว่าจะเป็นเพียงลมปราณระดับเทพสงครามขั้นที่แปด
แต่ก็เป็นลมปราณที่น่าหวาดกลัวไม่น้อย
“เสวียนหมิงเจ้าเป็นคนพูดเองว่า การประลองในวันนี้หากมีฝ่ายหนึ่งต้องล้มตาย
ก็จงอย่าได้โกรธแค้นกัน และศิษย์ของข้าก็ชนะอย่างขาวสะอาด”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดออกไปเมื่อเห็นท่าทางของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง
“หุบปาก! ข้าจะไม่ให้อภัยกับพวกเจ้า ที่สังหารศิษย์ของข้า” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตะโกนออกมาด้วยความเจ็บแค้น
ดูเหมือนว่าเขานั้นใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าแล้ว
เมื่อเห็นปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง ทำเช่นนั้น
ปรมาจารย์เทพอีกสามตนที่เหลือก็ปลดปล่อยลมปราณของตนเองออกมาเช่นกัน
การต่อสู้ในครั้งนี้คงไม่มีผู้ใดที่จะหยุดมันได้อีกแล้ว.......จบตอน