test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

16 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.52 นิกายเทพอสูร





         

       เมื่อกลับมายังนิกายเทพอัคคี เนี่ยลี่ได้ขอดูอาวุธของทั้งสองคน เหยียนหยางนำกระบี่เพลิงสวรรค์ออกมาให้เนี่ยลี่ดู
         

     “กระบี่เพลิงสวรรค์ อาวุธวิเศษระดับเก้า” เนี่ยลี่ถือกระบี่เพลิงสวรรค์มาตรวจสอบ ความแข็งแกร่งของมันอยู่แค่เพียงระดับเก้า แต่เนี่ยลี่ก็มีความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับว่ายังมีสิ่งที่ไม่สมบูรณ์
         

     “ข้าขอคืนให้กับท่านก่อน แล้วอาวุธของพี่หมิงเยี่ยคือสิ่งใดกัน?” เนี่ยลี่มอบกระบี่เพลิงสวรรค์ให้แก่เหยียนหยาง และหันไปถามหมิงเยี่ยวู่ซวง
         

     “ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอาวุธได้หรือไม่ มันเป็นเพียงแค่พิณไร้นามเท่านั้น” หมิงเยี่ยวู่ซวงนำพิณออกมาจากแหวนห้วงมิติของนางและส่งให้เนี่ยลี่
         

     “ข้าไม่รู้จักพิณคันนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าข้าจะต้องพาพวกท่านทั้งสองไปพบกับเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงก่อนที่จะเดินทางไปยังนิกายเทพอสูร” เนี่ยลี่ส่งพิณคืนให้แก่หมิงเยี่ยวู่ซวง และสะบัดมือขวาของเขา หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ


ภายในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
         

     “นี่ยังไม่ถึงเวลาที่ข้านัดหมาย เหตุใดเจ้าจึงเข้ามาหาข้า” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดขึ้นมาขณะที่ตีดาบของหลี่ชิงอวิ๋นอยู่
         

     “ข้าต้องขออภัยท่านผู้อาวุโสเถี่ยเจี้ยง ข้าต้องการให้ท่านชมอาวุธของศิษย์พี่ทั้งสองของข้า พวกเราจะต้องทำศึกในเร็ววันนี้” เนี่ยลี่ประสานมือและก้มหัวอย่างสุภาพ เขารู้ดีว่าการที่มารบกวนเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดในขณะที่ตีอาวุธอยู่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมยิ่งนัก
         

     “ไม่จำเป็น กระบี่เพลิงสวรรค์ นั่นเหมาะสมกับลมปราณอัคคีของเจ้าหนุ่มผู้นั้นอยู่แล้ว แต่มันยังไม่สมบูรณ์ กระบี่เพลิงสวรรค์นั้นจำเป็นต้องสวมใส่ชุดเกราะอีกชุดหนึ่ง จึงจะแสดงความสามารถที่แท้จริงของมันได้ เนื่องจากมันถูกสร้างมาให้คู่กัน” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดขึ้นมาหลังจากที่ชำเลืองมองดูเหยียนหยางที่ถือกระบี่อยู่ในมือ
         

   “ท่านผู้อาวุโส ชุดเกราะที่ว่าคือเกราะอันใดกัน?” เหยียนหยางรีบประสานมือและถามออกไปด้วยท่าทีที่สุภาพ
         

   “เดิมทีเกราะนั้นเป็นมรดกที่สืบทอดในนิกายเทพอัคคีตั้งแต่อดีต แต่ผู้ครอบครองชุดเกราะนั้นพลาดท่าให้กับศิษย์ของนิกายเทพอสูร หลังจากที่เขาถูกสังหาร ศิษย์ของนิกายเทพอสูรจึงนำชุดเกราะนั้นกลับไป ชื่อของเกราะนั้นก็คือ เกราะเพลิงสวรรค์สีชาด” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงตอบกลับไป ในขณะที่มือเขายังคงตีดาบอยู่
         

    “เกราะเพลิงสวรรค์สีชาด เกราะของหลีหั่วแห่งนิกายเทพอสูร!เหยียนหยางพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเกราะเพลิงสวรรค์สีชาด ที่โอรสศักดิ์สิทธิ์หลีหั่วสวมใส่อยู่ จะเป็นมรดกที่สืบทอดของนิกายเทพอัคคีเช่นเดียวกันกับกระบี่เพลิงสวรรค์ ที่เขาได้รับมา
         

    “เมื่อเจ้าได้สวมใส่เกราะเพลิงสวรรค์สีชาด กระบี่เพลิงสวรรค์จะแสดงพลังที่แท้จริงออกมา ความแข็งแกร่งเมื่อสวมใส่คู่กันจะเทียบเท่าของวิเศษระดับพระเจ้าเลยทีเดียว” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงอธิบายอย่างช้า ๆ
         

     “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะหาหนทางที่จะทำให้พี่เหยียนหยางได้เกราะเพลิงสวรรค์สีชาดมา” เนี่ยลี่พูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
         

      “ส่วนพิณไร้นามของแม่นางผู้นั้น เหตุที่ข้ามิได้ตั้งชื่อให้มันเพราะมันเป็นของที่ยังไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกับ ผีผาคร่าวิญญาณ” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดขณะที่ใช้ที่คีบเหล็กที่ถืออยู่ในมือซ้ายนำดาบที่กำลังตีอยู่ไปแช่น้ำเพื่อให้คงรูป ก่อนที่จะนำไปวางบนแท่นตีเหล็กอีกครั้ง เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงได้สะบัดดาบเล่มนั้นไปทางพิณไร้นามของหมิงเยี่ยวู่ซวง
         

ผึงง!
         

      ด้วยลมปราณจากการสะบัดดาบ สายพิณทั้งเจ็ดสายก็ขาดออกทันที ทำให้หมิงเยี่ยวู่ซวงตกใจเป็นอย่างมาก
         

      “พวกเจ้าทำให้ข้าเสียเวลายิ่งนัก” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจและใช้ค้อนตีไปที่ดาบอย่างรุนแรง
         

        เศษเหล็กส่วนเกินของดาบที่ยังตีไม่เสร็จพุ่งออกไปเป็นเจ็ดเส้น และไปแทนที่สายพิณทั้งเจ็ดที่ถูกตัดขาดออกไปทันที
         

       สายพิณแต่ละเส้นค่อย ๆ สอดใส่ไปตามตำแหน่งราวกับมีชีวิต
         

      “จากนี้ พิณนั้นจะมิใช่พิณไร้นามอีกต่อไป ชื่อของมันคือพิณเมฆาสวรรค์”  เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดออกไป เนื่องจากสายพิณทั้งเจ็ดเป็นเหล็กชนิดเดียวกันกับที่ใช้ตี ดาบเมฆาสวรรค์ไร้ลักษณ์ เขาจึงให้ใช้ชื่อเช่นนี้
         

     “ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” หยิงเยี่ยวู่ซวงวางพิณเมฆาสวรรค์ลงกับพื้น และคุกเข่าประสานมือขอบคุณเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
         

      “เนี่ยลี่ จงนำสิ่งนี้ไปมอบให้ฮัวเตี่ย” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดพร้อมกับใช้ลมปราณควบคุมกระดาษสี่แผ่นให้ลอยไปหาเนี่ยลี่
        

      “นี่มันแบบแปลนของมีดเขี้ยวมังกร ที่ข้าเขียนให้ท่าน เพื่อให้ตีเป็นอาวุธของหลงยู่อิน” เนี่ยลี่รับม้วนกระดาษมาคลี่ดูแผ่นหนึ่งและพูดออกไป
         

     “มันคือ มีดเขี้ยวมังกรฟ้า ข้าได้แก้ไขเป็นรูปลักษณ์ที่เหมาะสมแล้ว ฮัวเตี่ยในตอนนี้สามารถตีมีดสองเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนอาวุธในอีกสามแผ่นที่เหลือนางก็สามารถทำได้ดียิ่งกว่าข้า หากข้าต้องทำอาวุธทั้งหมดเพียงลำพัง คงจะต้องใช้เวลามากเกินไป” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงอธิบาย
         

      “ข้าเข้าใจแล้ว หลังจากที่ท่านตีดาบเล่มนั้นสำเร็จ อาวุธชิ้นต่อไปข้าต้องการให้ท่านทำอาวุธของจื่ออวิ๋น” เนี่ยลี่ประสานมือ ก้มศีรษะและพูดออกไปด้วยความสุภาพ เขาได้เขียนรูปแบบของอาวุธ ชื่อ และรูปลักษณ์ของแต่ละคนให้เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงไปแล้ว
         

      “ข้าเองก็ตั้งใจเช่นนั้น!” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงตอบกลับไป หลังจากนั้นเขาก็โบกมือไล่ให้ทั้งสามคนออกไป พวกเขาจึงประสานมือและกล่าวลาอีกครั้งก่อนที่จะออกจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไป
         

     เมื่อออกมาจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ หมิงเยี่ยวู่ซวงลองบรรเลงพิณที่ได้เปลี่ยนสายจากเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
         

       ทันทีที่กรีดนิ้วลงบนสายพิณ ก็บังเกิดเสียงที่ดังก้องกังวาลไปทั่ว เสียงที่ออกมานิ่มนวลประดุจปุยเมฆ ราวกับมีดอกไม้ผลิบานอยู่บนสวรรค์ หมิงเยี่ยวู่ซวงที่เป็นผู้บรรเลงก็รู้สึกประหลาดใจ จนนิ้วหยุดเคลื่อนไหว
         

      “ท่วงทำนองที่บรรเลง แตกต่างจากสายพิณเดิมอย่างเห็นได้ชัด” หมิงเยี่ยวู่ซวงพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
         

      “ฝีมือของพี่หมิงเยี่ย ยังคงน่าชื่นชมยิ่งนัก” เนี่ยลี่พูดออกไปพร้อมกับยิ้ม แม้จะบรรเลงเพียงครู่เดียว แต่เสียงพิณของนางทำให้เนี่ยอดที่จะคิดถึง อิงเยว่ลู่ผู้เป็นอาจารย์ของเขาไม่ได้
         

     “พวกเราจะเดินทางไปยังนิกายเทพอสูรด้วยวิธีใดกัน” เหยียนหยางหันไปถามเนี่ยลี่ เขารับรู้ได้ว่าการเปิดเส้นทางสวรรค์ขึ้นมาต้องใช้พลังสวรรค์ไปไม่น้อย วันนี้เนี่ยลี่ใช้ไปถึงสามครั้ง เขาสัมผัสได้ว่าพลังของเนี่ยลี่เหลือไม่ถึงสามส่วนเท่านั้น
         

      “พวกเราจะเดินทางไปตามปกติ ด้วยระดับพลังของพวกเราคงใช้เวลาราวสองวัน ระหว่างทางพวกเราจะหยุดพักในตำหนักชมจันทร์ของข้า” เนี่ยลี่ตอบกลับไป เขาไม่ต้องการสูญเสียพลังกับการใช้เส้นทางสวรรค์ เพราะหากเกิดการต่อสู้ขึ้น เขาจะใช้พลังได้ไม่เต็มที่ ส่วนตำหนักชมจันทร์นั้นเนี่ยลี่สามารถเปิดเข้าไปได้จากทุกแห่งตามที่เขาต้องการ
         

     “แล้วเราจะออกเดินทางกันเมื่อใด” หมิงเยี่ยวู่ซวงถามออกไป
         

      “พรุ่งนี้ข้าจะเปิดเส้นทางสวรรค์เพื่อไปยังนิกายพิทักษ์สวรรค์ และนำแบบแปลนอาวุธไปให้แก่หลานสาวของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง และเมื่อกลับมาพลังข้าจะเหลือเพียงแค่ห้าส่วน เราจะเดินทางในเช้าของอีกวัน ดังนั้นคงต้องขอให้พี่หมิงเยี่ย ฝึกใช้พิณเมฆาสวรรค์ให้คล่องแคล่วในช่วงเวลาที่เหลืออยู่” เนี่ยลี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
         

      “ตกลง!” หมิงเยี่ยวู่ซวงตอบกลับไป หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็กลับไปยังห้องรับรองที่นิกายเทพอัคคีจัดเตรียมเอาไว้ให้
         

      ทางด้านเหยียนหยางก็กลับไปยังตำหนักของเขาและดิ่มยาทิพย์ เพื่อบ่มเพาะพลังทันที เขาจะต้องบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าให้ได้ก่อนที่จะออกเดินทาง
         

     เช้าวันต่อมา เนี่ยลี่ตื่นขึ้นมาด้วยพลังสวรรค์ที่เต็มเปี่ยม ดูเหมือนว่าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนอยู่โดยรอบนิกายเทพอัคคี จะทำให้เนี่ยลี่ได้รับพลังเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย


เขานั้นเปิดเส้นทางสวรรค์ขึ้นมา และเดินทางไปหาฮัวเตี่ยทันที หลังจากที่มอบแบบแปลนอาวุธและบอกกล่าวคำพูดของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงให้แก่ฮัวเตี่ย นางก็ได้รับแบบแปลนอาวุธทั้งสี่ไป และเริ่มลงมือตีอาวุธโดยทันที


เนี่ยลี่แวะไปแจ้งข่าวให้แก่หลี่ชิงอวิ๋นและขอตัวกลับมายังนิกายเทพอัคคีทันที หลังจากนั้นเขาก็นั่งดูดซับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ไปพร้อมกับดิ่มยาทิพย์ทำให้ระดับพลังของเขาเลื่อนขึ้นเป็นระดับเทพสงครามขั้นที่หกแล้ว


สองวันต่อมา เนี่ยลี่ เหยียนหยาง หมิงเยี่ยวู่ซวง และปรมาจารย์ทั้งสองได้เดินทางมาถึงหน้านิกายเทพอสูรแล้ว นิกายเทพอสูรนั้นอยู่ใกล้กับเทือกเขาทมิฬ มีบรรยากาศมืดมัว มีเมฆหมอกหนาปกคลุมจนแทบจะไม่ได้รับแสงตะวัน


กำแพงและประตูของนิกายเทพอสูรตั้งตระหง่านแต่ก็เห็นได้ถึงความเก่าแก่ และมีรอยคราบราวกับเป็นคราบเลือด อยู่เต็มกำแพงโดยรอบ ดูแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก


“ข้าคือปรมาจารย์เทียนหั่วแห่งนิกายเทพอัคคี และ ปรมาจารย์อินเยวี่ยแห่งนิกายเสียงสวรรค์ ต้องการมาพบกับปรมาจารย์เทพทั้งสี่” ปรมาจารย์เทียนหั่วตะโกนออกไป


ในตอนนี้เนี่ยลี่ให้ทุกคนพศิลาเร้นเมฆาเอาไว้ โดยที่ให้ปรมาจารย์ทั้งสองสะกดพลังเอาไว้ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้า ส่วนเหยียนหยางและหมิงเยี่ยวู่ซวงนั้นใช้ศิลาเร้นเมฆาสะกดพลังเอาไว้ในระดับเทพสงครามขั้นที่ห้า และใช้ลมปราณของตนเองปิดบังระดับพลังของทั้งสองคนให้อยู่แค่เพียงระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง เป็นการปกปิดถึงสองชั้นด้วยกัน


    [การปกปิดระดับพลังโดยการควบคุมลมปราณ ไม่อาจที่จะปกปิดแก่ผู้ที่มีระดับพลังเท่ากันหรือเหนือกว่าได้ ในกรณีนี้หากยอดฝีมือที่มีระดับเทพสงครามขั้นที่ห้าอยู่ จะสามารถตรวจจับได้ว่าเหยียนหยางและหมิงเยี่ยวู่ซวงนั้นอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่ห้าเช่นกัน ส่วนการปกปิดโดยใช้ศิลาเร้นเมฆานั้นไม่อาจตรวจจับได้]
         

       “โปรดรออยู่ที่ด้านนอก ข้าจะไปแจ้งแก่ท่านปรมาจารย์เทพทั้งสี่” อสูรที่ทำหน้าที่ดูแลประตูตะโกนออกมา เขานั้นรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ระดับพลังของเขานั้นอยู่แค่เพียงระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่งเท่านั้น หากคนเหล่าใช้กำลังบุกเข้ามา เขาก็ไม่อาจที่จะขัดขวางได้
         

      ทางด้านปรมาจารย์เทพทั้งสี่เมื่อได้รับแจ้งข่าว พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ไม่เคยมีพวกมนุษย์เดินทางมาขอพบเช่นนี้มาก่อน และผู้ที่เดินทางมาเป็นถึงประมุขของนิกายเทพอคคี และนิกายเสียงสวรรค์ซึ่งเป็นสองในหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกได้ว่าเป็นศัตรูของนิกายเทพอสูรอย่างแท้จริง
         

      “ข้าเองก็ต้องการรู้ว่า พวกมันคิดจะมาไม้ไหน? ให้พวกมันเข้ามา” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง [玄冥:เต่าดำ] ตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว เขากับปรมาจารย์เทียนหั่วนับได้ว่าเป็นคู่แค้นกันมานานนับร้อยปี
         

      “หากพวกมันคิดจะก่อสงครามคงไม่เดินทางมาด้วยตัวเองเช่นนี้ แต่การมาของพวกมันก็ต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่” ปรมาจารย์เทพจูเชวี่ย [朱雀:วิหคสีชาด] พูดขึ้นมาบ้าง
         

     “พวกเราจะพบกับพวกมันที่ใดกัน ข้าจะได้จัดเตรียมกองกำลังเอาไว้เพื่อความปลอดภัย” ปรมาจารย์เทพชิงหลง [:มังกรคราม] พูดขึ้นมา เขานั้นมีความรอบคอบที่สุดในสี่ปรมาจารย์เทพ
         

     “พาพวกมันไปที่ลานประลอง ที่นั่นกว้างขวางพอที่จะเตรียมกำลังได้ และสามารถใช้กดดันพวกมันได้อีกด้วย”  ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ [:พยัคฆ์ขาว] พูดสรุป
         

       “ตกลง ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปพาพวกมันไปที่ลานประลอง โดยบอกแก่พวกมันว่า พวกข้าคิดว่าตำหนักของพวกข้าไม่เหมาะที่จะรับรองพวกมนุษย์ แต่ก่อนหน้านั้นจงให้กองกำลังของเราไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อน” ปรมาจารย์เทพชิงหลงหันไปสั่งการแก่อสูรที่เข้ามารายงาน
         

        “ขอรับ!” อสูรที่มารายงานรีบออกไปทำตามคำสั่งทันที...............จบตอน
        

แต่งโดย นายมะพร้าว






เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง