หลังจากที่ได้กระจกข้ามภพชิ้นแรกมา
เนี่ยลี่กลับเข้ามาในนิกายพิทักษ์สวรรค์อีกครั้ง
เพื่อคิดหาทางในการรวบรวมกระจกข้ามภพทั้งเก้าชิ้น
“ในอาณาจักรซากมังกร
นิกายเทพอสูรจะต้องมีกระจกข้ามภพอยู่เป็นแน่” เนี่ยลี่หารือกับหลี่ชิงอวิ๋น
“ถ้าเช่นนั้นคงถึงเวลาที่จะต้องกำจัดนิกายเทพอสูรให้สิ้นซากแล้ว”
หลี่ชิงอวิ๋นพูดขึ้นมา
“ข้ามีความคิดที่จะให้เหยียนหยางแห่งนิกายกเทพอัคคี
เป็นคนจัดการในเรื่องนี้” เนี่ยลี่คิดว่าเหยียนหยางในเวลานี้
คงใกล้ที่จะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
“ด้วยกำลังของนิกายเทพอัคคี
เจ้าคิดว่าจะสามารถกำจัดนิกายเทพอสูรได้เช่นนั้นหรือ?” หลี่ชิงอวิ๋นแย้งขึ้นมา
“คงจริงดั่งพี่ชิงอวิ๋นว่า
ในนิกายเทพอสูรมีปรมาจารย์เทพทั้งสี่
ที่มีความแข็งแกร่งระดับเทพสงครามขั้นที่แปดและเก้าอยู่” เนี่ยลี่พยักหน้าตอบรับ
เขาลืมไปว่านิกายเทพอัคคีนั้น
ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากเขามีเพียงปรมาจารย์เทียนหั่ว และเหยียนหยางเท่านั้น
“หากให้เหยียนหยางร่วมมือกับหมิงเยี่ย
วู่ซวงแห่งนิกายเสียงสวรรค์ น่าจะรับมือกับนิกายเทพอสูรได้” หลี่ชิงอวิ๋นเสนอความเห็นขึ้นมา
“นับว่าเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย
หากพวกเรานำกำลังบุกไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ข้าต้องการให้เหยียนหยางและหมิงเยี่ยวู่ซวง
ได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากขึ้น ก่อนที่สงครามใหญ่จะมาถึง” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปยังนิกายเทพอัคคี
สำหรับนิกายพิทักษ์สวรรค์ข้าคงต้องปล่อยให้ท่านดูแลเพียงลำพังแล้ว”
เนี่ยลี่กล่าวลาหลี่ชิงอวิ๋น และขอตัวไปพักผ่อน
เช้าวันต่อมา
เนี่ยลี่ได้ใช้เคล็ดวิชาเส้นทางสวรรค์ เปิดประตูไปยังนิกายเทพอัคคี
นิกายเทพอัคคีตั้งอยู่ในบริเวรเทือกเขาอัคคี
เป็นเทือกเขาที่เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา
ศิษย์ของนิกายเทพอัคคีสามารถดูดซับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ไปพร้อมกับพลังสวรรค์ได้
จึงทำให้การบ่มเพาะพลังก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่านิกายอื่น ๆ
เนี่ยลี่มายืนอยู่ตรงด้านหน้ากำแพงของนิกาย
ประตูที่กั้นเอาไว้สร้างมาจากศิลาไฟ หากไม่ได้รับอนุญาตประตูนี้จะไม่เปิดออกโดยเด็ดขาด
“ข้าคือเนี่ยลี่แห่งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์มาขอพบโอรสศักดิ์สิทธิ์เหยียนหยาง”
เนี่ยลี่ตะโกนเข้าไปด้านในกำแพง
ยอดฝีมือที่มีหน้าที่ดูแลประตู
นั้นไม่รู้จักเนี่ยลี่จึงได้ตอบกลับไปโดยไม่ใยดีนัก
“เจ้าจงยืนรออยู่ตรงนั้น
จนกว่าพวกข้าจะไปแจ้งกับโอรสศักดิ์สิทธิ์เหยียนหยาง
ว่าจะยินดีให้เจ้าเข้าพบหรือไม่”
“ตกลง”
เนี่ยลี่แอบยืนยิ้มที่มุมปาก และตอบกลับไป
หลังจากนั้นไม่นาน
ประตูของนิกายก็ถูกเปิดออก เหยียนหยางเดินทางมารับเนี่ยลี่ด้วยตัวเอง
ทำให้ยอดฝีมือที่มีหน้าที่ดูแลประตู รู้สึกตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเนี่ยลี่จะเป็นแขกคนสำคัญเช่นนี้
“พวกเจ้าให้ประมุขเนี่ยยืนรอเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” เหยียนหยางพูดตำหนิผู้ดูแลประตู
“พี่เหยียนหยางอย่าได้ตำหนิพวกเขา
พวกเขาแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น” เนี่ยลี่โบกมือห้ามเหยียนหยาง
“ขอบคุณประมุขเนี่ยที่ไม่ถือสา”
เหล่ายอดฝีมือที่มีหน้าที่ดูแลประตูประสานมือพร้อมกับคุกเข่าเพื่อขอบคุณเนี่ยลี่ พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเนี่ยลี่นั้นมีตำแหน่งเป็นถึงประมุขแห่งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
“พี่เหยียนหยางข้ามีเรื่องที่ต้องไหว้วานท่าน
ไม่ทราบว่าระดับพลังของท่านก้าวหน้าถึงเพียงไหนแล้ว”
เนี่ยลี่เอ่ยถามขณะที่เดินเข้าไปนิกายเทพอัคคีกับเหยียนหยาง
“ด้วยยาทิพย์ของเจ้าทำให้ข้าบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าแล้ว
เหลือเพียงก้าวเดียวข้าก็จะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ของข้า”
เหยียนหยางพูดขึ้นมาด้วยความยินดี ยาทิพย์ของเนี่ยลี่นั้นวิเศษยิ่งนัก
หลังจากที่เดินมาถึงตำหนักรับรอง
มีปรมาจารย์เทียนหั่วนั่งรออยู่ที่นั่น
“ประมุขเนี่ยเหตุใดจึงเดินทางมาโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้
หากข้าไม่ได้กำลังหารือกับเหยียนหยางก่อนหน้านี้ คงไม่ทราบเรื่องที่ท่านเดินทางมา”
ปรมาจารย์เทียนหั่วลุกขึ้นยืนและพูดเนี่ยลี่ด้วยความยินดี
“ท่านปรมาจารย์เทียนหั่ว
พี่เหยียนหยาง ข้ามาคราวนี้เนื่องจากมีเรื่องสำคัญ
ข้าต้องการพูดคุยกับพวกท่านตามลำพัง” เนี่ยลี่ประสานมือคารวะและพูดออกไป
“พวกเจ้าจงออกไป
และปิดประตูให้แน่นหนา” ปรมาจารย์เทียนหั่วโบกมือให้เหล่าคนรับใช้ออกไปจากตำหนักรับรอง
“ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว
เชิญพูดมาได้” ปรมาจารย์เทียนหั่วหันไปพูดกับเนี่ยลี่
“ในอีกไม่ถึงสองปี
จะมีสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และกองทัพของจักรพรรดิปราชญ์
ข้าต้องเตรียมความพร้อมทั้งหมดเอาไว้
และหนึ่งสิ่งที่ต้องทำคือการรวบรวมกระจกข้ามภพ”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับนำกระจกข้ามภพออกมา
“ของสิ่งนี้สามารถทำสิ่งใดได้”
เหยียนหยางอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“สิ่งนี้คือสิ่งที่
บริวารแห่งเทพ ของจักรพรรดิปราชญ์ใช้ติดต่อกับนิกายอสูรที่อยู่บนโลกใบนี้
และหากข้ารวบรวมมาได้ทั้งหมดจะสร้างผลดีให้กับฝ่ายเราถึงสองเรื่องคือ หนึ่งบริวารแห่งเทพจะไม่อาจสั่งการลงมายังโลกใบนี้ได้
และสองเมื่อรวบรวมได้ครบจะสามารถเปิดเส้นทางไปยังดินแดนแห่งสวรรค์
ซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าบริวารแห่งเทพได้” เนี่ยลี่อธิบายอย่างช้า ๆ
“หมายความว่าประมุขเนี่ยคิดที่จะเปิดก่อสงครามกับนิกายเทพอสูร!” ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดด้วยความตกใจ
แม้ว่าเจ็ดนิกายรวมเป็นหนึ่งและมีผู้ที่บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้านับสิบคนแล้วก็ตาม
แต่หากมีสงครามเกิดขึ้น ต้องมีศิษย์ที่ต้องล้มตายไม่น้อยเป็นแน่
“ข้าต้องการให้พี่เหยียนหยางและพี่หมิงเยี่ยวู่ซวงแห่งนิกายเสียงสวรรค์
ไปต่อสู้กับนิกายเทพอสูร” เนี่ยลี่พูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“ไม่ใช่กองกำลังทั้งหมด
แต่เพียงแค่สองคน!”
ปรมาจารย์เทียนหั่วตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมาก
“การบุกนิกายเทพอสูรนั้น
หากข้านำกองกำลังจากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์บุกไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากอันใด
แต่ข้าต้องการให้พี่เหยียนหยางและพี่หมิงเยี่ยวู่ซวง ได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้
ก่อนที่สงครามครั้งใหญ่จะมาถึง” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“แต่น่าเสียดาย
ที่ทั้งสองคนยังไม่บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
การบุกไปเป็นเพียงการแสวงหาความตายเท่านั้น”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดพร้อมกับส่ายหน้า
“ข้านั้นต้องการเพียงกระจกข้ามภพ
หาใช่การกวาดล้างนิกายเทพอสูรให้สิ้นซากไม่” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
“เจ้ามีแผนเช่นใดกัน?” เหยียนหยางถามออกไป
เขารู้ว่าเนี่ยลี่นั้นเจ้าเล่ห์เพียงใด
“เราจะทำการเจรจาท้าประลองและวางเดิมพัน
ซึ่งเรื่องนี้คงต้องลำบากท่านปรมาจารย์เทียนหั่วแล้ว”
เนี่ยลี่หันไปมองปรมาจารย์เทียนหั่วและพูดขึ้นมา
“ข้าเข้าใจแล้วว่าเจ้าต้องการทำเช่นใด”
ปรมาจารย์เทียนหั่วหัวเราะพร้อมกับลูบเคราของเขา
“เจ้าได้แจ้งเรื่องนี้กับหมิงเยี่ย
วู่ซวงแล้วเช่นนั้นหรือ?” เหยียนหยางถามออกไป
“ข้ารอให้พวกท่านรับปาก
จากนั้นจึงจะเดินทางไปยังนิกายเสียงสวรรค์ หากเป็นไปได้
คงต้องรบกวนให้พวกท่านทั้งสองเดินทางไปด้วย” เนี่ยลี่ตอบพร้อมกับยิ้ม
“จากนิกายเทพอัคคีของเรา
หากต้องเดินทางไปยังนิกายเสียงสวรรค์คงต้องใช้เวลาหลายวัน”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดพร้อมกับมีท่าทางกังวลใจ
“ปรมาจารย์เทียนหั่วอย่าได้กังวล
ใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้น เส้นทางสวรรค์!”
เนี่ยลี่ผสานเข้ากับจิตอสูรจู่ลี่ และเปิดเส้นทางสวรรค์ขึ้นมา
ต้องใช้เวลาราวห้านาที เส้นทางสวรรค์จึงเปิดกว้างพอที่จะเดินผ่านไปได้
นิกายเสียงสวรรค์นั้นตั้งอยู่บนหุบเขาอินเยวี่ย
[หุบเขาแห่งเสียงเพลง] เป็นหุบเขาที่มีสายลมพัดพาอยู่ตลอดเวลา
ยามที่สายลมพัดพาผ่านหุบเขา ก็จะบังเกิดเสียงสะท้อน ตามรูปร่างของหุบเขา
เมื่อฟังแล้วราวกับเป็นบทเพลงแห่งสวรรค์เลยทีเดียว
เมื่อปรมาจารย์เทียนหั่วมาเยือน
ศิษย์ของนิกายเสียงสวรรค์ต่างออกมาต้อนรับอย่างสุภาพ และเชิญไปยังตำหนักรับรองที่อยู่ด้านนอกนิกาย
เนื่องจากนิกายเสียงสวรรค์ไม่อนุญาตให้บุรุษเข้าไปโดยเด็ดขาด
จึงมีตำหนักรับรองอยู่ด้านนอก ปรมาจารย์เทียนหั่วได้แจ้งไปว่า
ต้องการมาดื่มชากับปรมาจารย์อินเยวี่ย
และขอพบกับศิษย์เอกทั้งสามของนิกายเสียงสวรรค์ด้วย
หลังจากที่ปรมาจารย์อินเยวี่ย
หมิงเยี่ย วู่ซวง เอียจื่ออวิ๋น และเซี่ยวหนิงเอ๋อ ออกมายังตำหนักรับรอง
เมื่อได้เห็นเนี่ยลี่ เอียจื่ออวิ๋น และเซี่ยวหนิงเอ๋อก็อดที่จะยินดีไม่ได้
“ข้าคิดแล้วว่าเทียนหั่ว
คงจะไม่ได้ต้องการมาดื่มชากับข้าเป็นแน่
ไม่เช่นนั้นคงไม่รีบร้อนเดินทางมาโดยไม่แจ้งล่วงหน้าเช่นนี้”
ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ เมื่อได้เห็นทั้งสามคน
“ข้าต้องขออภัยด้วยที่ต้องแจ้งไปเช่นนั้น
คงต้องรบกวนท่านแล้วอินเยวี่ย ขอให้ท่านใช้ลมปราณปิดกั้นเสียงไม่ให้เล็ดรอดออกไปจากตำหนักนี้ด้วย”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดขึ้นมาพร้อมกับประสานมือเพื่อขออภัย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ปรมาจารย์อินเยวี่ยจึงสะบัดแขนขวาของนาง
จากนั้นเพียงครู่เดียวโดยรอบตำหนักก็เหมือนกับมีกำแพงเสียงกั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“คงจะเป็นเรื่องสำคัญมากสินะ
เชิญพูดได้” ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดหลังจากที่สร้างกำแพงเสียงเสร็จแล้ว
“เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้พูดเอง”
เนี่ยลี่พูดแทรกขึ้นมา และอธิบายต่ออย่างช้า ๆ ว่า
“เรื่องแรก
ในอีกราวสองปีข้างหน้า
จะมีสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และกองทัพของจักรพรรดิปราชญ์ ข้าต้องเตรียมความพร้อมทั้งหมดเอาไว้
และหนึ่งสิ่งที่ต้องทำคือการรวบรวมกระจกข้ามภพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ บริวารแห่งเทพ
ของจักรพรรดิปราชญ์ใช้ติดต่อกับนิกายอสูรที่อยู่บนโลกใบนี้
ซึ่งข้าคิดว่าจะอยู่ในนิกายอสูรของแต่ละอาณาจักร
กระจกข้ามภพชิ้นแรกนี้ข้าได้มาหลังจากที่ยึดครองอาณาจักรกำแพงสวรรค์ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่
ทุกคนต่างก็ตกใจยิ่งนัก เนี่ยลี่สามารถอาณาจักรกำแพงสวรรค์ได้
เรื่องนี้ใหญ่โตเกินกว่าที่ทุกคนคาดเอาไว้แล้ว
“จื่ออวิ๋น
หนิงเอ๋อ ข้าจะให้เจ้าทั้งสองนำกองกำลังไปบุกยึดครองอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์
ซึ่งพวกเจ้าจะต้องเดินทางหลังจากที่ได้อาวุธใหม่จากเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง”
เนี่ยลี่หันไปบอกกับทั้งสองคน
“นี่มันจะไม่เกินกำลังไปหน่อยเช่นนั้นหรือ?” ปรมาจารย์อินเยวี่ยแย้งขึ้นมา
“ท่านปรมาจารย์อินเยวี่ย
จื่ออวิ๋น และ หนิงเอ๋อ นั้นบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
และในอาณาจักรเทพอัสนีเหมันต์ยอดฝีมือส่วนใหญ่ก็อยู่ในระดับเทพสงครามเท่านั้น
แม้แต่ผู้ครอบครองอาณาจักรยังมีความแข็งแกร่งแค่เพียงระดับเทพสงครามขั้นที่เจ็ดเท่านั้น”
เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
“ท่านอาจารย์ข้าสามารถทำเรื่องนี้ได้”
เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อพูดขึ้นมาพร้อมกัน พวกนางรู้ดีว่าเนี่ยลี่
ไม่มีทางที่จะให้พวกนางทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“สำหรับพี่หมิงเยี่ย
วู่ซวง ข้าต้องการให้ท่านเดินทางไปกับพี่เหยียนหยาง เพื่อท้าประลองกับนิกายเทพอสูร
เพื่อชิงเอากระจกข้ามภพมา” เนี่ยลี่หันไปพูดกับหมิงเยี่ย วู่ซวง
“โชคดียิ่งนัก
เมื่อไม่นานมานี้ข้าเองก็ได้บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว
เรื่องที่เจ้าร้องขอจึงไม่ได้เกินกำลังข้าแม้แต่น้อย” หมิงเยี่ย
วู่ซวงตอบรับด้วยความยินดี
หลังจากที่นางสละตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เอียจื่ออวิ๋น นางก็ได้ปิดประตุฝึกตน
เมื่อได้รับยาทิพย์จากเนี่ยลี่ นางจึงก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“อินเยวี่ย
ท่านก็สามารถไปชมการประลองกับข้าได้ หากท่านกับข้าเดินทางไปพร้อมกับ
พวกนิกายเทพอสูรจะต้องมีความเกรงใจพวกเราเป็นแน่”
ปรมาจารย์เทียนหั่วพูดด้วยความยินดี
“ดูเหมือนว่าข้าคงจะไม่อาจแย้งสิ่งใดได้
ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
ปรมาจารย์อินเยวี่ยพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ถ้าเช่นนั้น
เราจะไปพักกันที่นิกายเทพอัคคี และในวันพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปยังนิกายเทพอสูร
จื่ออวิ๋น หนิงเอ๋ออีกราวครึ่งเดือนข้าจะมารับพวกเจ้า ขอให้จัดเตรียมกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าระดับเทพสงครามขั้นที่ห้า
ที่จะติดตามพวกเจ้าไปด้วย” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้น
เนี่ยลี่ผสานกับจิตอสูรจู่ลี่
และเปิดเส้นทางสวรรค์ขึ้นมา หลังจากที่ ปรมาจารย์เทียนหั่ว ปรมาจารย์อินเยวี่ย
เหยียนหยาง และ หมิงเยี่ย วู่ซวง เดินข้ามไปแล้ว
เนี่ยลี่หันมายิ้มให้กับเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ และพูดขึ้นมาว่า
“แล้วเจอกันนะ”
เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ
ยิ้มตอบกลับมา พร้อมกับโบกมือลา จากนี้ไปอีกครึ่งเดือน
พวกนางจะต้องพยายามเลื่อนระดับพลังให้สูงขึ้นยิ่งกว่านี้..............จบตอน