test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

12 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.48 จอมมาร




หนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ ในตำหนักอสูรฟ้า


“ร่ายกายของพวกเรากำลังผสานเป็นหนึ่ง ดูเหมือนว่าจิตสำนึกของพวกเรากำลังหลอมรวมกัน” เทพอสูรทั้งสามพูดขึ้นมาร้อมกัน ขณะที่ร่างกายของพวกเขากำลังหลอมรวมเข้าด้วยกัน


ในตอนนี้ร่างกายของทั้งสามกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน มีศีรษะเป็นมังกร แต่มีเขาแกะขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ลำตัวมีลักษณะราวกับสัตว์ที่ยืนด้วยสองขา แต่มีเกราะกระดูกสวมอยู่ ส่วนแขนและขานั้น มีเกล็ดที่มีลีกษณะเป็นเกราะสีดำ และด้านหลังมีหางมังกรอยู่ด้วย ในตอนนี้พวกเขามิใช เทพอสูรสือกัง เทพอสูรซื่อเจี้ย หรือ เทพอสูรเทียนถัง อีกต่อไป


“ในตอนนี้พวกเราคือ เทพอสูรซานซื่อ [三世:สามโลก]” เทพอสูรซานซื่อพูดขึ้นมาขณะที่ก้มดูมือของตนเอง


“ระดับพลังของพวกเราในตอนนี้ อยู่ในระดับที่เกินกว่าเทพสงครามแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เทพอสูรซานซื่อหัวเราะด้วยความยินดี


ฟุ่บบ!


กระบองท่อนหนึ่งพุ่งเข้าหา เทพอสูรซานซื่ออย่างรวดเร็ว แต่เทพอสูรซานซื่อก็สามารถหลบไปได้ ทำให้กระบองนั้นพุ่งไปชนผนังหน้าหลังจนเกิดระเบิดเป็นรู


“ใครกัน?” เทพอสูรซานซื่อตะโกนขณะที่จับจ้องไปยังด้านหน้า


“ข้าคือจอมมาร! กระบองสามภพจงกลับมา” จอมมารประกาศชื่อของตนออกไปพร้อกับยื่นมือขวาไปทางด้านหน้า และใช้ลมปราณควบคุมให้กระบองสามภพของเขาพุ่งกลับมาในมือ


“คงจะเป็นพวกของมนุษย์โสโครกเหล่านั้นสินะ รนหาที่ตายเสียจริง” เทพอสูรซานซื่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก ระดับพลังของมันในตอนนี้ไม่ด้อยกว่าผู้ใดในแผ่นดินแล้ว


เทพอสูรซานซื่อใช้หางมังกรฟาดไปที่จอมมารอย่างรุนแรง เสียงหางมังกรแหวกอากาศ ทำให้เกิดลมแรงราวกับพายุ พัดพาให้โต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่ในห้องโถงกระจัดกระจาย


“อย่าได้เอาข้าไปรวมกับคนพวกนั้น” จอมมารตอบกลับพร้อมกับใช้กระบองสามภพต้านรับหางมังกรของเทพอสูรซานซื่อ


ด้วยความรุนแรงของกระบองสามภพ ที่ปะทะเข้ากับหางมังกร ส่งผลให้หางมังกรของเทพอสูรซานซื่อ ระเบิดออกมาจนเลือดสาดกระจายไปทั่ว


“ระดับพลังของมัน อยู่ในระดับเดียวกับข้าเช่นนั้นหรือ?” เทพอสูรซานซื่อพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ แผลที่หางนั้นสร้างความเจ็บปวดให้แก่เทพอสูรซานซื่อไม่น้อย


“เจ้านั้นเข้าใจผิดแล้ว ระดับพลังของข้านั้นเหนือกว่าเจ้ามากนัก” จอมมารพูดพร้อมกับกระโจนเข้าไปใช้กระบองฟาดเข้ากลางลำตัวของเทพอสูรซานซื่อ เพียงแค่ทีเดียวทำให้เกราะกระดูกของเทพอสูรซานซื่อถึงกับแตกกระจาย


“เป็นไปไม่ได้ ฝ่ามือผนึกโลกันต์!” เทพอสูรซานซื่อยื่นมือออกมาและใช้ลมปราณควบคุมให้ผืนดินค่อย ๆ ห่อหุ้มร่างกายของจอมมารและจับตัวแข็งจนเป็นก้อนหิน


“เมื่อโดนกระบวนท่านี้ เจ้าจะทำอันใดได้อีก ฮ่าฮ่าฮ่า” เทพอสูรซานซื่อหัวเราะออกมาอย่างลำพองใจ


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!


หินที่ห่อหุ้มร่างกายของจอมมารค่อย ๆ แตกออก

ตูมม!


เศษดินและหินที่เกาะอยู่ตามร่างกายของจอมมาร ระเบิดออกไปรอบทิศทาง พลังของเทพอสูรซานซื่อไม่อาจที่จะทำให้จอมมารบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย


“แค่เคล็ดวิชาชั้นต่ำของพวกอสูร จะทำอะไรข้าได้” จอมมารยื่นมือซ้ายออกไป หลังจากนั้นนั้นที่แขนขวาของเทพอสูรซานซื่อก็มีรอยราวกับถูกมือขนาดใหญ่บีบรัดอยู่


“อ๊ากกก” เทพอสูรซานซื่อร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่จอมมารไม่ได้แตะตัวเขาอยู่เลย แต่แขนของเขากับถูกบีบรัดจนแทบจะขาดได้


“ข้าขอแขนขวาของเจ้าก่อนก็แล้วกัน!” จอมมารกำมือซ้ายที่ยืนออกไป ทันใดนั้น แขนของเทพอสูรซานซื่อก็ถูกบีดรัดจนขาดกระเด็นหลุดออกจากร่าง


“จะ..เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” เทพอสูรซานซื่อพูดขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เลือดของเขาไหลไม่หยุด จนพื้นเต็มไปด้วยเลือดจำนวนมาก


“คราวนี้ก็แขนซ้ายกับขาขวา” จอมมารพูดด้ยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความกระหายเลือด เขาเก็บกระบองสามภพไว้ที่ด้านหลัง และยื่นมือทั้งสองข้างออกมา คราวนี้เกิดรอยบีบรัดที่แขนซ้ายและขาขวาของกระบองสามภพ และจอมมารก็กำมือทั้งสองข้างในทันที


“อ๊ากกกกกกกกกก” เทพอสูรซานซื่อกรีดร้อง จนแทบไม่เป็นภาษา ในตอนนี้เขาเหลือพียงแค่ขาซ้ายเท่านั้น


“เจ้านี่มันชั่งน่าสมเพชยิ่งนัก ฮ่าฮ่าฮ่า” จอมมารหัวเราะอย่างเลือดเย็น


“ขะ...ข้านั้นคือ ทะ...เทพ อสูร ซานซื่อ ข้าต้องไม่พ่ายแพ้แก่มนุษย์เช่นนี้” เทพอสูรซานซื่อพูดออกมาด้อยน้ำเสียงอันแหบแห้ง


เมื่อได้ยินเช่นนั้น จอมมารใช้มือขวาหยิบกระบองสามภพจากด้านหลังของเขาและพุ่งออกไปปักหัวใจของเทพอสูรซานซื่อ ทำให้เทพอสูรซานซื่อขาดใจตายในทันที


“จงอย่าได้เรียกข้าว่ามนุษย์ ข้าคือจอมมารผู้ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์และอสูรทั้งปวง” จอมมารพูดพร้อมกับถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความรังเกียจกับสิ่งที่เทพอสูรซานซื่อพูดขึ้นมา เขานั้นไม่ต้องการเป็นมนุษย์ หรือว่าอสูร แต่เขานั้นจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าฟ้าและดิน


หลังจากนั้นจอมมารก็ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ประมุขอสูรฟ้า และนั่งรอพวกเนี่ยลี่ จนกระทั่งพวกเนี่ยลี่ได้เปิดประตูเข้ามา


ปัจจุบัน


“เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลอันใดกัน?” เนี่ยลี่ตะโกนถามออกไปอีกครั้ง


“ระดับพลังของเจ้าในตอนนี้ ยังอยู่แค่เพียงระเทพเทพสงครามขั้นที่สี่เช่นนั้นหรือ อ่อนหัดยิ่งนัก ข้าสามารถบดขยี้พวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย” จอมมารพูดขึ้นมาโดยที่ไม่ได้สนใจคำถามของเนี่ยลี่ และปลดปล่อยลมปราณของเขาออกมา ในตอนนี้จอมมารมีพลังอยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าขั้นที่สอง


“เจ้าคนผู้นี้เป็นใครกันเนี่ยลี่” กู้เบ่ยถามออกไปด้วยความหวาดกลัว ระดับพลังของจอมมารนั้นน่ากลัวยิ่งนัก


“เขาคือหนึ่งในหกคนที่กลับชาติมาเกิด จอมมาร!” เนี่ยลี่ตอบกลับไป ด้วยลมปราณของจอมมารที่แผ่ออกมา ทำให้เนี่ยลี่รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก


“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เป็นสหายของเนี่ยลี่ เหตุใดจึงต้องใช้ลมปราณกดดันพวกเราเช่นนี้” หลี่ชิงอวิ๋นตะโกนออกไป


“สหายเช่นนั้นหรือ น่าขันยิ่งนัก สำหรับเนี่ยลี่ ข้านั้นเรียกว่าศัตรูคู่อาฆาตดูจะเหมาะสมกว่า” จอมมารพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ ในขณะที่ยังแผ่ลมปราณออกมาไม่หยุด


“เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลอันใด?” เนี่ยลี่ตะโกนถามไปเป็นครั้งที่สาม


“ข้ามาเพื่อรับเอากระดูกมนตราไป ข้ารู้ว่าเจ้านั้นได้รวบรวมกระดูกมนตรามาแล้ว เพื่อที่จะได้เผชิญหน้ากับจักรพรรดิปราชญ์ตัวจริง จะต้องใช้กระดูกมนตราผนึกร่างแยกทั้งหกของมันก่อน การที่จะเพิ่มพลังให้แก่กระดูกมนตราจำเป็นต้องให้ ศิษย์แห่งเต๋าฉาง ผู้ฝักใฝ่ในวิถีแห่งเต๋า เป็นผู้ลงอาคมให้กับกระดูกมนตราก่อน เจ้าเองก็รู้เรื่องนี้จากอาจารย์ของข้าแล้วมิใช่หรือ?” จอมมารตอบกลับไป ด้วยท่าทีอันแข็งกร้าว


ในตอนนี้จอมมารเป็นประมุขแห่งเต๋าฉาง อำนาจของเขานั้นเรียกได้ว่ามากล้นฟ้า ด้วยบัญญัติแห่งเต๋าฉาง ผู้ที่มุ่งหน้าสู่วิถีแห่งเต๋าทุกคนไม่อาจที่จะขัดขืนคำสั่งของเขาได้ และเขานั้นได้ยังรับศิลาจิตวิญญาณจากศิษย์ที่มีอยู่ทุกอาณาจักร เขาจึงไม่มีความขัดสนแม้แต่น้อย


ในทุกอาณาจักรล้วนแต่มีศิษย์แห่งเต๋าฉาง จอมมารจึงสามารถไปได้ทุกแห่งที่เขาต้องการ


“เจ้าจะร่วมมือกับข้าในการต่อสู้กับจักรปราชญ์ใช่หรือไม่?” เนี่ยลี่ถามกลับไป


“จักรพรรดิปราชญ์นั้นเป็นภัยกับทุกสรรพสิ่งในโลก และข้าเองก็ไม่อาจที่จะรับมือกับเขาได้เพียงลำพัง ข้าแค่เพียงจะยืมมือพวกเจ้าในการกำจัดจักรพรรดิปราชญเท่านั้น” จอมมารตอบกลับไปอย่างไม่แยแสนัก


“หมายความว่าหลังจากกำจัดจักรพรรดิปราชญ์แล้ว เจ้าก็คิดที่จะปกครองโลกแทนสินะ” ลู่เพียวอดไม่ได้จึงตะโกนออกไป


“เจ้าเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว” จอมมารตอบกลับไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก


“เนี่ยลี่ ถ้าเช่นนั้นมันจะมีอันใดแตกต่างไปจากเดิม ล้มมารไปตนหนึ่ง ก็กำเนิดมารอีกคนขึ้นมา” กู้เบ่ยพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ


เมื่อได้ยินคำพูดของกู้เบ่ย เนี่ยลี่ก็ส่ายหน้า พร้อมกับนำกระดูกมนตราออกมาและโยนไปให้กับจอมมาร พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจว่า


“แตกต่างอย่างแน่นอน ข้านั้นไม่อาจที่จะล้มจักรพรรดิปราชญ์ได้ตามลำพัง แต่ข้าสามารถกำจัดจอมมารคนนี้ได้ด้วยตัวของข้าเอง!


“ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้ มันก็เป็นแค่ลมปากเท่านั้น” จอมมารรับเอากระดูกมนตรามาและ ปลดปล่อยลมปราณออกมากดดันเนี่ยลี่มากขึ้น


“ในตอนนี้อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่อีกไม่นานข้าจะต้องก้าวล้ำเจ้าไปได้” เนี่ยลี่ตอบกลับไป เขานั้นมีทั้งยาทิพย์ และศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำจำนวนมาก หากมีเวลาในการบ่มเพาะพลัง เขาจะต้องเลื่อนระดับพลังได้อย่างเป็นแน่


“ข้าจะรอเมื่อถึงวันนั้น” จอมมารพูดและซัดฝ่ามือไปยังผนังที่อยู่ด้านข้าง ทำให้ผนังระเบิดออกเป็นรูและทะยานออกไป


“ดูเหมือนว่าระดับพลังของจอมมารผู้นี้ จะเหนือกว่าพวกเรามาก พวกเราจะต้องกลับไปเพิ่มระดับพลังของตนเองให้สูงยิ่งขึ้น”  เนี่ยลี่พูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา


“พวกเราจะเดินทางกลับอาณาจักรซากมังกรเลยหรือไม่?” ลู่เพียวถามออกไป


“ยังก่อน ข้าจะต้องไปรับเดิมพันจากประมุขกั้วก่อน และข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ” เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับยิ้ม และหยิบดวงจิตอสูรจู่ลี่ ออกมา และหลับตานั่งลงเพื่อเริ่มผสานเข้ากับดวงจิตอสูรจู่ลี่ ร่างกายของเนี่ยลี่เปร่งแสงขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่ผสานเข้ากับจิตอสูรจู่ลี่ ระดับพลังของเขาก้เลื่อนขึ้นเป็นระดับเทพสงครามขั้นที่ห้า


“ดวงจิตอสูรนี้สามารถทำสิ่งใดได้” หลี่ชิงอวิ๋นถามออกไปเมื่อเห็นเนี่ยลี่ลืมตาขึ้นมา


“อสูรจู่ลี่ คืออสูรที่ล่องลอยไปทั่วอาณาจักรทั้งเก้า มันสามารถเดินทางไปทุกแห่ง เมื่อผสานเข้ากับจิตอสูรจู่ลี่ ข้าจะสามารถเปิดประตูมิติไปยังอาณาจักรใดก็ได้” เนี่ยลี่อธิบายอย่างช้า ๆ อสูรจู่ลี่เป็นอสูรที่มีความลึกลับไม่น้อย


“ถ้าเช่นนั้นในยามฉุกเฉินก็สามารถใช้ในการหลบหนีได้ใช่หรือไม่?” ลู่เพียวอดไม่ได้ที่จะถามออกไป


“เส้นทางสวรรค์!” เนี่ยลี่ใช้พลังสวรรค์ในการสร้างเส้นทางขึ้นมา ปลายทางอยู่ที่ร้านของฮัวเตี่ย ด้านหน้าของเนี่ยลี่ค่อย ๆ ปรากฏช่องทางขึ้นมาอย่างช้า ๆ การสร้างเส้นทางสวรรค์นั้นต้องใช้เวลาไม่น้อย จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ลู่เพียวถามมาได้เป็นอย่างดี อสูรจู่ลี่ไม่อาจใช้ระหว่างการต่อสู้ได้ เนื่องจากการสร้างเส้นทางใช้เวลานาน และต้องใช้พลังสวรรค์เป็นจำนวนมากอีกด้วย



หลังจากที่สร้างเสร็จทางได้สำเร็จ ทุกคนจึงเดินทางกลับไปในเมือง และไปพักที่โรงเตี๊ยมก่อนที่จะส่งข่าวไปให้ทางนิกายพิทักษ์สวรรค์ ทราบเรื่องชัยชนะ และให้พวกเขาส่งคนไปตรวจสอบ จากนั้นก็แจ้งให้ทราบว่า ในวันรุ่งขึ้นพวกเขาจะเดินทางไปรับเงินเดิมพัน……………….จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง