test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

17 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.53 หมากล้อม





ณ ลานประลองของนิกายเทพอสูร



ทางนิกายเทพอสูรได้จัดเตรียมที่นั่งให้คนละฟากของลานประลอง และให้กองกำลังของนิกายเทพอสูรมายืนอยู่ด้านข้างลานประลองนับพันคน ส่วนปรมาจารย์เทพทั้งสี่นั่งอยู่อีกฝั่งของลานประลอง


“เทียนหั่ว เจ้าเดินทางมายังนิกายเทพอสูรด้วยเหตุใดกัน?ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตะโกนถามออกไป


เสวียนหมิงเจ้าอย่าได้ร้อนใจ ศิษย์ข้านั้นได้บรรลุพลังในระดับเทพสงครามแล้ว ข้าจึงต้องการให้เขาได้หาประสบการณ์เท่านั้น” ปรมาจารย์เทียนหั่วลูบเคราพร้อมกับหัวเราะและตอบกลับไป


“เจ้าคิดจะให้ศิษย์ของเจ้า มาถล่มนิกายเทพอสูรเช่นนั้นหรือ?ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดพร้อมกับปล่อยลมปราณที่เต็มไปด้วยจิตสังหารออกไป

“ข้าเพียงแค่ต้องการให้ศิษย์ของข้ามาทดสอบฝีมือ ก่อนที่จะรับตำแหน่งผู้นำนิกายของข้าเท่านั้น เจ้าไม่ต้องการทราบหรือว่า ผู้ที่จะมาเป็นผู้นำนิกายคนใหม่ของนิกายเทพอัคคีแข็งแกร่งเพียงใด” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ


“ถ้าต้องการเช่นนั้นสถานที่แห่งนี้ คือลานประลองศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเทพอสูร โอรสศักดิ์สิทธิ์เหยียนหยาง ศิษย์ของเจ้าข้าเคยเล่นสนุกกับเขามาก่อนแล้ว หากตอนนั้นเจ้าไม่ยื่นมือเข้ามา ศิษย์ของเจ้าคงสิ้นชื่อไปแล้ว” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกยิ่งนัก


“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดท่านจึงไม่ให้ ศิษย์ของท่านและข้ามาประลองกันดูเล่า” ปรมาจารย์เทียนหั่วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สงบเช่นเดิม


ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงใช้ลมปราณของตนตรวจสอบความแข็งแกร่งของทั้งสี่คน เขารับรู้ได้ทันทีว่าเหยียนหยางและหมิงเยี่ยวู่ซวง จงใจปกปิดพลังที่แท้จริงของตนเองเอาไว้


เจ้าเล่ห์เหลือเกินนะตาเฒ่าปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงคิดในใจ


“หลีหั่ว!ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงหันไปมอง โอรสศักดิ์สิทธิ์หลีหั่วและเรียกชื่อของเขา โอรสศักดิ์สิทธิ์หลีหั่วพยักหน้าตอบรับในทันที ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าแล้ว เขาในตอนนี้ได้ก้าวล้ำอาจารย์ของตนไปแล้ว เนื่องจากเขาได้ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำมาจากตำหนักซีอิงเสิ่นหลายร้อยก้อน และได้คำชี้แนะจากปรมาจารย์แห่งเทพโดยตรง


[หลังจากที่ไม่สามารถติดต่อกับนิกายอสูรฟ้า บริวารแห่งเทพจึงสั่งการให้เหล่านิกายอสูรคัดเลือกหาตัวแทน มารับคำชี้แนะในการบ่มเพาะพลังจากบริวารแห่งเทพโดยตรง ซึ่งนิกายอสูรส่วนใหญ่ต่างก็คัดเลือกโอรสศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากอายุยังน้อย และจะสามารถปกป้องนิกายอสูรได้อีกยาวนาน และหลี่หั่วก็ได้นำคำชี้แนะมาบอกแก่ปรมาจารย์ทั้งสี่ทำให้ระดับพลังของพวกเขารุดหน้าอย่างรวดเร็ว แต่บริวารแห่งเทพก็ไม่สอนให้ผู้ใดเกี่ยวกับระดับพลังขั้นขอบเขตแห่งพระเจ้า ดังนั้นหลีหั่วและปรมาจารย์แห่งเทพทุกคนจึงมีพลังอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้า มีเพียงปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงที่อยู่ในขั้นที่แปดเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ระดับพลังของเขาลดลงไปครึ่งหนึ่ง]


“เจ้าต้องการประลองด้วยวิธีใดกัน?” หลีหั่วจับจ้องไปที่เหยียนหยางด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก


“ยอดฝีมือหาได้วัดกันเพียงแค่วรยุทธ ในขั้นแรกข้าต้องการท้าประลองหมากล้อมกับเจ้า” เหยียนหยางตอบกลับไปอย่างองอาจ


“ข้าได้ยินมาว่าเจ้านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหมากล้อม จนเรียกได้ว่าเข้าสู่ระดับหัตถ์เทวะ อยากรู้นักว่าจะเก่งกาจสมคำร่ำรือหรือไม่ เตรียมกระดานหมากล้อมมาที่กลางลานประลอง” หลีหั่วตะโกนบอกให้อสูรรับใช้นำกระดานหมากล้อมออกมา


“ถ้าเช่นนั้นข้าขอเลือกใช้หมากขาว เจ้าจะว่าอันใดหรือไม่?” เหยียนหยางกระโดดขึ้นไปบนลานประลองและพูดออกไป


“เทพและมาร ขาวและดำ ก็นับว่าเหมาะสมดี!” หลีตั่วใช้มือทุบโต๊ะที่มีกระดานหมากล้อมวางอยู่ เพื่อให้ถ้วยหมากดำมาวางอยู่ทางด้านที่เขานั่ง และถ้วยที่ใส่หมากขาวไปอยู่ฝั่งเหยียนหยาง


“ข้าถือหมากดำ ดังนั้นข้าจะเป็นฝ่ายวางหมากก่อน” หลีหั่วหยิบเม็ดหมากขึ้นมาและเตรียมวางหมากเม็ดแรก


“ช้าก่อน! หากไม่มีการวางเดิมพันคงจะน่าเบื่อยิ่งนัก ไม่ทราบว่าท่านมีความเห็นเช่นใด?” เหยียนหยางยื่นมือไปขวาง เพื่อยังไม่ให้หลี่หั่วได้วางหมากเม็ดแรก


“เจ้าจะใช้สิ่งใดในการเดิมพัน?” หลีหั่วจ้องหน้าเหยียนหยางและถามออกไปด้วยความไม่พอใจ


“หากชนะข้าต้องการเกราะเพลิงสวรรค์สีชาดของเจ้า และไม่ว่าข้าจะแพ้หรือชนะ ข้าจะจ่ายด้วยศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำจำนวนหนึ่งแสนก้อน” เหยียนหยางพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลีหั่วก็รู้สึกประหลาดใจไม่ได้ ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำหนึ่งแสนก้อน สามารถนำไปซื้อชุดเกราะหรืออาวุธในระดับพระเจ้าได้ เหตุใดเหยียนหยางจึงใช้เงินจำนวนมากถึงเพียงนี้มาเดิมพันกับเกราะวิเศษระดับเก้านี้  และยินดีที่จะจ่ายให้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ ข้อเสนอนี้ดีเกินไปจนน่าสงสัย


หลีหั่วหันไปมองปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง เพื่อขอความเห็น ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพยักหน้าตอบรับในทันที


“ตกลง! ถ้าเช่นนั้นนี่คือหมากเม็ดแรกของข้า” หลีหั่ววางหมากเม็ดแรกลงตรงจุดดาวล่างซ้ายของกระดาน ทันทีที่วางเม็ดหมากลงไป กระดานหมากก็ขยายใหญ่ขึ้น และพื้นที่โดยรอบกลายเป็นดั่งท้องฟ้าอันมืดมิดยา่ำคืน เม็ดหมากที่วางลงไปกลายเป็นแสงดาวสีดำส่องประกายออกมา


“มืดมิดและเหน็บหนาว สมกับเป็นนิกายเทพอสูร นี่คือหมากเม็ดแรกของข้า” เหยียนหยางพูดพร้อมกับวางเม็ดหมากตรงจุดดาวที่อยู่ตรงข้ามทันที [หากมองทางด้านของเหยียนหยางจุดดาวจุดนี้จะอยู่ตรงมุมล่างซ้ายเช่นกัน]


ทันทีที่เม็ดหมากของเหยียนหยางวางลงไป ก็ปรากฏเป็นดวงดาวสีขาวส่องสว่าง ทำให้ท้องฟ้าที่มืดมิดค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสว่างใสทันที


ทุกคนที่มองดูการประลองหมากลอง ต่างก็ตกตะลึง นี่ไม่ใช่การเล่นหมากล้อมธรรมดา แต่ราวกับเป็นการจัดวางดวงดาราบนท้องฟ้าเลยทีเดียว


“หยุดล้อเล่นกันสักที นี่คือหมากเม็ดที่สองของข้า” หลีหั่ววางหมากดำเม็ดที่สองตรงกึ่งกลางกระดาน [จุดเทียนหยวน] หลังจากที่วางลงไปหมากสีดำเม็ดนี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นดวงอาทิตย์สีดำที่ร้อนแรง จนทำให้เหยียนหยางไม่อาจปิดกั้นพลังของตัวเองได้ต่อไป จึงปลดปล่อยลมปราณระดับเทพสงครามขั้นที่ห้าออกมา หากไม่ทำเช่นนี้ แค่การวางหมากเขาก็คงไม่อาจทำได้เสียด้วยซ้ำ


“ถอดหนังแกะออกแล้วสินะ” หลีหั่วยิ้มออกมาที่มุมปาก ความแข็งแกร่งระดับนี้เมื่อเทียบกับเขานั้นยังห่างชั้นกันอีกหลายขั้น


เหยียนหยางวางหมากขาวเม็ดที่สองประจันหน้ากับหมากดำที่อยู่ตรงกลางกระดานทันที การวางหมากในแต่ละครั้งต้องใช้ลมปราณไม่น้อย หากไม่ทำเช่นนั้นจะต้องถูกดวงอาทิตย์สีดำกลืนกินไปเป็นแน่


หลีหั่ววางหมากเพื่อปกป้องจุดเทียนหยวน เอาไว้ ทางด้านเหยียนหยางยังคงต่อสู้อยู่ที่จุดกลางกระดาน หากไม่สามารถจัดการกับหมากที่จุดเทียนหยวนได้ เขาคงจะพ่ายแพ้


หลังจากที่การต่อสู้กลางกระดาน จะไม่รู้ผลได้โดยง่าย เนื่องจากหลี่หั่วได้วางหมากดำกันเอาไว้ เหยียนหยางจึงเปลี่ยนไปโจมตีตรงหมากดำ หมากแรกของหลีหั่วแทน


เมื่อเห็นเช่นนั้นหลีหั่วจึงหันมาวางหมากปกป้องหมากเม็ดแรกแทน ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนไปมีทั้งที่มืดมิดและส่วงปนเปกัน และมีดวงดาราสีดำและขาวอยู่เต็มท้องฟ้า


เหยียนหยางยังคงรุกไล่ตรงด้านบนขวาของกระดาน และพยายามขยายหมากมาทางกลางกระดานโดยที่ไม่ให้หลีหั่วรู้ตัว


ในยามนี้หากเปรียบเม็ดหมากเป็นกองกำลังทหาร กองกำลังของหลีหั่วได้ยึดชัยภูมิที่ได้เปรียบไปแล้ว แต่เหยียนหยางก็ยังลอบหาเส้นทางบุกไปได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ


เหยียนหยางวางหมากลงไป หากวางอีกเม็ดเดียวก็จะสามารถกินหมากดำที่อยู่ด้านบนขวาได้ แต่เขากลับหันมาวางหมากเพื่อยึดกลางกระดานแทน การวางหมากต่อสู้กันตรงด้านบนซ้ายทอดยาวจนมาใกล้กับจุดเทียนหยวนโดยที่หลีหั่วไม่ทันได้ระวัง เพราะทุกหมากที่เหยียนหยางวางลงมา สามารถเป็นจุดชี้ขาดได้ทุกเม็ด


“ไม่มีทาง” หลีหั่วรีบวางหมากเสริมกำลังให้กับหมากกลางกระดาน


“ช้าไปแล้ว” เหยียนหยางวางหมากชี้ขาดทันที แสงของอาทิตย์สีดำค่อย ๆ มอดดับลง หากวางหมากต่ออีกเพียงสองเม็ด หมากกลางกระดานทั้งกลุ่มของหลีหั่วจะถูกกินจนหมด


“ข้าแพ้แล้ว” หลีหั่วพูดขึ้นมาด้วยความเจ็บใจ เขาประมาทไปเพียงเล็กน้อย จึงพบกับความพ่ายแพ้


เมื่อหลีหั่วยอมรับความพ่ายแพ้ กระดานหมากล้อมก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีท้องฟ้าและดวงดาราปรากฏขึ้นมาอีกแล้ว


“ถ้าเจ้าอยากได้เกราะบ้านี่ก็จงรับไป” หลีหั่วถอดเกราะเพลิงสวรรค์สีชาดออกและโยนให้เหยียนหยาง เหยียนหยางรีบสวมใส่เกราะเพลิงสวรรค์สีชาดในทันที หลังจากนั้นก็โยนแหวนห้วงมิติที่ได้มาจากเนี่ยลี่ ที่ด้านในมีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำหนึ่งแสนก้อน ให้แก่หลีหั่ว


“ดูเหมือนว่าการประลองหมากล้อมศิษย์ข้าจะเป็นฝ่ายชนะ และดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย การประลองวรยุทธคงต้องเป็นวันพรุ่งนี้ ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้พวกข้าจะเดินทางมาอีกครั้ง” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี


“ในการประลองวรยุทธเจ้าต้องการเดิมพันสิ่งใดอีกหรือไม่?ปรมาจารย์เทพชิงหลงที่นั่งชมการประลองอยู่เอ่ยถามออกไป


“ข้าเองก็ไม่รู้ว่านิกายเทพอสูรจะมีสมบัติอันใดอีก คืนนี้ข้าจะลองกลับไปคิดดู” ปรมาจารย์เทียนหั่วตอบกลับไปอย่างสงบนิ่ง เขาไม่จำเป็นที่จะต้องบอกไปในตอนนี้


หลังจากนั้นทั้งห้าคนก็เดินทางออกจากนิกายเทพอสูรไป ก็มีเหล่าอสูรลอบติดตามมาหนึ่งในนั้นคืออู๋หยาจื่อ ซึ่งก็ไม่อาจหลุดพ้นจายสายตาของเนี่ยลี่ เขารีบส่งเสียงผ่านลมปราณไปบอกให้อู่หยาจื่อไปยังที่แห่งหนึ่งหลังจากนี้


หลังจากอู่หยาจื่อตอบรับ เนี่ยลี่ก็พาพวกเขาหลบเข้าไปในตำหนักชมจันทร์ทันที อสูรที่ลอบตามมาต่างก็งุนงง  หลังจากคลาดสายตาเพียงครู่เดียวทั้งสี่คนก็หายไปโดยไร้ร่องรอย พวกอสูรตนอื่น ๆ จึงรีบกลับมารายงานปรมาจารย์เทพทั้งสี่ทันที ส่วนอู๋หยาจื่อขอแยกไปสำรวจทางอื่นต่ออีกสักพัก


“ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีเป้าหมายบางอย่าง แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด” ปรมาจารย์เทพจูเชวี่ยพูดขึ้นมาด้วยความกังวล


“พวกมันสามารถหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้เช่นใดกัน” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เป็นคนส่งให้ศิษย์ของเขาลอบตามไป แต่กลับได้ข่าวเพียงว่า ทั้งสี่คนหายไปโดยไร้ร่องรอยเท่านั้น


“ไม่ว่าพวกมันจะต้องการสิ่งใด หากหลีหั่วเอาชนะได้ เรื่องทั้งหมดก็จบลง” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดแทรกขึ้นมา ผลการประลองในวันนี้หลีหั่วประมาทเกินไป เขาจึงไม่พอใจยิ่งนัก


“หลีหั่วจงรับเกราะของข้าไป นี่คือเกราะกระดองทมิฬของข้า เป็นชุดเกราะระดับพระเจ้าที่เหนือกว่าเกราะเพลิงสวรรค์สีชาดของเจ้า” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงโยนชุดเกราะของเขาให้แก่หลีหั่ว หลีหั่วรีบนำมาสวมใส่ในทันที


“ส่วนอาวุธ จงรับสิ่งนี้ไปกระบองเหล็กพยัคฆ์ขาว เป็นอาวุธวิเศษระดับพระเจ้าเช่นกัน” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่โยนอาวุธคู่กายของเขาให้แก่หลีหั่วเช่นกัน หลีหั่วรับด้วยมือขวาของเขา


“นี่คือยาทิพย์มังกรคราม เมื่อทานเข้าไปพลังของเจ้าจะสูงขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง” ปรมาจารย์เทพชิงหลงโยนยาทิพย์ของเขาให้แก่หลีหั่ว เป็นยาทิพย์ที่ต้องใช้เวลากลั่นนับร้อยปี ซึ่งปรมาจารย์เทพชิงหลงมีแค่ห้าเม็ดเท่านั้น หลังจากที่มอบให้หลีหั่ว ปรมาจารย์เทพชิงหลงก็แจกจ่ายยาทิพย์ให้แก่ปรมาจารย์เทพอีกสามตน


“ส่วนนี่คือเข็มพิษวิหคเพลิงของข้า มันมีพิษร้ายแรง เวลาใช้อย่าได้ให้ผู้ใดเห็นเป็นอันขาด” ปรมาจารย์เทพจูเชวี่ยมอบเข็มพิษวิคเพลิงให้แก่หลีหั่ว ไว้ใช้เป็นอาวุธลับ


หลีหั่วใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่คว้ารับทั้งสองสิ่งมาอย่างรวดเร็ว


“ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ทั้งสี่ผิดหวัง พรุ่งนี้ข้าจะสังหารเหยียนหยางให้จงได้” หลีหั่วประสานมือขอบคุณอาจารย์ทั้งสี่ของเขา


“เหยียนหยางนั้นมีพลังในระดับเทพสงครามขั้นที่ห้าเท่านั้น ด้วยของเหล่านี้หากเจ้ายังไม่อาจเอาชนะมันได้ ข้าจะขับไล่เจ้าออกจากนิกายซะ!ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


หลังจากนั้นเนี่ยลี่ ก็ออกมาพบกับอู่หยาจื่อตรงจุดนัดพบ ทันทีที่เห็นอู่หยาจื่อเนี่ยลี่ก็พูดออกไปทันทีว่า



“ข้าจะทำให้เจ้าได้เป็นประมุขนิกายเทพอสูร เจ้าสนใจที่จะรับฟังข้อเสนอจากข้าหรือไม่?”...........................จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง