test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

13 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.49 ตำแหน่งประมุขนิกายพิทักษ์สวรรค์


         
     หลังจากที่ประมุขกั้วได้รับแจ้งข่าวจากเนี่ยลี่ จึงส่งให้คนเข้าไปตรวจสอบ และพบว่า พวกนิกายอสูรฟ้าถูกสังหารไปจนหมด แต่ทะเลสาบแห่งเทพในป่าเหลือเพียงแค่แปดแห่งเท่านั้น แต่ศิลาจิตวิญญาณ ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณ และศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองทำ ที่ทะเลสาบแห่งเทพทั้งแปดแห่งผลิตได้ เนี่ยลี่ได้ให้กองกำลังของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ไปเก็บมาทั้งหมดแล้ว
         

     วันต่อมาเนี่ยลี่และเหล่าสหายของเขา ได้เดินทางไปยังนิกายพิทักษ์สวรรค์ พร้อมกับเถ้าแก่ฟู่


ณ ห้องโถงใหญ่นิกายพิทักษ์สวรรค์
         

      ประมุขกั้วได้ให้คนจัดเตรียมที่นั่งรับรองให้แก่พวกเนี่ยลี่เป็นอย่างดี พวกเรารู้ดีแล้วว่า พวกเนี่ยลี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด ความขัดแย้งในอาณาจักรแห่งนี้มีมายาวนานนับร้อย นับพันปี แต่พวกเนี่ยลี่ใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถทำให้อาณาจักรแห่งนี้สงบลงได้
        
       “ข้าได้เตรียมเงินเดิมพันเอาไว้ให้ท่านแล้ว” กั้วหวางเทียนยื่นแหวนห้วงมิติที่มีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำจำนวนห้าสิบล้านก้อนให้แก่เนี่ยลี่
         
เนี่ยลี่ยื่นมือไปรับและส่งแหวนให้แก่เถ้าแก่ฟู่
         

     “เถ้าแก่ฟู่ นี่คือเงินค่าร้านส่วนที่เหลือ และส่วนแบ่งของท่าน”
         

     “ขอบคุณคุณชายเป็นอย่างมาก หากยังมีสิ่งใดที่คุณชายต้องการก็สามารถแจ้งกับข้าได้ทุกเมื่อ” เถ้าแก่ฟู่รับแหวนห้วงมิติมาด้วยความยินดี และขอตัวออกจากห้องโถงไป
         

    “หลังจากนี้พวกข้าจะกลับไปยังอาณาจักรซากมังกร ท่านสามารถติดต่อกับข้าได้ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับมอบป้ายศิลาเร้นเมฆาที่มีสัญลักษณ์ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ประมุขกั้ว
         

     “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่า เหตุใดทะเลสาบแห่งเทพที่มีถึงยี่สิบแห่งในป่าจึงเหลือเพียงแค่แปดแห่งเท่านั้น” กั้วหวางเทียนรับเอาป้ายศิลาเร้นเมฆา และถามออกไปด้วยความคับค้องข้องใจ
         

     “สำหรับเรื่องนี้นั้น ข้าคงต้องขออภัยด้วย ทางนิกายอสูรฟ้าถูกพวกข้าบุกโจมตีอย่างหนัก พวกมันจึงรู้สึกโกรธแค้น จึงใช้วิธีทำลายทะเลสาบแห่งเทพ ข้านั้นประมาทเกินไปไม่คิดเลยว่าพวกมันจะใช้วิธีนี้” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับแกล้งถอนหายใจ
         

     เมื่อเห็นท่าทีของเนี่ยลี่ กั้วหวางเทียนไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่เขาก็ไร้ซึ่งหลักฐาน แม้ว่าจะสูญเสียทะเลสาบแห่งเทพไป แต่พื้นที่ของอาณาจักรกำแพงสวรรค์ก็กลายเป็นของนิกายพิทักษ์สวรรค์ทั้งหมด นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีนัก
         

      แม้ว่าพวกนิกายอสูรสวรรค์จะถูกสังหารไปจนหมด แต่ในป่าก็ยังมีอสูรที่ไร้สติปัญญาอยู่ ไม่น้อย ทำให้ยอดฝีมือของนิกายพิทักษ์สวรรค์ได้ใช้ฝึกฝีมือ [อสูรที่มีสติปัญญาจะสามารถพูดคุยกันได้ ส่วนสัตว์อสูรทั่ว ๆ ไปก็ไม่ต่างจากสัตว์ป่าเท่าใดนัก]
         
        “ประมุขกั้ว ข้ามีเรื่องที่ต้องแจ้งเอาไว้ ในตำหนักอสูรฟ้า มีกับดักอยู่เป็นจำนวนมาก ขอให้ท่านปิดกั้นเอาไว้ อย่าให้ผู้ใดรุกล้ำเข้าไปเป็นอันขาด” เนี่ยลี่พูดกำชับ เขานั้นยังไม่มีเวลาสำรวจตำหนักอสูรฟ้าอย่างละเอียด เขาจะกลับมาในภายหลัง
         
     “ข้าเข้าใจแล้ว หลังจากนี้ข้าจะสั่งให้สร้างกำแพงล้อมรอบตำหนักอสูรฟ้าเอาไว้” กั้วหวางเทียนตอบรับ คำพูดของเนี่ยลี่ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะขัดแม้แต่น้อย
         

     “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวกลับไปยังอาณาจักรซากมังกรก่อน” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
         

      “ชะ..ช้าก่อน” กั้วหวางเทียนรีบพูดขึ้นมา เขายังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่
         

      “ประมุขกั้วมีเรื่องอันใดอีก?” เนี่ยลี่หันกลับมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
         

      “วิธีใดกัน ที่จะก้าวข้ามระดับเทพสงครามได้?” กั้วหวางเทียนกัดฟันพูดขึ้นมา ในฐานะชาวยุทธ เขาเคยคิดว่าตนเองนั้นก้าวขึ้นจนถึงระดับสูงสุดแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเหล่าสหายของเนี่ยลี่แล้ว เขายังต่ำชั้นกว่ามากนัก
         

     “เรื่องนี้เป็นความลับของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ข้าเกรงว่าในสัญญาพันธมิตรของเรามิได้กล่าวเรื่องนี้เอาไว้” เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับส่ายหน้า
         

     “ข้ายินดีที่จะเพิ่มเงื่อนไขสัญญาตามที่ท่านต้องการ” กั้วหวางเทียนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

     “หากท่านต้องการเช่นนั้น ข้อแลกเปลี่ยนของข้าคือท่านจะต้องสละตำแหน่งประมุขของนิกายพิทักษ์สวรรค์ให้แก่สหายของข้า แต่ข้ารับปากท่านได้ว่า แม้ว่าจะสูญเสียตำแหน่งประมุขให้แก่สหายข้าแล้ว ท่านจะยังอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษาของประมุข อำนาจของท่านจะยังคงอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ท่านต้องรับฟังคำสั่งของประมุขคนใหม่เท่านั้น” เนี่ยลี่พูดออกไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับแอบยิ้ม การก้าวข้ามระดับพลังของตนเอง เป็นสิ่งที่ใช้ล่อลวงชาวยุทธได้ทุกยุคทุกสมัย
         

    “ระ..เรื่องนี้” กั้วหวางเทียนรู้สึกตกใจกับข้อเรียกร้องของเนี่ยลี่ เรื่องนี้มันมากเกินไปตำแหน่งประมุขของนิกายพิทักษ์สวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งใดได้
         

     “ดูเหมือนว่า ประมุขกั้วจะหนักใจกับข้อเสนอของข้า ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้เวลาท่านหนึ่งวันหากท่านตัดสินใจเช่นใด สามารถไปแจ้งแก่ข้าที่โรงเตี๊ยมได้” เนี่ยลี่และพวกของเขาเดินออกไปจากตำหนัก เหลือเพียงกั้วหวางเทียนที่นั่งอยู่ในห้องโถงนั้นเพียงลำพัง
         

    หลังจากที่กลับมาพักที่โรงเตี๊ยม เนี่ยลี่และสหายของเขาก็มานั่งพูดคุยกัน กู้เบ่ยเริ่มเอ่ยถามออกไปเป็นคนแรก
         

    “เหตุใดเจ้าจึงยื่นเงื่อนไขเช่นนั้นออกไป”
        

     “เพราะมันเป็นเงื่อนไขที่คุ้มค่า” เนี่ยลี่มองไปทีกู้เบ่ยพร้อมกับยิ้มและตอบกลับไป
         

     “หากกั้วหวางเทียนยอมรับในข้อเสนอของเจ้า เจ้าจะให้ใครขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขของนิกายพิทักษ์สวรรค์” หลี่ชิงอวิ๋นยกชาขึ้นมาดื่มและถามออกไป
         

    “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดยินดีที่จะรับตำแหน่งนี้ กู้เบ่ย หรือ ท่านพี่ชิงอวิ๋น” เนี่ยลี่มองไปที่ทั้งสองคนก่อนที่จะตอบกลับไป
         

     “ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย แต่ข้าคิดว่าตำแหน่งนี้จะเหมาะสมกับพี่ชิงอวิ๋นมากกว่าข้า อาณาจักรที่ใหญ่โตเช่นนี้จำเป็นที่จะต้องมีประมุขั้มีความสามารถในด้านการปกครองเช่นท่าน” กู้เบ่ยประสานมือพร้อมกับพูดยกย่องหลี่ชิงอวิ๋น
         

    “ขอบใจที่เจ้าพูดเช่นนั้น แต่การที่ต้องอยู่ห่างบ้านห่างเมืองข้าเองก็...” หลี่ชิงอวิ๋นหันมามองหลงยู่อินด้วยสายตาที่รู้สึกหนักใจไม่น้อย
         

    “พี่ชิงอวิ๋นไม่จำเป็นต้องห่วงความรู้สึกของข้า อาณาจักรทั้งสองใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ไม่กี่วัน หากท่านต้องการรับตำแหน่งนี้ข้ายินดีที่จะสั่งการให้ตระกูลผนึกมังกรย้ายมาอยู่ที่อาณาจักรแห่งนี้ได้” หลงยู่อินพูดขึ้นมาหลังจากที่เห็นท่าทีของหลี่ชิงอวิ๋น
         
    “ขอบใจเจ้ามากยู่อิน ถ้าเช่นนั้น ก็เหลือเพียงแค่คำตอบรับของกั้วหวางเทียนเท่านั้น” หลี่ชิงอวิ๋นพูดด้วยความยินดี
         

    “เหตุใด จึงไม่มีใครถามถึงความต้องการของข้าบ้าง” ลู่เพียวที่นั่งเงียบอยู่พูดขึ้นมา
         

   “หากให้เจ้าเป็นประมุข นิกายแห่งนี้คงจะล่มสลายภายในไม่กี่วันเป็นแน่” เซี่ยวซุ่ยพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ
         

      เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยวซุ่ยทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา แม้แต่ตัวลู่เพียวเองก็เช่นกัน เขานั้นรู้เรื่องการปกครองจากคำชี้แนะของหลี่ชิงอวิ๋น เขารู้ดีว่าหลี่ชิงอวิ๋นนั้นจะต้องปกครองนิกายพิทักษ์สวรรค์ได้เป็นอย่างดีแน่นอน
         

   เช้าวันต่อมา ประมุขกั้วได้ส่งให้คนมาเชิญพวกเนี่ยลี่ไปยังนิกายพิทักษ์สวรรค์อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาพาพวกเนี่ยลี่ไปยังห้องลับ ที่ดูราวกับลานประลองที่อยู่พื้นที่ด้านในของตำหนัก
         

     หลังจากที่เข้าไปด้านในแล้ว ประมุขกั้วได้สั่งการให้ปิดประตูอย่างแน่นหนา ที่อยู่ด้านในนี้มีเพียงประมุขกั้ว และพวกของเนี่ยลี่ และผู้อาวุโสของนิกายพิทักษ์สวรรค์อีกห้าคนเท่านั้น
         

    “นี่คือคำตอบของท่านเช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่มองโดยรอบและพูดออกไป
         

    “ตำแหน่งของประมุขนิกายพิทักษ์สวรรค์ มิใช่สิ่งที่ข้าจะยกให้กับผู้ใดได้ตามความต้องการ หากต้องการตำแหน่งนี้ จะต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมของนิกายเรา” กั้วหวางเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

    “ข้าเข้าใจแล้ว หากข้าสามารถล้มท่านได้ ข้าก็จะสามารถชิงตำแหน่งประมุขนิกายพิทักษ์สวรรค์มาได้” หลี่ชิงอวิ๋นเดินไปด้านหน้า พร้อมกับถอดผ้าคลุมไหล่ของเขาออก หลังจากนั้นเนี่ยลี่และคนที่เหลือจึงถอยไปยืนดูอยู่ด้านข้าง
         

      “การประลองนี้ พี่ชิงอวิ๋นนั้นมีระดับพลังที่เหนือกว่า คงต้องให้ท่านใช้มือเปล่า และคงต้องให้ท่านถอดเกราะเทพเมฆาออกด้วย” เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป
         

     “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” หลี่ชิงอวิ๋นตอบกลับไปพร้อมกับถอดเกราะเทพเมฆาออกและ เก็บไว้ในแหวนห้วงมิติของเขาพร้อมกับอาวุธของเขา
         

   “รับมือ!” กั้วหวางเทียนถือดาบเอาไว้ในมือ และตั้งเท่าเตรียมต่อสู้
         

     “เชิญเข้ามาได้ทุกเมื่อ” หลี่ชิงอวิ๋นยืนอย่างองอาจโดยที่ไม่ได้ตั้งท่าแต่อย่างใด
         

       “คิดดูถูกข้าเช่นนั้นหรือ?” กั้วหวางเทียนตะโกนออกไป พร้อมกับพุ่งเข้ามาที่ด้านหน้าของหลี่ชิงอวิ๋นตรง ๆ และใช้ดาบฟันลงมาทันที
         

       หลี่ชิงอวิ๋นรวบรวมลมปราณห่อหุ้มแขนขวาของเขาเอาไว้ ปราณที่ห่อหุ้มมองดูราวกับว่าแขนของเขากลายเป็นดาบเล่มหนึ่ง เขาใช้แขนขวาที่ห่อหุ้มไปด้วยลมปราณดาบเมฆา แล้วต้านรับดาบของกั้วหวางเทียนเอาไว้
         

แกร้งง!
         

     เสียงดังราวกับโลหะกระทบกัน แต่หลี่ชิงอวิ๋นนั้นใช้เพียงแค่ลมปราณห่อหุ้มแขนเอาไว้เท่านั้น
         

       “นั่นมัน ปราณดาบเมฆา!” กั้วหวางเทียนพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ การใช้ลมปราณสร้างอาวุธขึ้นมา เป็นเคล็ดวิชาชั้นสูงที่ผู้ฝึกวรยุทธทุกคนต้องการที่จะก้าวไปถึง ทำให้กั้วหวางเทียนรู้สึกอิจฉาหลี่ชิงอวิ๋นยิ่งนัก
         

      หลักจากที่ดาบของกั้วหวางเทียนปะทะเข้ากับปราณดาบเมฆาของหลี่ชิงอวิ๋น เขาก็กระโดดถอยหลังกลับไปตั้งหลัง
         

     “ดาบผ่าเมฆา!” หลี่ชิวอวิ๋นใช้แขนฟันออกไปด้านหน้า กลื่นลมปราณดาบเมฆาแหวกผ่านอากาศไปทางกั้วหวางเทียนอย่างรวดเร็ว
         

      “ข้าไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เป็นแน่!” กั้วหวางเทียนฟันดาบของเขา สวนกลับไปที่คลื่นลมปราณดาบเมฆาที่พุ่งเข้ามา ทำให้คลื่นลมปราณดาบเมฆาของหลี่ชิงอวิ๋นนั้นถูกฟันกระจายออกไป กลายเป็นหมอกควันเท่านั้น
         

      “ท่านแพ้แล้ว!” ร่างของหลี่ชิงอวิ๋นที่อยู่เบื้อหน้าค่อย ๆ หายไป และปรากฏที่ด้านหลังของกั้วหวางเทียนและใช้ ลมปราณดาบเมฆาที่แขนของขาแตะที่คอของกั้วหวางเทียน
         

      เมื่อเห็นเช่นนั้นกั้วหวางเทียน ก็ปล่อยดาบลงกับพื้น เพื่อยอมรับความพ่ายแพ้ เขาหันไปมองผู้อาวุโสทั้งห้าของนิกายพิทักษ์สวรรค์และพูดขึ้นมาว่า
         

      “ข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ชายผู้นี้เอาชนะข้าได้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของนิกายพิทักษ์สวรรค์ ข้าต้องการให้ท่านผู้อาวุโสทั้งห้า ให้การรับรองเขาด้วย”
         
      “จงเอ่ยนามของเจ้ามา ประมุขคนใหม่แห่งนิกายพิทักษ์สวรรค์” เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าพูดขึ้นมาพร้อมกัน
         

     “ข้าคือเทพดาบเมฆา หลี่ชิงอวิ๋น!” หลี่ชิงอวิ๋นประกาชื่อของเขาออกไป ด้วยความองอาจ จากนี้ไปเขาจะต้องปกครองอาณาจักรแห่งนี้ เพื่อที่จะเป็นกองหนุนให้แก่เนี่ยลี่ในสงครามครั้งใกล้ที่ใกล้จะมาถึง....................จบตอน
        

แต่งโดย นายมะพร้าว




        
        
        


เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง