test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

19 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.55 คนที่ห้า



เหยียนหยางใช้กระบี่ยันตัวเองให้ขึ้น ระดับพลังของเขาค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นทีละนิด จนถึงขีดสุดของระดับเทพสงครามขั้นที่เก้า


“กระบี่เพลิงคลื่นสวรรค์” เหยียนหยางฟันกระบี่ออกไปทางด้านหน้า คลื่นลมปราณจากกระบี่พุ่งออกไปโดยมีเปลวไฟลุกโชนไปพร้อมกับคลื่นลมปราณนั้น


“กระบองเล็บพยัคฆ์!” หลีหั่วใช้กระบวนท่าเดิมโจมตีสวนกลับไป


เสียงระเบิดดังกึกก้องยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ คลื่นลมปราณของทั้งสองฝ่ายที่เข้าปะทะกันกระจายออกไปด้านข้าง เป็นดั่งคลื่นลมพายุอันร้อนแรง ยอดฝีมือที่มีระดับต่ำกว่าเทพสงครามจะไม่อาจลืมตามองการต่อสู้ครั้งนี้ได้เลย


พื้นลานประลองค่อย ๆ แตกออกจากกัน ในตอนนี้ลานประลองที่เคยตั้งอยู่เหนือพื้นดิน ในตอนนี้ราบเรียบไปกับพื้นดิน เศษซากของลานประลองกระจัดกระจายไปทั่ว ทำให้กองกำลังที่ยืนอยู่ต้องหาทางหลบ เนื่องจากด้วยระดับพลังของพวกเขาไม่อาจต้านรับได้


“กระดองเพลิงทมิฬ!” หลีหั่วกระโดดม้วนตัวแล้วพุ่งไปด้วยความเร็วสูง หนามแหลมจากเกราะด้านหลังทำให้ร่างของหลีหั่วดูราวกับบอลหนามขนาดใหญ่ ที่มีเปลวไฟสีดำลุกไหม้โดยรอบ พุ่งเข้าหาเหยียนหยางในทันที


“กระบี่เพลิงทะลวงสวรรค์!” เหยียนหยางหมุนตัวเข้าปะทะอย่างไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย ร่างกายของทั้งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง


ตูมม!


เสียงจากการปะทะกันดังสนั่น ลมปราณที่ปะทะกันยิ่งแผ่ขยายวงกว้างออกไปพัดพาทุกสิ่งที่อยู่ในลานประลองไปจนแทบหมดสิ้น


ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงหมุนค้างอยู่กลางอากาศ แต่ดูเหมือนว่าความเร็วของการหมุนของทั้งสองฝ่ายจะเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเอง


เปรี๊ยะ!


เกราะกระดองทมิฬของหลีหั่วเริ่มที่จะมีรอยแตก ทำให้หลีหั่วตกใจยิ่งนัก เขาจึงเปลี่ยนทิศทางการหมุนเพื่อให้ตัวเขาหลุดจากการปะทะไปทางด้านข้างแทน


เมื่อทั้งสองแยกจากกัน เหยียนหยางหยุดการหมุนตัวและยืนหอบอยู่ทางด้านหนึ่ง ส่วนหลีหั่วยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ เกราะกระดองทมิฬเป็นเกราะวิเศษในระดับพระเจ้า แต่กลับมีรอยแตกขึ้นมาด้วยกระบี่ของเหยียนหยางที่เป็นกระบี่วิเศษระดับเก้าเท่านั้น


“เหยียนหยาง เจ้ามีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” หลีหั่วจับจ้องไปทางเหยียนหยาง ด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น เหตุใดมนุษย์เช่นเหยียนหยางที่ไม่ได้รับคำชี้แนะจากบริวารแห่งเทพ จึงมีฝีมือทัดเทียมกับเขาได้


“ขอแค่ฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่น แม้จะเป็นเพียงแค่แสงเทียน ก็ลุกโชติช่วงได้ดั่งดวงตะวัน” เหยียนหยางตอบกลับไปอย่างสงบ


“แสงเทียน มันก็แค่ลุกไหม้ได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น!” หลีหั่วหยิบยาทิพย์มังกรคราม ที่ได้รับมาจากปรมาจารย์เทพชิงหลงมากลื่นลงไป ร่างกายของหลีหั่วก็มีพลังแผ่พุ่งออกมาราวกับกาต้มน้ำ ระดับพลังของหลีหั่วในตอนนี้เทียบเท่าระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว


“อะไรกัน?” เหยียนหยางพูดด้วยด้วยความตกใจ กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า


“คราวนี้แสงเทียนของเจ้ายังจะปกป้องเจ้าได้อีกหรือไม่?” หลีหั่วเดินเข้ามาเหยียนหยางพร้อมกับลมปราณที่กำลังแผ่พุ่งขึ้นสู่ด้านบน จากนั้นก็ใช้กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวฟาดไปที่เหยียนหยางที่ยืนหอบอยู่


ตูมม!


ในตอนนี้เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มร่างกายของเหยียนหยางอยู่ ไม่อาจที่จะป้องกันได้อีกต่อไป เหยียนหยางลอยละลิ่วออกไปหลายเมตรก่อนที่จะร่วงลงไปบนพื้น


“ผสานจิตอสูรมังกรเขาทองคำ!” เหยียนหยางตะโกนออกมาด้วยความลำบาก ร่างกายของเขาค่อย ๆ มีเกล็ดมังกรปรากฏขึ้นมา และทั่วทั้งร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เมื่อผสานเข้ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าแล้ว ระดับพลังของเหยียนหยางเองก็เพิ่มสูงขึ้นจนเทียบเท่าระดับขอบเขตพระเจ้าเช่นกัน [แค่เทียบเท่ายังไม่ถือว่าบรรลุ]


“บังอาจผสานกับจิตอสูรต่อหน้าข้าเป็นครั้งที่สองเช่นนั้นหรือ” การที่ได้เห็นมนุษย์ผสานเข้ากับจิตอสูร เป็นสิ่งที่หลีหั่วรังเกียจยิ่งนัก แม้ว่าจะเป็นอสูรต่างเผ่าพันธุ์กัน แต่การที่มนุษย์สังหารอสูรและ นำดวงจิตอสูรไปใช้ ไม่ต่างจากการเหยียดหยามเผ่าอสูร หลีหั่วจึงระเบิดลมปราณออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวมากยิ่งขึ้น


เหยียนหยางพยายามรวบรวมสมาธิ แม้ว่าจะผสานเข้ากับจิตอสูรมังเขาทองคำ ร่างกายของเขาก็มิได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปมากเท่าใดนัก เขากำกระบี่เพลิงสวรรค์เอาไว้ในมือ และเตรียมที่จะต่อสู้กับหลีหั่วอีกครั้ง


ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง อาวุธของทั้งสองฝ่ายกระทบกันจนมีแสงเป็นประกายไปทั่ว ระดับพลังของพวกเขาในเวลานี้ใกล้เคียงกันยิ่งนัก


“กระบองเหล็กร้อยชั่ง!” หลีหั่วกระโดดถอยหลังพร้อมกับใช้ลมปราณขยาย กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวให้ใหญ่ขึ้นหลายเท่าและฟาดลงไปตรงเหยียนหยางทันที


“กระบี่เพลิงค้ำสวรรค์!” เหยียนหยางใช้สองมือจับกระบี่และใช้ลมปราณตรงส่วนปลายประบี่ต้านรับการโจมตีของหลีหั่ว แม้ว่าจะต้านรับเอาไว้ได้ แต่ด้วยความรุนแรงของกระบองเหล็กร้อยชั่ง ทำให้พื้น ที่เหยียนหยางยืนอยู่เป็นหลุมลึกลงไป


ฟุ่บบ!


เสียงของเข็มเล่มหนึ่งแหวกกลางอากาศและปักเข้าที่มือของเหยียนหยาง ทันใดนั้นมือของเขาก็ไม่อาจที่จะถือกระบี่เพลิงสวรรค์ได้อีกต่อไป กระบี่เพลิงสวรรค์ร่วงลงพื้นในขณะที่ร่างกายของเหยียนหยางค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม


“ขะ...เข็มพิษ!” เหยียนหยางมองไปที่มือของเขา ที่มีเข็มปักอยู่


“ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นฝ่ายชนะ” หลีหั่วเดินมาใกล้ ๆ เหยียนหยาง และพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างลำพองใจ


“เจ้าเคยบอกว่ามนุษย์น่ารังเกียจที่ใช้ดวงจิตอสูร แล้วการที่เจ้าใช้พิษนี่ มันไม่น่ารังเกียจเช่นนั้นหรือ” เหยียนหยางโต้กลับไป ในตอนนี้เขาแทบจะไม่มีแรงพูดเสียด้วยซ้ำ


“พวกมันใช้เข็มพิษ แต่พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขารีบผสานเข้ากับดวงจิตแห่งความว่างเปล่า และใช้พลังสัจธรรมแห่งพิษทันที


“พิษวิหคเพลิง เป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดของนิกายเทพอสูร แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับพลังสัจธรรมของข้า และข้ามีวิธีการใช้พิษวิหคเพลิงในหนทางอื่นด้วย” เนี่ยลี่ค่อย ๆ ทำการปรับแต่งพิษวิหคเพลิงในร่างกายของเหยียนหยางที่อยู่ห่างออกไป


“เจ้าต้องการพูดสิ่งใดก็จงพูดออกมา ข้าหาได้สนใจไม่ ที่ข้ารู้คือข้าเป็นฝ่ายชนะ และเจ้าจะตายไปพร้อมกับความพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพช” หลีหั่วมองเหยียนหยางด้วยสายตาที่ดูถูกและพูดออกไป พร้อมกับถ่มน้ำลายลงไปข้าง ๆ


“อ๊ากก!” เหยียนหยางตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้จากด้านใน ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากพิษวิหคเพลิง แต่เนี่ยลี่ทำการปรับแต่งให้มันมีพิษรุนแรงมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้ในการกระตุ้นพลังให้แก่ผู้ใช้ลมปราณธาตุอัคคีเช่นเหยียนหยางได้


“นั่นเจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน?” ปรมาจารย์เทียนหั่วหันไปมองเนี่ยลี่ด้วยความประหลาดใจ ที่เนี่ยลี่ทำไม่ใช่การถอนพิษ


“ข้าปรับแต่งพิษในร่างกายของศิษย์พี่เหยียนหยางให้มีความรุนแรงมากขึ้น หากศิษย์พี่เหยียนหยางสามารถผ่านพ้นไปได้ เขาจะต้องบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าอย่างแน่นอน” เนี่ยลี่ตอบกลับไป ตอนนี้เขาเองก็ทำได้แต่มองดูเท่านั้น


ในตอนนี้เหยียนหยางดิ้นรนอยู่กับพื้น แต่มือของเขายังพยายามเอื้อมไปหยิบกระบี่เพลิงสวรรค์มาไว้ในมือ เขายังไม่ยอมแพ้แม้ว่าพิษกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา


“การต่อสู้ยังไม่รู้ผล!” เหยียนหยางกัดฟันลุกยืนขึ้นมา แม้ว่าจะเจ็บปวด เขายังคงมีความมุ่งมั่น และมีความองอาจสมกับเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายเทพอัคคี


“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างสมเกียรติ” หลีหั่วเห็นความมุ่งมั่นของเหยียนหยางแล้ว เขาก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้


“กระบองเหล็กร้อยชั่ง!” หลีหั่วกระโดดขึ้นไปใช้กระบวนท่าเดิมอีกครั้ง ฟาดลงไปที่เหยียนหยางที่ยืนอยู่ด้านล่าง


ตูมม! ตูมม! ตูมม!


เสียงพื้นดินระเบิดออก ทันทีที่กระบองของหลีหั่วฟาดลงพื้น ที่เหยียนหยางยืนอยู่ เศษฝุ่นกระจายคลุ้งไปทั่ว จนมองไม่เห็นร่างของเหยียนหยาง ไม่มีใครรู้เลยว่าหลังจากถูกโจมตีแล้วเหยียนหยางนั้นจะเป็นเช่นใด


ฝุ่นที่ปกคลุมอยู่ค่อย ๆ จางลง มองเห็นร่างของเหยียนหยางที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ กระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวนั้นถูกเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบกายของเหยียนหยางป้องกันเอาไว้อีกครั้ง บัดนี้ เปลวไฟที่ห้อมล้อมกายของเหยียนหยางลุกไหม้ยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาของเหยียนหยางค่อย ๆ เปิดขึ้น เขามองไปทางเนี่ยลี่และพูดขึ้นมาว่า


“ไม่คิดเลยว่า ข้าจะเป็นผู้ที่มีพันธสัญญากับเจ้า ข้าคือหนึ่งในหกคนที่กลับชาติมาเกิด”


เนี่ยลี่ยืนนิ่งเงียบ เขาเคยคิดว่าเหยียนหยางอาจจะเป็นหนึ่งในหกคนที่เขาตามหาอยู่ เนื่องจากสามในสี่คนที่ผ่านมา ล้วนแต่เป็นคนที่มีชะตาต้องกันกับเขา จอมมาร ต้วนเจี้ยน กู้หลาน มีเพียงเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงที่แตกต่างออกไป และคนสุดท้ายอาจจะเป็นหมิงเยี่ยวู่ซวงก็เป็นได้ แต่เมื่อนางนั้นก็บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า นางก็มิได้พูดถึงเรื่องนี้กับเขา ดังนั้นเขาคงต้องหาคนสุดท้ายอีกต่อไป
         

      “ข้ารู้สึกยินดียิ่งนัก แต่ท่านคงต้องจบการประลองนี้ก่อน จากนั้นเราค่อยมาคุยกันภายหลัง” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
         

       “ข้าคงไม่ต้องให้เจ้ารอนาน แค่เพียงกระบวนท่าเดียวก็จบแล้ว” เหยียนหยางใช้กระบี่เพลิงสวรรค์ในมือปัดกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาว ที่ฟาดลงมาใส่เค้าและถูกเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบกายเขากั้นเอาไว้ออกไป และทะยานขึ้นมาจากพื้นที่ถูกฟาดจนยุบ
         
        “อสูรเช่นข้า ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้แก่มนุษย์!” หลีหั่วฟาดกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวลงไปที่เหยียนหยางอีกครั้ง พลังที่เพิ่มขึ้นจากยาทิพย์มังกรครามในตอนนี้หมดไปแล้ว ระดับพลังของหลีหั่วจึงกลับมาแค่ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่านั้น
         

     “ดูเหมือนว่าชีวิตของเจ้านั้นจะเป็นดั่งแสงเทียนที่กำลังจะดับลงไป กระบี่เพลิงคลื่นสวรรค์!” เหยียนหยางใช้แรงเพียงเล็กน้อยตวัดกระบี่เพลิงสวรรค์ไปทางด้านหน้า คลื่นลมปราณจากกระบี่ของเขาพุ่งผ่านกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวและร่างของหลีหั่วไป จากนั้นกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาวก็ถูกตัดออกเป็นสองท่อน ร่างของหลีหั่วเองก็เช่นกัน บัดนี้เหยียนหยาง กระบี่เพลิงสวรรค์ และเกราะเพลิงสวรรค์สีชาด ได้ผสานกันเป็นหนึ่ง หากไม่นับกู้เบ่ยแล้ว เหยียนหยางก็เป็นผู้หนึ่งที่เหมาะสมกับฉายาเทพกระบี่ยิ่งนัก
         
      หลังจากนั้นเหยียนหยางก็บินไปหาเนี่ยลี่และคนอื่น ๆ อย่างช้า ๆ ในลานประลองเหลือเพียงความเงียบงันเท่านั้น
         

     “หลีหั่ว ศิษย์ของข้า” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น เขาปลดปล่อยลมปราณออกมา แม้ว่าจะเป็นเพียงลมปราณระดับเทพสงครามขั้นที่แปด แต่ก็เป็นลมปราณที่น่าหวาดกลัวไม่น้อย
         

     “เสวียนหมิงเจ้าเป็นคนพูดเองว่า การประลองในวันนี้หากมีฝ่ายหนึ่งต้องล้มตาย ก็จงอย่าได้โกรธแค้นกัน และศิษย์ของข้าก็ชนะอย่างขาวสะอาด” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดออกไปเมื่อเห็นท่าทางของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง
         

      “หุบปาก! ข้าจะไม่ให้อภัยกับพวกเจ้า ที่สังหารศิษย์ของข้า” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตะโกนออกมาด้วยความเจ็บแค้น ดูเหมือนว่าเขานั้นใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าแล้ว

         

       เมื่อเห็นปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง ทำเช่นนั้น ปรมาจารย์เทพอีกสามตนที่เหลือก็ปลดปล่อยลมปราณของตนเองออกมาเช่นกัน การต่อสู้ในครั้งนี้คงไม่มีผู้ใดที่จะหยุดมันได้อีกแล้ว.......จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง